ผู้เขียน หัวข้อ: ระหว่าง All New Honda CRV (RS) และ Tesla Model Y  (อ่าน 5058 ครั้ง)

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,866
Re: ระหว่าง All New Honda CRV (RS) และ Tesla Model Y
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2023, 16:53:38 »
ในแง่การใช้งาน

วันนี้ยังไงๆ ก็ต้องรถไฟฟ้าแล้วนะ มันเลยจุดก้ำกึ่งเหมือน 1-10 ปีก่อน ตอน Hybrid มาใหม่ คนกลัวแล้ว ผมว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้ว

ผมเชียร์ Model Y แน่นอน

ส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla เองก็ได้ ในเมืองเยอะครับ มันจะต้องวางแผน แค่ ตอนออกต่างจังหวัด ถ้าใช้ในเมืองไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลย

ส่วนเรื่องอนาคต มันก็คือ อนาคต ครับ บางคนบอก ถ้าเขาปิดศูนย์หนีละ คำถามคือ คุณรู้ได้ยังไง? ผมกลับกลัวบางยี่ห้อที่ขายรถ ICE อยู่ตอนนี้ต่างหากที่จะปิดตัวหรือเลิกขายไปด้วยซ้ำนะ เอาจริงๆ

การดูแลรักษา ผมว่า ถ้าคุณผ่านรถน้ำมันมาได้ รถไฟฟ้า โดยเฉพาะ ผู้หญิง ดูแลง่ายกว่ามาก บอกเลย

สิ่งเดียวที่ต้องกังวล คือ คุณใช้งานมากไหม กี่ปี และ ราคาขายต่อ(มือสอง) ณ ตอนนั้น ต่างหาก ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องรอง ก็จงใช้รถให้มีความสุขกับปัจจุบันครับ ไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่เห็นด้วยหลายๆเรื่องเลยครับ

ส่วนที่บอกว่าส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla นี่คือสำหรับผมซีเรียสมาก ถ้าทุกอาทิตย์ต้องเสียเวลาไปชาร์จ1-2ชม.ทุกอาทิตย์นี่ผมไม่เอาเด็ดขาด แต่บางคนอาจจะไม่คิดเหมือนผมก็ได้ คิดว่าเรื่องนี้แหละเป็นประเด็นสำคัญว่ารับได้มั้ย ถ้ารับได้ก็ไปต่อได้

อีกเรื่องคือการซ่อมเวลาเกิดอุบัติเหตุ มีศูนย์เดียวคิวซ่อมรอเป็นชาติ ห้ามซ่อมข้างนอกประกันขาด เบิกอะไหล่ไม่ได้ บอกจะเปิดเพิ่มแต่ที่ไหนเมื่อไหร่ไม่รู้ อันนี้น่ากังวลสุดแล้ว เป็นรถคันเดียวที่มีรอซ่อมซัก1-3เดือนก็จบแล้ว

ผมว่า2เรื่องนี้น่ากังวลกว่าราคาขายต่อเยอะ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,228
    • อีเมล์
Re: ระหว่าง All New Honda CRV (RS) และ Tesla Model Y
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2023, 17:34:32 »
ในแง่การใช้งาน

วันนี้ยังไงๆ ก็ต้องรถไฟฟ้าแล้วนะ มันเลยจุดก้ำกึ่งเหมือน 1-10 ปีก่อน ตอน Hybrid มาใหม่ คนกลัวแล้ว ผมว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้ว

ผมเชียร์ Model Y แน่นอน

ส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla เองก็ได้ ในเมืองเยอะครับ มันจะต้องวางแผน แค่ ตอนออกต่างจังหวัด ถ้าใช้ในเมืองไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลย

ส่วนเรื่องอนาคต มันก็คือ อนาคต ครับ บางคนบอก ถ้าเขาปิดศูนย์หนีละ คำถามคือ คุณรู้ได้ยังไง? ผมกลับกลัวบางยี่ห้อที่ขายรถ ICE อยู่ตอนนี้ต่างหากที่จะปิดตัวหรือเลิกขายไปด้วยซ้ำนะ เอาจริงๆ

การดูแลรักษา ผมว่า ถ้าคุณผ่านรถน้ำมันมาได้ รถไฟฟ้า โดยเฉพาะ ผู้หญิง ดูแลง่ายกว่ามาก บอกเลย

สิ่งเดียวที่ต้องกังวล คือ คุณใช้งานมากไหม กี่ปี และ ราคาขายต่อ(มือสอง) ณ ตอนนั้น ต่างหาก ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องรอง ก็จงใช้รถให้มีความสุขกับปัจจุบันครับ ไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่เห็นด้วยหลายๆเรื่องเลยครับ

ส่วนที่บอกว่าส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla นี่คือสำหรับผมซีเรียสมาก ถ้าทุกอาทิตย์ต้องเสียเวลาไปชาร์จ1-2ชม.ทุกอาทิตย์นี่ผมไม่เอาเด็ดขาด แต่บางคนอาจจะไม่คิดเหมือนผมก็ได้ คิดว่าเรื่องนี้แหละเป็นประเด็นสำคัญว่ารับได้มั้ย ถ้ารับได้ก็ไปต่อได้

อีกเรื่องคือการซ่อมเวลาเกิดอุบัติเหตุ มีศูนย์เดียวคิวซ่อมรอเป็นชาติ ห้ามซ่อมข้างนอกประกันขาด เบิกอะไหล่ไม่ได้ บอกจะเปิดเพิ่มแต่ที่ไหนเมื่อไหร่ไม่รู้ อันนี้น่ากังวลสุดแล้ว เป็นรถคันเดียวที่มีรอซ่อมซัก1-3เดือนก็จบแล้ว

ผมว่า2เรื่องนี้น่ากังวลกว่าราคาขายต่อเยอะ

อันนี้ผมก็มองใมมุมของผมครับ

เพราะเคยมีหลายๆ กรณี หลายๆ คอนโด บอกว่าจะมีการติดตั้งช่องชาร์จให้ในคอนโด แต่สุดท้ายไปต่อไม่ได้ เพราะ คอนโด เป็นพื้นที่ส่วนกลาง(สำหรับทุกคน) จะอำนวยความสะดวกเฉพาะกลุ่ม มันก็ไม่ถูก ดังนั้น เวลาเที่ยว กินข้าว ซื้อของ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จอดชาร์จให้เต็ม 30-60 นาที(จริงๆ ไม่ต้องชาร์จให้เต็มก็ได้) มาใช้งานทั้งอาทิตย์ก็เหลือๆ แล้ว ไปนั่งกินข้าว เดินห้างนานกว่านี้อีก (รถน้ำมันก็ต้องไปเติมน้ำมันนะครับ)

เรื่องซ่อม มีที่ไหน รถในประกัน เขาให้ไปซ่อมข้างนอกได้ครับ ไม่มีหรอก

เรื่องอะไหล่ ณ ตอนนี้ เท่าที่ทราบ ไม่ใช่เฉพาะค่ายนี้ที่รออะไหล่นาน ค่ายจีนแทบทั้งหมด มันเป็น มีม ไปแล้วว่า รถอะไร 3 เดือน 6 เดือน

เรื่องศูนย์ เข้าศูนย์ สามารถนัดล่วงหน้าได้ครับ

สุดท้าย เรื่องราคาขายต่อ ผมขออ้างอิงตลาดเมืองนอกนะครับ รถยี่ห้อนี้ ผ่านไป 5 ปี ราคารถมือสองลดลง 50-60%

ถามว่า รถน้ำมัน 5 ปี ผ่านไป ลดลงเท่าไหร่ ??

รถ 1 ล้าน 5 ปีผ่านไป ลดลงสัก 40% ขายได้ 6 แสน นี่ถือว่าต้องเป็นรถตลาด ที่ราคาแข็งมากๆ แล้วนะครับ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถยุโรปเลย 5 ปีผ่านไป หมด BSI มือหนึ่งเกือบ 3 ล้าน มือสองเหลือ 1 ล้านต้นๆ มันลดไป 50-60%

อย่างที่บอกครับ เรื่องขายต่อ ถ้าซื้อมาใช้งาน ก็ใช้งานให้คุ้ม ทั้งระยะวิ่ง และ ค่าน้ำมัน ส่วน ราคาขายต่อ ถ้ามันยังไม่ชัดเจน เอาอนาคตที่ยังไม่รู้ มานั่งกลัวซะก่อน และ ยังไม่ได้หดหายไปจนรับไม่ได้ ก็ใช้งานให้มีความสุขครับ

ออฟไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,866
Re: ระหว่าง All New Honda CRV (RS) และ Tesla Model Y
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2023, 12:34:14 »
ในแง่การใช้งาน

วันนี้ยังไงๆ ก็ต้องรถไฟฟ้าแล้วนะ มันเลยจุดก้ำกึ่งเหมือน 1-10 ปีก่อน ตอน Hybrid มาใหม่ คนกลัวแล้ว ผมว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้ว

ผมเชียร์ Model Y แน่นอน

ส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla เองก็ได้ ในเมืองเยอะครับ มันจะต้องวางแผน แค่ ตอนออกต่างจังหวัด ถ้าใช้ในเมืองไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลย

ส่วนเรื่องอนาคต มันก็คือ อนาคต ครับ บางคนบอก ถ้าเขาปิดศูนย์หนีละ คำถามคือ คุณรู้ได้ยังไง? ผมกลับกลัวบางยี่ห้อที่ขายรถ ICE อยู่ตอนนี้ต่างหากที่จะปิดตัวหรือเลิกขายไปด้วยซ้ำนะ เอาจริงๆ

การดูแลรักษา ผมว่า ถ้าคุณผ่านรถน้ำมันมาได้ รถไฟฟ้า โดยเฉพาะ ผู้หญิง ดูแลง่ายกว่ามาก บอกเลย

สิ่งเดียวที่ต้องกังวล คือ คุณใช้งานมากไหม กี่ปี และ ราคาขายต่อ(มือสอง) ณ ตอนนั้น ต่างหาก ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องรอง ก็จงใช้รถให้มีความสุขกับปัจจุบันครับ ไม่ต้องกังวลอะไร

ไม่เห็นด้วยหลายๆเรื่องเลยครับ

ส่วนที่บอกว่าส่วนอยู่คอนโด ก็ไปชาร์จตามปั้มชาร์จ ตามห้าง ตามปั้ม หรือ supercharge ของ Tesla นี่คือสำหรับผมซีเรียสมาก ถ้าทุกอาทิตย์ต้องเสียเวลาไปชาร์จ1-2ชม.ทุกอาทิตย์นี่ผมไม่เอาเด็ดขาด แต่บางคนอาจจะไม่คิดเหมือนผมก็ได้ คิดว่าเรื่องนี้แหละเป็นประเด็นสำคัญว่ารับได้มั้ย ถ้ารับได้ก็ไปต่อได้

อีกเรื่องคือการซ่อมเวลาเกิดอุบัติเหตุ มีศูนย์เดียวคิวซ่อมรอเป็นชาติ ห้ามซ่อมข้างนอกประกันขาด เบิกอะไหล่ไม่ได้ บอกจะเปิดเพิ่มแต่ที่ไหนเมื่อไหร่ไม่รู้ อันนี้น่ากังวลสุดแล้ว เป็นรถคันเดียวที่มีรอซ่อมซัก1-3เดือนก็จบแล้ว

ผมว่า2เรื่องนี้น่ากังวลกว่าราคาขายต่อเยอะ

อันนี้ผมก็มองใมมุมของผมครับ

เพราะเคยมีหลายๆ กรณี หลายๆ คอนโด บอกว่าจะมีการติดตั้งช่องชาร์จให้ในคอนโด แต่สุดท้ายไปต่อไม่ได้ เพราะ คอนโด เป็นพื้นที่ส่วนกลาง(สำหรับทุกคน) จะอำนวยความสะดวกเฉพาะกลุ่ม มันก็ไม่ถูก ดังนั้น เวลาเที่ยว กินข้าว ซื้อของ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จอดชาร์จให้เต็ม 30-60 นาที(จริงๆ ไม่ต้องชาร์จให้เต็มก็ได้) มาใช้งานทั้งอาทิตย์ก็เหลือๆ แล้ว ไปนั่งกินข้าว เดินห้างนานกว่านี้อีก (รถน้ำมันก็ต้องไปเติมน้ำมันนะครับ)

เรื่องซ่อม มีที่ไหน รถในประกัน เขาให้ไปซ่อมข้างนอกได้ครับ ไม่มีหรอก

เรื่องอะไหล่ ณ ตอนนี้ เท่าที่ทราบ ไม่ใช่เฉพาะค่ายนี้ที่รออะไหล่นาน ค่ายจีนแทบทั้งหมด มันเป็น มีม ไปแล้วว่า รถอะไร 3 เดือน 6 เดือน

เรื่องศูนย์ เข้าศูนย์ สามารถนัดล่วงหน้าได้ครับ

สุดท้าย เรื่องราคาขายต่อ ผมขออ้างอิงตลาดเมืองนอกนะครับ รถยี่ห้อนี้ ผ่านไป 5 ปี ราคารถมือสองลดลง 50-60%

ถามว่า รถน้ำมัน 5 ปี ผ่านไป ลดลงเท่าไหร่ ??

รถ 1 ล้าน 5 ปีผ่านไป ลดลงสัก 40% ขายได้ 6 แสน นี่ถือว่าต้องเป็นรถตลาด ที่ราคาแข็งมากๆ แล้วนะครับ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถยุโรปเลย 5 ปีผ่านไป หมด BSI มือหนึ่งเกือบ 3 ล้าน มือสองเหลือ 1 ล้านต้นๆ มันลดไป 50-60%

อย่างที่บอกครับ เรื่องขายต่อ ถ้าซื้อมาใช้งาน ก็ใช้งานให้คุ้ม ทั้งระยะวิ่ง และ ค่าน้ำมัน ส่วน ราคาขายต่อ ถ้ามันยังไม่ชัดเจน เอาอนาคตที่ยังไม่รู้ มานั่งกลัวซะก่อน และ ยังไม่ได้หดหายไปจนรับไม่ได้ ก็ใช้งานให้มีความสุขครับ

ครับ ก็เรื่องชาร์ตผมก็บอกไปแล้วว่าแล้วแต่แต่ละคน สำหรับผมถ้าต้องไปชาร์จอาทิตย์ละครั้งครั้งละชั่วโมงผมก็ไม่เอา ต่อให้เป็นห้างก็เถอะ แต่บางคนที่เค้าใช้คอมทำงานที่ไหนก็ได้หรือเวลาว่างเหลือเฟือก็อาจจะโอเค

ส่วนเรื่องซ่อม จขกท.เค้าเทียบกับCRVจะเอาไปเทียบกับค่ายจีนทำไมล่ะครับ แล้วก็ผมพูดถึงซ่อมเวลาเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้รถอยู่ในประกันยี่ห้ออื่นเค้าก็ซ่อมอู่กันปกติเพราะมันคนละเรื่องกันกับการรับประกันตัวรถ หรือต่อให้ประกันศูนย์ค่ายญี่ปุ่นก็มีศูนย์ให้เข้าซ่อมเป็นสิบๆ ไม่เหมือนเทสล่าที่ชนทีทั้งประเทศต้องเอามาซ่อมที่ศูนย์เดียว

ส่วนเรื่องราคาขายต่อ ผมก็บอกแล้วว่าไม่น่ากังวลเท่า2เรื่องบนเพราะตอนนี้รถอะไรมันก็ราคาขายต่อตกหมด ก็เลยไม่เห็นด้วยที่คุณบอกว่า"สิ่งเดียวที่ต้องกังวล คือ คุณใช้งานมากไหม กี่ปี และ ราคาขายต่อ(มือสอง) ณ ตอนนั้น"ไงครับ