การที่ Mazda จะอัพตัวเองไปเป็น entry premium ศูนย์เขาดีพอหรือยังเทียบกับ Volvo ?

e:smart Hybrid

การกระแส ที่ Mazda อาจจะเอา CX-60 มาประกอบบ้านเรา EZ-6 (หรือ Mazda 6 ไปเลย) ก็น่าจะมาขายโดยประกอบจากฉางอัน
ซึ่งรถในกลุ่มนี้ของ Mazda จะเป็นขับหลัง และมีแนวโน้มที่ราคาจะแพงไปแตะ 2 ล้านในอนาคตได้

ก่อนหน้านี้เขาก็พยายามจะขายความ เหนือ กว่าเจ้าอื่นๆ คล้ายๆ กับ Honda ที่ไม่เป็นรถ Taxi โดยมีค่าบริการที่แพงกว่าชาวบ้านเขา

ทุกท่านคิดว่า ศูนย์บริการ Mazda ที่มีอยู่ในขณะนี้นั้น มีความพร้อมหรือยังครับ ที่จะ upgrade ไปเป็น Entry premium brand

ผมไม่แน่ใจว่า จะอยู่ในระดับสูง คือ เท่าเทียมกับ Volvo เลยไหม หรือว่า เอาแค่ประมาณ Honda สมัยก่อนหรือ Subaru

ส่วนตัวผม ก็ไม่ใช่ลูกค้าของเขาอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ใช่ Toyota ผมก็คงไป Suzuki ค่ายพวกนี้ ค่าดูแลไม่แพง แต่ Mazda ผมคงกรีดร้อง แน่ๆ ถ้าต้องจ่ายแพงครับ ;D และผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่า ความพรีเมียม มันคือ อะไรกันแน่ ครับ

คิดอย่างไรกันครับ



เนื้อน่องไม่หนัง

จากความรู้สึกผม มันยังไม่ได้ครับ...
ตัวศูนย์ผมไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่ดีกว่า รถญี่ปุ่นค่ายอื่นๆ คุณภาพอาหารเครื่องดื่มก็ยังไม่ใช่ เซลและพนังงานก็ยังไม่ได้
มีก็ตัวรถที่ทำได้เนี๊ยบและดูดีกว่าค่ายอื่นๆ และช่วงล่างที่เอาใจคนขับมากขึ้นเท่านั้น
แต่ก็ยังมองว่ามันไม่เพียงพอที่จะอัฟเกรดทั้งแบรนได้ ผมให้พอๆกับ Subaru ครับ

EZ-6 ผมว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่จะดีลมายังไงในเมื่อฉางอันก็ขายในไทยด้วย ดีลเลอร์ Deepal ไม่น่าจะยอมหรอก



apinui

เล่าประสบการพรีเมี่ยมของมาสด้าให้ฟังครับ ในฐานะที่ถึงแม้รถจะหมดประกันแล้วก็ยังเข้าศูนย์อยู่

จริงๆผมเคยโพสความพรีเมียมมาหลายโพสแล้วย้อนไปหลายปี แต่เอาเป็นว่า บริการที่ผมเล่าไม่ได้มีทุกศูนย์ เพราะศูนย์ที่ผมใช้บริการประจำและรู้สึกมาตราฐานเดียวกันคือเครือ แอลบาทรอส(เจ้าของเดียวกับวอลโว่ Scandinavian) และมาสด้า JP

อย่างแรกเลยครับที่หลายคนยังไม่รู้ ที่ยังเชื่อผิดๆกันอยู่ว่า"มาสด้าแพง" จ่ายไม่ไหว ซึ่งบอกตรงนี้เลยครับว่า ไอ้คำว่าค่าแรงแพง ไม่มีอีกแล้วนะครับ และไม่มีนานแล้ว เพราะรถที่ออกหลังปี 2023 (ถ้าจำไม่ผิด) ทุกคันจะได้ฟรีค่าแรง 10 ครั้ง ทุกรุ่น ทุกคัน (ยกเว้นกระบะ) ดังนั้น ที่บอกว่า ค่าแรงแพงๆ ก็เลิกท่องจำกันมาผิดๆได้แล้วครับ และถึงแม้รถจะอายุครบประกัน3 ปี แต่ถ้าคูปองค่าแรง 10 ครั้งยังเหลือ ก็สามารถใช้ฟรีค่าแรงได้ต่อจนหมดครับ แม้รถจะหมดวารันตีแล้วก็ตาม โอเคนะ

ทีนี้ เรื่องศูนย์บริการ เอาเรื่องสถานที่ ที่นั่ง อาหาร เครื่องดื่ม จัดว่าครบครันที่สุด เค้ามีกาแฟสดให้ทาน เป็นเครื่องชงนะครับ ไม่ใช่เปิดโหลเนสกาแฟ ใส่น้ำตาลใส่คอฟฟี่เมทเองแบบฮอนด้าบางศูนย์

น้ำเปล่า ที่ให้ทาน ไม่มีนะครับน้ำ ARO เอาหลอดเจาะฝา(น้ำแบบนี้ศูนย์ฮอนด้าบางศูนย์ยังให้ลูกค้ากินอยู่เลย) เค้ามีขวดน้ำเป็นแบรนด์มาสด้าเองเลย เป็นขวดฝาเกลียว

การรับรถเข้าบริการ ถ้ามีการนัดไว้ก่อน ตารางนัดจะโชว์อยู่หน้าโชว์รูม เมื่อเลี้ยวรถเข้าไป รปภ จะโบกให้เข้าช่องนัดเลย โดยที่เราไม่ต้องชโงกหน้าไปบอกเค้าว่า มาเช็คระยะ เพราะรปภ จะดูจากเลขทะเบียน ถ้าตรงตามกระดานก็โบกจอดได้เลย มีช่องจอดเฉพาะจัดเตรียมไว้ให้ตามคิว เมื่อลงรถ มีเจ้าหน้าที่ถึงตัวทันที ไม่ต้องมายืนทำหน้างง ว่าฉันจะไปทางไหนดี

การแจ้งซ่อม SA แจ้งราคาแบบเป๊ะๆ ไม่มีประเมิน ราคาก่อนซ่อมเท่าไร เสร็จจ่ายเงินเท่านี้เปะ ไม่มีว่าแจ้งก่อนซ่อม 2 พัน ตอนจ่ายเงิน 2500 แบบนี้ผมยังไม่เคยเจอ

หลังรับบริการเสร็จ อันนี้ประทับใจมาก รถทุกคันจะได้รับการล้าง ดูดฝุ่น และล้างห้องเครื่องพร้อมเคลือบเงาห้องเครื่องให้ด้วย  ... ตรงนี้ผมชอบมากเหมือนเราไปล้างห้องเครื่องทุก 1 หมื่นโล หรือทุก 6 เดือน ห้องเครื่องล้างเองข้างนอก ไม่ต่ำกว่า 500บาทนะครับ มาสด้าล้างให้ฟรี

และสำหรับผู้ที่เข้าศูนย์บริการมาสด้าอย่างต่อเนื่อง แม้รถจะหมดประกันแล้ว และรถเกิดปัญหาก็สามารถใช้สิทธ์ GoodWill ได้อีก ซึ่งผมเคยเครมแผงคอยร้อนมาสด้า 2 กับรถอายุ 6 ปี และผมโพสลงบอร์ดด้วยนะ ลองย้อนอ่านดู อันนั้น ฟรีทุกอย่าง ค่าแรง ค่าน้ำยา และอื่นๆ ไม่เสียสักบาทครับ หมดวารันตี เครมได้มีอยู่จริง

และก้รายการอะไหล่เข้าศูนย์ ผมก็เคยเอามาลงนะ ลองย้อนเก่าๆดูครับ น้ำมันเครื่อง กรองอากาศ กรองแอร์ เพื่อนๆหลายคนเห็นก็บอกว่ามันไม่ได้แพงกว่าเจ้าตลาดเลย ลองค้นดูเก่าๆดูครับ

ปล.ที่เล่ามา เป็นการบริการของ ศูนย์บริการที่ผมเอ่ยชื่อไปตอนต้นนะครับ ไม่ใช่ทุกศูนย์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 28, 2024, 22:55:47 โดย apinui »



Tien.W

ไม่มีทางครับ ถ้าเค้าจะ พรีเมี่ยม มันต้องมากกว่า การเอารถมาตั้งราคาแพงๆ แต่งโชว์รูมหรูๆ หรือ คิดค่าบริการแพงๆครับ

............

เล่าด้านลบของ Mazda มั่ง

ผมเจอที่ศูนย์แถวหนองแขม

จอง + ออกรถ

Mazda 2 รุ่นแรก ..

1. วันจอง sale บอกแถมเบาะหนังแท้ พาไปดูคันที่แต่งเสร็จ ได้เบาะหนังแท้ทั้งตัว ผมย้ำ sale แล้วนะ พร้อมถ่ายรูปเรียบร้อย (เอานิ้วกด ดูลายหนัง) พอวันรับรถ .. มีหนังแท้ แค่ 2 ชิ้น ตรงกลางเบาะ นอกนั้นเทียมหมด .. โวยดิ ไม่รับรถ จนเค้าออกเอกสารว่า จะเปลี่ยนเบาะให้ใหม่ .. sale อ้างอย่างเดียว "ผมไม่รู้"

2. ถึงเวลา เอารถมาถอดเปลี่ยนหนังใหม่ .. พวกยกเบาะ ขูด ขอบบันไดรถ เป็นรอย ทั้งซ้ายและขวา !!! ... โวยอีก ทำสีอีก รถใหม่ป้ายแดง !!!

3. ป้ายแดง คุยแล้ว บอก วันคืนป้าย ต้องได้เงินมัดจำคืนนะ ถึงเวลา มาเร่ง ให้เข้าไปเปลี่ยน แต่รอเช็คเดือนนึง .. เออ งั้นไม่เปลี่ยน ตรูวิ่งในพื้นที่ ไม่กลัวตำรวจ สุดท้าย พวกเอาป้าย พร้อมเงินมัดจำมาคืนให้ถึงที่ทำงาน

บริการหลังการขาย

1. แกนพวงมาลัยดัง .. แจ้งเคลมทุกรอบที่เข้าศูนย์ พวกอัดจาระบีอย่างเดียว เงียบ 7 วัน แล้วดังอีก พอหมดประกัน พวกบอกต้องเปลี่ยนแกน !!!

2. ไฟหน้าล้างรถมีไอน้ำ .. ไปเคลม บอกมองไม่ชัด .. ล้างรถมีไอ ถ่ายรูปให้ดูเลย บอกไม่ได้ .. เหลือคราบหน่อย ก็ไม่เคลม คือ civic fd ตอนนั้น รอยเท่าเหรียญ 5 บาท พวกเดินมาเจอเอง แจ้งเคลมให้เลย

..............

ค่าแรง + ค่าอะไหล่ ณ ตอนที่ใช้รถ ไม่รู้สึกว่า แพงอะไร ศูนย์บริการสภาพภายใน ของกิน ดูดีกว่า HONDA บางสาขาด้วยซ้ำ แต่ !!! ... แม่มแก้ปัญหาไม่จบ วนเวียน กวนใจอยู่นั่น

ทุกวันนี้ Jazz GE ที่ซื้อปี 08 ยังใช้งานอยู่ เพราะมันทน ไม่จุกจิก ซ่อมง่าย แต่ Mazda 2 DE คันนั้น หมดประกัน ก็ขายทิ้งแล้วครับ เพลียกับศูนย์

ให้กลับไปซื้ออีกเหรอ ? .. ถ้ายกให้ฟรี ค่อยมาว่ากันครับ

ไม่งั้นตอนเปลี่ยนรถ ผมอยากได้ CX5 Turbo จะตาย ผมคงไปควานหาแล้วล่ะ



NoBiReacto

เอาจริงๆศูนย์ mazda ที่ผมเข้า (ขอนแก่น2ที่) ยังไม่เจอแย่ๆนะครับ พวงมาลัยลอก เคลมไป 3 รอบ กระจกมองข้างเคลมไป 2 รอบ แบต 1 รอบ ก็เคลมง่ายดีไม่มีตุกติก ค่าแรง ชม.ละ 650 บาท ส่วนตัวใช้ mazda2 อะไหล่เบิกศูนย์หลายๆอย่างก็ราคาถูกลงมามากแล้ว เช่นแร็คพวงมาลัย 7000 กว่าบาท ถือว่าไม่แพงเลยถ้าเทัยบกับอีกยี่ห้อ

สุดท้ายผมไม่ชอบเลยที่มีนโยบายให้เติมย้ำยาล้างหัวฉีดทุก 10000 โล รถผมเติมทุกรอบสุดท้ายวิ่งไปแสนกว่าโลหัวฉีดก็ตันอยู่ดี แทบไม่ได้ช่วยอะไร



Left lane driver

เรื่องศูนย์บริการ เท่าที่ใช้งานแถวบ้านผมในโซนปทุมมา 2 ศูนย์นะครับ

ผมให้ดีกว่า Honda และ Nissan พอสมควร (เมื่อเทียบกับศูนย์ 2 แห่ง ที่ใกล้ที่สุดจากบ้าน)
ในแง่ของการบริการ ความง่ายในการพูดคุย ความเรียบร้อยของงานที่ทำ และความรวดเร็วในการนัดคิว (ปกติ Mazda/Nissan โทรนัด 1-2 วันได้คิว แต่ Honda รอไป 1 อาทิตย์+ ทุกครั้ง)

เรื่องการเคลมอะไหล่ ที่ผมเคยเคลมก็มี เบ้าโช้คที่มีเสียงดังกุ๊กๆตอนเจอถนนไม่เรียบ กับมอเตอร์กระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่ง ที่มีอาการพับ/กางไม่สุด
ก็ไม่มีอะไรมาก แจ้งศูนย์ตอนเอาเข้ามาเช็คระยะ ศูนย์ตรวจสอบและก็เปลี่ยนให้ภายในวันนั้นเลย
ทั้งที่กระจกมองข้างตอนมาถึงศูนย์มันดันทำงานปกติ แต่ผมเคยถ่ายคลิปตอนมันไม่กางเอาไว้ เลยเอาให้ศูนย์ดู
จะมีเคลมไม่ได้รอบเดียวคือ ไฟในห้องโดยสารหลอดขาดตอนอายุเกือบๆ 5 ปี ซึ่งผมก็ซื้อหลอดไฟจากที่ศูนย์ 80 บาท และนี่ก็เป็นครั้งเดียวที่ผมต้องจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไหล่เพราะมันเสีย ในตลอดระยะเวลา 6 ปีกว่าๆ แค่ 80 บาท 5555

และถ้าเมื่อเทียบกับการเคลมอะไหล่ของ Honda (อันนี้ขอบ่นหน่อย) เพราะ City เจนที่แล้ว รถของที่ทำงานผมเคยเจอ cvt มีปัญหา เกียร์กระตุกที่ความเร็วต่ำและมีเสียงหอน
แต่ศูนย์ปฏิเสธไม่ให้เคลมทั้งที่ประกันเหลืออยู่ แต่ก็ใกล้หมดละ และทำให้แค่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์เฉยๆ สุดท้ายมันพังตอนหมดประกันสิครับ และแน่นอนว่าศูนย์ไม่รับผิดชอบอะไร
นี่ยังไม่นับว่าตอนเข้าเช็คระยะแต่ละครั้ง ศูนย์พยายามยัดเยียดให้ใส่น้ำยาวิเศษทั้งหลาย ที่ต้องใช้คำว่ายัดเยียด เพราะศูนย์อ้างว่าถ้าไม่ใส่แล้วประกันจะขาด จนผมต้องเถียงกลับและเปิดตารางเช็คระยะในเว็ป Honda ให้ดู แล้วนี่ก็เป็นยี่ห้อเดียวที่ผมต้องทะเลาะกับศูนย์บริการ
เรียกว่าเป็นศูนย์บริการแถวบ้านผมที่เลวและทุเรศที่สุดแล้ว และถ้าผมต้องซื้อรถใหม่ ผมจะไม่มีวันเลือก Honda เด็ดขาด หลักๆเพราะเหตุผลนี้เลย

เรื่องค่าแรงที่คนชอบบ่นว่าแพงกัน เอาจริงที่ผมเจอมามันถูกกว่า Toyota อีกนะ ผมเคยเอาใบเสร็จมาลงเปรียบเทียบให้ดูไม่รู้กี่รอบแล้ว
อย่างศูนย์ประจำผม ค่าแรง 750 บาท/ชม. เช็คระยะที่ไม่ใช่รอบใหญ่ คิด 0.8 ชม. เป็น 600 บาท ถ้ารอบใหญ่จะอยู่ประมาณ 13xx บาท
ส่วน Toyota เช็คระยะรอบเล็ก รายการที่ทำเหมือนกัน เจอคิดค่าแรงเหมารวม 864 บาท ถ้ารอบเช็คระยะใหญ่มีแพงสุด 1470 บาท (จำได้แม่น เจอไปตอนแรกสะดุ้ง)
และในค่าใช้จ่ายที่ใกล้ๆกัน Toyota ให้น้ำมันเครื่องแค่เกรดกึ่งสังเคราะห์  กับน้ำมันเบรค Dot3 แต่ Mazda ใส่เป็นสังเคราะห์แท้ กับน้ำมันเบรค Dot4

แต่ยังไงก็ตาม ค่าแรง + ค่า maintenance ที่แพงสุดในบรรดารถญี่ปุ่น ก็ยังต้องยกให้ Subaru ครับ
เข้าศูนย์ทีนึงขั้นต่ำมีเกือบ 5พัน และรอบใหญ่มีเกินหมื่นตลอด

ส่วนศูนย์รถญี่ปุ่นที่ใช้มาแล้วโอเคสุด ผมยกให้ Isuzu ครับ คุยง่ายดี เคย walk in เข้าไปเปลี่ยนอะไหล่ก็ทำให้ ไม่แพงด้วย

---------------

ส่วนเรื่องที่พยายามยกระดับเป็นแบรนด์พรีเมี่ยม ผมมองว่าเลอะเทอะครับ เหมือน Mazda กำลังหลงทางอยู่
คือเดิมทีมันเป็นแบรด์ในระดับรถญี่ปุ่นกลุ่ม mass ทั่วๆไป เน้นลูกค้าที่เป็นคนชอบขับรถ แต่ราคาสมเหตุสมผล
พอพยายามอัพเความพรีเมี่ยม ทำรถ SUV คันใหญ่ๆ ในราคาที่สูงขึ้น มันก็เริ่มหลุดจากกลุ่มคนทั่วๆไปแล้ว
แต่ในขณะเดียวกัน คนที่มองรถพรีเมี่ยมจริงๆ ก็สนแต่ Benz BMW หรือ Volvo ไม่ได้มอง Mazda เป็นตัวเลือก เพราะเรื่องภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย
สุดท้ายตำแหน่งการตลาดมันเลยอยู่ช่วงตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่ม ไม่ได้จับกลุ่มไหนที่ชัดเจนซักที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2024, 18:06:17 โดย Left lane driver »



poomsira

มันเป็นนโยบายของ Mazda Global ครับที่จะยกระดับแบรนด์ตัวเองขยับให้สูงขึ้น  แต่จะทำได้จริงในแต่ละตลาดอย่างไร ก็คงขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศละครับ

เรื่องการให้บริการที่ศูนย์ ผมไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แค่ว่าศูนย์ปิดตัวลงไปเหลือน้อยลง ตอนนี้เลยเลิกเข้าศูนย์แล้ว (Mazda 2 diesel ปี 2017) แต่เข้าอู่นอกผู้เชี่ยวชาญ Volvo แถวๆ บ้านแทนเพราะสนิทกับเจ้าของอู่

เรื่องค่าใช้จ่ายในการ maintenance คนที่ใช้รถคือภรรยาผม เดิมเขาใช้ BMW มาก่อน พอหมด BSI แล้วก็จ่ายปีละ 3-5 หมื่นเป็นเรื่องปกติ  พอมาใช้ Mazda เลยรู้สึกว่าไม่แพงเลย แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีประสบการณ์เปรียบเทียบกับรถค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ



samaklen

น่าจะหรู เพราะไล่ดีเลอร์ลงทุนทำ 0 ใหม่กันหลายราย
แต่ฝีมือช่างน่าสงสัย
ถ้าผมใช้มาสด้า คงต้องหา workshop manual ของรุ่นนั้นๆ ครับ
ขนาดญาติกันขาย อาๆ ทั้งหลายยังไม่ยอมใช้กันเลย




DiKiBoyZ

ไม่ใช่เพราะ อยากยกตัวเองขึ้น เพราะยอดขายน้อย (รถหรู จะยอดขายน้อยกว่า รถตลาด) หรือป่าว....

 ;D ;D ;D ;D ;D

ขำๆ นะครับ

ผมยังหาความหรูจากมันไม่เจอเลย



HLRx

ถ้ารถพรีเมี่ยม วัดกันที่ศูนย์บริการ ผมว่าค่ายญี่ปุ่นพรีเมี่ยม กว่ายุโรปไปนานแล้ว



sk-non

ที่ผมเจอ ของกินดีกว่า โต ฮอนอีก
งานซ่อมสี ตัวถังก็ดีกว่า

ฉางอัน ตัวหรูคือ Avartr
ตัวที่ไปร่วมกับ deepal ผมคนนึงไม่ซื้อ
ไป xpeng หรือ zeerkr ดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2024, 09:52:44 โดย sk-non »



boogie2020

ศุนย์ Mazda แถวบ้านผมนี่งงใจมาก เอาไปกระบะไปเช็คระยะ  แต่ไหงไม่มีเช็ครอบคัน  เจ้าหน้าที่เอาคลิปบอร์ดมาเขียนๆ  ใบรับรถให้ แล้วก็ยื่นให้  มารับช่วงบ่าย ๆ นะคับ จบปิ้ง  ...แต่ก็ดีนะ เร็วดี


ศูนย์ Honda นี่คิวแน่นมากมาย จากระหว่างวีคเนี่ย ไม่มีทางได้วันเสาร์ในวีคนั้น ๆ แน่นอน ต้องจองยาว ๆ  ที่หงุดหงิดสุดที่เคยเจอคือ  ถามว่าคิวแรกกี่โมง บอก 8:30  ผมก็จอง  8:30  ก็เอารถเข้าไปตามเวลา ก็ได้ใบรับ บอกมารับได้เที่ยง  พอไปถึงเที่ยง นั่งรออยุ่ชั่วโมงกว่า  สาเหตุคือ บอกว่ามีรถเข้ามาตอน 8 โมง ทำให้กระทบคิวงาน เลยเลทมา .... แล้วเจ้าคัน 8 โมง มันมาจากไหน ??

ศูนย์ Toyota ผมว่า process ดีที่สุด  มีระเบียบ ตรงเวลา ไม่เนือย ไม่ช้าแบบศูนย์พวก BMW, Benz ที่แม้ที่นั่งของกินกะดูดี  แต่ทำไม process เอกสารช้าขนาดน้าน เสียเวลาชีวิตมาก
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------



Integra Type R

ไม่น่าเป็นไปได้ครับ เหมือนศูนย์จะปิดตัวลงเรื่อยๆ แล้วความพรีเมี่ยม บริการดี ไม่ได้เป็นทุกศูนย์อย่างเช่นความเห็นด้านบนบอกครับ ผมก็ยอมขับไกลจากในเมือง ไปชานเมืองเพื่อได้รับการบริการที่ดี เนื่องจากชาวแก๊งแนะนำกันมา ผจกศูนย์ขับ mazda เหมือนกัน คุยกันถูกคอ เข้าใจคนรักรถเหมือนกัน เลยยอมขับไกลครับ แต่เห็นรุ่นรถของ mazda ตอนนี้เหมือนไม่ได้จูงใจให้ dealer อยู่ได้เลย คนซื้อก็ไม่มีตัวเลือกอี่นๆ ที่ดีเหมือนต่างประเทศให้ซื้อ ไม่รู้ว่าศูนย์ดีๆ จะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ครับ



frame@kk

เอาจริงๆศูนย์ mazda ที่ผมเข้า (ขอนแก่น2ที่) ยังไม่เจอแย่ๆนะครับ พวงมาลัยลอก เคลมไป 3 รอบ กระจกมองข้างเคลมไป 2 รอบ แบต 1 รอบ ก็เคลมง่ายดีไม่มีตุกติก ค่าแรง ชม.ละ 650 บาท ส่วนตัวใช้ mazda2 อะไหล่เบิกศูนย์หลายๆอย่างก็ราคาถูกลงมามากแล้ว เช่นแร็คพวงมาลัย 7000 กว่าบาท ถือว่าไม่แพงเลยถ้าเทัยบกับอีกยี่ห้อ

สุดท้ายผมไม่ชอบเลยที่มีนโยบายให้เติมย้ำยาล้างหัวฉีดทุก 10000 โล รถผมเติมทุกรอบสุดท้ายวิ่งไปแสนกว่าโลหัวฉีดก็ตันอยู่ดี แทบไม่ได้ช่วยอะไร

ผมมีปัญหากับศูนย์โค้ว... คือเอา mazda 3 2014 ที่คุณแม่ใช้ ไปซ่อมอาการเกีบร์กระตุก เกียร์ค้างไม่ยอมเปลี่ยนในบางครั้ง
ซ่อมหมดไป 30,000 ขับปกติได้เดือนเดียวกลับมาเป็ยอีก วนกลับเข้าไปให้เช็ค ตรวจใหม่รื้อลงมา
บอกภายในเกียร์เสียหาย ต้องยกเกียร์ลูกใหม่ 250,000 ผมให้รวยช่างที่ศูนย์เลยอ่ะบอกเลย
ผมหนีเลย ลาขาด เอามาหาซ่อมเองข้างนอกซ่อมไป 2 หมื่นตอนนี้จะ 2 ปีแล้วยังปกติอยู่เลย
ก่อนหน้านี้ก็ซื้อ bt50 ที่นี่ ตอนหลานซื้อ cx-30 ก็ให้ไปซื้อที่ศูนย์หน้ารพ. ตอนนี้หรอ ขอไม่แนะนำใครอีกละกัน พอเลย



GOBBS

ความ premium ในความหมาย จขกท. คืออะไรครับ? ต้องตีความก่อนเพราะเท่าที่อ่านคำตอบ ส่วนมากมาตอบเรื่องมีปัญหาหรือไม่มี
MB/BM premium แต่หลายๆเคสก็ไม่จบปัญหา...toyota ไม่premiumแต่จบปัญหา....problem กับ premium คนละความหมายเลยนะครับ
....จากลูกค้า เข้าศูนย์มา 6ปีเต็มนะ
ถ้าว่า entry premium หนะ ผมว่าใช่ มาสด้าพยายามไปทางนั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่ยกเลิก zoom zoom ที่ดูเป็นวัยรุ่น มาใช้ feel the drive ดูสุขุมขึ้น
CI ปรับใหม่หมดจากขาวฟ้า เป็นดำ+โทนไม้อุ่นๆ ดูหรูดูดีขึ้น สิ่งอำนวยความสบายในส่วนพักคอยดีขึ้นเยอะ
เขาพยายามยกระดับขึ้นมา ผมว่า"entry premium"ไม่เกินจริงครับ...แต่ยังไม่ถึง mid / high premium แน่ๆ เพราะยังไงก็ต้องกดต้นทุน มาสด้าเองต้องลงมาตอบโจทย์ต้นทุนสำหรับลูกค้าอย่าง 2 bt50 ด้วย ไม่ใช่ตอบแต่รถคันละล้านกว่า
สังเกตพวก ad. โบรชัวย์ มาสด้าไหมละครับ คุมโทนชัดเจน product ต่อให้กลุ่มลูกค้าเป็นแบบไหนก็ไม่แหก CI ไปเอาใจ ...เราไม่เห็น BT50 Z edition กันใช่ไหมละครับ ก็ชัดเจนว่า เขาพยายามจะ premium จากวัสดุและการออกแบบ และภาพรวม 2 ดัมพ์ราคาเหลือ 4แสนปลายภายในก็ยังวัสดุดีกว่าเพื่อน ถึงจะลากขายและ airbag 2ลูกก็เหอะ...คนที่ซื้อรถด้วยการสัมผัส การออกแบบ ส่วนมากจะโดนมาสด้าตกไปได้เยอะ น้องๆทีมออกแบบ บ.ผม สอยมาสด้าไป 3คัน ไม่มองรถตลาดเลย ซื้อเพราะข้างในข้างนอกมันสวย touchingดี งานดี แค่นั้นจริงๆ
....ทีนี้นอกเรื่อง เรื่อง problem นะ
ปัจจัยหลักผมมองที่การบริหารแต่ละศูนย์ด้วยครับ ทุกยี่ห้อเลย ฮอนด้าที่ผมเคยใช้ บางศูนย์ดี บางศูนย์ก็มีสาปส่ง
มาสด้า ความแกว่งของศูนย์(คือ ความต่างของดีแย่)จะไม่มากครับ ไม่ค่อยเจอดีโดด เลวจนต้องบ่นเหมือนสมัยฮอนด้า ก็เฉลี่ยๆ ดีมากดีน้อยไม่ค่อยตกมาตราฐาน(หรือผมโชคดีไม่เจอศูนย์กากก็ไม่รู้)
2ดีเซล ที่ใช้มาจะ 6ปี ตัวรถดีระดับนึง คาปาพังก็ชั่งแม่ม อย่างอื่นก็ปกติ 1.8แสนโลเปลื่ยนชุดลูกยางแท่นเครื่องชุดใหญ่ไปหนนึง ราคาหนักอยู่แต่ถ้าเข้าศูนย์ยี่ห้ออื่นก็ไม่หนีกันมาก
ค่าแรง ถ้าดูบิลต่อ ชม.หนะ สูงแต่คิดตามจริง เรทราคาก็เลยออกมาไม่หนีกับค่ายอื่นมาก จะมีแพงขึ้นเพราะบริการเสริม อย่างล้างระบบDPFให้ เบ็ดเสร็จราคาก็แพงกว่า Bseg ค่ายอื่นนิดหน่อย พอรับได้ครับ
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด



Weetting

ผมคิดเล่นๆว่าความพรีเมี่ยมคืออะไร

ตกผลึกจนคิดได้ว่า 

การตกแต่งภายในต้องดู  ดีไซน์ตัวรถ  ซึ่งในสายตาคนทั่วไปต้องยอมรับว่ามันสวยกว่าค่ายอื่นนะ 

แต่สิ่งที่ แบรนด์อย่างพวก MB , BMW , Volvo ให้มาได้คือ ภาพลักษณ์ ของแบรนด์ ที่แบบ รปภ.โบกให้  ซึ่งมาสด้าไม่มีทางทำได้

ทางแก้อาจจะเป็น เปิดแบรนด์หรูของตัวเอง (ซึ่งก็เคยเปิด)  แยกออกไปต่างหาก แบบ Lexus 

เอาเวลา พัฒนาแบรนด์ ไปพัฒนาเครื่องยนต์เถอะ   
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



red898

งงว่าทำไมต้องเอาอาหารมาเป็นตัวชี้วัดศูนยฺบริการด้วยอะครับ

ซ่อมรถก็คือซ่อมรถ ซ่อมหายในราคาreasonableตามเวลาที่นัดหมาย นี่คือตัวชี้วัดครับ



apinui

งงว่าทำไมต้องเอาอาหารมาเป็นตัวชี้วัดศูนยฺบริการด้วยอะครับ

ซ่อมรถก็คือซ่อมรถ ซ่อมหายในราคาreasonableตามเวลาที่นัดหมาย นี่คือตัวชี้วัดครับ

เวลาเข้าศูนย์เนี่ย .. มันใช้เวลาอย่างเร็วๆก็ 1-2 ชั่วโมงครับ และ 2 ชั่วโมงนี้ ถ้าไม่มีอาหารให้กิน ขนมขบเคี้้ยว ของหวาน เครื่องดื่ม  คุณลูกค่าจะรู้สึกอย่างไรครับ

มันคืองานบริการครับ คุณภาพของอาหาร ก็สื่อถึงความพรีเมียมความใส่ใจได้เช่นกัน



rtong

คิดว่าแผนการตลาดของ Mazda ผิด  จึงทำให้ยอดขายตกทั่วโลก 

ศูนย์บริการในไทย  การบริการยังถือว่าแย่  เข้าศูนย์แพงปี 2010 เป็นอย่างไร ปี 2024 ก็เป็นอย่างนั้น  (แพงขึ้นด้วย)  เคยคิดที่จะไม่ซื้อ Mazda แต่สุดท้ายก็เพราะความชอบตัวรถ

แต่ถ้า Mazda จะขายรถหรูขึ้น ถามว่าซื้อไหม  ตอบว่าไม่
เพราะถ้าจะซื้อคงมองรถยุโรปแบรนด์หลักมากว่า เพราะภาพลักษณ์มันดีกว่ามาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2024, 15:37:07 โดย rtong »



off_033

ของจะ premium  สำหรับผมต้องเน้นที่ผลิตภัณฑ์มากกว่าก็คือตัวรถ 

ของต้องดูดี มีราคา ใช้วัสดุอย่างดี  design เป็นเอกลักษณ์

มาสด้า ผมว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น  ถ้าจะเอาราคาหรือการตกแต่งศูนย์มาเป็นตัวเทียบ ศูนย์โตโยต้าแถวบ้านผมอย่างใหญ่ มีอาหาร กาแฟสดบริการ พนักงานโคตรนอบน้อม  แบบนี้หมายถึง premium รึเปล่า  คนส่วนใหญ่ก็ยังคงตอบว่าไม่อยู่ดีครับ



DiKiBoyZ

งงว่าทำไมต้องเอาอาหารมาเป็นตัวชี้วัดศูนยฺบริการด้วยอะครับ

ซ่อมรถก็คือซ่อมรถ ซ่อมหายในราคาreasonableตามเวลาที่นัดหมาย นี่คือตัวชี้วัดครับ

เวลาเข้าศูนย์เนี่ย .. มันใช้เวลาอย่างเร็วๆก็ 1-2 ชั่วโมงครับ และ 2 ชั่วโมงนี้ ถ้าไม่มีอาหารให้กิน ขนมขบเคี้้ยว ของหวาน เครื่องดื่ม  คุณลูกค่าจะรู้สึกอย่างไรครับ

มันคืองานบริการครับ คุณภาพของอาหาร ก็สื่อถึงความพรีเมียมความใส่ใจได้เช่นกัน

ตั้งแต่ใช้รถมา ผมยังไม่เคยเข้าศูนย์ไหน แล้วไม่มีของกิน อดอยากปากแห้งเลยนะครับ

ขนม กาแฟ น้ำอัดลม น้ำเปล่า อาหารว่าง บางศูนย์ มีสั่งอาหารกล่อง(เที่ยง) ให้ด้วย

ขนาดยี่ห้อที่คนด่าๆ กัน ผมเข้าไป ยังมีของกิน มีโซฟา ที่นั่ง จอ ทีวี แซนวิช และ อื่นๆ เช่นกัน

มันไม่กลายเป็นพรีเมียมไปหมดแล้วหรือป่าวครับ แบบนั้น

ของจะ premium  สำหรับผมต้องเน้นที่ผลิตภัณฑ์มากกว่าก็คือตัวรถ 

ของต้องดูดี มีราคา ใช้วัสดุอย่างดี  design เป็นเอกลักษณ์

มาสด้า ผมว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น  ถ้าจะเอาราคาหรือการตกแต่งศูนย์มาเป็นตัวเทียบ ศูนย์โตโยต้าแถวบ้านผมอย่างใหญ่ มีอาหาร กาแฟสดบริการ พนักงานโคตรนอบน้อม  แบบนี้หมายถึง premium รึเปล่า  คนส่วนใหญ่ก็ยังคงตอบว่าไม่อยู่ดีครับ

ไม่ต้องสงสัย ว่า นิยาม คำว่า "พรีเมียม" ของแต่คนไม่เหมือนกันจริงๆ แต่มีของกิน และ ตกแต่งศูนย์ดี ก็ พรีเยียมได้



red898

งงว่าทำไมต้องเอาอาหารมาเป็นตัวชี้วัดศูนยฺบริการด้วยอะครับ

ซ่อมรถก็คือซ่อมรถ ซ่อมหายในราคาreasonableตามเวลาที่นัดหมาย นี่คือตัวชี้วัดครับ

เวลาเข้าศูนย์เนี่ย .. มันใช้เวลาอย่างเร็วๆก็ 1-2 ชั่วโมงครับ และ 2 ชั่วโมงนี้ ถ้าไม่มีอาหารให้กิน ขนมขบเคี้้ยว ของหวาน เครื่องดื่ม  คุณลูกค่าจะรู้สึกอย่างไรครับ

มันคืองานบริการครับ คุณภาพของอาหาร ก็สื่อถึงความพรีเมียมความใส่ใจได้เช่นกัน

สำหรับผมไม่รู้สึกต่างครับ ระหว่างศูนย์ที่มีทั้งอาหารเช้า เที่ยง เก้าอี้นวด โต๊ะทำงาน kidsclub กับอู่นอกที่มีเก้าอี้ผุๆกับน้ำเปล่าขวดนึง อู่นอกสื่อสารกับผมได้ดีกว่าว่าจะทำอะไรกับรถ มีการเรียกไปทดสอบรถด้วยกัน ไม่ทำรถผมเป็นรอย ทำขั้นตอนการซ่อมที่ถูกต้องโปร่งใส ผมสบายใจกับตรงนั้นมากกว่า



-Brian

ขนาดคนไทยส่วนใหญ่ยังมองว่า Honda พรีเมียมกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นอื่นๆเลยครับ เพราะฉะนั้นความพรีเมียมของแต่ละคนมันก็เป็นเรื่องปัจเจกไป

กลับมาที่คำถามของกระทู้นี้ ที่ถามว่าศูนย์ดีพอเทียบกับ Volvo ได้หรือยัง ต้องถามกลับว่าในแง่ไหนครับ

แง่การดูแลรักษา ซ่อมบำรุง จากประสบการณ์ Mazda ดีกว่า

แต่ความรู้สึกเวลาเข้าศูนย์ Volvo มันรู้สึกพรีเมียมกว่า เพราะอะไร? เพราะรถที่จอดขายในนั้นมีแต่ราคา ล้านกลางๆขึ้นไปถึง 3-4 ล้านครับ กลับกันไปเข้าศูนย์ Mazda เจอ BT-50 กับ Mazda 2 จอดขายอยู่ มันจะไปรู้สึกพรีเมียมได้อย่างไร


ถ้าว่ากันที่ตัวรถ เราต้องมองรุ่นใหม่ๆที่ออกมา พวก CX-60 70 80 90 พวกนี้ พอเทียบกับ Volvo XC-60 หรือ 90 ฟีลลิ่งภายใน วัสดุอะไรต่างๆ แทบไม่ได้ต่างกันเลย

ที่ผมกล้าพูดเพราะสัมผัสมาเองแล้วจากทริปสวีเดนล่าสุด โดดลงจาก V60 ไปขึ้น XC60 แล้วไปขึ้น CX60 ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างกันขนาดนั้นเลยครับ

แต่โอเคแหละ ในตลาดเมืองไทย ตัวทำยอดมันคือรถเล็ก เพราะฉะนั้นมันก็ยังคงเป็นแบรนด์แมสทั่วไปแหละครับ ถ้าวันนึงเขาประกาศนโยบาย ขายแต่ Mazda6, CX60 70 80 90 เมื่อไร ถึงจะค่อยเริ่มคิดว่า Mazda จะเป็นแบรนด์พรีเมียม



จากที่ผมเคยใช้ CX-3 2.0 SP อยู่ปีกว่าๆ ผมตอบได้เลยว่า วัสดุ/ดีไซน์ , UI ระบบจอ , Handling-การขับ ,พละกำลังเครื่องยนต์สันดาปล้วน
ขับดีกว่าพี่โตและฮอนเยอะ สมรรถนะใกล้ๆยุโรปขับหน้าแล้ว เว้นแต่ว่า Mazda มันกินน้ำมันดุแค่นั้น
เรื่องศูนย์บริการที่ค่าแรง+อะไหล่แพง(โคตรแพงบางรายการ) ผมถือว่ารถขับดีขนาดนี้ เออมันก็ต้องค่าแรงแบบนี้และ (อันนี้ความคิดผมน่ะอย่าว่ากัน)
อยากได้ค่าแรงและอะไหล่ถูกๆ หมดประกันไปอู่นอกเท่านั้น เหมือนรถยุโรป
ส่วนเรื่องความเป็นพรีเมี่ยม ผมมองไม่ต่างจากค่ายญี่ปุ่นนอื่นๆ ยกเว้น Mazda จะแยกแบรนออกมาอีกระดับเหมือนพวก
Toyota - Lexus
Honda - Acura
Nissan - Infinity
อะไรทำนองงี้ ผมจะมองว่ามันคือพรีเมี่ยมแล้ว

ปล.ตอนนี้ยังอยากที่จะถอย CX-5 minorchange 2.2D อยู่เลย น้ำดันไม่กลัว อู่นอกแก้หายเยอะแยะแล้ว  ;D



เนื้อน่องไม่หนัง

งงว่าทำไมต้องเอาอาหารมาเป็นตัวชี้วัดศูนยฺบริการด้วยอะครับ

ซ่อมรถก็คือซ่อมรถ ซ่อมหายในราคาreasonableตามเวลาที่นัดหมาย นี่คือตัวชี้วัดครับ

เวลาเข้าศูนย์เนี่ย .. มันใช้เวลาอย่างเร็วๆก็ 1-2 ชั่วโมงครับ และ 2 ชั่วโมงนี้ ถ้าไม่มีอาหารให้กิน ขนมขบเคี้้ยว ของหวาน เครื่องดื่ม  คุณลูกค่าจะรู้สึกอย่างไรครับ

มันคืองานบริการครับ คุณภาพของอาหาร ก็สื่อถึงความพรีเมียมความใส่ใจได้เช่นกัน

สำหรับผมไม่รู้สึกต่างครับ ระหว่างศูนย์ที่มีทั้งอาหารเช้า เที่ยง เก้าอี้นวด โต๊ะทำงาน kidsclub กับอู่นอกที่มีเก้าอี้ผุๆกับน้ำเปล่าขวดนึง อู่นอกสื่อสารกับผมได้ดีกว่าว่าจะทำอะไรกับรถ มีการเรียกไปทดสอบรถด้วยกัน ไม่ทำรถผมเป็นรอย ทำขั้นตอนการซ่อมที่ถูกต้องโปร่งใส ผมสบายใจกับตรงนั้นมากกว่า

ถ้าเคลมว่าแบรนตัวเองพรีเมี่ยม มันควรจะดูแลลูกค้าแบบพรีเมี่ยมด้วย
ถ้าตัวรถราคาสูง อะไหล่แพง เซฮวิสแพง มันก็ควรจะสะท้อนมาให้ลูกค้าเห็น และรับรู้ได้บ้าง
อาหารที่กินให้อิ่มได้มันก็เป็น มาตรฐานครับ แต่ความรู้สึกของลูกค้าที่กิน บะหมี่ถ้วย กับอาหารทำใหม่ มันต่างกัน
เหมือนกับบริการกาแฟซอง เทียบกาแฟสดกดเองจากเครื่องFullAutoพร้อมฟองนม หรือมีคนชงให้ใหม่ๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2024, 22:00:46 โดย เนื้อน่องไม่หนัง »



helloweentz

ตอนนี้ยังไม่ใช่ รอดูอนาคต ไม่แน่  :P
BRV 2016
Mileage :  173,583
รายการซ่อม :
เกียร์
แอร์
โช๊คหลัง
ลูกยางยึดท่อ
เพลาขับ



bobsan




ศูนย์มีไม่เยอะน่าจะควบคุมง่าย

แต่ตัวรถเนี่ย ต้องพรีเมี่ยมด้วย เหมือนอย่างหลายความเห็นข้างต้น
ลองคิดเล่นๆว่าถ้าเอา 3 มาอัพเครื่อง อัพความสวย แล้วขายที่ 1.8 ล้าน แล้วยังขายได้ก็นับว่าพรีเมี่ยมได้








PREM

ผมว่ารถยุคใหม่มันก็ดีนะครับ อย่าง CX30 เนี่ยไปลองจับลองขับ ฟีลลิ่งมันดีกว่า HRV, Corolla Cross ชัดเจน จนเลือกมาใช้ ใจจริงก็อยากให้ CX60 มาไทย เครื่องหกสูบสักรุ่นก็จะยิ่งดี

และตั้งแต่ศูนย์แถวๆบ้านปิดไปหมดจนตอนนี้ต้องไปเข้าพระราม 7 พบว่าบริการก็ดีเช่นกัน ผมให้ความ professional ของบริการดีกว่าวอลโว่สาขาแถวบ้านด้วยซ้ำ เซอร์วิสแพงกว่าเขาหน่อยจึงเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ผมรับได้ นี่อาจจะเป็นแนวทางอัพเป็น premium ของมาสด้าก็ได้
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP



Auto

  บอกเล่าให้มุมของผมบ้างนะครับ     ผมมี ปสก เอา Mazda MX5 ไปเข้าศูนย์ไซม์ดาร์บี้ศรีนครินท์  เรื่องของกินจัดเต็มมาก เครื่องดื่ม ผลไม้ ไอศครีม ที่นอน ห้องบริการจัดไว้ดีสะอาด หรูหรา    ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ ISUZU CCK เส้นกิ่งแก้ว ราชาเทวะก็จัดเต็มแทบจะเหมือนกับเป็นระดับเดียวกับ Mazda แล้ว   แถมตอนเช้ามีข้าวต้มให้กินอีกด้วย อิ่มท้องไปเลย    เพราะฉะนั้นความพรี่เมี่ยมของ Mazda  ตรงจุดนี้คงไม่ที่สุดแล้วละ       
  เรื่องค่าบริการชั่วโมงละ 750 บาท  ที่ผมเจอมาไม่รู้สึกว่าแพงมาก   แต่ที่แพงเลยคือถ้ามีซ่อมเปลี่ยนอะไหล่หลักที่ไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองผมว่า Mazda แพงทุกรุ่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน  คงจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปไม่ได้     
   เรื่องการบริการ การซ่อมไม่ได้ว้าว    ขนาดเป็นศูนย์ฝึกอบรมช่างของ mazda  ผมยังรู้สึกว่าเฉย ๆ   

   ก่อนที่ผมจะซื้อ Mazda MX5 คันนี้มา   เคยติดต่อเซลนัดหมายล่วงหน้าจะไปทดลองขับ  ที่โชว์รูมเส้นวิภาวดีเลยตึกการบินไทยไปหน่อยนึง      เซลยกแม่น้ำทั้ง 5 เป็นนโยบายของ Mazda  ถ้าจะให้ทลองขับต้องปิดการขายได้    คือผมอยู่ในคลับ MX5  คนอื่นเค้าก็ไปทดลองขับก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรถ้าไม่ได้ซื้อ       วันนั้นผมหงุดหงิดก็เลยชวนแฟนกลับออกมาเลย    ไม่ดูรถหรือดูข้อเสนอของเซลทั้งสิ้น       กลับมาซื้อรถมือ 2 ในคลับ MX5 ไปเลย  ไม่อยากอุดหนุนรถใหม่ Mazda  ที่วางเงื่อนไขไว้เยอะเกินไป  สร้างเงื่อนไขอะไรให้มันวุ่นวายทั้งที่ตอนซื้อหรือตอนเข้ารับบริการผมไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือเห็นว่า Mazda MX5  จะทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน    ทั้งที่รถรุ่นนี้ความจริงคือรถธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษ    มันแพงเพราะเป็นรถนำเข้าแค่นั้น    สมัยนี้คนรู้ทั้งนั้นละลูกค้าฉลาดขึ้นแค่หาข้อมูลในเนตก็ทราบหมดแล้ว

     อุปมาเหมือนรถ SUZUKI JIMNY  นั่นละ  ใครก็รู้ว่ารถมันราคาที่ญี่ปุ่น 7-8 แสนบาท  มาตรฐานของรถราคาแค่นี้มันก็มีอ็อพชั่นเท่านี้   แต่มาขายไทยมันแพงเพราะภาษีนำเข้า   ถ้าค่าย SUZUKI  จะไปวางตำแหน่งรถเป็นรถพรีเมี่ยม แตะต้องไม่ได้    ลูกค้าเค้าก็ไม่เอาด้วยหรอก   เพราะมันคือรถธรรมดาคันนึงเท่านั้นเอง

         เช่นเดียวกับแบรนด์ MAZDA ในตอนนี้   มันคือรถ Mass ธรรมดาไม่ได้ลักชัวรี่ นิชคาร์     จะไปวางแบรนด์ให้มันพรีเมี่ยม อยู่สูง สร้างเงื่อนไขอะไรมากมาย  ผมว่าไม่ใช่ ลูกค้าไม่เอาด้วยหรอก      สร้างเงื่อนไขไว้แบบเดียวกับกรณี Mazda MX5   ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไป สุดท้ายลูกค้าหนี   

 แล้วลูกค้า Mazda ที่ซื้อรถไปมีน้อยคนมากที่จะหวนกลับมาซื้อ Mazda  ซ้ำอีก     ผมคนนึงด้วย  ที่ไม่เคยคิดกลับไปซื้อรถ Mazda         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2024, 10:46:36 โดย Auto »



Auto

  เพิ่มเติม   ภาพลักษณ์ที่ลูกค้า Mazda ติดตาฝังใจ  แก้ยากเพราะเรื่องมันเกิดไปแล้ว

     1. ฟ้องร้องลูกค้า  จนศาลตัดสินชี้ขาด 
     2. รถดีเซลมีอาการน้ำดัน กลัวปัญหา แก้ไม่จบ
     3.ราคาซ่อมแพง  แบรนด์ญี่ปุ่นแต่ค่าซ่อมน้อง ๆ  รถยุโรป
     4. Mazda 2 ดีเซลใช้งาน 1-2 แสนโล  ค่า Maintenance รวมตั้งแต่ซื้อตกประมาณ 1 แสนบาท + 
     5. การเอาไใจใส่ลูกค้าให้ถึงจิตใจ  ผมว่า Mazda ยังห่าง ๆ  แบรนด์หลักที่เขาจงรักภักดีกับแบรนด์นั้น 

       ผมไม่รู้เหตุผลที่ Mazda จะทำแบรนด์พรีเมี่ยมไปเพื่ออะไร        แต่บริษัท Mazda เป็นบริษัทที่เล็กเมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจของ TOYOTA MISU NISSAN    น่าจะมองตัวเองเป็นแบรนด์รองมาก  ๆ แล้วหันมาทำรถให้ดี บริการให้ดี สมกับเป็นแบรนด์รองเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าแบรนด์หลักจะดีกว่า     มันจะทำให้ลูกค้าอื่นกลับมาสนใจ Mazda บ้าง