ในมุมผู้บริโภค คิดเห็นอย่างไรกับค่ายรถที่ทยอยใช้นโยบาย One Price ครับ

Tien.W

ปกติ เวลาซื้อรถ ผมจะซื้อกับ sale ที่ผมสนิท ไว้ใจ ผมไม่เคย เอาใบเสนอราคาไปแห่เช็คตามโชว์รูม .. เต็มที่ ผมหาข้อมูลในคลับมาก่อนว่า ได้อะไร แล้วก็ติดต่อ sale ซึ่งปกติจะได้ใกล้เคียงกัน แค่นั้นจบ ไม่เคยมานั่งต่อ บีบคอ ครับ

สมมติ เป็น One Price ผมก็ยังเลือก ที่จะออกรถ กับ sale ที่ไว้ใจอยู่ดี มันไม่ใช่แค่ ซื้อรถ จ่ายเงิน แล้วก็จบไง ระหว่างนั้น มันมีรายละเอียดอีก อย่างการส่งมอบรถ ของแถม การจดทะเบียน ซึ่งพวกนี้นะ ถ้าได้ sale ห่วยนะ จะปวดหัวไม่รู้จบ แบบตอนที่ผมออก nissan pulsar นั่นแหละ

ส่วนตอน service ผมก็จะเข้าศูนย์ประจำเช่นกัน ซึ่งเป็นคนละศูนย์กับที่ซื้อรถ ก็ฝ่ายบริการหลังการขาย กับ ฝ่ายขาย มันแยกส่วนกันอยู่แล้ว



ceberos

เขาเรียกว่ามาตรการกำจัด พนักงานขายออกจากระบบจะใช้ platform มาแทนที่คราวนี้สบายดีลเลอร์

ลดต้นทุน ก็ถือว่าเพิ่มรายได้ไปในตัวแล้ว

0 ไหนซ่อมดีจะมีรถเยอะก็ไม่แปลกแสดงว่า 0ก็ไม่มีมาตรฐานในงานซ่อมแบบที่เซลล์ลดราคา

ของที่ดีมันขายด้วยตัวเองแทบจะไม่จำเป็นต้องให้ใครมาโฆษณา คนใช้งานรู้ดีสุดว่าเจ็บจากส่วนไหน ขาดส่วนไหน อะไรคือความสำคัญอันดับแรก

ผู้ซื้อรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับราคา ตัวเลือกที่2ก็จะมาเอง



solo

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2024, 09:36:37 โดย solo »



bungy

เห็นว่า bmw ก็จะใช้นโยบายนี้โดยเริ่มจากตระกูล M ก่อนครับ

ราคา m จะถูกลงหรือครับ แต่ก็แพงอยู่ดี

เริ่ม m รุ่นไหนครับ



DiKiBoyZ

ง่ายๆ ครับ ผ่าน ดีลเลอร์ หรือ เซลล์ คุณซื้อรถแพง ครับ

เพราะราคาที่ขาย คือ ราคาที่เขามี margin จากดอกเบี้ย หรือ % ที่ได้อีก

จริงๆ One Price มันก็มีดีมีเสีย

และเอาจริงๆ เขาอาจจะขายได้ถูกกว่านี้ เพราะไม่ต้องเสีย % ให้กับหลายๆ อย่าง (อาจจะเรียกว่า กำไรเยอะขึ้น ก็ได้)

ในมุมผู้บริโภค ถ้าตราบใดราคาเท่าเดิม ดอกเบี้ยเท่าเดิม(กรณีผ่อน) ไม่มีผลอะไรครับ

เพราะบางคัน บางยี่ห้อ ส่วนลดก็แทบไม่มีอยู่แล้ว ขอแทบตายยังได้หลักพันเลย



natin

เบื่อเซลล์ บางจำพวก ยิ่งขายดีๆ นี่หยิ่ง อยากให้ตกงานไปแหละดีแล้ว กดสั่งในมือถือ configure ได้เอง จบ