ผมใช้ทั้ง HRV e:HEV RS ล้อ 18 2022 และ XV MC 2016 ในความต่าง อาจจะเทียบได้ไม่ใกล้ของจริง เนื่อง XV ตัวที่ขายปัจจุบัน มีฟีลลิ่งช่วงล่างที่ติดนุ่มกว่า โฉมแรก และโฉมปัจจุบันก่อน MC อยู่นิดหน่อย
HRV e:HEV RS ล้อ 18 2022ข้อดี 1) ประหยัดจริง ขับแบบปกติก็ได้มากกว่า 20 km/l ถ้าปั้นๆ มี 24 km/l เติมแค่ E20 และเนื่องจากไม่เคยมีรถประหยัดน้ำมันเห็นตัวเลขนี้ค่อนข้างว้าวและพอใจ 2) พื้นที่ใช้สอยตามปรัชญา Honda = Man maximum, Machin minimum เลยใช้งานได้คุ้มในการขนสิ่งต่างๆ ลองขนครั้งแรก โต๊ะทำงาน 1.6 เมตรแบบประกอบ เก้าอี้ออฟฟิศ และหูกระจง 1.8 m 🌴🌿🌳 จำนวน 3ต้น บวกกับต้นไม้เล็กๆ ก็ขนได้ (ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เอากระบะที่บ้านมาขน) และรอบ 2 ก็ยังมีอีกคราวนี้จัดกระถางมังกรเลย เทียบกับ XV อีกคันที่ขนาดเท่าๆกัน ใส่แค่กระเป๋าเดินทางไซต์ carry on ก็เต็มท้ายละ และ 3) Option ฟุ้งฟิ้งแนว comfort access ล้นคัน เหลือใช้สาวๆคนชอบ เตะเปิดฝาท้าย, walk away auto ปิดฝาท้าย, auto lock ตอนออกตัวหรือตอนเดินห่างรถ, เตือนลืมของเบาะหลัง, กระจกซ้ายปรับมุมต่ำตอนถอย, ไฟสูง-ต่ำ auto เหมาะมากขับ ตจว อีกหลายอย่างบลาๆๆ 4) หลังคากระจกช่วยให้รถดูโปร่งขึ้นความรู้สึกไม่อึดอัดเนื่องจากคันนี้เป็นภายในสีดำทั้งหมดถ้าไม่มีหลังคากระจกประกอบกับความสูงของเพดานหลังคาค่อนข้างเตี้ยและที่นั่งนั้นปรับต่ำสุดก็ยังสูง กระจกบังลมหน้าก็ค่อนข้างเล็กกว่าคันอื่นๆทำให้รถจะรู้สึกอึดอัดแต่โชคดีที่มีหลังคาเปิดได้รับแสงเข้ามาทำให้รู้สึกโปร่งแลกกับความร้อนที่ติดฟิล์มไม่ได้ก็น่าจะลำบากหน่อย ส่วนแอร์เอาอยู่ ถึงแม้จะเปิดหลังคารับแสงเต็มที่ มันเย็นนะ แต่แสงจ้าหลอกเราว่าร้อน ฟิล์มผมติดบานหน้า Crytalline C40 รอบคันเป็น 3M Ceramic ก็กันร้อนดี (UV99% IR97%) ขับกลางคืนสบายๆ
ข้อเสีย 1) ขับไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจาก logic การเซตรถใหประหยัด ถ้าความเร็วนิ่งแบบต่ำๆ ถึงปานกลาง รถจะพยายาม regenerative หรือใช้ motor ไฟฟ้าขับ ซึ่งเมื่อเราเร่งเครื่องโดยการกดคันเร่ง มันจะขาดฟีลลิ่งของ รอบเครื่องยนต์แบบรถน้ำมัน การผ่อนการเร่ง มันจะขัดความรู้สึก บางทีจังหวะความเร็วสูง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ เหมือนรถเราลอยๆ ไปเรื่อยๆ 2) ช่วงล่างล้อ 18 🛞 แก้ม 50 ไม่กระด้าง แบบ Honda ยุคใหม่ตั้งแต่ Civic FC ที่ความตึงตัง กระด้างๆ จะหายไป แต่เหลือบ้าง ถ้ายางเก่าๆ ต่างกับ City 2012 อีกคันที่วิ่งไปแค่ 1 แสนโล แต่ความตึงๆตังๆ ตั้งแต่ป้ายแดง ก็เหมือนเดิม ทั้งๆที่ Torsion beam ด้านหลังเหมือนกัน ที่ความเร็วปานกลางถึงสูง ก็โยกเยกตามสไตล์รถท้องสูง 220 mm ไม่เหมือน XV ที่ตึงแน่นๆ มั่นใจทุกท่า เอาเป็นว่าคันนี้เหมาะขับเรื่อยๆ แบบรักโลก ไม่เหมาะซิ่ง ไปท่องเที่ยว ลัดเลาะขอบเขาไปได้หมด คันนี้ใช้งาน ตจว. ขับทะลุเขาจากแจ้ซ้อนไป แม่กำปอง ออกเชียงใหม่ สบายๆ แต่ยังไม่ดีเท่า CHR ล้อ 18 ที่เก็บเรียบ หนึบ ติดหนุ่ม แต่มั่นใจ 3) หลังคากระจก พยายามจะไม่ปิดแผ่นกั้น แต่สุดท้าย เมษายน ไม่ไหว ถึงจะเอามืออังอุ่นๆ แต่มันทำให้ความร้อนเข้ารถมาเยอะ ถึงแอร์จะเย็นฉ่ำก็ตาม แต่ความรู้สึกของการโดนแสงจ้า มาบอกว่าเราร้อน 4) การเก็บเสียง ก็ไม่ดีมาก ตามมาตรฐาน Honda ที่ 80-90 เสียงลมปะทะกระจกมองข้าง และเลาะขอบประตูมาแล้ว อย่าคิดมาก Accord คันละล้านหกก็ดัง 5) พวงมาลัย VGR เบาที่ความเร็วต่ำ ตึงหนักที่ความเร็วสูง ไม่ธรรมชาติ ไม่ Linear เลย หลอนๆ และขัดใจ อาจจะเพราะผมขับรถ พวงมาลัยไฮดรอลิค อยู่ที่มันเป็นธรรมชาติและสัมพันธ์กับความเร็วใน Subaru เลยไม่ชอบตัวนี้ วิศวกรต้องปรับ sw การผ่อนแรงอีกเยอะ
XV MC 2016ช่วงล่าง
ขอเปรียบเทียบกับรถที่ใช้งานอยู่ประจำ รถช่วงล่างตึง+ตัง ทั้งความเร็วต่ำและสูง ทุกผิวถนน Honda City 2012 ยาง 185 55 R16 Goodyear Excellence เทียบกับ XV คันนี้ยาง 225 55 R17 บนถนนเส้นเดียวกัน XV จะตึง แต่ไม่ตัง ครับ
งงไหมครับ คือมันมีความรู้สึก แน่น ความรู้สึกตึง เวลาวิ่งผ่านรอยต่อหรือหลุมเล็กๆตื้นๆ เทียบกับ Ranger T6 ยกสูง ยาง 265 60 R17 Dunlop Grandtrek รายนั้นจะกระด้างและตึง แต่เกาะและเอาอยู่ ที่ลมยาง 35-38 psi เทียบกับ XV ตัว XV จะให้ความรู้สึกเหมือน Ranger ที่ลมยาง 32 Psi ตอนวิ่งความเร็วต่ำบนถนนเรียบ ส่วน Fiesta 195 45 R16 Continental ให้ความนุ่ม(นิดหน่อย)+หนึบ+ตึง ทั้งๆที่ช่วงล่างหลังเป็น Torsion beam แต่ให้ฟีลลิ่งที่มั่นใจกว่า B segment ทุกคัน จะบอกว่าใกล้เคียง XV ก็คงไม่ใช่ ยังห่างชั้นอยู่มาก เพราะ Fiesta ให้ความรู้สึก หนึบ+เกาะ แต่เบา ทั้งท้าย ทั้งหน้า แต่ XV เหนือชั้นกว่าที่มีความ ดูด จิกถนน และฟีลลิ่งน้ำหนักเหมือนรถใหญ่ หนัก+แน่นทั้งหน้า ทั้งท้าย รูดหลุม รูดหลังเต่าไปได้เลย เหมือนขับ Ranger ไม่ต้องแคร์ว่า Skirt หน้าจะครูดเหมือน City
วิ่งบนบรูพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ตัว XV จะให้ความรู้สึกเสถียรสูง มากๆๆ ไม่รู้สึกถึง effect จากลมตีด้านข้าง แต่ City จะรู้สึกเล็กๆ เมื่อลมตี ที่ความเร็วใกล้เคียงกัน ต้องใช้สมาธิและเกร็งมากขึ้น แต่ขับ 60-90 Km/hr ตัว City ก็ relax ได้บนบูรพาวิถี แต่เสียงกระหึ่มของลมที่วิ่งผ่านตัวรถ ผ่านกระจกหูช้าง ก็ดังมาก ทั้งคู่ แต่ XV แอบเงียบกว่าเล็กๆ เทียบกับ Ranger ยกสูง บนบูรพาวิถี ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็ยังขับได้นิ่งๆ ลมตีด้านข้าง ต้องแรงมากๆ ถึงจะรู้สึกวูบวาบ การเก็บเสียงดีมากๆๆๆ ขับแล้ว relax แต่ถ้าเร็วกว่านี้ถึง 160 km/hr เป็นต้นไป พวงมาลัยจะแกว่ง สั่นๆถี่ๆ ซ้ายๆขวาๆ สรุปบน บูรพาวิถี ที่ความเร็วเดินทาง XV ขับขี่ได้ผ่อนคลาย ที่สุด ส่วนที่ความเร็วสูง 140-180 km/hr ของ XV ยังไม่เคยลอง
วิ่งบนมอเตอร์เวย์ ที่จังหวะวิ่งผ่านรอยต่อ คอสะพาน XV เร็วๆ จะไม่มีอาการเหิน หรือเด้งเลย ท้ายรถถูกดึงให้แนบชิดติดถนน เทียบกับ Ranger ตอนมีน้ำหนักบรรทุก วิ่งผ่าน รอยต่อคอสะพาน ก็มีความรู้สึกถูกกด ถูกดึงให้แนบถนนเช่นกัน ส่วนทางตรง XV ที่ความเร็ว 80-120 km/hr ก็มั่นใจกว่า Ranger นะ แต่ไม่ได้แตกต่างแบบหน้ามือหลังมือ แต่เหมือนที่เคยบอกในตอนต้น หรือในกระทู้อื่น ผมอาจจะยังไม่เข้าถึงความรู้สึก AWD เลยไม่ได้รู้สึก ว้าว หรือ ฟินมากมายอะไร ไว้รอขับไปเยอะๆ เจอสภาพถนนหลากหลาย แล้วจะมาอัพเดตให้ฟังครับ
**ตึง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อและมีการดูดซับแรง รู้สึกหนักแน่น ไม่สะท้านกลับมาให้รู้สึก คล้ายๆปา ลูกบอลลมอ่อน ลงพื้น
**ตัง = ในคำนิยามความรู้สึกของผมคือ ยางลงหลุมหรือรอยต่อ แล้วมีการสะท้าน หรือเด้งกลับมา ให้รู้สึกชัดเจน ทั้งแรงสะเทือนและเสียง คล้ายๆโช๊คตาย หรือคล้ายๆปาลูกบอ ที่สูบลมแข็งๆลงพื้น ซึ่งคุณจะพบอาการแบบนี้ได้ใน City 2012,Jazz GE, Freed, Civic FD
อัตราเร่ง
XV กับเครื่อง Boxer 2.0L FB20 หายใจเอง กำลังสูงสุด 150 แรงม้า บนกระดาษ แต่ม้าลงพื้นเท่าไหร่ละ?
คันนี้จากโชว์รูม ใส่ E20 มาให้ 500 บาท ผมขับจนหมดแล้วก็เติม Shell E20 เต็มถัง เหมือนที่ทุกคนทราบกัน มันไม่ได้จี๊ดจ๊าด ไม่หวือหวา ไปได้เรื่อยๆ กำลังเพียงต่อการใช้งานทั่วไป ออกตัวไฟแดงไม่ค่อยจะทัน B segment ญี่ปุ่น ถ้าเห็น HRV ในกระจกหลังก็หลบซ้าย แล้วปล่อยเค้าไปเหอะ XV แพ้ ทุกทาง ตั้งแต่ 0-100 km/hr, 80-120 km/hr และอัตราสิ้นเปลือง แต่เราไปเอาคืนในโค้งได้ ฮาๆๆ
ดังนั้นถ้าใครคิดจะเอาไปแต่งแรง ต้องดูเกียร์ดีๆ เพราะ CVT ตัวนี้รับแรงบิดได้ไม่เยอะ
ส่วนใน โหมด D ก็เล่นเกียร์เองได้จาก Paddle shift พอถึงความเร็วรอบที่วิศวกร เซตไว้ เกียร์จะขึ้นให้เองครับ ซึ่งโหมด M ก็เช่นกัน
และถ้าใครอยากได้ความรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรง แรงบิดพอประมาณมีให้ใช้ที่รอบเครื่อง 2300-4200 rpm ครับ ใครไม่กลัวซดน้ำมันก็เลี้ยงรอบ กันไว้ครับ
อัตราสิ้นเปลือง
ทดลองขับประหยัด หาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบใช้งานจริง ดีสุดที่ผมทำได้ 6.0 L/100km 16.67 km/L
เงื่อนไข
1.เติมน้ำมัน Shell E20
2.ขับคนเดียว
3.กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ
4.รถเพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Motul 0W-20
5.ใช้ Cruise control ความเร็ว 70, 80, 90 km/hr
6.เปิดแอร์ 25 C
7.เส้นทางเถิน-เมืองลำปาง ขาขึ้นตอนดึก ระยะทาง 85 km ขึ้นเขาทางชัน ~10%
ทั้งนี้ ถ้าผมขับในเมือง สามย่าน สยาม สาทร เฉลี่ยอยู่
~ 5-6 Km/l