อันนี้นำมาจากเวบต่างประเทศแห่งหนึ่งนะครับ
https://www.motortrend.com/news/toyotas-fix-bz4x-disconnecting-wheels-recall/?fbclid=IwAR0IeL8KN51PaeyvZGxajoGRNVS4_doizkY4zwGFnzmy18WaN5YCDiCchkk
โดนสรุป สาเหตุ เกิดมาจากค่า Friction ระหว่างตัวน้อตล้อและดุมล้อมากเกินไป และ Coefficient of Friction ขณะขับขี่ของตัวน็อตล้อน้อยเกินไป (น่าจะมาจากกระบวนการผลิตและการออกแบยของตัว Lug Nut) มันทำให้เกิด Clamping Force ไม่พอ เวลาที่มีโหลดหนักๆแบบ เวลา Regenerative Brake ล้อมันเลยคลายตัวครับ ทาง Toyota เปลี่ยนกระบวนการผลิตและการออกแบบของน็อตล้อใหม่ ยังดีที่ไม่ได้เป็นที่ดุมล้อ
สำหรับ ผู้ใช้รถไฟฟ้าเวลาเลือกน็อตล้อ Aftermarket อาจจะต้องเข้าศูนย์เท่านั้นเพื่อความปลอดภัย รถไฟฟ้าพวกนี้แรงบิดโดยตรงที่ล้อน่าจะสูงกว่ารถน้ำมันพอสมควร เพราะ มอเตอร์แทบจะขับตรงไปที่ล้อเลย ไม่ต้องรอรอบเพื่อส่งกำลังจากเครื่องยนต์
สาเหตุหลัก ไม่น่าเกิดจาก Regenerative Brake นะครับ ไม่งั้น รถทั่วไป กระทืบเบรคบ่อย ๆ หนัก ๆ ก็คงล้อหลุดไปกันหมด
ถ้าตามบทความที่ยกมา เค้าจะให้เหตุผลว่า
สาเหตุเกิดจาก บ่าของตัวโบลต์(seat) ที่กดไปที่บ่าของตัวล้อ มีความฝืดมากเกินไป จนแรงที่ขัน ไม่สามารถทำให้เกลียวโบลต์มีแรงดึงได้พอ
ประกอบกับพอมีการใช้งานไป เดียวร้อน เดียวเย็น เดียวโลหะยืด-ขยาย ทำให้ไอความฝืดที่ที่บ่าที่มากเกินไป กลายเป็นน้อยลงมาก พอประกอบกับแรงดึงของเกลียวที่มีน้อยอยู่แล้ว โบลต์เลยหมุนคลายตัวเองเร็วขึ้น
ยังไม่พอ ยังมีสาเหตุมากจาก US Spec มีล้อหลายแบบ ความฝืดที่ที่บ่าอาจมากกว่าปกติ และระยะห่างจากดุมล้อหลากหลาย ทำให้แรงดึงของเกลียว มีปัญหามากขึ้น
ทางแก้คือออกแบบตัวโบลต์ใหม่ ให้เป็นแบบ 2 ชั้น (น็อตแต่งทั้วไปที่เป็นแบบ 2 ชั้น คือ ตอนขัน บ่าลอยตัวจะไม่หมุนตามขณะไข ทำหน้าที่แค่ กดเข้าไป ปกติมีใว้เพื่อสวยงาม และไม่ให้มีเกิดรอยไขที่ตัวล้อแต่ง)
และ ปรับส่วนผสมของโบลต์ ให้สามารถ คงแรงดึง เมื่อผ่าน heat cycling
และออกแบบล้อใหม่ ให้บ่าที่ตัวล้อ มีผิวที่เรียบขึ้น เพื่อลดความฝืด