ปรึกษา Tesla model 3 LR

[gamehit007]

สวัสดีครับ

สนใจ Tesla model  3 LR  เอามาใช้เป็นรถหลักวิ่ง  กทม - เพชรบุรี ตจว ไปกลับ 400 โลทุกสัปดาห์  (ชาร์จบ้าน)


-  อยากรู้ว่า tesla model 3 highland จะปรับโฉมอีกนานไหมครับ จะเป็นแบบ honda civic หรือลากยาวแบบ Toyota futuner
-  พวกอะไหล่ซ่อมบำรุงราคาเท่ารถยุโรปหรือเปล่าครับ
-  อื่นๆที่ต้องกังวลนอกจากเปลี่ยนแบต

ปล.มีรถน้ำมันของที่บ้านสำรองครับ

[เนื้อน่องไม่หนัง]

สวัสดีครับ

สนใจ Tesla model  3 LR  เอามาใช้เป็นรถหลักวิ่ง ตจว ไปกลับ 400 โลทุกสัปดาห์


-  อยากรู้ว่า tesla model 3 highland จะปรับโฉมอีกนานไหมครับ จะเป็นแบบ honda civic หรือลากยาวแบบ Toyota futuner
-  พวกอะไหล่ซ่อมบำรุงราคาเท่ารถยุโรปหรือเปล่าครับ
-  อื่นๆที่ต้องกังวลนอกจากเปลี่ยนแบต

tesla เหมือนจะปรับรถทุกๆ 6-7 ปีนะครับ
model 3 high land ก็เพิ่งออก คิดว่า update ใหญ่ๆ น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆเลยครับ

Model Change เองตอบได้ยากครับเพรายังไม่มีรุ่นไหนปรับใหม่หมด
อย่าง Model S ที่เริ่มขายมาก่อน Model 3 ประมาณ 5 ปี ก็ยังไม่มี all new - model s เลยครับ

ช่วงนี้ น่าจะเร่งตัว cyber truck กับ model 2 (ถ้ามีจริงๆ) มากกว่าครับ

[TORA]

ไม่ทราบว่าเป็นรถคันเดียวในบ้านเลยหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีรถทดแทนไม่แนะนำให้ซื้อเท่าไรครับ
เพราะ Tesla มีอยู่ศูนย์เดียว ถ้ารถมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุ รอคิวซ่อมนานอยู่ครับ
นี้เปิดตัวมาเป็นปีแล้ว ยังมีศูนย์เดียวอยู่เลย ในขณะที่ค่ายจีน ปีเดียวเปิดเป็น 10ๆ ศูนย์
ไม่แน่ใจอนาคตจะเพิ่มอีกเยอะไหม ถ้ายิ่งบ้านอยู่ต่างจังหวัด ยิ่งไม่แนะนำเลยครับ
รถมีปัญหาวิ่งเข้ากรุงเทพ อย่างเดียวเลยครับ

[RERFz]

ไปกลับ 400 คือระยะ 200 ต่อขาใช่ไหมครับ ถ้าไปถึงมีที่ชาร์ต หรือชาร์ตบ้านก็ไหวครับ
ตัว 3 รีเฟรช น่าใช้มาก ช่วงล่างนุ่ม เก็บเสียงดี ใช้ได้ไปอีกยาวๆเลย


ที่ต้องกังวลคือ
ค่าประกัน 55k อัพ และซ่อมนาน 3 เดือนอย่างต่ำ ถึงระวังแค่ไหนถ้ามีพวกมาชนก็ไม่รอด

และควรมีบ้านอยู่ กทม. หรือปริมณฑลด้วยนะ เพราะถ้าอยู่เชียงใหม่ หาดใหญ่ เกิดไฟ DRL ดับ ขับมาเคลมไกลอ้วกแตก

[turbofever]

tesla ตั้งแต่ผลิตรุ่นแรกเป็นต้นมายังไม่เคย model change สักรุ่นเลยนะ minor ภายนอกก็มีแค่ S แล้วก็ 3

ถ้าจะ model change จริงครั้งแรกจะเป็น Roadster ซึ่ง GEN 1 ออกมาในปี 2008 จนตอนนี้ก็ 16 ปีแล้ว รุ่นที่ 2 ก็ยังเป็น prototype อยู่แต่มีแนวโน้มจะเป็นรุ่นแรกที่มีการเปลี่ยนโฉม

[sukhontha]

ตามข้างบน   นานกว่าจะเปลี่ยน  ถ้าชอบเปลี่ยนรถ  ไม่ควรซื้อรถไฟฟ้า  ใช้รถน้ำมันดีกว่า

ซ่อมบำรุงตามระยะ  น้อยมาก  แต่อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ  อันนี้นานแน่

แบตฯเป็นสิ่งที่ไม่น่ากังวล  แม้ว่ามีบางเคสที่เสียเร็ว(เมืองนอก)  แต่ส่วนใหญ่  8 ปี  สภาพลดลง 10-20%  เท่านั้น

รถไฟฟ้าเหมาะสำหรับคนไม่ค่อยเบื่อ  และใช้ไปนานๆ   สัก 15 ปี โน่นถึงจะคุ้ม

[solo]

[Zephyrs]

เทสล่าจริงๆมัน Model Change ยากครับ ยากตั้งแต่แพลทฟอร์มแล้วเพราะมันผลิตแบบปั้มขึ้นรูป เทียบง่ายสุดก็เหมือนรถ die cast 1:18 อะไรพวกนั้น
อย่างมากก็แค่มีการแก้หน้าตาแต่งตาทาปาก หรือ Facelift นั่นแหละ (เพิ่งทำไปตอนเดือน 9 ปีที่แล้ว) ซึ่งถ้าวัดดู เขาขายรถตั้งแต่ 2017 มาเช้งนึงเอาตอน 2023
ถ้าจะมีอีกเช้งนึงก็ 2030 นู่นอะครับ แต่อาจจะยืดออกไปอีกด้วยสถานะการเงินของอีลอนตอนนี้แล้วด้วยน่ะนะ

พวกอะไหล่เอาจริงๆคือถ้าเป็นไปได้พยายามอย่าชนอะครับ เป็นชื่อเสียงอันเลื่องลือของค่ายนี้อยู่แล้ว แม้แต่ประเทศแม่อย่างอเมริกาเองก็มีปัญหารออะไหล่กัน
แถมเทสล่าเคยมีปัญหาเรื่องเอารถไปซ่อมที่อู่นอก (ก็คืออู่ที่ไม่ได้รับการรับรอง อารมณ์เหมือนซ่อมไอโฟนตามตู้อะครับ) แล้วมีปัญหานู่นนี่ใช้งานไม่ได้ ไม่แน่ใจจบยังไงนะเคสนั้น
ส่วนพวกอะไหล่สิ้นเปลืองก็ไม่ได้เว่อร์กว่ารถน้ำมันปกติครับ มีพวกกรองแอร์ ของเหลว (น้ำมันเบรค น้ำหล่อเย็น) พวกนี้เอง

ผมว่ามันเป็นรถที่ถ้าไม่ซวยเจออะไรพังจริงๆจังๆ ไม่ว่าซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์เอง มันก็เป็นรถที่ขับใช้แบบลืมอะครับ
เรื่องแบตก็ไม่ได้เปลี่ยนกันทุกปี เหมือนมือถืออะครับ อันนั้นใช้กัน 3-5 ปีถึงเปลี่ยนทีนึง ของท่านตีง่ายๆว่าอาทิตย์นึงหมดจนชาร์จเต็มรอบนึง (ชาร์จจากแบตหมดจนเต็มเรียก 1 Cycle)
ท่านก็ลองๆคูณดูอะครับ แบตปกติมันจะอยู่ได้ประมาณ 500-1000 Cycle กี่อาทิตย์ก็คำนวณไป (เลขกว้างเพราะมันมีปัจจัยพวกความร้อนอะไรพวกนี้ด้วย)

[axister]

น้อง 3 เพิ่งยกหน้ามาเองครับ เปลี่ยนอีกทีน่าจะนาน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางวิศวกรรม แต่เรื่องเปลี่ยนอุปกรณ์ หรือปรับหน้า 2-3 ปีมีให้เห็นแน่ๆครับ จริงๆคิว model change คือ S/X ที่น่าจะเอาพวก steer by wire ใน cybertruck มาใส่ แต่ใน timeline เค้าก็ยังไม่มีน่าจะอีกหลายปีเลยครับ ถ้าจะเทียบ civic กับ fortuner ผมว่ายาวกว่า fortuner อีกครับพวกนี้เค้าปั้มพวก mold คงต้นทุนสูงมาก จะคุมให้ขายราคานี้ได้น่าจะต้องขายนานอยู่ ตอนนี้คิวมันคือ model3 per / cybertruck full launch / modelY refresh / model2 / etc. ยังรวมแก๊ง roadster semi อีกนะ

อะไหล่ผมเทียบกับ iX แล้ว tesla ถูกกว่าแบบครึ่งๆครับ ราคาถูกกว่า lexus นิดนึง ล่าสุดกระจกหน้าแตก ไม่ถึง 2 หมื่นครับรวมทุกอย่าง ของผมชาวดอย modelY นะ ส่วนซ่อมตอนนี้ไม่นานแล้วนะแค่อย่าใช้ตัวแทนใหม่ ที่มีชื่อขายรถหรูอะครับ กลัวโดนฟ้องเหมือนกันแต่บริหารห่วยบรรลัยตั้งแต่ขายแบรนด์เก่า ชุ่ย ขาดประสบการณ์เหมือนไปขู่เอา authorised จาก tesla มา เพราะส่วนตัวผมว่า tesla centre เทรนมาดีทั้งพนักงานและระบบ แต่ศูนย์ service เจ้านี้เหมือนอยู่ในลึกสุดของเหวเลยครับ ผมไปที่อู่อื่นทำ 2 อาทิตย์เสร็จ กระจกแตก เพราะโดนรถกระบะถอยมาชนครับ แผลไม่หนักมาก แต่โดน ไฟหน้า ฝากระโปรง บังโคลนหน้า ประตูหน้าขวา กระจกแตก ผมจอดเฉยๆพี่แกกดถอยมาเต็มสปีดเลยครับ

ถ้าจะให้กังวลผมมองว่าเรื่องค่าใช้ชีวิต ของผมชาวดอยประกันแพงมากกกก ปัจจุบันถูกลงนิดนึง แต่มันเป็นรถเหมือนมีพวก cost แฝงเยอะเหมือนกัน แล้วก็ระบบต่างๆ คนใช้งานร่วมต้องเกทนิดนึง ของผมปัญหาใหญ่มากคือ ผู้ใหญ่เปิดประตูไม่ค่อยเป็น ก็สอนๆได้ แต่เรื่องการจับกระจกเหวี่ยงปิดประตูเนี่ย เคยกระจกแตกมาแล้วครับ ระบบ frameless ของ tesla มีจุดอ่อนคือมันเป็นขอบแข็ง ต่างจากพวกน้อง 4series / cเป้ ที่เป็นยาง เวลากระจกหดไม่ทันมันจะไม่แตก แต่อันนี้ถ้าตกร่องหรือเหวี่ยงอย่างแรง ไม่เข้าล็อค ร้าวเลยครับ เหมือน scirocco ก็เคยเป็น อื่นๆเจ้าะแจ้ะ ไว้เข้ามาใช้จะรู้เองแต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ

รถคำนวนค่อนข้างแม่นเรื่องระยะทางครับ แค่เพชรบุรีสบายๆ เพราะผมเอาไปเที่ยวบ่อย ชาร์จได้ก็ขับปกติ ที่ชาร์จไม่ว่างก็เหยียบเบาๆ

ผมไม่เห็นด้วยกับการที่มองว่ารถไฟฟ้าเพื่อประหยัดเงินอย่างเดียว มันยังมีด้านอื่นๆอีกเยอะครับ performance กับประโยชน์อื่นๆที่บางคนตามหา รวมถึงเทคโนโลยีของแบรนด์นั้นๆ ไม่งั้นตัดรถพรีเมียมกับ c-segment ออกไปได้เลยครับ ยังไงก็ไม่คุ้ม ใช้ yaris ตัวรอง ตลอดชีวิตที่ gen มันออกถึงจะคุ้มเรื่องประหยัดครับ พวกที่บอกว่า ต้องใช้นาน ต้องรอเทคโนโลยี เลอะเทอะครับ อันนั้นคือไม่มีบัดเจทเพียงพอ สมัยนี้รถ bev เป็นแพะ ถ้าสมัยก่อนพวก c-class 3series ก็จะโดนครับ ฟิลว่าสิ้นเปลืองขับ รถปี 90 พังๆก็ถึงที่หมายเหมือนกัน

ก็แหล่วแต๊

[อีกนิดก็แรง]

0 บริการ ที่เดียวไม่น่าห่วง มีบริการรถ slide พร้อมรถทนแทนมาให้ ยังดีกว่าค่ายที่ 0 เยอะนะครับ เช่น mazda ของผมวิ่งๆ อยุ่แอร์ไม่เย็น เลยแวะเข้า 0 ไป พนักงานบอกว่าไม่ได้นัดต้องรอคิว (รอไป 2-3 วัน) เพราะช่วงนั้น mazda 2 ฮอตฮิตมาก คิว service ยาวเหยียด วันนั้นนั่งแทกซี่กลับบ้าน สรุปที่รถแอร์ไม่เย็นเพราะฟิวขาด เบิกใหม่ใส่แทนของเดิม 2 นาทีเสร็จ
กลับมาที่เทสล่า สิ่งที่น่ากังวลคือ 0 ซ่อมตัวถัง แต่ตอนนี้เริ่มมีมากขึ้น ทั้ง แถวราชพฤกษ หรือ  ขอนแก่น แต่ถ้าอาศัยอยู่นอกเหนือจากนั้นไม่แนะนำเลย เกิดอุบัติเหตุที slide ไปซ่อมไกล
ส่วนเรื่องไปกล้บ 400km สำหรับ model 3 LR ถ้าไม่ขับแบบบู๊ล้างผลานไปกลับสบายๆ ครับ ผม model Y ขับไปหัวหิน ในวันที่อากาศร้อนๆ+รถติดๆ ขาไป 210กิโล ขาไปใช้ไฟไป 48% ขากลับ 207 กิโล ใช้ไฟไป 44%
ซ่อมบำรุงนี่ผมวิ่ง 20,000 โล มีแค่สลับยาง เรื่องในอนาคตยังไม่กล้าฟันธง แต่เห็นท่านอื่นที่วิ่ง 50,000+ ก็มีเปลี่ยนแค่กรองแอร์

[sappax]

เรื่องศูนย์บริการ ค่อนข้างไวนะครับ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็ได้ service แล้ว และถ้าเป็นปัญหาของตัวรถ (ไม่ใช่อุบัติเหตุ) ก็มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อมด้วย

ทำนัดผ่าน app ได้เลย ส่วนตัวยังยังไม่เห็นมีเคสหนักๆ ที่ต้องจอดแช่ไว้นานๆ และเห็นว่า กำลังจะมี Mobile service เร็วๆ นี้

ส่วนเรื่องศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ตอนนี้ มีเพิ่มอีก 2 เจ้าใน กทม แล้ว งานซ่อมไว ไม่เหมือน mms ที่สร้างชื่อเสียไว้เยอะมาก คิดว่า น่าจะตัดประเด็นเรื่องศูนย์ไม่พอได้นะครับ

[Sommer C350e W205]

-Tesla Model 3 LR รอปรับโฉม All New นานแน่นอน อย่างน้อย สัก 5-6 ปี
-พวกอะไหล่เท่ารถยุโรป แต่ค่าเช็คระยะถูกกว่ารถน้ำมัน 2 เท่าแน่นอน
-ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่ก็ต้องให้ชินกับ ไฟเลี้ยวตรงพวงมาลัย กับ เกียร์ในจอกลาง

[jame894561]

-  ผมว่าอีกนาน 5 ปี+ กว่าจะปรับโฉมเพราะตอนนี้ก็ยังดูล้ำอยู่

-  พวกอะไหล่ซ่อมบำรุงแพงแน่นอนเท่ายุโรปครับ

-  อื่นๆที่ต้องกังวลนอกจากเปลี่ยนแบต คือ แอร์พังไว ทำใจไว้ได้เลยครับ