ทำไมเราต้องซื้อรถเป็นของตัวเองด้วยครับ

[wpookpho]

คือไม่ได้ตั้งใจกวนนะครับ แต่หลังจากใช้รถมาหลายปี และได้อ่านข่าว "Mercedes และ BMW ไอเดียเจิด ผลักโครงการเช่ารถให้ใหญ่ขึ้น"

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2183:mercedes--bmw--&catid=47:worlds-news&Itemid=55

ตัวผมเองเกิดสนใจแนวคิดนี้ และลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงต้องการซื้อรถเป็นทรัพย์สินด้วย ทั้งๆ ที่มันเป็นของที่มีแต่ค่าใช้จ่ายล้วนๆ (ตั้งแต่เงินดาวน์, ค่าผ่อนรถ, ค่าเชื้อเพลิง, ค่าภาษีประจำปี, ค่าประกันรถยนต์, ค่าบำรุงรักษา, ค่าปรับเมื่อทำผิดกฎจราจร, ค่าแต่งรถให้เป็นตามใจเรา ฯลฯ)

และพอใช้งานไปถึงระยะเวลาหนึ่งเราก็ต้องขายรถคันนั้นออกไป (ไม่ว่าจะด้วยค่าซ่อมบำรุงที่เริ่มสูงขึ้นมาก, อะไหล่หายาก, วิถีชีิวิตเปลี่ยนไป, มีครอบครัวแล้วต้องการรถเพื่อลูกๆ หรือผู้สูงอายุ, เบื่อรถรุ่นนี้แล้ว หรือมีรถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า) เพื่อไปซื้อรถคันใหม่

หากตัดประเด็นเรื่องอื่นๆ ออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นต้องการมีรถเพราะระบบขนส่งมวลชนไม่ดี, คิดว่ารถเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของบ้านที่ซื้อมาแล้วจะไม่ขาย หรือ ไม่น่าจะเป็นไปได้ทางธุรกิจในเืมืองไทยเพราะอาจจะมีคนเช่าแล้วเอาไปขายที่ชายแดน เอาเฉพาะว่าหากต้องการใช้รถแล้วจำเป็นต้องซื้อเป็นทรัพย์สินเท่านั้น

เลยอยากถามความเห็นของท่านอื่นๆ ในนี้ว่า

1. ทำไมถึงต้องการเป็นเจ้าของรถ โดยการซื้อรถเป็นทรัพย์สินครับ

2. ถ้ามีโครงการให้เช่ารถมาใช้งานอย่างที่ข่าวด้านบนเกิดขึ้นในเมืองไทยจริงๆ จะมีใครสนใจบ้างหรือเปล่า

[Valkilrey]

เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆ และคำตอบก็คงต้องใช้หัวคิดพอควร มานั่งรอฟังไอเดียดีๆจากทุกท่านอยู่ครับ

[nonpatan]

ผมสนใจนะ ถ้าสู้ราคาได้ แต่ประเด็นคือ บ้านเราสามารถใช้รถได้นานมากๆไม่เหมือนเมืองนอก เพราะซื้อรถแพงแต่จ่ายค่าอื่นถูกกว่า
ถ้าเกิดว่าค่าเช่าน้อยกว่า ค่าซ่อมบำรุงสำหรับรถ ทั่วไปก็น่าสนเหมือนกัน อืกอย่างถึงแม้ว่ารถจะเป็นหนี้สิน แต่ว่าบางคนรักรถเผลอๆ
ซื้อคันใหม่โดยที่ไม่ขายคันเก่าก็มีเยอะแยะไปนะครับ(เอาไว้เก็บ)

[HIGHSEA]

ตอบข้อ 1. แล้วกันครับ
ที่ซื้อเพราะว่า ผมรักและมีความสุขที่ใด้อยู่กับมันครับ ตั้งแต่เด็กพ่อผมก็ดูแลรถเป็นอย่างดีตั้งแต่ซื้อมาใหม่ๆจนเกือบๆจะ20ปีแล้วก็ตาม
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รถราคาแพงก็เถอะ มีความสุขที่ใด้ขับและก็เช็ด ล้าง ทำความสะอาดด้วยตัวเอง อยู่กับรถใด้ทั้งวันไม่มีเบื่อครับ

[boykung]

ก็ต้องดูเป็นกรณีไป ถ้าใช้รถบ่อยๆ ผมว่าไม่สะดวกที่จะไปเช่า มีรถเป็นของตัวเองไปเลยจะดีกว่าสะดวกกว่า

ยกเว้นมีทริปต่างจังหวัด เช่ารถตู้เที่ยวเป็นกลุ่ม หรือทริปลุยเขาเช่าSUV  หรือเที่ยวฮันนีมูนกับแฟนเช่ารถ sport coupe

[prai]

แนวคิดของทั้งสองค่ายยังคงไม่มีในไทย

คิดเป็นเงินไทย/ชั่วโมง มันก็หนักเอาอยู่เหมือนกัน
และอย่าลืมว่า คุณไม่ได้อะไรมาเป็นของคุณเลย

มันเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถน้อยจริงๆ น้อยมากๆ และมีฐานเงินเดือนพอมากสมควร เน้นเลยว่ามาก
เพราะสมมุติคุณจะเช่า ซี่รี่ย์ 5 ราคา 30.5$/ชั่วโมง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 900 กว่านิดๆ
สมมุติคุณใช้มันแค่ขับไปทำงาน ไปกลับแค่วันล่ะ 1 ชั่วโมง 1 เดือน เวลาทำงาน 20 วัน ก็เท่ากับใช้รถเดือนล่ะ 20 ชั่วโมง
ตกเดือนล่ะ 18,000 กว่าบาท หรือปีล่ะ 216,000 กว่าบาท ดูเหมือนไม่แพง แต่คุณอย่าลืมว่า คุณแค่เช่ามาขับ ไม่ได้เป็นของคุณเองเลย
และผมเชื่อว่า ถ้าเมืองไทยมี คงไม่ใช่ราคานี้แน่นอน ราคาต่อชั่วโมงมันต้องแพงกว่านี้อยู่แล้วเป็นธรรมดา

[apinui]

สำหรับผม ...

การมีรถเป็นของตัวเอง มันได้ความสบายใจล้วนๆครับ

1.ไม่ต้องอาศัยชาวบ้าน
2.อยากไปไหนก็ไป ไกล้ไกลไปได้หมด ...
3.ถึงจะมีค่าใช้จ่าย แต่คนมีรถใช้ บ่งบอกฐานะของคนใช้ได้
4.จากข้อ3 ถ้าคนรวยไม่มีรถใช้ ก็ไม่ถูกเรียกว่าคนรวยครับ ... คนรวยต้องมีรถหรูๆหลายๆคัน มันเป็นเรื่องของวัตถุนิยมครับ
5.การขับรถบางครั้งก็สร้างความสนุกให้กับชีวิตได้เช่นกัน

สำหรับกรณีรถเช่า สำหรับผม ไม่สนใจครับ ระยะยาว ซื้อถูกกว่าเช่าแน่นอน ... รถเช่าเหมาะสำหรับคนไม่มีรถเป็นของตัวเอง และใช้น้อยหรือใช้เมื่อยามจำเป็นครับ ..แต่โดยนิใสคนไทยแล้ว รถเช่า เจ๊งแน่นอนครับ ... เกิดยาก ....

และกระแสวัตถุนิยมของคนไทย ถ้าคุณบอกสาวๆหรือเพื่อนๆว่า รถเช่ามาขับ ก็ร้องหยีกันหมด ... แต่ถ้าบอกว่าซื้อมา ... ก็จะได้ความนิยมที่ต่างกันครับ ...

[wpookpho]

ก็ต้องดูเป็นกรณีไป ถ้าใช้รถบ่อยๆ ผมว่าไม่สะดวกที่จะไปเช่า มีรถเป็นของตัวเองไปเลยจะดีกว่าสะดวกกว่า

ยกเว้นมีทริปต่างจังหวัด เช่ารถตู้เที่ยวเป็นกลุ่ม หรือทริปลุยเขาเช่าSUV  หรือเที่ยวฮันนีมูนกับแฟนเช่ารถ sport coupe

กรณีเช่าเป็นครั้งๆ เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ ผมเห็นด้วยว่าการเช่ารถน่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าอยู่แล้วครับ

ส่วนกรณีที่ใช้รถบ่อยๆ ต่อเนื่องนั้น ถ้าเป็นลักษณะเดียวกับรถประำจำตำแหน่งที่บริษัทเช่ามาให้กับผู้บริหารหล่ะครับ คือทำสัญญาให้เราเป็นผู้ครอบครองรถคันนั้นๆ ไปเลย 3 ปี หรือ 4 ปีก็ว่าไป โดยเราจ่ายเฉพาะค่าเช่ากับค่าเชื้อเพลิงเอง

จะเหมือนกับมีรถเป็นของตัวเองที่ปกติเราก็เป็นผู้ครอบครอง ซึ่งจะเอารถไปใช้แค่ไหนก็ได้ ส่วนเจ้าของรถคือ Finance (จนกว่าจะจ่ายค่าผ่อนรถหมด) แต่ต่างกันที่เราไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ แล้วสุดท้ายครบสัญญา่ไม่ต้องโอนรถมาให้เรา แล้วเราก็เช่ารถรุ่นใหม่ใช้ต่อไป

คือผมกำลังมองว่าจริงๆ แล้วมันมีวิธีการที่สามารถใช้รถได้โดยไม่ต้องซื้อมาเป็นทรัพย์สินของเราเองนะครับ แล้วถ้ามันทำได้จริง หลายๆ ท่านในที่นี้ยังอยากจะซื้อรถเป็นของตัวเองอีกไหมหน่ะครับ

[J!MMY]

เป็นผม ผมก็ยังจะตอบว่า ผมจะซื้อรถมาใช้เองต่อไป

เหตุผลลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในการซื้อรถ ของ ผู้คน ที่เริ่มซื้อรถคันแรกในชีวิตก็คือ
รถ มีราคาแพง คนจะซื้อมันได้ ต้องมีเงินเยอะ และการจะมีเงินเยอะได้
คุณต้องทำงานเก็บเงิน จะแค่เก็บเงินเพื่อดาวน์ หรือเก็บเงินสดไว้ออกรถก็ตามแต่
นั่นเป็นเครื่องมือที่จะบอกกับผู้คนรอบข้างได้ว่า "ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ
ฉันทำงาน จนสามารถ ซื้ออิสรภาพในการเดินทางให้ตัวเองได้แล้วนะ
ไม่ต้องพึ่งพาขนส่งมวลชน ง่อยๆ ปลวกๆ ของ ประเทศสารขัณฑ์แห่งนี้ แล้วนะ
ฉันก็ภูมิใจในตัวเองเหมือนกันนะ"


อันที่จริงแล้ว ที่ ทั้ง 2 ค่าย ตัดสินใจผลักดันโครงการแบบนี้

มันมาจากการที่พวกเขาคิด และมองในเรื่องของ อนาคตในการวางผังเมือง และโครงสร้างของเมือง
ตลอดจนลักษณะการดำรงชีวิตของผู้คนที่จะมีแนวโน้มเกิดขึ้นในอนาคต มากกว่าหนะครับ
บริษัทรถยนต์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ เขาคำนึง และมองภาพพวกนี้ในอนาคตเอาไว้ด้วย
ในขณะที่หลายๆค่าย ยังมองแค่ความอยู่รอดของตัวเองในปัจจุบันเป็นหลัก


คำถาม มันก็เหมือนกับว่า ทำไมเราต้องซื้อ โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น มาไว้เป็นของตัวเอง โดยไม่เช่าเขามาใช้

คำตอบ ที่ง่ายที่สุด และไม่ต้องไปคิดหาเหตุผลเลยก็คือ  "เพราะเราอยากได้ หรือจำเป็น ซึ่งทั้งคู่นำไปสู่การ อยากใช้ประโยชน์ จากของชิ้นนั้นๆ"

เพียงแต่ปัญหามีอยู่ว่า
ลักษณะของธุรกิจ นี้ เหมาะกับคนประเภทไหน


อันที่จริง แนวคิดเหล่านี้ มีคนเอาไปทำให้เกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว ใน 2 ลักษณะหลักๆ

- การซื้อรถ แบบ Leasing : เมื่อคุณผ่อนๆ ไป 3 ปี คุณเลือกได้ว่า จะเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่ ทำสัญญาเช่าซื้อใหม่
หรือจ่ายเงินก้อนใหญ่ โครมเดียว เพื่อเก็บรถคันนั้นเป็นของคุณเอง ข้อแม้ก็คือ แต่งรถไม่ได้ และต้องหมั่นขยัน
ดูแลรักษารถให้ดีๆ เพราะ คุณ ไม่ใช่เจ้าของรถ ปัจจุบันนี้ พนักงานขายคนหนึ่งของ Ford ในสหรัฐฯ เป็นคน
เริ่มคิดเอาระบบนี้มาใช้ ตั้งชื่อมันว่า Red Carpet Leasing แต่สำหรับเมืองไทย ค่ายรถยุโรป ทั้ง Mercedes-Benz
และ BMW Thailand ก็เป็นคนเอาเข้ามาใช้อย่างจริงจัง และ มันก็พอจะไปได้
กับลูกค้าประเภท Fleet หรือ ธุรกิจองค์กร เป็นส่วนใหญ่ เพราะกลุ่มนี้ จำเป็นจะต้อง หมุนเวียนเปลี่ยนใช้รถใหม่เรื่อยๆ
(แน่นอน มันต่างจากการผ่อนส่งค่างวดรถยนต์ ที่คนไทยคุ้นเคย เพราะคุณต้องเลือกในตอนจบของสัญญา
ว่าจะปล่อยรถออกไป หรือจ่ายเงินก้อนใหญ่ เพื่อเป็นเจ้าของรถคันที่คุณขับ)

- Zip Car

ต่อให้เขาบอกว่า มันคือ Car Sharing ไม่ใช่ Car Rental แต่เมื่อดูรูปแบบการทำงาแล้ว
มันก็คือ การเช่ารถนั่นแหละ เพียงแต่ ปัญหาของการเช่ารถคือ ลูกค้าจะต้องเดินหาศูนย์รถเช่า
ซึ่งนั่นก็วุ่นวาย และไม่สะดวก ในบางครั้ง คุณอาจจะแค่จำเป็นต้องใช้รถไปในทางไกลๆ
แต่คุณไม่มีเงินมากพอจะซื้อรถมาใช้ หรือคุณเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ที่จอดรถไมได้เยอะนัก
คุณไม่มีรถ และจำเป็นต้องเข้าเมือง เพื่อทำกิจธุระบางอย่าง

ZIp Car เลยเป็นทางออกตรงนี้ขึ้นมา
เหมือนเขามองเห็นทางแก้ว่า "งั้นก็ทำทุกอย่างให้มันง่ายเข้าไปเลยสิ!"

เขาก็เลยจัดระบบ เว็บไซต์ ลงทุนทำเครือข่าย ทำสาขา การให้เช่ารถ
ทำระบบการเช่า และระบบความปลอดภัยต่างๆ กำหนดมาตรฐานต่างๆขึ้นมา

ขั้นตอน ก็เหมือนกับคุณเช่า VDO / DVD มาดูที่บ้าน
คุณต้องจ่ายเงินสมัครสมาชิกก่อน ได้บัตรและ เลขประจำตัวลูกค้า มา
วันดีคืนดี อยากจะใช้รถ ก็โทรไปเช็ค หรือเข้าเน็ตไปจอง ว่ารถคันที่เราต้องการ
อยู่ในละแวกแถวใกล้บ้านเราหรือไม่

ถ้ามี รถรุ่นที่ต้องการ ก็จอง ถ้าไม่มี หรือเดินทางไปหารถแล้ว รถเน่ามาก
ให้โทรแจ้งศูนย์ เดี๋ยวเขาจะหาคันใหม่ให้คุณ

ได้รถที่ต้องการแล้ว เอาบัตรไปแปะกับระบบคีย์การ์ดของรถ แล้วก็ ติดเครื่อง ขับออกไปเลย
ใช้งาน เท่าที่เวลาที่จองไว้ นั่นหมายถึงว่า กรุณาจอง เผื่อเวลารถติด เผื่อเวลาทำธุระ
เอาไว้ให้พอดีๆ

พอใช้เสร็จ ก็เติมน้ำมันให้เต็มถังด้วยนะ แล้วถ้าช่วยล้างด้วย ก็จะยิ่งได้คะแนนในบัตรสะสมแต้ม
เอามาใช้ประโยน์ต่อได้ แต่ถ้าใช้รถแล้ว ไปทิ้งไว้ที่จอดรถ ลูกค้า Zip Car คนอื่น มาเจอรถเน่าๆ
เขาจะเช็คจนเจอว่า คนสุดท้าย ที่เอาไปขับ ก็คือคุณ ก็ต้องรอธิบายเหตุผลกับเขาให้ดีๆละกัน

ที่สำคัญคือ" สื่อสาร ในภาษาชาวบ้านๆ มากๆ เข้าใจง่ายโคตรๆ"
ก็เลยเริ่มได้รับความนิยมขึ้นมา

น้องเนย น้องใน The Coup Team ของเรา ซึ่งตอนนี้ เรียน ป.โท อยู่ที่ สหรัฐฯ
ก็ใช้บริการนี้อยู่เหมือนกัน และรถหลายๆคันที่เนยเอามาขับ และเอามาเขียนลง User's Voice
ก็มาจากการเช่า Zip Car มาขับ นี่แหละ!

ลองเข้าไปดูได้ใน www.Zipcar.com

[wpookpho]

แนวคิดของทั้งสองค่ายยังคงไม่มีในไทย

คิดเป็นเงินไทย/ชั่วโมง มันก็หนักเอาอยู่เหมือนกัน
และอย่าลืมว่า คุณไม่ได้อะไรมาเป็นของคุณเลย

มันเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถน้อยจริงๆ น้อยมากๆ และมีฐานเงินเดือนพอมากสมควร เน้นเลยว่ามาก
เพราะสมมุติคุณจะเช่า ซี่รี่ย์ 5 ราคา 30.5$/ชั่วโมง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 900 กว่านิดๆ
สมมุติคุณใช้มันแค่ขับไปทำงาน ไปกลับแค่วันล่ะ 1 ชั่วโมง 1 เดือน เวลาทำงาน 20 วัน ก็เท่ากับใช้รถเดือนล่ะ 20 ชั่วโมง
ตกเดือนล่ะ 18,000 กว่าบาท หรือปีล่ะ 216,000 กว่าบาท ดูเหมือนไม่แพง แต่คุณอย่าลืมว่า คุณแค่เช่ามาขับ ไม่ได้เป็นของคุณเองเลย
และผมเชื่อว่า ถ้าเมืองไทยมี คงไม่ใช่ราคานี้แน่นอน ราคาต่อชั่วโมงมันต้องแพงกว่านี้อยู่แล้วเป็นธรรมดา

ถ้ามองเป็นเลขกลมๆ ว่าซี่รี่ย์ 5 ราคาประมาณ 4,000,000 บาท ดาวน์ 50% (2,000,000 บาท) แล้วผ่อนแบบดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 ปี และถือว่าระหว่างนั้นไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาใดๆ เลยแม้แต่อย่างเดียว จะต้องจ่ายเงินค่าผ่อนรถเดือนละ 41,667 บาท (ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องจ่ายมากกว่านี้แน่ๆ)

ต่อให้ราคาค่าเช่าเมื่อมาเมืองไทยแพงกว่าที่อยู่ในข่าวอีก 2 เท่า หรือเท่ากันกับค่าผ่อนก็ยังคุ้มกว่านะครับ เพราะสามารถเอาเงินก้อนที่จะต้องดาวน์รถไปฝากธนาคารหรือลงทุนให้งอกเงยมาได้อีก ในขณะที่เวลาขายรถเงินที่ได้กลับมาอาจจะไม่เท่าเงินที่เราดาวน์ไป

ผมถึงสงสัยว่าทำไมเราถึงอยากได้รถมาเป็นของตัวเองหล่ะครับ ถ้าการเช่ามันได้ประโยชน์มากกว่า

[*Zatan_p2*]

เหตุง่ายๆเลยนะครับ

ความเป็นเจ้าของรถนั่นแหละครับ 

แล้วอีกอย่างการเป็นเจ้าของรถนั้น มันดูแลรักษา และจะทะนุถนอมมากกว่า 

ดูอย่างรถบริษัทชิครับ  เหยียบ180ตั้งแต่ป้ายแดง

อย่างตอนรถชน เจ้าของรถมานั่งเครียดนั่งร้องโอดโอย เหมือนลูกชายคนหนึ่ง 

ถ้าเราเช่ารถ ขับรถชน ก็แค่เสียเงิน 

แค่นั้นเลยนะผมว่า

[J!MMY]

สิ่งหนึ่งที่ การเช่ารถ หรือ Car Sharing ทำไม่ได้คือ....

ในกรณีฉุกเฉิน ตอนตี 2 ครึ่ง

คุณต้องการ พาคุณพ่อของคุณเข้า โรงพยาบาล ในภาวะฉุกเฉิน
(อย่างที่บ้านข้าพเจ้า เจอมาแล้ว)

ถ้าคุณจะไม่ซื้อรถมาไว้ในบ้านเลยสักคัน
คุณจะต้องโทรเรียกแท็กซี่....หรือรถพยาบาล เอ้า
ให้ศูนย์ฯ ของพวกเขา เรียกรถที่ต้องการให้ ซึ่งต้องรอราวๆ 20 นาที

ถ้าคุณจะเช่ารถ หรือ ใช้ Zip Car คุณต้องเดินทางไปหารถ ก่อนจะได้ขับมัน

แต่การซื้อรถมาไว้ในบ้านสักคัน ถ้าคุณต้องการขับมัน คุณแค่หยิบกุญแจ เอาคุณพ่อใส่รถ
แล้วก็บึ่งมาโรงพยาบาลได้ทันที โดยไม่ต้องรออะไรทั้งสิ้น

คนป่วย รอไม่ได้

อย่ามาถามต่อว่า เราจะได้ใช้งานในแบบนี้กันกี่วันต่อ 1 ปี

เพราะ เราไม่มทางรู้หรอกครับว่า เราจะได้ใช้มันในแบบนี้ เมื่อไหร่

[boykung]

สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเป็นของตัวเราเองย่อมดีกว่าเช่าเค้าใช้ครับ

[6162002]

ถามในบอร์ดคนชอบรถ ทุกคนก็ต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าซื้อไว้เองดีกว่าทั้งนั้นแหละครับ
แต่ถ้าไปถามกลุ่มอื่นมันก็ไม่แน่ แล้วแต่คน  อย่างสมมติเป็นผม รถไม่ค่อยได้ใช้ ผมอยากซื้อNew Hilux ซึ่งกว่าจะออกก็อีกสองปี ผมก็คงเช่าไปก่อนเหมือนกันครับ
หรือกลุ่มที่เขาใช้รถแค่เดินทางจริงๆ ไม่ได้มาสนว่าต้องแต่ง ต้องขัด รักเหมือนลูก ระบบนี้ถ้ามันไม่แพงเกินไป มันก็น่าสนใจแหละครับ
ส่วนเรื่องเวลาจำเป็นต้องใช้ ก็ยังมีอีกหลายๆบ้านที่ยังไม่มีรถ และเขาก็ไม่เห็นความจำเป้นก็มีเหมือนกันครับ ผมว่าถ้าคุณ จขกท.อยากได้แนวคิดหลายๆแบบ ก็ต้องถามหลายๆที่ มาแชร์กันดูครับ

[dogclubs]

คือไม่ได้ตั้งใจกวนนะครับ แต่หลังจากใช้รถมาหลายปี และได้อ่านข่าว "Mercedes และ BMW ไอเดียเจิด ผลักโครงการเช่ารถให้ใหญ่ขึ้น"

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2183:mercedes--bmw--&catid=47:worlds-news&Itemid=55

ตัวผมเองเกิดสนใจแนวคิดนี้ และลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงต้องการซื้อรถเป็นทรัพย์สินด้วย ทั้งๆ ที่มันเป็นของที่มีแต่ค่าใช้จ่ายล้วนๆ (ตั้งแต่เงินดาวน์, ค่าผ่อนรถ, ค่าเชื้อเพลิง, ค่าภาษีประจำปี, ค่าประกันรถยนต์, ค่าบำรุงรักษา, ค่าปรับเมื่อทำผิดกฎจราจร, ค่าแต่งรถให้เป็นตามใจเรา ฯลฯ)

และพอใช้งานไปถึงระยะเวลาหนึ่งเราก็ต้องขายรถคันนั้นออกไป (ไม่ว่าจะด้วยค่าซ่อมบำรุงที่เริ่มสูงขึ้นมาก, อะไหล่หายาก, วิถีชีิวิตเปลี่ยนไป, มีครอบครัวแล้วต้องการรถเพื่อลูกๆ หรือผู้สูงอายุ, เบื่อรถรุ่นนี้แล้ว หรือมีรถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า) เพื่อไปซื้อรถคันใหม่

หากตัดประเด็นเรื่องอื่นๆ ออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นต้องการมีรถเพราะระบบขนส่งมวลชนไม่ดี, คิดว่ารถเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของบ้านที่ซื้อมาแล้วจะไม่ขาย หรือ ไม่น่าจะเป็นไปได้ทางธุรกิจในเืมืองไทยเพราะอาจจะมีคนเช่าแล้วเอาไปขายที่ชายแดน เอาเฉพาะว่าหากต้องการใช้รถแล้วจำเป็นต้องซื้อเป็นทรัพย์สินเท่านั้น

เลยอยากถามความเห็นของท่านอื่นๆ ในนี้ว่า

เซล BMW แน่เลย

1. ทำไมถึงต้องการเป็นเจ้าของรถ โดยการซื้อรถเป็นทรัพย์สินครับ

2. ถ้ามีโครงการให้เช่ารถมาใช้งานอย่างที่ข่าวด้านบนเกิดขึ้นในเมืองไทยจริงๆ จะมีใครสนใจบ้างหรือเปล่า

1.แสดงว่าตัวคุณ ไม่ชอบ-รักรถ คิดว่าเป็นแค่ยานพาหนะ เลยแค่อยากใช้รถแค่เดินทางไม่อยากได้รถเป็นของตัวเอง
ทำไมภาษีรถในเมืองไทย แพงจังครับ หรือว่า เขาคิดว่ารถไม่สำคัญ เลยคิดภาษีแพงๆ

2.เช่านั้นสำหรับที่คนใช้รถน้อย ในเมืองไทยอาจจะไม่ค่อยมี

[prai]

แนวคิดของทั้งสองค่ายยังคงไม่มีในไทย

คิดเป็นเงินไทย/ชั่วโมง มันก็หนักเอาอยู่เหมือนกัน
และอย่าลืมว่า คุณไม่ได้อะไรมาเป็นของคุณเลย

มันเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถน้อยจริงๆ น้อยมากๆ และมีฐานเงินเดือนพอมากสมควร เน้นเลยว่ามาก
เพราะสมมุติคุณจะเช่า ซี่รี่ย์ 5 ราคา 30.5$/ชั่วโมง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 900 กว่านิดๆ
สมมุติคุณใช้มันแค่ขับไปทำงาน ไปกลับแค่วันล่ะ 1 ชั่วโมง 1 เดือน เวลาทำงาน 20 วัน ก็เท่ากับใช้รถเดือนล่ะ 20 ชั่วโมง
ตกเดือนล่ะ 18,000 กว่าบาท หรือปีล่ะ 216,000 กว่าบาท ดูเหมือนไม่แพง แต่คุณอย่าลืมว่า คุณแค่เช่ามาขับ ไม่ได้เป็นของคุณเองเลย
และผมเชื่อว่า ถ้าเมืองไทยมี คงไม่ใช่ราคานี้แน่นอน ราคาต่อชั่วโมงมันต้องแพงกว่านี้อยู่แล้วเป็นธรรมดา

ถ้ามองเป็นเลขกลมๆ ว่าซี่รี่ย์ 5 ราคาประมาณ 4,000,000 บาท ดาวน์ 50% (2,000,000 บาท) แล้วผ่อนแบบดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 ปี และถือว่าระหว่างนั้นไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาใดๆ เลยแม้แต่อย่างเดียว จะต้องจ่ายเงินค่าผ่อนรถเดือนละ 41,667 บาท (ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องจ่ายมากกว่านี้แน่ๆ)

ต่อให้ราคาค่าเช่าเมื่อมาเมืองไทยแพงกว่าที่อยู่ในข่าวอีก 2 เท่า หรือเท่ากันกับค่าผ่อนก็ยังคุ้มกว่านะครับ เพราะสามารถเอาเงินก้อนที่จะต้องดาวน์รถไปฝากธนาคารหรือลงทุนให้งอกเงยมาได้อีก ในขณะที่เวลาขายรถเงินที่ได้กลับมาอาจจะไม่เท่าเงินที่เราดาวน์ไป

ผมถึงสงสัยว่าทำไมเราถึงอยากได้รถมาเป็นของตัวเองหล่ะครับ ถ้าการเช่ามันได้ประโยชน์มากกว่า

ทุกคนคงตอบคำถามให้หมดแล้วนะครับ สรุป มันเป็นความสุขทางใจมากกว่าครับ
ถ้าคุณเป็นคนที่รักรถยนต์จริงๆ คุณคงรักมันเหมือนแฟน
และคุณก็คงไม่อยากไปเช่าแฟนมาใช้ร่วมกับคนอื่นๆ ใช่มั้ยครับ

[nutmos]

ผมเดาว่า มันสำหรับผู้ที่ใช้รถประเภทหนึ่งๆ ไม่บ่อย เช่น
- รถตู้ บางคนไม่อยากซื้อ เพราะใหญ่มาก แต่ต้องเดินทางต่างจังหวัดปีละ 1-2 ครั้ง (ขนญาติพี่น้องไป)
ก็อาจเช่ารถตู้ (พร้อมโชเฟอร์) ไปเที่ยว คิดว่ามันคงคุ้มกว่าที่จะซื้อรถตู้มาใช้ และต้องจ่ายค่าประกัน จุกๆ จิกๆ นู่นนี่นั่น
แถมขับไม่คล่องตัวอีกต่างหาก
- SUV 4WD ทั้งหลาย หลายคนไม่อยากซื้อเพราะแพง ก็เลย เวลาขึ้นเขาก็ต้องเช่ามาขับ

เพราะคนส่วนใหญ่จะซื้อขับแต่ซิตี้คาร์เพื่อความคล่องตัวในเมือง
และบริการ Car Leasing (เขียนถูกป่าวเนี่ย) ก็อย่างที่พี่จิมมี่บอกล่ะครับ
มันไว้สำหรับพวก Fleet หรือองค์กรที่ต้องเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งให้ผู้บริหาร

และอีกอย่าง อย่างน้อย เรามีรถไว้ใช้ ก็จะทำให้เรามีความสบายตัว คล่องตัว แม้เราจะต้องการร่อนไปที่ไหนในเมือง
ก็ไปได้ในทันที กับผู้ที่ไม่มีรถ แถมระบบขนส่งมวลชนในบ้านเราที่สุดแสนจะ เอ่อ รับไม่ได้ ก็จะลำบากหน่อย-มาก

ส่งท้าย เป็นเหตุผลหนึ่งที่อาจดูไม่สำคัญ เพราะความสุขใจครับ สุขใจที่เราเก็บตังค์เพื่อซื้อรถมาเป็นของตัวเอง
สุขใจ ที่ได้ล้างรถ เคลือบแว๊กซ์ ดูแลทุกซอกทุกมุม สุขใจ ที่ได้แต่งรถ ในแบบที่เราชอบ
สุดท้าย สุขใจ ที่เราได้มีความสุขเมื่ออยู่กับรถ ก็เท่านั้น

[keanetona]

จะว่าไปแล้ว เอาเป็นว่า ร้านเช่าการ์ตูนอยู่ปากซอย ค่าเช่าเล่มละ3-5บาท/วัน ผมยังไม่เช่ามาอ่านเลย ถึงแม้ว่าบางเรื่องที่ผมซื้อมาจะแป้กสนิทใจจนอ่านไม่ครบเล่มก็โยนทิ้ง แต่ผมยินดีที่จะซื้อเล่มละ45-60บาทมาอ่าน เพราะผมมองว่า "ของเช่า คือของๆคนอื่น ไม่ใช่ของเรา" รถเรา แต่งได้ตามใจชอบ รถเช่า ติดสติกเกอร์เขายังไม่ยอมเลยมั๊งครับ

[Fly to dream]

ซื้อรถมา เราทำอะไรกับมันก็ได้

แต่เช่ามา จะทุกของแต่ละทีกลัวนั่นกลัวนี่ จะเป็นรอยมั้ย อะไรต่อมิอะไร คิดหนัก แถมเช่ามาขับก็ไม่ได้ถูก เราไม่ได้เป็นเจ้าของด้วย  เพื่อนเคยเช่ารถมอเตอร์ไซร์มาขี่ เอาไปล้ม แค่เป็นรอยนิดเดียว ต้องเสียนั่นเสียนี่ หลายเรื่อง ถ้าเป็นรถยนต์ไม่ตายหรอ

รถของตัวเองเป็นรอยยังไม่เป็นไรมาก ซ่อมเองได้

[Ruksadindan]

อ้าว Zipcar เป็นของ BeeEm เองหรือครับ เห็นมีรถยี่ห้ออื่นให้เลือกอีกตั้งเยอะแยะ
ก็คิดว่าเป็นระบบที่เข้าท่านะครับ แต่ในไทยก็อย่างที่บอก คงโดนขนไปขายชายแดน

สิ่งหนึ่งที่ การเช่ารถ หรือ Car Sharing ทำไม่ได้คือ....

ในกรณีฉุกเฉิน ตอนตี 2 ครึ่ง

คุณต้องการ พาคุณพ่อของคุณเข้า โรงพยาบาล ในภาวะฉุกเฉิน
(อย่างที่บ้านข้าพเจ้า เจอมาแล้ว)

ถ้าคุณจะไม่ซื้อรถมาไว้ในบ้านเลยสักคัน
คุณจะต้องโทรเรียกแท็กซี่....หรือรถพยาบาล เอ้า
ให้ศูนย์ฯ ของพวกเขา เรียกรถที่ต้องการให้ ซึ่งต้องรอราวๆ 20 นาที

ถ้าคุณจะเช่ารถ หรือ ใช้ Zip Car คุณต้องเดินทางไปหารถ ก่อนจะได้ขับมัน

แต่การซื้อรถมาไว้ในบ้านสักคัน ถ้าคุณต้องการขับมัน คุณแค่หยิบกุญแจ เอาคุณพ่อใส่รถ
แล้วก็บึ่งมาโรงพยาบาลได้ทันที โดยไม่ต้องรออะไรทั้งสิ้น

คนป่วย รอไม่ได้

อย่ามาถามต่อว่า เราจะได้ใช้งานในแบบนี้กันกี่วันต่อ 1 ปี

เพราะ เราไม่มทางรู้หรอกครับว่า เราจะได้ใช้มันในแบบนี้ เมื่อไหร่

และก็เห็นด้วยกับพี่จิมในข้อนี้ครับ

คือในซิปคาร์เนี่ย เขาก็ไม่ได้เน้นว่ารถเขาควรเป็นคันเดียวที่คนใช้ อาจจะเป็นคันเสริมแบบ on demand นั่นล่ะครับ

[BBOnLY]

สิ่งหนึ่งที่ การเช่ารถ หรือ Car Sharing ทำไม่ได้คือ....

ในกรณีฉุกเฉิน ตอนตี 2 ครึ่ง

คุณต้องการ พาคุณพ่อของคุณเข้า โรงพยาบาล ในภาวะฉุกเฉิน
(อย่างที่บ้านข้าพเจ้า เจอมาแล้ว)

ถ้าคุณจะไม่ซื้อรถมาไว้ในบ้านเลยสักคัน
คุณจะต้องโทรเรียกแท็กซี่....หรือรถพยาบาล เอ้า
ให้ศูนย์ฯ ของพวกเขา เรียกรถที่ต้องการให้ ซึ่งต้องรอราวๆ 20 นาที

ถ้าคุณจะเช่ารถ หรือ ใช้ Zip Car คุณต้องเดินทางไปหารถ ก่อนจะได้ขับมัน

แต่การซื้อรถมาไว้ในบ้านสักคัน ถ้าคุณต้องการขับมัน คุณแค่หยิบกุญแจ เอาคุณพ่อใส่รถ
แล้วก็บึ่งมาโรงพยาบาลได้ทันที โดยไม่ต้องรออะไรทั้งสิ้น

คนป่วย รอไม่ได้

อย่ามาถามต่อว่า เราจะได้ใช้งานในแบบนี้กันกี่วันต่อ 1 ปี

เพราะ เราไม่มทางรู้หรอกครับว่า เราจะได้ใช้มันในแบบนี้ เมื่อไหร่

ที่ผมอยากได้รถ เพราะแบบนี้ละครับ

อย่างบ้านใหม่ผม อยุ่แถวรังสิต ใกล้โรงพยาบาลเพียงข้ามถนน.....แต่ถนนนั้นคือถนนพหลโยธิน

จะให้อุ้มคนป่วยขึ้นสะพานข้ามมา หรือรอรถพยาบาล ผมว่า...มีรถของตัวเองสำรองไว้ มันน่าสนใจไม่น้อย


ส่วนเหตุผลอื่นก็เหมือนสมาชิกหลายๆท่านครับ

[J!MMY]

Zip Car ไม่ใช่ของ BMW นะครับ

คนอเมริกันเขาคิดเขาทำของเขาขึ้นมา

[jaesz]

ด้วยสภาพการคมนาคมในบ้านเรา หรือ แม้แต่ชนบทในประเทศเจริญแล้ว ก็ยังต้องมีรถอย่างน้อย 1 คันครับ

แถวที่ผมอยู่นี่ ไม่มีรถเมล์ รถรับจ้างอะไรให้ใช้บริการหลัง 5 โมงเย็น

ถ้าอยากเช่ารถ ต้องเดินทางไปอีก 60 กม เพื่อจะไปเช่ารถที่ใกล้ ที่สุด

มีหลาย ๆ ส่วนในจังหวัดที่ยังต้องเดินทางไกลกว่านี้อีก

แล้วถ้าคิดเป็นค่าเช่า รถขนส่งที่ผมใช้ปีละ2 แสนกว่ากิโลเมตร หรือ วันละ 8 -10 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 6 วัน ก็คิดว่าอย่างน้อยต้องซื้อรถไว้ใช้เองซํกคันละครับ

[6162002]

จะว่าไปแล้ว เอาเป็นว่า ร้านเช่าการ์ตูนอยู่ปากซอย ค่าเช่าเล่มละ3-5บาท/วัน ผมยังไม่เช่ามาอ่านเลย ถึงแม้ว่าบางเรื่องที่ผมซื้อมาจะแป้กสนิทใจจนอ่านไม่ครบเล่มก็โยนทิ้ง แต่ผมยินดีที่จะซื้อเล่มละ45-60บาทมาอ่าน เพราะผมมองว่า "ของเช่า คือของๆคนอื่น ไม่ใช่ของเรา" รถเรา แต่งได้ตามใจชอบ รถเช่า ติดสติกเกอร์เขายังไม่ยอมเลยมั๊งครับ

เปรียบเทียบได้ชัดเจนมากๆเลยครับ เอิ๊ก ซื้อมาไว้เอง เราอยากอ่านตอนไหนก็อ่านจริงๆแหละ

ป.ล.แต่ผมโหลดบิทอ่านเอา เพราะไม่อยากเสียตัง(ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดีก็เถอะ T^T)

[SignifeR]

ทำไมเราต้องซื้อรถเป็นของตัวเองด้วยครับ  (คำถามเจ้าของกระทู้)

ส่วนคำตอบผม....ไม่ได้กวนตีนนะครับ แต่ตอบตามจริง

ถ้าผมต้องซื้อรถแล้วมาเป็นของคนอื่น.....คุณว่าผมบ้าหรือดีหล่ะครับนั่น.... ก็ในเมื่อเราต้องซื้อรถ มันก็ควรเป็นของตัวเองซี้ โถ่เอ๊ยยยยย
ถ้าซื้อรถแล้วดันเป็นของคนอื่นจะซื้อทำไมหล่ะครับนั่น เว้นผมเป็นอาเสี่ยแล้วซื้อรถให้อีหนูก็ว่าไปอย่างนะ

[KITARO_CM]

หลักการเดียวกันกับ   การซื้อบ้าน  กับ  การเช่าบ้าน   แหละครับ    (ความเห็นส่วนตัว   อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ครับ)

คิดดูเอาเองว่า     ชีวิตเราเหมาะกับแบบไหน    สะดวกแบบไหน    กำลังซื้อพอไหม    คุ้มหรือไม่คุ้ม