ถ้าเอาเรื่องความคุ้มค้า seal ที่ถูกกว่า และแรงกว่า ได้เปรียบเห็นๆครับ
อัตราเร่งยังไง phev ก็สู้ bev ไม่ได้ครับ แต่ก็ได้เปรียบถ้าต้องวิ่งทางไกล
1. รถที่เร็วที่สุด ในการแข่งสนาม Nuremberg คือ AMG One เป็น PHEV ครับ
รถ BEV เจ้าตลาด Plaid แล้ว เข้าเส้นชัยที่ประมาณ 100 นะครับ
ช่วงล่าง BEV มีแบตใหญ่ทำให้เข้าโค้งไม่ดีนัก
2. BYD Seal ตัว long range* 0-100 5.9 วิ
Volvo S60 0-100 4.4 วิ นะครับ
VV S60 เร็วกว่า BM i8 / MB C43 Mild hybrid อีก
*เทียบตัวกลาง คือ long range ถ้าเทียบตัวท็อป ควรเทียบ VV สเปค Polestar ซึ่ง S60 ปลดล็อคได้
เสริม ต่างจังหวัด ถ้าปลายทางไม่มีที่ชาร์จ BEV จบครับ
และอย่างไรก็ตาม ถ้าจังหวัดที่อยู่ หรือบริเวณใกล้เคียง ไม่มีศูนย์เจ้าใด ผมก็ไม่ซื้อเจ้านั้น ครับ
อย่างไรก็ตาม S60
ก. ถ้าส่วน ICE เสีย ขับเป็น EV ไปซ่อมได้
ข. ถ้าส่วน EV เสีย ขับเป็น ICE ไปซ่อมได้เช่นกัน
(โบรชัวร์บอกชัดเลย ว่าทำได้ และ คนขับ Hyundai เคยทำอย่างนี้มาแล้ว)
ส่วน Seal ถ้า EV เสีย เช่น Converter ก็ต้องเรียกยานแม่อย่างเดียว
BEV แม้รุ่นสี่มอเตอร์ มนุษย์เลือกขับหน้า/หลัง/สี่แบบ PHEV S60 แทบไม่มีเจ้าใดทำได้ แม้เจ้าตลาด คอมพิวเตอร์มันเลือกชุดขับให้
สุดท้าย S60 ตัวท็อป ได้ Semi-autonomous driving ซึ่งได้รับการประเมินความปลอดภัยประมาณ 4 แต้มเต็มของ Euro NCAP ครับ
Auto Pilot ยังได้แค่ 2 จาก 4 แต้ม Euro NCAP
การที่ Pilot Assist ของ VV ทำงานได้ดี เปลี่ยนเลนอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งต่างจังหวัดไทย อันตรายครับ
ยิ่งขับถนนที่เส้น (แค่ค่อนข้าง) ชัด เหมือนมีคนขับให้ สบายมาก คุณภาพชีวิต ส่วนตัว ดีขึ้นเยอะ
ปล. พึ่งไปกาญจนบุรีมา ขอโรงแรมชาร์จ PHEV มันจะได้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงหน่อย (ชาร์จเองประมาณ 40 บาทจนเต็ม) โรงแรมคิด 300 บาท เจออย่างนี้ ผมรออีกนานเลยกว่าจะออก BEV ยิ่งชาร์จตามปั๊มแล้วต้องรอเป็นชั่วโมงนี่ ไม่ไหว
ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ชาร์จ วิ่งได้ 20 กม./ล. เป๊ะ ในระยะเกือบ 450 กม. เหมือนทางไกลเป็น HEV ส่วนแถวบ้านเป็น BEV