เอื้อภาษีให้ขนาดนี้ ในขณะที่รถน้ำมันแบกภาษีไว้กี่ % ที่สื่อญี่ปุ่นหวั่นเพราะนโยบายเอื้อรถ EV จากจีนของรบ.ไทยมากกว่านะครับ (โอเคมี Tesla ที่มาจากเมกา เลยดูไม่เอนเอียง แต่คุณเห็นยี่ห้อรถ EV จากที่อื่นอีกไหมนอกจากจีน ที่ตอนนี้มี BYD GWM และแบรนด์อื่นๆที่กำลังตามมาอีก)
รถญี่ปุ่นยังไงมันก็ขายได้ อย่าง Yaris ยอดรอส่งมอบยันปีหน้า การแข่งขันแค่มีผู้เล่นมากขึ้นครับ ซึ่งผมมองว่าก็ดีเพราะเพิ่มความหลากหลายในตลาด แต่ให้มาแช่งชักหักกระดูกเจ้าตลาด แบบ "เป็นไงล่ะ ก็ไม่ยอมปรับตัว ฯลฯ" ผมว่าเกมจะเป็นอีกรูปนึงเลยถ้ารัฐไม่อุดหนุนภาษีรถ EV
ถ้ารัฐไม่อุดหนุนรถอีวีแล้วเราจะได้เห็นโรงงานอย่าง byd gwm mg gac neta รวมถึงโรงงานประกอบแบตและผลิตเซลแบตที่กำลังเกิดขึ้นและมีจะมีแต่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ให้ประเทศเราไม่ตกเทรนอุตสาหกรรมรถอีวีและเสียโอกาสตรงนี้ให้กับอินโดเวียดนามหรือครับ
รถญี่ปุ่นไม่เข้ามาแข่งขันในตลาดรถอีวีเองทั้งที่รัฐไทยก็เปิดโอกาสให้ทุกประเทศ ญี่ปุ่นเองก็มีรถอีวีผลิตในจีนขายในจีนก็ไม่นำเข้ามาขายไทยหละภาษีนำเข้า 0% เพราะอะไรก็เพราะมีของเก่าขายอยู่แล้วไง เอาของใหม่ของดีราคาถูกเข้ามาขายแล้วของเก่าที่มีจะขายออกหรือ
ในขณะที่รถจีนไม่มีของเก่าขาย เขาถึงพุ่งไปที่รถอีวีได้ทันที
อย่าใช้คำว่าเอื้อให้รถอีวีจีนเลยครับ รัฐไทยมีนโยบายชัดเจนว่าเอื้อให้ทุกเจ้าแหละที่จะเข้ามาขายรถอีวีในไทย
ผมคิดว่ารถ BEV ญี่ปุ่นที่ขายในจีน มันยังต้องพึ่งพาอาศัยโครงสร้างและชิ้นส่วนจากรถจีนอยู่มาก
และคิดว่าด้วยข้อจำกัดตรงนี้ มันคงมีแต่พวงมาลัยซ้ายด้วยแหละมั้ง เลยไม่สามารอุ้มเอามาขายทั้งคันได้
ถ้ามันมี และทำได้ ก็คงเอาไปขายในบ้านตัวเองก่อนแล้วมั้งครับ
ส่วนเรื่องที่น่ากังวลของรถจีนคือนโยบายการบริการหลังการขายมากกว่า
เหมือนเคยได้ยินนักการตลาดไทยไปสัมภาษณ์ผู้บริหารอุตสาหกรรมรถยนต์จีน
ถึงเรื่องที่ปีที่แล้วที่จีนผลิตรถได้ 26 ล้านคัน เป็นอันดับหนึ่งของโลก
ผู้บริหารชาวจีนท่านนั้นตอบว่า จีนมีประชากร 1,400 ล้านคน
นี่เพิ่งผลิตได้ 26 ล้านคันเอง จะต้องผลิตยังไงให้พอกับความต้องการของคนจีน
ฟังดูก็พอเดาออกว่า เขามุ่งเน้นการผลิตป้อนคนในประเทศ และผลิตให้กับผู้ซื้อรายใหม่
มากกว่าการส่งออก และการดูแลรถที่ขายออกไปแล้วมากกว่านะ