ถ้าน้ำมันลิตรละ 15-18 บาท ระหว่างรถไฟฟ้ากับสันดาปจะเลือกอะไรครับ?

Akrachai

ผมเลือกน้ำมันเพราะชอบกลิ่นเบนซิล  ;D ;D





panupong508

ข้อเสียของรถไฟฟ้า ณ ตอนนี้ ผมยังมองไม่เห็นข้อเสียนอกจาก เวลาชาร์จ ต้องใช้เวลารอ  ถ้าซักวันนึงทำให้เป็นแบบ ถอดเปลี่ยนแบต ใช้เวลาพอๆกับการเติมน้ำมันคงจะดีไม่น้อยเลยครับ



ซ่อมต่อไป

น้ำมันครับ
ถ้าถามในช่วง 10 ปีนี้ ต่อให้ลิตรละ 100 ผมก็เลือกรถน้ำมันครับ
การใช้งาน มันยังไม่ตอบโจทย์จริงๆ
ผมเป็นคนที่ใช้รถแต่ละคันนานกว่า 10-12 ปี
มีเป็นเซลล์ออกต่างจังหวัดเป็นพักๆ
ซึ่งถ้าไม่รู้ว่าการใช้งานประมาณไหน ถามพวกดีเทลยา หรือ เซลล์ขายอะไหล่รถยนต์ได้ครับ
โรงแรมตามต่างจังหวัด ไม่มีที่ชาร์จ และในระหว่างวันแทบไม่มีเวลาให้เสียไปกับการชาร์จไฟเลย
บางวันต้องวิ่งเกือบ 10 อำเภอบ้าง 3 จังหวัดบ้าง 4 จังหวัดบ้าง ปกติก็วิ่งกัน 14-16 วันต่อรอบเดือน
บางเดือนฟิตจัดควบภาคอีสาน-ภาคเหนือเลยก็มี

นี่ยังไม่คิดถึงค่าซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ที่แพงมากๆ ถ้าถึงเวลาต้องเปลี่ยน หรือมอเตอร์ไฟฟ้าที่เสื่อมลง (รึเปล่า)



GT3

เลือกรถไฟฟ้าเพราะชอบอัตราเร่งครับ



Devil13

รถไฟฟ้าครับ
ชอบแบบชาทที่บ้านได้ เหมือนมือถือ
ผมเดินทางจุดเดิมๆ ไม่มีปัญหากับที่ชาทอยู่แล้ว
สตาทเครื่องนอนได้ ไม่ต้องกลัวหลับไม่ตื่น



เนื้อน่องไม่หนัง

ถ้าตอนนี้ แบรนใหญ่ๆ ทำรถไฟฟ้า เข้ามาขาย ในราคาที่ โอเคอาจประมาน รุ่น top+20% ผมจะลองนะ
แต่ใน ปจบ มีแต่แบรนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ากับ ยุโรปเลย อาจไปหา Hybrid / PHEV ก่อน

ถ้ามีสองคัน คันนึงไฟฟ้าล้วน วิ่งบ่อยๆ ใช้งานประจำวัน กับน้ำมัน/Hybrid อีกคัน ไว้วิ่งทางไกลน่าจะลงตัว



jinnchuuriki

น้ำมันถูกแบบนั้นก็ต้องน้ำมันสิ

แต่ความเป็นจริงคงไม่มีทางแบบนั้นได้



PKS8

15-18 บาท น้ำมันไม่ต้องคิดเลยครับ ไม่ต้องรอชาร์จ 45-60 นาที ขึ้นเขาเหยียบไปเลยต้องกลัวไฟเต่า



RERFz

ถ้ารถหาง่าย ไม่ต้องรอ แล้วจำเป็นต้องซื้อรถใหม่จริงๆ ไม่ใช่กิเลสอยากขายคันเก่านะ
เลือกไฟฟ้าครับ

ชอบเงียบๆ รถไม่สั่นจากเครื่อง ออกจากบ้านแบตเต็มทุกวัน
เวลาเบรคไม่เสียพลังงานไปเปล่าๆ ชาร์ตกลับคืนได้
และก็นอนรอแฟนในรถได้ ตอนไปทำธุระ



Spada_Valess

ไฟฟ้าแน่นอนครับ ขับดีกว่าเยอะ บำรุงรักษาก็แทบไม่มี



Left lane driver

ถ้า ณ ตอนนี้ ที่ราคาน้ำมันลิตรละ 40 50 บาท ผมยังเลือกรถน้ำมันเลยครับ

ไว้ให้ที่ชาร์ตทั่วถึงกว่านี้ ไม่ต้องแย่งหรือจองที่ชาร์ต และมีเทคโนโลยีแบตดีกว่านี้อีกนิดนึง ผมถึงจะเลือกรถไฟฟ้าครับ ต่อให้ราคาน้ำมันจะลิตรละ 10 บาทก็เถอะ

อีกอย่างคือ รอรถไฟฟ้ารุ่นที่มี "คุณภาพ" ที่ดีกว่านี้ ในราคาปกติ เพราะรถไฟฟ้าที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทุกรุ่นตอนนี้ มีเรื่องที่ผมทนรับกับมันไม่ได้ทุกรุ่นเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2022, 15:25:25 โดย Left lane driver »



I-PULSE

เลือกไฟฟ้าครับเพราะชอบอัตราเร่งและไม่มีชิ้นส่วนให้บำรุงรักษาเยอะ



mongolias

เอาแค่ ลิตรละไม่เกิน 30 บาท ผมก็ยังเลือกใช้รถน้ำมันครับ
ผมยังมีปัญหากับหนูแทะสายไฟในบ้าน และยังขี้เกียจเสียเวลารอชาร์จแบตทีละ 30 - 60 นาที เวลาเดินทางไกล



DiKiBoyZ

มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ

เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย

ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น

แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที

แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1  การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน

ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ



shando

ขนาดตอนนี้น้ำมันลิตรละเกือบ50บาทยังเลือกน้ำมันเลยครับเพราะเช่าคอนโดอยู่ไม่มีที่ชาร์จ

ไว้มีบ้านของตัวเองแล้วค่อยคิดซื้อรถไฟฟ้า



rtong

ราคาน้ำมันเท่าตอนนี้ก็เลือกรถที่ใช้น้ำมันครับ  ถ้ามันยังมีรุ่นที่ option ดีๆให้เลือกนะ

กังวลเรื่องความปลอดภัย  เพราะขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณภาพดี  ยังมีโอกาสรั่ว ช็อต หรือลัดวงจรได้   




Akrachai

มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ

เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย

ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น

แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที

แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1  การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน

ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ


มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ แต่จริงๆที่ผมตั้งกระทู้ว่าสันดาป สันดาปในส่วนตัวของผมคือเครื่องยนต์ล้วนๆไม่มีระบบอื่นผสม



เต๋า AV

เวลาชาร์ตเต็ม == เวลาเติมน้ำมันเต็มถัง then รถไฟฟ้า else รถน้ำมัน



mamaman



มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ แต่จริงๆที่ผมตั้งกระทู้ว่าสันดาป สันดาปในส่วนตัวของผมคือเครื่องยนต์ล้วนๆไม่มีระบบอื่นผสม

ต่อไปมันจะไม่มีสันดาปล้วนแล้วไงครับ
ด้วยระบบ Hybrid ชนิดใหม่ที่ ตัดระบบเกียร ลดขนาดเครื่อง ใส่มอเตอร์
มันทำให้เรา ใช้ น้ำมันน้อยลงมากๆ
ต่อไป   ถ้าทึกคันเป็น Hybrid เราจะใช้น้ำมันน้อยลง
น้ำมันก็ ควรราคาถูกลง ไปอีกไง



คุณ นมๆ

เอาแค่ลิตรละ20บาทผมก็เลือกรถสันดาปแบบไม่คิดเลย5555

ไปกลับ กทม.-หัวหิน 500-600บาทผมว่ามันก็สมเหตุสมผล



kiwiwi

ผมยังไม่มีเงินขนาดซื้อรถเงินสดครับ

ศักยภาพ​ตอนนี้สามารถผ่อนรถราคา 1ล้าน โดยไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่ผ่านมาใช้วิธี ขายรถ แล้วเอาเงินที่ขายได้ไปดาวน์คันใหม่

ทีนี้ พอเห็นเพื่อนๆที่ใช้ไฮบริดแล้วโดนกดราคาตอนขาย ซึ่งบางคนโดนไปร่วมแสน ผมคิดว่า อนาคตรถไฟฟ้าคงไม่ต่างกัน

ถ้าน้ำมันราคาตามที่คุณจขกท.บอกมา มันก็ไม่น่าจะเดือดร้อนอะไรหากใช้รถน้ำมันต่อ

ส่วนรถไฟฟ้า เคยคำนวนเล่นๆ หากหยอดกระปุกได้พอๆกับที่ใช้น้ำมัน ก็จะเข้าสู่วงจรดาวน์และผ่อนได้เช่นกัน

เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่มีรถที่ชอบครับ



AkE

ผมให้ถึง ลิตรละ 35 บาทเลยครับ แค่ตอนนี้มันเกินมาพอสมควร ผมไม่ได้ว่ารถไฟฟ้าไม่ดีนะ แต่ผมไม่ได้รู้สึก

ว่าจำเป็นต้องใช้ แล้วรุ่นที่น่าใช้จริงๆก้คือพวก taycan & e tron ราคาก้สูงมากสำหรับผมครับ



D Water Law

ถ้าต้องเลือกแค่ 1 คัน  ณ เวลานี้ ต่อให้น้ำมันลิตรละ 100 บาท ผมก็เลือกน้ำมันครับ   แต่ชีวิตจริงเรามีทางเลือกมากกว่านั้น

ถ้าไม่ถูกบังคับให้เลือกว่าต้องมีแค่ 1 คัน  ก็คิดว่าจะมี 2 คันเลยครับ  คันนึงรถเป็นไฟฟ้า ไว้ใช้งานชีวิตประจำวันในกทม. ไป-กลับที่ทำงาน   ใช้รับ-ส่งลูก
ส่วนอีกคันก็เป็นรถครอบครัว เวลาปกติคงใช้ไม่มากแค่พอได้ใช้ไม่ให้จอดนาน   แล้วเอาไว้ใช้วิ่งไกลๆ เวลาออกทริป

แต่ถ้าอีกหน่อยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาและสถานีชาร์จดีกว่านี้แล้ว  คงไม่คิดจะมองรถน้ำมันอีกต่อไปครับ



apinui

นึกถึงราคาน้ำมันช่วงโควิทปีแรกขึ้นมาเลยผมอะ ...

มันเป็นช่วงที่ขับรถเที่ยวสนุกมาก



Darkart

ผมให้ราคา น้ำมัน 20 บาท
เลือก น้ำมัน ครับ
ณ ปัจจุบันนี้ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ รถน้ำมันกับรถกึ่งน้ำมันกึ่งไฟฟ้า ครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์



Bornplanet

มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ

เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย

ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น

แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที

แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1  การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน

ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ

BEV ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะภายในปี 2035 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก



Fragile

ผมเลือกรถไฟฟ้าเพราะไม่ต้องการเป็นทาสกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันครับ

นึกอยากจะปั่นราคาก็ระเบิดโรงกลั่นบ้าง ทำสงครามบ้าง เบื่อจริงๆ



PREM

ถ้าเลือกได้คันเดียวเลือกน้ำมันครับ ขอเครื่องใหญ่ๆ แรงๆ
ขับรถน้ำมันยังไงมันก็มีเสน่ห์กว่า power delivery เสียงเครื่อง คาแรกเตอร์ที่ยังไงรถไฟฟ้าก็ให้ไม่ได้

แต่ถ้าเลือกได้มากกว่า 1 คัน คงมีไฟฟ้าคันไว้ขับประจำวัน เพราะสบาย เงียบ ดูแลง่าย
อีกคันน้ำมันก็เอาไว้ขับเที่ยว หรือขับเล่นวันหยุด
2013 Mercedes E 63 AMG (W212)
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP



U9WS

ตอนเบนซินเพียวจริงๆ 15-18บาท
ผมใช้ Jeep Grand​ Cherokee​ WJ V8 4,700cc แบบไม่ติดแก๊​สอยู่ครับ

ตอนนี้เครื่องใหญ่สุดในบ้านคือ V6 2,800cc แบบไม่ติดแก๊ส

หลังจากนี้ถ้าซื้อรถใหม่เข้าบ้าน ตัวเลือกเดียวที่มีคือ BEV ไม่มอง Hybrid​ หรือ PHEV แล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 13, 2022, 21:51:29 โดย U9WS »



Niti

คันที่ใช้ทุกวัน ไปไฟฟ้าครับ

คันสะสม...ยังน้ำมันอยู่
-------------------------------------------------------------
In: 350Z DE / New Fortuner TRD / Harrier XU60*2 / Alphard AH30
Out: Miata NC RHT / 86 / IS250
-------------------------------------------------------------