เอามาแปะข้างล่างนี้นะครับ เห็นได้ว่า ไม่ว่า review รุ่นไหนจะดีแค่ไหน
แต่ปัญหาจากการใช้งานจริงจากคนใช้งาน มันก็ทำให้เรามารู้ทีหลังจริงๆ
ปกติ ถ้าเทียบ Fortuner vs Pajero Sports ผมจะเชียร์ Pajero Sports ให้ ทั้งๆ
ที่บ้านผมใช้ Fortuner และผมก็โอเคกับมันนะ แต่จากการที่ได้ลอง ได้
ดูเสป็คต่างๆ ผมรู้สึกว่า Pajero Sports มันดีกว่าจริงๆ ญาติซื้อมาใช้ก็ชมว่า ดีมากๆ
เลย รุ่นนี้ดีที่สุดใน class แล้ว แต่สุดท้าย มันก็เป็นอีกรุ่นที่มีปัญหา
ผมจึงได้แง่คิดอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้ามีคนมาถามความเห็นผม ผมควรจะพูดแบบกลางๆ
ดีกว่า และคงต้องพูดว่า สมรรถนะของรุ่นนั้นๆ ดี แต่ในการใช้งานระยะยาว อันนี้ยัง
ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะรุ่นนี้เพิ่งออกมาใหม่ หรือ ถ้ารุ่นนั้นๆ ออกมานานแล้ว คง
แนะนำให้เค้าเข้าไปศึกษาหาปัญหาลึกๆ ใน club ของรุ่นนั้นก่อน
นี่ผมก็แนะนำ Pajero Sports เค้าไปเยอะเลย ส่วนใครจะซื้อ Fortuner ผมแค่บอกว่า
มันโอเค ไม่ได้เชียร์อะไรมากมาย ยกตัวอย่างอีกรุ่นก็คือ Fiesta รถออกแบบมาีดีข่ม
Mazda 2 ได้ทุกด้าน แต่ปัญหา defect เยอะและเป็นกันถ้วนทั่วมาก จากเดิมที่ผมสนใจ
Fiesta มากๆ ถึงตอนนี้ผมตัดออกไปเรียบร้อย ถึงสมรรถนะ Fiesta มันจะดีมากๆ แต่คง
ไม่เสียดายอะไรมาก เพราะในชีวิต ได้ใช้ B car มาหลายปีมากๆ จะได้เขยิบไป segment
อื่นบ้างซะที ตอนนี้ที่ยังภูมิใจอยู่ ก็คือการแนะนำให้พี่สาวแฟนซื้อ March เพราะมันคุ้มค่า
และยังไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากมีปัญหาขึ้นมา ผมก็คงจ๋อยเมื่อเจอกับพี่เค้า ผม
เบื่อคำว่า
"รถรุ่นไหนๆ ก็มีปัญหาทั้งสิ้น" เพราะมันไม่ใช่คำพูดที่จะมาใช้กันบ่อยๆ จนเปรียบ
เสมือนคำแก้ตัวให้กับรถแต่ล่ะรุ่นไปแล้ว
เพราะอย่างน้อย ก็ต้องไม่ใช่มีความถี่ที่จะเจอแทบทุกคันถ้านานๆ เจอกันซักคัน อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ ผมก็เคยทำงานอยู่ในวงการมานาน เดินผ่านเดินดู
ไลน์แทบทุกวัน เพราะมันอยู่ข้างๆ office ผมเลย ผมเข้าใจว่ามันต้องมี defect กับบาง part บ้าง
แต่ต้องไม่ใช่เป็นแทบทุกคัน หรือเป็นกันหลายๆ part ไม่งั้นรุ่นๆ นั้นถือว่าแย่แล้ว การแก้ไข
ต้องใช้เวลา ยิ่งเมืองไทยไม่มีการ recall ดังนั้นพยายามเลือกรถที่ไม่มีปัญหาใช้เท่าที่จะทำได้
จะดีที่สุด อย่าไปหวังจะ claim ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดประกัน เพราะ part ที่ต้องให้ไป claim
มันก็มีสิทธิ์ต้องไป claim ต่อไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่า part นั้นๆ จะแก้ไขได้เมื่อไหร่ ทำให้ต้องใช้
เวลากับรุ่นๆ นั้นมากเป็นพิเศษ
กลับมากระทู้ตัวนี้ คุณนิค แกรวบรวมไว้ เพื่อที่ว่า ถ้ารับกับข้อเสียเหล่านี้ได้ ก็ไม่มีปัญหาที่จะซื้อ
Pajero Sports มาใช้ ซึ่งมันก็เป็นรถรุ่นนึงที่มีรูปร่างหน้าตา สมรรถนะ ดีมากรุ่นหนึ่ง และยิ่งจะมีการ
เปลี่ยนเป็น 2.5 VN Turbo ในต้นปีหน้า มันยิ่งมีเครื่องยนต์ที่ร้อนแรงมากขึ้น ช่วงล่างก็ดี ดังนั้น
Pajero Sports ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากอยู่ดี ก็อยากให้เพื่อนๆ มอง
ประเด็นเหล่านี้ไว้ จะได้เห็นทุกๆ ด้าน ด้านดีด้านเสียต่างๆ ครับ คำว่า
รถทุกรุ่นล้วนมีข้อดีข้อเสีย คำนี้ยังใช้ได้ดีอยู่ ตรงกันข้ามกับประโยคที่ว่า
"รถรุ่นไหนๆ ก็มีปัญหาทั้งสิ้น" อย่างที่ผมได้ยก
ตัวอย่างให้ฟังไปแล้วครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.pajerosportsociety.com/society/index.php?topic=4893.msg177223#msg177223 ### คุณพร้อมแค่ไหน กับ Mitsubishi Pajero Sport ###
ไม่มีอะไรมาก... รวบรวมมาให้อ่านเล่นๆ .... เผื่อเพื่อนใหม่ยังไม่รู้...
ตัวรถ...
1. โช้คอัพรั่ว แตกง่าย โคลงเคลง หยวบยาบ
2. เฟืองท้ายหอนที่ความเร็วเข้าใกล้ 90 MMTh แจ้งว่าเป็น Characteristic ของรถรุ่นนี้
3. เกียร์กระตุกที่ความเร็ว 30 (Shift Shock) MMTh แจ้งว่าเป็น Characteristic ของรถรุ่นนี้
4. พวงมาลัย หนังบาง ลอกล่อน แกนพวงมาลัยดัง น้ำมันเพาเวอร์ก็รั่วบ่อย
5. เบรคดัง ปั๊มชอบรั่ว
6. ที่ปัดน้ำฝนกระโดด เสียงดัง
7. เครื่องวูบ ปัญหาจาก SCV วาล์ว
8. กระจกมองข้างสั่น เมื่อขับเกิน 110 มองหลังลำบาก
9. กระจกหน้าแตกง่าย หากระวังแล้วก็ตาม
10. ขับลุยฝน ฝ้าขึ้นโคมไฟ MMTh แจ้งว่าเป็น Characteristic ของรถรุ่นนี้
11. ยางลื่น เข้าโค้งแรง หลุด หักเยอะมีกลิ้ง
12. สีชอบหลุดล่อนตามชายกันชน เป็นตั้งแต่ป้ายแดง
13. เบาะหน้านั่งไม่สบาย โยกคลอน หนังแตกง่าย
14. กลิ่นชอบเข้ารถ
15. หลังคาสีด่าง
16. ยางขอบโป่งล้อ เปื่อยยุ่ย
17. จอชอบดับ
18. ไฟเครื่องชอบแอบโชว์ เดี๋ยวตกใจ ว่าเครื่องมีปัญหา
19. ขึ้นลงไม่ระวัง เพราะรีบๆ อาจเจอเบาะด้ายขาด หรือกรอบยึดชุด Control เบาะหลุด สลักหัก
20. 2.5 ออกตัวอืด ไม่ทันใจ
21. สนิมที่ชายขอบประตูด้านใน......ตามนี้....
http://www.pajerosportsociety.com/society/index.php?topic=6797.new#newตัวศูนย์บริการ...
1. แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ชอบอ้างว่า ปกติ
2. ราคาไม่มีมาตรฐาน โชคดีได้ถูก โชคร้ายได้แพง
3. แต่และศูนย์ใช้น้ำมันเครื่องไม่เท่ากัน บ้างก็ 7 ลิตร บ้างก็ 8 ลิตร
4. แถมรอยตรงโป่งข้างฝากระโปรงมาให้ทุกครั้ง
5. Call Center ทำงานตามเวลาราชการ พึ่งไม่ได้ยามจำเป็น
6. เซลล์ หมกเม็ด ไม่จริงใจ
ตัวคุณเอง...
1. ต้องมีความรู้เรื่องรถยนต์พอสมควร
2. ต้องมีเวลามากพอ เข้าศูนย์บ่อย วันเสาร์ คิวยาวเหยียด
3. ต้องมีเงินมากพอ เพราะแต่ละศูนย์ ราคาไม่เท่ากัน
4. ต้องมีความอดทด อดกลั้นอย่างยิ่งสำหรับการตอบ และแก้ปัญหาของช่าง
5. ต้องมีเพื่อนมากๆ เอาไว้ปรึกษาปัญหาแทนช่าง
หากคุณพร้อม และ รับได้กับสิ่งเหล่านี้ ก็เข้าสู่โลกของ Mitsubishi Thailand ได้...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------