อยากจะบอกว่า ได้ลองเล่นระบบเสียง Voice Control ในโชว์รูมมา
- Help ....... ระบบจะพูดนั่นพูดนี่ให้ฟังเยอะแยะ ว่าต้องพูดอะไรบ้างที่มีในคำสั่งที่ติดมาให้
- Radio > FM > Frequency > Ninety-three เริ่ดดดดดดดดดดดด ทำสำเร็จ
- External Device > USB > Track Number >
Three กรี๊ดดดดด มันได้ยินว่่า
Thirtyก็เลยแจ้งกลับว่า Track Number Thirty not possible แล้วก็เล่น Track 5 อันเป็น Track สุดท้าย
- Phone > Dial Number > 089 17X 1X11 แล้วระบบก็นิ่งไป จนเราต้องพูด Dial อีกครั้ง ระบบก็ต่อสายให้ แว้บเดียวได้ลองคุยกับสายปลายทาง ผลคือสอบผ่าน สะดวก เสียงชัดแจ๋วแหวว
ถ้าจะยกเลิกคำสั่งใดๆ ก็พูดว่า Cancel ก็จบข่าว
เป็นอะไรที่ถูกใจมากกกกกกกกกกกกกก ชอบมากๆ เสียดาย ตัว Sedan ไม่มีให้ลอง ไม่งั้นได้ลอง Climate > Fan > Four อะไรทำนองนี้
จุดติติงมีนิดนึง คือต้องกะจังหวะเสียหน่อย ส่วนเรืองสำเนียง บอกได้เลยว่าใช้สำเนียงไทยจ๋าแบบน้องเซลล์ก็พูดได้ไม่ค่อยผิด อย่างเรื่องต่อสาย ใช้เสียงตัวเองค่อยๆ พูดทีละสามสีตัวเลข ครั้งแรกผ่านฉลุยครับ
ระบบมีมั่วๆ บ้างตรงที่พอเราเชื่อม BT เข้ากับมือถือแล้วสั่งเล่นเพลงผ่าน A2DP ต้องกดเข้ากดออกสักระยะ ไม่งั้นเสียงจะไม่ออกครับ(มาแต่ข้อมูล track) ทั้งที่มือถือได้ััสั่งเล่นไฟล์ไปแล้ว ตรงนี้เสียงออกมาเบสน้อยไปหน่อย กลางกับแหลมทิ่มหูเลย ต่างกับเวลาเปิดวิทยุที่จะไม่ค่อยมีเสียงแหลม กลางและเบสหนักแน่นกำลังดี ส่วนออพชั่นการปรับแต่งคุณภาพเสียง บอกได้เลยว่าถ้าเทียบกับรถใน segment เดียวกัน เอาไปเต็ม 10 เลย ออพชั่นเยอะมากๆ แค่ว่าปุ่ม navigation ตรงกลางกดยากสักหน่อย ไม่รู้จะทำปุ่ม OK มาทำไมซะสูงขนาดนั้น
มาที่การขับขี่กันบ้าง ตามคาดครับ ไม่ค่อยชอบเกียร์ เหมือนเกียร์กับเครื่องทำงานไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร จะว่าผมไม่ชิน ก็อาจจะใช่ แต่ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ล่ะ? ถึงจะชิน อย่างไรก็ตาม ผมจับสังเกตได้บางอย่างครับ
- เวลาคิกดาวน์ เกียร์คลัทช์คู่ลูกนี้เหมือนทำ่ตัวเลียนแบบ CVT คือมันจะสวิงรอบขึ้นไปก่อน แต่สวิงรอบแบบค่อยเป็นค่อยไป (ไม่ได้ฟาดเรดไลน์แล้วดึงความเร็วขึ้นแบบ CVT) เหมือนมันกำลังควานหาเกียร์ที่เหมาะสม พอหาเจอแล้วก็เปลี่ยนเกียร์ให้ตามปกติเหมือนเกียร์ทั่วๆ ไป น้องเซลล์จึงแนะนำให้ใช้เกียร์ L ซึ่งก็ได้ผลที่น่าพอใจกว่า เพราะสามารถใช้ความเร็วได้สูง ไม่ใช่ลากเกียร์ 1 เกียร์เดียวในแบบเกียร์ออโต้ทั่วๆ ไป ส่วนเรื่องกระตุก มีเบาๆ อยู่เป็นช่วงๆ เหมือนรถเกียร์ธรรมดาทั่วไปล่ะครับ
- อัตราเร่งช่วงออกตัว กดเต็มเท้ายัน 100 ก็ไม่รู้สึกกระตุก ไม่ราบเรียบหรืออะไร ถ้าดูคลิปพี่จิมมี่ก็แบบนั้นเลยครับ แต่ถ้าได้มาลองขับ จะรู้สึกว่า "มันแปลกๆ" มันเต้นๆ ยังไงไม่รู้ครับ ดึงๆ หน่วงๆ แต่ไม่ได้ดึงปรู๊ดเหมือนรถอื่นๆ เรียกว่ามีดีที่ความต่อเนื่องในช่วงเปลี่ยนเกียร์ครับ แต่บอกสั้่นๆ ว่า"เร่งไม่สนุกเลย" เวลาถอนคันเร่ง มีหน่วงเหมือนเกียร์ธรรมดา
- ข้อดีของการดีเลย์ช่วงเร่งแซง จะมาโผล่ตรงเวลาเราตบมา L อาการหน่วงของมันก็จะดีเลย์เช่นกัน ไม่หัวทิ่มหัวตำให้น่ารำคาญ
ส่วนเรื่องการขับขี่ในส่วนอื่นๆ โอเคเลยครับ เครื่องยนต์ยืดหยุ่นดี รอบต่ำก็มีแรง ลากได้ 6,300 ก่อนตัดเปลี่ยนเกียร์ขึ้น ช่วงล่างไม่กระด้าง หนึบกำลังดี ไม่นุ่มไป ไม่แข็งไป เบรคแน่นหนึบดี ระบบ ABS EBD ทำงานได้ดี พวงมาลัยก็ดี ผมชอบนะ เพราะสวิฟท์ที่ใช้่อยู่มันหนักตลอด แต่เฟียสต้านี่ ขับช้าๆ แล้วเบาหวิว คล่องตัวทีเดียว ระบบ ESP พยายามทดลอง แต่ไม่ออกอาการเลย ก็เลยข้ามไป ทัศนวิสัยก็โอเคอยู่ อาจจะไม่โปร่งโล่งหัวเหมือนรถที่ใช้อยู่ แต่มันก็เป็นสไตล์ของรถทรงสปอร์ตจ๋าล่ะครับ
มีสิ่งแปลกๆ ที่ได้พบครับ ดีไม่ดีแล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล ในบางเรื่อง เข้าใจว่าเป็นออพชั่นรถยุโรปครับ เพราะปกติขับแต่รถญี่ปุ่น
1. ปลดล็อคด้วยรีโมทครั้งแรก ปลดล็อคเฉพาะประตูคนขับ ปลดครั้งที่สอง ปลดล็อครอบคัน <<<< เหมือนสวิฟท์เลย ดีครับ เพื่อความปลอดภัยเวลาไปที่ไหนคนเดียวที่มืดๆ
2. คนนั่งหลังไม่สามารถปลดล็อคเพื่อออกจากรถได้ เพราะปุ่มเซ็นทรัลล็อคอยู่บนหน้าปัดจ้าาาาา คือขึ้นรถแล้วไม่สามารถล็อคเองได้ เวลาจะลงก็ต้องให้ผู้โดยสารตอนหน้าปลดให้
3. ก้านไฟเลี้ยวกับที่ปัดน้ำฝนสลับกันตามสไตล์ แต่ว่า...เวลาจะปัดน้ำฝนต้องกระดกขึ้น
? ถ้าจะปัดแบบปัดทีเดียว ต้องกดลงแล้วปล่อย
4. กระดิกที่แป้นไฟเลี้ยวทีนึง จะกะพริบไฟเลี้ยวให้ 3 แต๊ก ไว้เวลาเปลี่ยนเลนชั่วขณะ
5. ล็อค ปลดล็อค พร้อมพับกระจกมองข้างให้อัตโนมัติเลย อันนี้ดีครับ ไม่ต้องไปเสียงตังค์ติดเพิ่ม ตั้งค่าได้ที่ตัวเครื่องเสียง (เซลล์บอกมาครับ) และสามารถเปิดวิทยุได้เลย โดยไม่ต้องไขกุญแจ
6. ทันทีบิดกุญแจ ไฟหน้าปัดจะสว่าง สวยมากเลย เวลาดับเครื่อง ดึงกุญแจออก ถ้ายังไม่ล็อครถ ไฟหน้าปัดและคอนโซลกลางจะยังสว่างอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะล็อครถ (มีเวลาหน่วงให้)
7. เกียร์ N มา D ไม่ต้องกดปุ่ม แต่เกียร์ D กลับไป N ต้องกดปุ่ม ตรงนี้เซลล์บอกว่าเพิ่มความปลอดภัย ก็เข้าใจอยู่ครับ แต่รถญี่ปุ่นสามารถเลื่อนไปมาได้ตลอดโดยไม่ต้องกดปุ่ม ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัยเหมือนกัน เพราะจากที่ลองขยับๆ ดู ผมว่ากดปุ่มเวลา D ไป N น่ะไม่เห็นจะปลอดภัยเลย เพราะมันจะพาลเลยไป R เข้าง่ายๆ เพราะรอยต่อแต่ละตำแหน่งเกียร์นุ่มมากกกกก ไม่มีสะดุดเลย แถมแพทเทิร์นเกียร์ก็ดันมาอยู่ด้านคนนั่ง เวรกรรม
สรุปว่าก็พอใจครับ ถ้าผมยังไม่ซื้อรถ จะดึงเข้ามาเป็นตัวเลือกสำคัญเลย เพราะผมชอบอะไรที่ไฮเทคๆ แต่โดยรวมยังมีติดใจนิดนึงเรื่องอาการของเกียร์ แล้วก็ความสบายขณะนั่งโดยสาร เพราะลองไปนั่งทั้งเบาะหน้าและหลังแล้ว ผมว่าสวิฟท์๋นั่งสบายกว่านะ เบาะหน้าเฟียสต้าไม่เป็นมิตรกับคนอ้วนๆ เลย (ผมไม่ใช่นะ) ส่วนหมอนดันหัวก็ดันหัวมากไปหน่อย เบาะหลัง ลองนั่งดูแล้วไม่ได้สบายกว่า Mazda 2 เลย เข้าในว่าเป็นเพราะดีไซน์หลังคาที่ต้องลู่ต่ำลง ทำให้เบาะหลังติดตั้งไว้ต่ำ ลุกนั่งไม่ค่อยสะดวก จมและนั่งชันขาไปนิด head room ก็มีน้อย จุดนี้เป็นสิ่งที่ผม surprise มากๆ เพราะรถมันโตพอๆ กับ Jazz จึงหวังว่าจะมีภายในที่กว้างขวางและนั่งสบายแบบสุดๆ ส่่วนอื่นที่ต้องชมก็คือที่เก็บของ มีเยอะครับ เก๊ะหน้าก็ใหญ่โตดี ดีไซน์ในแต่ละจุด บอกได้คำเดียวว่า Modern มากๆ วัสดุก็กลางๆ ครับ อย่าลืมว่ารถเล็กเทคโนโลยีสูงขนาดนี้ ราคาเกือบ 7 แสน จะเอาวัสดุดีๆ ก็คงหาไม่ได้หรอกครับ