ที่มาสามเพชร หรือ มิตซูบิชิ
บ้านเรามิตซูบิชิเป็นเจ้าของกรุงศรี ต่อจากge
มิตซุย เป็นพ่อค้าสิ่งทอ ทำหลายอย่าง จนออกตั๋วแลกเงิน ปล่อยกู้ จนตั้งธนาคารรับฝากเงินคนจน แห่งแรกของยุ่น ลอกแบบเจ้าสัวที่ซีอาน ตั้งธนาคารคนจนแห่งแรกของโลก
ต่อมาขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการเจ้าฟ้าเมจิ
จึงขยายอาณาจักรแบบเดียวกับมิตซู ซุมิโตโม แบงค์ใหญ่ที่12ของโลก ทำเหมืองแร่ ปิโตรเลียม มาสด้าอยู่ในเครือ
ซุมิโตโม พยัคฆ์ขาวนานิวะ
ถ้ามิตซุยเป็นชิงหลง เซย์ริว มังกรเขียวตะวันออก
ซุมิโตโม ก็เป็นไป่หู่ เปี๊ยกโกะ เสือขาวตะวันตก
ต้นสกุลอยู่เกียวโตค้าขาย แล้วเองกับกลุ่มทำเหมืองทองแดง จึงย้ายมาโอซาก้า คงเป็นวรรณะขุนนาง หรือ ซามุไร
ส่วนรวมกับมิตซุยยังไงหาไม่เจอเหมือนกัน
https://www.sumitomocorp.com/th/asia-oceania/about/company/sc-history/history 2547 ญี่ปุ่นมีบริษัทที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศจำนวนมากมายถึง 7,700 บริษัท
โดยในจำนวนนี้เป็นบริษัทระดับยักษ์ใหญ่ของโลกและทำธุรกิจแบบครบวงจร ซึ่งเรียกขานกันในชื่อว่า โซโกะ โซชะ Sogo Shosha จำนวน 8 บริษัท คือ มิตชูบิชิ มิตซุย ซูมิโตโม อิโตชู คาเนมัตสึ มารูเบนี โตเมน และ Sojitz (เกิดขึ้นจากการควบกิจการระหว่างบริษัทนิโชอิไวและนิชิเมนเมื่อเดือนเมษายน 2547)
ญี่ปุ่นเป็นยักษ์ใหญ่ของธุรกิจบริษัทการค้าระหว่างประเทศ โดยบริษัทการค้าระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของโลก
เป็นบริษัทญี่ปุ่นมากถึง 11 บริษัท เกาหลีใต้ 4 บริษัท
เยอรมนี 2 บริษัท
จีน 2 บริษัท
เนเธอร์แลนด์ 1 บริษัท
สำหรับบริษัทการค้าระหว่างประเทศใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกของโลก ล้วนเป็นบริษัทญี่ปุ่น
โดยบริษัทมิตชูบิชิ เป็นบริษัทการค้าระหว่างประเทศใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายในปี 2545
เป็นเงิน 4.5 ล้านล้านบาท รองลงมา
บริษัทมิตซุย 4.4 ล้านล้านบาท
บริษัทอิโตชู 3.5ล้านล้านบาท
บริษัทซูมิโตโม 3.2 ล้านล้านบาท
บริษัทมารูเบนี 3.4 ล้านล้านบาท
บริษัทมิตซุยยังนับว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอของญี่ปุ่น
โดยนำเข้าเครื่องปั่นด้ายจากอังกฤษเมื่อปี 2426 จึงนำเข้าฝ้ายจากต่างประเทศเพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปั่นด้าย
จากนั้นได้ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรแก่ธุรกิจปั่นด้ายและทอผ้าของญี่ปุ่นในการทำการตลาดต่างประเทศ
ต่อมาบริษัทการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่นได้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากในการรวมธุรกิจในเครือเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ เรียกกันในนาม กลุ่มไซบัตสึ ซึ่งมีความหมายว่า กลุ่มแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย
จนสามารถครอบงำเศรษฐกิจของประเทศ แต่ละกลุ่มจะมีธุรกิจในเครือมากมาย โดยมีบริษัทการค้าและธนาคารเป็นศูนย์กลาง
เป็นต้นว่า กลุ่มมิตซุยจะมีธุรกิจครอบคลุมทั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ ธนาคาร ประกันภัย น้ำตาล สิ่งทอ อาหาร เครื่องจักรกล ฯ
ขณะเดียวกันกลุ่มไซบัตสึมีการพัฒนาสายสัมพันธ์กับภาคราชการ กล่าวคือ กลุ่มมิตซุยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับราชสำนักญี่ปุ่น
ขณะที่กลุ่มมิตชูบิชิมีความสัมพันธ์กับรัฐบาล(ขุนนาง ซามุไร)
เนื่องจากในปี 2417 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าไปยึดครองไต้หวัน ดังนั้น จึงต้องการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ไปยังไต้หวัน แต่บริษัทเดินเรือของชาติตะวันตกปฏิเสธที่จะรับขนส่งอาวุธดังกล่าว
จึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มมิตชูบิชิซึ่งมีกองเรือสินค้าของตนเอง ทำให้สนิทสนมกับรัฐบาลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทการค้าของญี่ปุ่นได้ขยายเครือข่ายกว้างขวางไปทั่วโลก เป็นต้นว่า
เมื่อปี 2483 บริษัทมิตซุยมีพนักงานมากถึง 12,000 คน มีสำนักงานการค้าในประเทศญี่ปุ่น 89 แห่ง และสำนักงานในต่างประเทศอีก 100 แห่ง
โดยทำการค้าสินค้าต่างๆ มากมาย หากเรียกกันในภาษาไทยแล้ว จะพูดกันว่า ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
สำหรับในภาษาญี่ปุ่นจะกล่าวเป็นสุภาษิตว่า ตั้งแต่เส้นหมี่ราเมนจนถึงขีปนาวุธ
บทความเก่าขาดแค่นี้ แต่ก่อนมีนักเขียนลงไว้ละเอียดมาก เสียดายไม่เก็บไว้
https://mgronline.com/daily/detail/9470000051435 หลังสงครามโลก พี่เบิ้มบีบให้ไซบัตสึจากเดิมแค่สี่
มิตซู มิตซุย สุมิโตโม ยาสุดะ
ลดเหลือสาม ยุบยาสุดะ เพราะไม่ยอมส่งส่วย จนเป็นไข้โป้ง ลูกหลานยอมถอย ทั้งที่รวยตั้งแต่ยุคเอโดะใกล้ชิดเจ้าฟ้า
ต่อมามิตซุย รวมกับสุมิโตโม น่าจะตอนเจอพี่เบิ้มกระทืบ โทษฐานโตเร็ว ฟื้นไว กลัวเป็นหอกข้างแคร่ หนักกว่าที่นี้ตอนปี40
ตอนนี้ไซบัตซึ เหลือสอง มิตซูกับมิตซุย สุมิโตโม
กลุ่มรองลงมา มีกลุ่มจีนแผ่นดินใหญ่มาตั้งรกราก เช่น คาวาซากิ
https://hmong.in.th/wiki/Yasuda_zaibatsu