[nobody123]

สมาชิกทราบไหมครับ รถ PHEV บางคัน ชาร์จไฟจากน้ำมันได้ และการชาร์จนี้ ‘เร็วกว่า’ เครื่องชาร์จติดผนังที่ผมติดผนังเสียอีก
จากการทดสอบวิ่งบนทางพิเศษ 90-120 กม./ชม. เป็นระยะเวลาประมาณ 25 นาที ไป 44.3 กม. (เฉลี่ยกลม ๆ 100 กม./ชม.) รถผู้เขียนสามารถปั่นไฟได้ 2.9 kW หรือ เทียบถ้าวิ่งหนึ่งชั่วโมง จะปั่นไฟได้เสมือนเครื่องชาร์จติดผนังขนาดประมาณ 7 kWh โดยรถกินน้ำมันที่ความเร็วดังกล่าวพร้อมชาร์จ 13 กม./ล. (หากไม่ชาร์จ รถจะกินน้ำมันดีกว่านี้อีก)
ถามว่าคุ้มไหม ถ้าพิจารณาเช่น เมื่อลงมาวิ่งพื้นราบชานเมือง ความเร็วประมาณ 70 กม./ชม. จะเหมาะกับการใช้ไฟฟ้ามากกว่าน้ำมัน
นอกจากนี้ รถผู้เขียน และหลายยี่ห้อ สามารถสั่งการให้รถตัดสินใจเองได้ ว่า ความเร็วใดตัดไฟฟ้าใช้น้ำมันไปเลย โดยกำหนด ‘ปลายทาง’ (ถ้าไม่กำหนด วิ่ง 110-120 กม./ชม. ก็ยังมีการใช้ไฟฟ้า ทั้งที่ความเร็วดังกล่าวตัดมาใช้น้ำมันก็ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศพอ ๆ กัน)


เช่นในภาพที่สอง ผู้เขียนกำหนดปลายทางพื้นราบไว้อีกประมาณ 73.7-44.3 = 29.4 กม.จะกินน้ำมันเฉลี่ยดังรูป 17.5 กม./ล.
และหากถ้าพิจารณาเฉพาะพื้นราบกินน้ำมันเท่าใดโดยการเทียบบรรญัติไตรยางศ์ จะคำนวณได้ว่า ในระยะทาง 29.4 กม.นั้น จากการขับความเร็วแตะร้อยต้นๆ กม./ชม. แต่มีชะลอ (เฉลี่ยกลม ๆ 60 กม./ชม.) จะกินน้ำมันอยู่ที่ 37 กม./ล. โดยมีการใช้ไฟเกินจากที่ชาร์จไปเล็กน้อย (ผู้เขียนไม่ได้ชาร์จจากเมื่อแบตคายประจุหมด แต่ชาร์จจากแบตเหลือสี่ขีด)

[DiKiBoyZ]

ขับไปชาร์จไป ตั้งอืด และ กินน้ำมันเพิ่ม มันไม่คุ้มเลยครับ ให้มันชาร์จกลับตอนรีเจนดีกว่า

จากการใช้โหมด B ของ 330e ไม่คุ้มเลย หน่วง อืด และกินน้ำมันเพิ่มด้วย

ปล.น่าจะให้เครดิตข้อมูลที่อ้างถึง หรือ ใช้คำว่า ผู้เขียน นั้นด้วยนะครับ

[PaPaMan]

เสียบชาร์จไฟบ้านคุ้มที่สุดครับ


แต่มันจะคุ้มค่าบ้างในกรณีที่แบตเราเหลือน้อยแล้วกำลังขับลอยตัวบนทางด่วนหรือทางหลวงระหว่างเมืองแล้วปลายทางต้องขับต่อในเมืองการจราจรหนาแน่น แบบนี้ผมจะกด save batt ให้มันชาร์จแบตเพิ่มเพื่อเอาไว้ไปวิ่งไฟฟ้าต่อในเมืองตอนปลายทาง มันดีกว่าไปวิ่งแบบ hybrid ที่ปลายทางครับ


ถ้าชาร์จด้วยน้ำมันคุ้มกว่าเสียบชาร์จก็ไม่จำเป็นต้องมีช่องเสียบชาร์จครับ คิดง่ายๆแบบนี้

[nobody123]

จขกท./ผู้เขียนทำการทดลองเพิ่ม พบว่าค่าใช้จ่ายประมาณเทียบเท่าจอดชาร์จ On-peak ตู้แพง หากท่านเติมน้ำมัน E20 (หากท่านเติม Benzene 100 ดังผม จะแพงกว่า)
จากรูปแรก ผมวิ่งชาร์จความเร็วเฉลี่ย 100 km/h ไป 25 นาทีนิด ๆ เป็นระยะ 44.3 กม. กินน้ำมัน 7.7 l/100km หรือใช้น้ำมันไป 3.4111 l
อีกรูปนี้ ผมวิ่ง Hold bat และไม่ชาร์จ ความเร็วเฉลี่ยเท่าเดิม ไป 25 นาที เป็นระยะ 43.5 กม. กินน้ำมัน 5.9 l/100km หรือใช้น้ำมันไป 2.5665 l
ปริมาณน้ำมันที่ระยะพอ ๆ กัน (44 กม.) ต่างกันระหว่างชาร์จกับไม่ชาร์จ ตีกลม ๆ สองหลัก 0.84 l หรือคิดเป็นเงินสำหรับน้ำมันแพงอย่างผมเติม Benzene 100 = 37.41 บาท แต่ถ้าเติม E20 จะเหลือเพียง 28.1736 บาท ได้ไฟมาสิบขีด (2.9 หน่วย)
ซึ่ง ถ้าชาร์จเครื่องชาร์จทั่วไป On-peak หน่วยละ 7.5 บาท = 21.75 บาท / ถ้าเครื่องคิดแพงหน่อย เท่าทีทราบหน่วยละ 8.7 บาท = 25.23 บาท
ถึงใช้น้ำมันชาร์จแพงกว่านิดหน่อย แต่อย่าลืม ว่า ท่านไม่ต้องจอดชาร์จ ท่านขับไปชาร์จไปสบาย ๆ
แน่นอนว่า หากท่านสะดวกจอดชาร์จเวลา Off-peak ผู้ให้บริการก็จะคิดค่าชาร์จอีกเรตนึง ถูกกว่าเยอะ