ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเกียร์หมุนเวียนไหมครับ ถ้ารถอยู่ในตำแหน่งเกียร์ P หรือ N  (อ่าน 2433 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dipper

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
ขอสอบถามเป็นความรู้หน่อยครับ พอดีผมไม่ค่อยได้ใช้รถครับ ส่วนใหญ่นานๆทีแค่สตาร์ทรถทิ้งไว้ครับ

แต่ผมอยากให้น้ำมันเกียร์หมุนเวียนไปเคลือบชิ้นส่วนต่างๆภายในเกียร์มั่งครับ ผมเลยสงสัยว่าถ้าเราสตาร์ทรถไว้อย่างเดียว โดยรถอยู่ในตำแหน่ง P แบบนี้น้ำมันเกียร์จะหมุนเวียนไหมครับ

ออฟไลน์ คุณ นมๆ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 715
เกียร์ออโต้ถ้าเข้า p รู้สึกว่าปั๊มน้ำมันเกียร์มันจะไม่ปั๊มนะครับ แต่ถึงปั๊มมันทำงานน้ำมันมันก็ไม่ทั่วถึงทุกเฟียงหรอกเพราะมันไม่หมุนวิดน้ำมันส่งไปเฟืองอื่นๆ

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,985
ไม่ชัวร์นะครับ แต่สมัยที่ขับรถใหม่ๆ มีคนให้สตาทรถแล้วรอก่อนสัก 2-3 นาที (เกีย P)
แต่ส่วนตัวว่าเอาไปวิ่งไกล้ๆดีกว่าครับ

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,591
 เอารถออกไปยิ่ง อาทิต ละครั้ง  10 กม  ก็เพียงพอ

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,614
ผมเข้าใจว่ารถทั่วไป... ปั้มน้ำมันเกียร์มันจะทำงานตามรอบเครื่อง (เหมือนคอมฯแอร์ หรือปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ในรถที่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์อยู่)
เพราะงั้นแค่เราสตาร์ทเครื่อง ปั๊มมันก็จะฉีดน้ำมันไปทั่วเกียร์แล้วคับ และมันควรต้องเป็นแบบนั้นด้วยเพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์

ออฟไลน์ Fragile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 468
ผมเข้าใจว่ารถทั่วไป... ปั้มน้ำมันเกียร์มันจะทำงานตามรอบเครื่อง (เหมือนคอมฯแอร์ หรือปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ในรถที่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์อยู่)
เพราะงั้นแค่เราสตาร์ทเครื่อง ปั๊มมันก็จะฉีดน้ำมันไปทั่วเกียร์แล้วคับ และมันควรต้องเป็นแบบนั้นด้วยเพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์

งั้นทฤษฎีที่ว่าเปลี่ยน D ไป N บ่อยๆ เวลารถติดแล้วเกียร์จะพังไวก็ไม่จริงสิครับ

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,909
ผมเข้าใจว่ารถทั่วไป... ปั้มน้ำมันเกียร์มันจะทำงานตามรอบเครื่อง (เหมือนคอมฯแอร์ หรือปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ในรถที่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์อยู่)
เพราะงั้นแค่เราสตาร์ทเครื่อง ปั๊มมันก็จะฉีดน้ำมันไปทั่วเกียร์แล้วคับ และมันควรต้องเป็นแบบนั้นด้วยเพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์

งั้นทฤษฎีที่ว่าเปลี่ยน D ไป N บ่อยๆ เวลารถติดแล้วเกียร์จะพังไวก็ไม่จริงสิครับ
เขาว่าแบนด์คลัทช์มันจับปล่อยบ่อยๆ ทำให้สึกหรอเร็วขึ้นครับ
น้ำมันเกียร์หมุนเวียนตามเครื่องยนต์ทำงานครับ
ไม่เชื่อลองถอดสายที่เข้าหม้อน้ำหรือวอร์มเมอร์ออกแล้วสตาร์ทดูครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,463
ผมเข้าใจว่ารถทั่วไป... ปั้มน้ำมันเกียร์มันจะทำงานตามรอบเครื่อง (เหมือนคอมฯแอร์ หรือปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ในรถที่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์อยู่)
เพราะงั้นแค่เราสตาร์ทเครื่อง ปั๊มมันก็จะฉีดน้ำมันไปทั่วเกียร์แล้วคับ และมันควรต้องเป็นแบบนั้นด้วยเพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์

งั้นทฤษฎีที่ว่าเปลี่ยน D ไป N บ่อยๆ เวลารถติดแล้วเกียร์จะพังไวก็ไม่จริงสิครับ

ลองกลับไปหาอ่านดู  เกียร์ออโต้  ทอล์คทำหน้าที่อย่างไร   ดีกคว่าครับ

ออฟไลน์ Wongsakorn5558

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
    • อีเมล์
ขอสอบถามเป็นความรู้หน่อยครับ พอดีผมไม่ค่อยได้ใช้รถครับ ส่วนใหญ่นานๆทีแค่สตาร์ทรถทิ้งไว้ครับ

แต่ผมอยากให้น้ำมันเกียร์หมุนเวียนไปเคลือบชิ้นส่วนต่างๆภายในเกียร์มั่งครับ ผมเลยสงสัยว่าถ้าเราสตาร์ทรถไว้อย่างเดียว โดยรถอยู่ในตำแหน่ง P แบบนี้น้ำมันเกียร์จะหมุนเวียนไหมครับ

หากติดเครื่อง ชิ้นส่วนทั่วไปที่ต้องการหล่อลื่น น้ำมันไปถึงตลอดเวลาครับ
ส่วนที่ไปไม่ถึง ก็พวกช่องทางน้ำมันต่างๆ ที่ต้องสั่งให้ วาวล์,โซลินอยด์เปิดช่องน้ำมัน เช่นใส่เกียร์ R D 1234....
*หากสังเกตุตอน ฟรัชน้ำมันเกียร์ นอกจากเดินเบาแล้ว ต้องมีการ ใส่ R D ปล่อยล้อฟรี เป็นระยะ ๆ เพื่อไล่น้ำมันในส่วนนี้ด้วยครับ
ดีสุดคือเอาออกไปวิ่งนิดๆ หน่อยๆ
ดีน้อยหน่อย ก็จอดนิ่งๆ เข้า R เข้า D ค้างใว้ 1-2 นาที

อันนี้ว่าไปตามเทคนิคนะครับ ชีวิตจริง ไม่มีคนมานั่งทำ
เอาแค่หลังจากจอดนาน ก็สตาร์ทรถ วอร์มเครื่องนิดหน่อย ช่วงกิโลแรกๆ ก็อย่าเพิ่งซัด ก็พอครับ

ผมเข้าใจว่ารถทั่วไป... ปั้มน้ำมันเกียร์มันจะทำงานตามรอบเครื่อง (เหมือนคอมฯแอร์ หรือปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ในรถที่ยังใช้พวงมาลัยเพาเวอร์อยู่)
เพราะงั้นแค่เราสตาร์ทเครื่อง ปั๊มมันก็จะฉีดน้ำมันไปทั่วเกียร์แล้วคับ และมันควรต้องเป็นแบบนั้นด้วยเพื่อให้เกียร์พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์

งั้นทฤษฎีที่ว่าเปลี่ยน D ไป N บ่อยๆ เวลารถติดแล้วเกียร์จะพังไวก็ไม่จริงสิครับ

จริงเสี้ยวเดียวครับ
การทำงานหลังจากที่เราเลื่อน N-D1 คือการที่เราสั่งวาวล์,โซลินอยด์ ให้เปิดช่องทางให้น้ำมันพุ่งไป พุงไปกดชุดคลัช หรือชุดเบรก
เปลียน D1-N ก็สั่งให้โซลินอยด์ตัวนั้นๆ เคลื่อนตัวกลับมาที่เดิม

โซลินอยด์ เป็นประตู หากมีการเปิดปิดบ่อยๆ จนโอริงเสียหาย กักแรงดันน้ำมันไม่อยู่ แรงกดชุดคลัชก็น้อย หรือหากเป็นไฟฟ้าตัวมันเองก็พัง ไม่ยอมทำงาน

ปัญหาเกิดตรงนี้ครับ
1.หากแรงดันน้อยมาก ชุดเกียร์นั้นก็ไม่ทำงาน รถไม่เดินหน้า หรือถอยหลัง
*บางรุ่นที่มีปัญหาคือ ต้องรอให้น้ำมันร้อน ถึงเคลื่อนรถได้(รอโอริงขยาย) หรือต้องเร่งเครื่องแรง 1 ครั้ง เพื่อให้เกียร์จับ
2.หากแรงดันครึ่งๆ กลางๆ แรงกดชุดคลัชแค่พอทำงานได้ แต่ไม่ได้กดสนิท ชุดคลัชมันจะเสื่อม ใหม้ ลื่น แบบเดียวกันกับขับเลียคลัชในเกียร์ธรรมดา
 พอชุดคลัชเสียไปแล้ว คราวนี้ทำอย่างไรก็ทำงานไม่ได้
มิหนำซ้ำ เศษผงที่เกิดความเสียหาย ทั้งเศษผ้าเหล็กผ้าคลัช จะวนเข้าไปอุดตันช่องน้ำมันอื่นๆ และทำความเสียหายกับส่วนอื่น
*เช่น เดินหน้าไม่ค่อยได้ แต่ทนใช้ไป ซักพัก ถอยหลังก็เริ่มไม่ได้ตาม

แต่ การเปิดปิด ระหว่าง N ไป 1
กับ 2 กลับมา 1 ทำงานเหมือนกัน
ไม่เคยเห็นมีคนกังวลเลยว่า การขับในที่ๆ รถติด เดียว 1 ไป 2 เดียว 2 กลับมา 1 จะทำให้อายุเกียร์สั่นลง
หรือห้ามขับไปถึง เกียร์ 4-5-6 นะ เดียวพังใว

ถ้าไม่นั้ง ตั้งหน้าตั้งตาสับ N-D N-R แบบบ้าเลือด ตลอดเวลา ก็แทบไม่ต้องสนใจ ไม่มีผลในการใช้งานเลยครับ
ไปสนใจเรื่อง เปลียนน้ำมันตามระยะ รั่วซึม กับความร้อน ดีกว่า
ส่วนถึงเวลา โอริงจะเสีย ผ้าคลัชจะสึก โซลินอยด์จะดับ ก็ต้องตามนั้น
ของใช้งาน ถึงเวลาโอเวอร์ฮอล มันก็ต้องทำครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 25, 2023, 17:13:42 โดย Wongsakorn5558 »

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,332
 8) 8) 8)....P & N น้ำมันเกียร์ไม่ถูกหมุน วนออกไประบายความร้อน  เพราะชุดวันเวย์เทอร์ไบน์ในทอร์ค ทีมีแต่แรงเฉื่อยเบาจนไม่ปัดปั่นน้ำมันเกียร์ ป้อนแรงดันเข้าปั๊มหลักหน้าเกียร์ จึงไม่มีแรงดันขับเคลื่อนทั้ง P และ N ครับ
** ขณะลากจูงรถในเกียร์ N ต้องลากเร็วต่ำกว่า 50 และลากครึ่งชั่วโมง พักครึ่งชั่วโมง ป้องกันน้ำมันเกียร์ร้อนจัด เพราะ " ไม่มีการหมุนเวียนเนื้อน้ำมันเกียร์ออกไประบายที่รังผึ้งหน้ารถที่ ฝากท่อ ทรานสมิชชั่นออยคูลเล่อร์ไว้ในรังผ้งหม้อน้ำ " :-X
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 26, 2023, 16:39:43 โดย youngbear »