« เมื่อ: มีนาคม 24, 2025, 21:32:31 »
ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ทาง Microsoft จะเลิกสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ซึ่งบริการทางเทคนิด และระบบความปลอดภัย จะไม่มีอีกต่อไป ทว่า Windows 10 ยังคงตำแหน่งระบบปฎิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุดทั่วโลก จะเกิดอะไรขึ้นหากวันนั้นมาถึง
.
"มีเครื่อง PC กว่า 240 ล้านเครื่อง ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้"
.
ตามข้อมูลจากทาง Statcounter เผย Windows 10 มีสัดส่วนผู้ใช้งานมากถึง 58.7% ในขณะที่ 38.1% เป็นของ Windows 11 ตัวอย่างเช่น PCs for People องค์กรการกุศลแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ที่คอยนำเครื่อง PC เก่า ๆ มาซ่อมแซมให้ใช้งานได้ และแจกจ่ายให้กับผู้ที่ขาดแคลน แต่แน่นอนว่าเครื่องเหล่านั้นยังใช้ Windows 10 แต่ข่าวการเลิกสนับสนุน Windows 10 ของ Microsoft ก็กำลังสร้างความกังวลอย่างมาก สืบเนื่องจากเครื่อง PC รุ่นเก่าหลายรุ่น ไม่สามารถใช้งาน Windows 11 ที่เป็นระบบปฎิบัติการตัวล่าสุดได้ เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
.
ตามข้อกำหนดของ Windows 11 ต้องมีสเปกอย่างน้อยซีพียู Intel เจน 8 ขึ้นไป ฝั่ง AMD ก็ต้องเป็น Ryzen 2000 ขึ้นไป พร้อมกับแรมขนาด 4GB และพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 64GB จุดสำคัญคือต้องมีความเข้ากันได้กับ TPM 2.0 หรือระบบความปลอดภัยสมัยใหม่ด้วย แน่นอนว่าหากใช้ 2 ซีพียูดังกล่าวคงไม่มีปัญหา ทว่ากับเครื่อง PC รุ่นเก่าส่วนมาก มักมีชิปซีพียูที่ต่ำกว่าความต้องการของ Windows 11 จึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการอัปเกรดในปัจจุบันนี้เอง
.
ถ้าหากใช้ Windows 10 ต่อไป ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเสี่ยงผิดกฎระเบียบ GDPR ที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลทั่วไปด้วย ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ ก็อาจส่งผลให้ต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมาก สุดท้ายเครื่อง PC ที่ใช้ได้เฉพาะ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 ไม่ได้ ก็อาจกลายเป็น E-Waste หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ในที่สุด และมีจำนวนมากด้วย
.
"การใช้งาน Windows 10 ในตอนนี้ ถือเป็นความคิดที่แย่"
.
Chester Wisniewski ซีอีโอของ Sophos ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยจากอังกฤษ ได้กล่าวกับทางสื่อ Tom's Hardware พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า Microsoft กำลังทำให้อุปกรณ์ PC ในองค์กรล้าสมัย พร้อมกล่าวเหน็บว่า "พวกเขา" (หรือ Microsoft) คงไม่อยากให้ใครใช้ Windows มากขึ้น
.