ผู้เขียน หัวข้อ: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //  (อ่าน 136865 ครั้ง)

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
Isuzu D-max Minorchange
Cab4 Hi-lander 1.9 DDi Blue Power M/T Z-Prestige

Isuzu D-max รหัสโมเดล RT-50 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2011 นับมาถึงวันนี้ก็ล่วงเลยไปกว่า 4 ปี ถึงเวลาที่จะทำการ
ปรับโฉม Minorchange ได้แล้วเสียที หลังจากที่ปรับอุปกรณ์ Model Year และ
ออกรุ่นพิเศษมาอย่างเรื่อยๆ ในที่สุด ตรีเพชร อีซูซุเซลล์ ถือฤกษ์เอาวันที่ 2 พฤศจิกายน
2015 ที่ผ่านมา เปิดตัว Isuzu D-max Minorchange ที่ Royal Paragon Hall ชั้น 5

การมาของ D-max Minorchange ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
สำหรับกระบะหนึ่งเดียวของค่ายเลยก็ว่าได้ เพราะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และระบบ
ส่งกำลังใหม่ทั้งหมด ทำการ down sizing ยกเลิกเครื่องยนต์ 4J ขนาด 2.5 ลิตร
ที่ใช้มาอย่างยาวนาน สู่บล๊อคใหม่ ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร ! ลดความจุลงมามากที่สุด
ในกลุ่มรถกระบะในประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า " 1.9 DDi Blue Power "
จับคู่กับเกียร์ธรรมดาลูกใหม่ 6 จังหวะ และยังคงมีเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรบล๊อคเดิม
เอาไว้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอยู่




นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเครื่องยนต์แล้ว Isuzu ยังทำการปรับหน้าตา
ด้านหน้าใหม่ ยกหน้าศัลยกรรมใหม่ยกแผง ไล่เรียงตั้งแต่ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ฮาโลเจน
พร้อมไฟ Daytime Running Lights ที่รวมอยู่ในโคมเดียวกัน พร้อมเปลี่ยนเส้นสาย
ฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า กระจังหน้า ใหม่ รวมถึงการนำเอาไฟตัดหมอกคู่หน้ากลับมา
หลังจากที่มีเสียงลูกค้าบ่นว่าในบางภูมิภาค เช่น พื้นที่ที่มีหมอกลงจัด การเอาไฟตัดหมอกออกไป
แล้วเหลือเพียงแค่ไฟ DRL นั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งาน อีซูซุก็เอากลับมาตามคำเรียกร้อง

ล้ออัลลอยในรุ่น Z-Prestige มีการเพิ่มขนาดจากเดิม 17 นิ้ว เพิ่มเป็นขนาด 18 นิ้ว
พร้อมรัดด้วยยางรุ่นใหม่ Bridgestone Dueler H/T 684II 255/60 R18
ลายล้อ 6 ก้านใหม่นั้นดูแล้วก็ออกจะธรรมดาไปนิดนึง ส่วนตัวถังด้านข้าง ไม่ได้
มีการปรับเปลี่ยนอะไร แต่แอบขัดใจเล็กๆกับบริเวณประตูเสา B ที่ไม่ติดสติ๊กเกอร์
หรือครอบพลาสติกสีดำมาให้ ทั้งๆที่ในรุ่นพิเศษฉลอง 99 ปี ก็ทำมาแล้วและมันดูสวยขึ้น !



ด้านท้ายมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ฝากระบะท้ายดีไซน์เส้นสายใหม่ พร้อมสปอยเลอร์ในตัว
มือเปิดฝาท้ายกระบะมีการฝังกล้องมองภาพขณะถอยจอดอยู่ที่ชุดเดียวกัน ดูเนียนตาเรียบร้อย
ไฟท้ายยังคงเป็นลวดลายเดิม แบบ LED พร้อมเส้นไฟหรี่คู่ที่สวยเด่นใช้ได้ ในกลุ่มกระบะ
ตอนนี้มีเพียงแค่ Isuzu D-max และ Chevrolet Colorado เท่านั้นที่ให้ไฟท้าย LED มา

งานดีไซน์ภายนอกโดยส่วนตัวผม ถือว่ามีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ถึงแม้บางอย่างจะยัง
ขาดๆไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการปรับ minorchange ที่ทำได้ค่อนข้างโอเคพอสมควร



มาที่ภายในห้องโดยสารกันบ้าง มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ โทนสีของเบาะนั่ง
จากเดิมมาในโทนสีน้ำตาล เปลี่ยนเป็น เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ และมีการเปลี่ยนลวดลายที่เบาะ
เล็กน้อย ให้ดูคล้ายๆลายวัสดุตกแต่งคาร์บอนเคฟล่าร์ หนังที่ใช้หุ้มเบาะดูเหมือนจะเนียนขึ้นเล็กน้อย
และผิวสัมผัสนุ่มขึ้นนิดหน่อย ส่วนทรงของเบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังยังคงเหมือนเดิมทุกประการ

เพราะฉะนั้นแล้วความสบายของตัวเบาะและการเข้าออกตัวรถต่างๆนั้น สามารถอ่านได้ที่
Full Review ทดลองขับ Isuzu D-max 3.0VGS ที่ผมเคยเขียนไว้ได้เลยที่ link ด้านล่างนี้ครับ
http://www.headlightmag.com/full-review-isuzu-d-max-3-0-vgs-hilander/



ในรุ่น Z-Prestige เบาะนั่งคนขับจะปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า
เป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังก็ยังคงเป็นทรงเดิมเช่นกัน
สามารถพับพนักพิงหลังลงมาได้ เพื่อวางของต่างๆที่ไม่อยากใส่กระบะด้านท้าย และ
ส่วนเบาะรองนั่งก็สามารถแยกพับยกขึ้นมาแบบแยกส่วน 60 : 40 เพื่อวางของได้อีกเช่นกัน
พร้อมมีพนักวางแขนตรงกลาง ดึงลงมาได้ ที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้จะอยู่ที่ด้านหลัง
ของกล่องเก็บของคอนโซลกลาง

ด้านหลังของเบาะคู่หน้า มีช่องสำหรับใส่เอกสารมาให้ทั้ง 2 ตัว และด้านหลังของเบาะ
ผู้โดยสารตอนหน้าจะมีขอเกี่ยวของ เช่นถุงกับข้าว รับน้ำหนักได้สูงสุด 4 กิโลกรัม




แผงแดชบอร์ดด้านหน้า ในภาพรวมยังคงเป็นดีไซน์เดิม พื้นผิววัสดุต่างๆก็ยังคงเหมือนเดิม
แต่ที่แอบรู้สึกได้คือ วัสดุสีเงินที่ใช้ตกแต่งโดยรอบคัน จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มีการ
เพิ่มความวาวให้ตัววัสดุจากสีด้าน เป็นสีเงินกึ่งมันกึ่งด้าน คล้ายๆความเงาของอลูมิเนียมขนแมว

สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพียงจุดเดียวของแดชบอร์ด คือ หน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen
แบบ Built-in OEM โดย Panasonic ที่ขยายขนาดจากเดิม 7 นิ้ว เพิ่มเป็น 8 นิ้ว พร้อมปุ่ม
ควบคุมโหมดการใช้งานหลักๆมาให้ด้านล่าง ย้ายช่องใส่ CD มาไว้อยู่ใต้หน้าจอ มีช่องเชื่อมต่อ
AUX/USB มาให้ที่ด้านล่าง และเพิ่มช่องเชื่อมต่อ HDMI มาให้ด้วย พร้อมชุดสวิตซ์ควบคุม
เครื่องเสียงบนพวงมาลัยที่ด้านซ้าย แต่เอ๊ะ !! ด้านขวาก็ยังโล่งๆ Cruise Control ก็ยังไม่มา เฮ้ออ



ระบบเครื่องเสียงใหม่ วิทยุ AM/FM สามารถเล่นแผ่น CD/MP3 และ DVD ได้ พร้อมระบบ
เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ตัวหน้าจอมีความหน่วงน้อยลง ทำงานตอบสนองต่อการสัมผัส
ได้ไวขึ้น ตัวหนังสือ หรือ icon ต่างๆขยายขนาดขึ้น มองเห็นได้ง่าย ไม่ต้องเพ่งเหมือนแต่ก่อน
และจากหลายเสียงบ่นจากลูกค้าก็ได้ถูกเอามาปรับปรุง นั่นก็คือ ตัวเลขนาฬิกาที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น
จนมองเห็นได้ชัดเจน บางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้หลายคนก็มองข้ามไป แต่จากที่ได้ยินดีลเลอร์
และเซลล์รับ Feedback จากลูกค้าบ่นเรื่องนี้กันมาก ว่ามองไม่เห็นตัวเลขนาฬิกา คราวนี้ก็เห็น
ได้ชัดแจ่มแจ้งกันแล้วเสียที !!

นอกเหนือจากฟังก์ชั่นการใช้งานปกติของระบบเครื่องเสียงแล้ว ยังมีระบบ Isuzu Connect World
สามารถ SYNC กับ Smart phone ทั้งระบบ iOS และ Android โดยที่ระบบแอนดรอยด์นั้นจะ
สามารถ mirroring หน้าจอโทรศัพท์มาที่หน้าจอเครื่องเสียงนี้ได้ และสามารถดูข้อมูล Isuzu Insight
ที่ประมวลข้อมูลการขับขี่ เช่น การกดคันเร่ง การเหยียบเบรก รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ต่างๆ ที่แต่เดิมนั้น
ต้องเข้าเช็คระยะที่ศูนย์บริการและปริ้นท์ผลออกมา แต่คราวนี้ฟังก์ชั่นนี้ถูกใส่มาในระบบหน้าจอนี้
สามารถกดดูได้ตลอดเวลา

และมีระบบนำทาง Navigation System มาให้ ซึ่งเวลาค่อนข้างมีจำกัด เลยไม่ได้มีโอกาสลองใช้
ว่าการตอบสนองและความแม่นยำเป็นอย่างไร ไว้โอกาสหน้า ถ้ามีเวลาจะลองเล่น แล้วมาเล่าให้ฟังครับ





มีการแสดงผล ภาพจากกล้องมองภาพขณะถอยจอดพร้อมเส้นกะระยะ lane guide มาให้
เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังจะมีเสียงเตือน ปี๊ป ปี๊ป เป็นระยะๆ เพื่อให้รู้ว่ากำลังเข้าเกียร์ถอยหลังอยู่
(ไม่ใช่เสียงจากเซนเซอร์กะระยะนะครับ) เนื่องจากเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
การเข้าเกียร์ถอยหลังของ D-max ก็จะดันไปทางด้านซ้ายจนสุด เลยตำแหน่งของเกียร์ 1 ไป
แล้วก็เข้าขึ้นร่องเกียร์ด้านบน สัญญาณเสียงก็จะดัง และภาพจากกล้องมองหลังก็จะขึ้นบน
หน้าจอของชุดเครื่องเสียง

ระบบเครื่องเสียงนั้น มาพร้อมกับลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง ให้มามากที่สุดในกลุ่มกระบะ
ได้แก่ ประตูคู่หน้า-ประตูคู่หลัง- ทวีตเตอร์คู่หน้า และไฮไลท์คือ ลำโพงคู่บนเพดาน ที่คราวนี้
เจาะช่องพร้อมฝาครอบมาให้แล้ว หลังจากที่รุ่นเดิม ฝังไว้บนเพดานเฉยๆ ทำให้เสียงไม่ออกมาเท่าที่ควร




อีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือ ชุดมาตรวัด ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งอัน ยังคงเป็นแบบ
2 วงซ้ายขวา แต่มีการเปลี่ยนลวดลายพื้นหลังใหม่ เข็มมาตรวัดจากสีขาว เปลี่ยนเป็นสีแดง
พร้อมกรอบกระบังสีเงิน ดูมีลูกเล่น น่าสนใจมากกว่าเดิม แทรกด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่
แบบสี TFT ตรงกลาง การแสดงผลทำได้ไหลลื่นดีกว่าเดิม มี animation ต่างๆเพิ่มเข้ามา

ฟังก์ชั่นการแสดงข้อมูลก็มีการปรับเพิ่มจากเดิม มี Trip A และ Trip B เพิ่มมาให้แล้ว ภาษา
ในการแสดงผลมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ถูกปรับให้ใช้งาน
ได้ง่ายขึ้น ที่ก้านปัดน้ำฝนด้านซ้าย จะมีปุ่มสำหรับควบคุมเพิ่มเข้ามาให้ จากเดิมมีด้านขวาข้างเดียว
โดยภาพรวมมีลูกเล่นและการแสดงผลที่เนียนและน่าใช้กว่าเดิมค่อนข้างมาก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2015, 10:01:28 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 20:32:38 »
สิ่งที่หลายคนอยากจะรู้ที่สุด คงไม่ใช่สิ่งที่ผมเล่ามาข้างต้น แต่...เป็นเครื่องยนต์บล๊อคใหม่นี้ต่างหาก
อยากจะรู้นักว่าเป็นอย่างไร เอ้าาา ! ตามมาเลยครับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วไปพร้อมๆกัน

ในรุ่น Z-Prestige กุญแจนั้นจะเป็นแบบ Smart Keyless Entry เพียงแค่พกกุญแจนี้ไว้กับตัว
กดปุ่มที่มือจับเปิดประตู ก็สามารถเปิดประตูเข้าตัวรถได้อย่างง่ายดาย การสตาร์ทรถนั้น ต้องเหยียบ
คลัตซ์ค้างไว้ แล้วกดปุ่มสตาร์ท เท่านี้ก็เตรียมตัวรัดเข็มขัดแล้วออกเดินทางไปด้วยกันเลยครับ




เครื่องยนต์ดีเซลบล๊อคใหม่ 1.9 ลิตร รหัส RZ4E-TC ขนาด 1,898 ซีซี.
4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ VGS และ Intercooler

ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก 80 x 94.4 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (ps) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที



จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ พร้อมระบบ Genius Sport Shift แจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์
ในรอบและความเร็วที่เหมาะสม มีไฟบอกตำแหน่งเกียร์ที่หน้าจอ MID บนมาตรวัด

อัตราทดเกียร์ มีดังต่อไปนี้

เกียร์ 1  4.942
เกียร์ 2  2.430
เกียร์ 3  1.428
เกียร์ 4  1.000
เกียร์ 5  0.749
เกียร์ 6  0.634

เกียร์ถอยหลัง  4.597
อัตราทดเฟืองท้าย  3.909



พอจะเริ่มออกตัว เหยียบคลัตซ์ เข้าเกียร์ 1 อย่างแรกที่ผมรู้สึกคือ ตำแหน่งคลัตซ์จะตั้งไว้
ค่อนข้างสูงไปนิดนึง แต่ถ้าพอคุ้นชินแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เกียร์ 1 นั้นจะทดมา
ค่อนข้างจัด หมดไว การออกตัวนั้น ช่วงแรก 0-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์ 1 จะไม่ค่อย
น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ไปตามธรรมดาปกติ แต่พอเข้าเกียร์ 2 เท่านั้นแหละหลัง รอบเครื่องแตะ
1,800 รอบ/นาทีไปนั้น พุ่งทยานไปไวใช้ได้ แรงบิดมาอย่างต่อเนื่อง ติดบูสต์ไว ต่อเนื่อง
ไปเกียร์ 3 และ เกียร์ 4 เกียร์ 5 กำลังมาแบบเหลือๆ ความเร็วขึ้นไวพอสมควร เทียบกับ
Toyota Hilux Revo 2.4 และ Ford Ranger 2.2 ช่วงออกตัว 0-30 กิโลเมตร/ชั่วโมงแรก
จะรู้สึกว่า D-max 1.9 ไปได้ช้ากว่า แต่เมื่อไหร่ที่ผ่านช่วงเกียร์ 1 ไปแล้ว เจ้านี่จะพุ่งทยาน
และไต่ความเร็วได้ไวกว่าทั้งคู่ ทั้งช่วงกลางและช่วงปลาย

การจับเวลา อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นเนื่องจากเป็นเกียร์ธรรมดา ต้องอาศัยจังหวะ
ถนนโล่ง และจังหวะการชิฟท์เกียร์ที่ต่อเนื่อง ช่วงที่เทสต์คันนี้เป็นช่วงกลางวัน และรถค่อนข้าง
มาต่อเนื่องเลยยังไม่มีโอกาสได้จับเวลามาให้ชมตัวเลขกันครับ

แต่ไม่ต้องผิดหวังกันครับ ถึงแม้อัตราเร่งช่วงออกตัว 0-100 จะไม่ได้จับเวลา แต่อัตราเร่งแซง
80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น ทำมาให้ชมกันครับ จับเวลา 3 ครั้ง ตอน 11.00 น.
อุณหภูมิช่วงเวลาที่เทสต์ ประมาณ 33-35 องศาเซลเซียส

อัตราเร่ง 80-120 km/h ที่เกียร์ 4

ครั้งที่ 1  8.84 วินาที
ครั้งที่ 2  8.77 วินาที
ครั้งที่ 3  8.80 วินาที

อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง อย่างไม่เป็นทางการทำได้เฉลี่ย 8.80 วินาที

ลองเทียบกับตัวเลขผลทดสอบของ Headlightmag.com ที่พี่ J!MMY เป็นคนเทสต์
ช่วงเวลากลางคืน อุณหภูมิประมาณ 25-27 องศาเซลเซียส



จะเห็นว่าตัวเลขอัตราเร่งแซงช่วง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของตัว Double Cab 4 ประตู
1.9 ลิตรเกียร์ธรรมดา เมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างใกล้เคียงกับ 3.0ลิตร เกียร์อัตโนมัติ เลยทีเดียว
ตัวเลขนั้นเป็นรองอยู่นิดหน่อย จากการขับจริงเทียบกัน 2 คันนี้ เครื่อง 1.9 ลิตรแรงบิดที่มา
ในช่วงต้นจะไวและพุ่งกว่า 3.0 ลิตรอยู่นิดหน่อย แต่ช่วงกลางและช่วงปลาย 3.0 นั้นมีพละกำลัง
มากกว่า และไปไวกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นตัว 1.9 ลิตรจะได้เปรียบ 3.0 อยู่นิดหน่อย เพราะเป็นเกียร์ธรรมดา
แต่ผลงานที่ออกมาก็ถือว่าใช้ได้ ลืมไปได้เลยว่า นี่เครื่องแค่ 1.9 ลิตรนะ ออกไปฟัดกับเครื่องใหญ่กว่า
อย่าง 2.2-2.5 ลิตร ได้สบายๆ

แล้วถ้าเทียบกับ เครื่องเดิม 4JK1-TCX 2.5VGS เดิมล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง ตัวเครื่องใหม่ 1.9 ลิตรนั้น
ไปได้ไวกว่าแทบจะทุกช่วงความเร็ว เพราะเครื่อง 1.9 ลิตรใหม่ตัวนี้ มาทำตลาดแทน 2.5 DDi
116 แรงม้า และ 2.5 VGS 136 แรงม้า ทั้งหมด ตั้งแต่ตัวตอนเดียว Spark ไปจนถึง Double Cab
ใครที่เป็นห่วงว่าเครื่อง 1.9 ลิตร จะไหวมั้ย ตามที่ผมบอกข้างบนเลยครับ สบายมาก หายห่วง
แถมยังแรงกว่า 2.5 VGS เดิมเสียอีก

แต่อย่าพึ่งข้ามไป 2.4 High Power 181 แรงม้า ของ Triton หรือ 2.5 High Power 190 แรงม้า
ของ Navara นะ ถือว่าพละกำลังยังไม่ได้แรงขนาดนั้น รวมถึง 2.8-3.2 ลิตร ตัว High Power
ของแต่ละค่ายด้วย อย่าพึ่งเหิมเกริมไป ฮ่าๆๆ

ต้องเทียบกับ Revo 2.4 - Ranger/BT50pro 2.2 - Navara 2.5 (low) - Colorado 2.5
ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันมากกว่า สำหรับ D-max 1.9 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรตัวนี้

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นอย่างไรบ้าง? อย่าได้ถามครับ เพราะเวลาที่มีจำกัดเพียงแค่นี้
คงไม่ได้ทดสอบกัน แต่มีรอบเครื่องในย่านความเร็วต่างๆ มาให้ชมกันครับ

ความเร็วบนมาตรวัด @ รอบเครื่องยนต์ (ที่เกียร์ 6)

80 km/h @ 1,350 rpm
90 km/h @ 1,500 rpm
100 km/h @ 1,700 rpm
110 km/h @ 1,800 rpm
120 km/h @ 2,000 rpm



ระยะชิฟท์เกียร์ล่ะ? เป็นอย่างไรบ้าง? Isuzu ก็ยังคงเป็น Isuzu เหมือนเดิม ระยะชิฟท์ก็ยังคง
เป็นฟีลลิ่งสไตล์กระบะทั่วๆไป กำลังพอดีๆ ไม่สั้น ไม่ยาวเกินไป ถ้าเทียบกับระยะของ Ranger
และ BT-50pro ก็ยังเป็นรอง 2 รายนั้นอยู่ สั้นกระชับประดุจรถเก๋ง สับไวทันใจ แต่สำหรับของ
D-max ก็ไม่ได้แย่อะไร ระยะชิฟท์พอๆกันกับกระบะค่ายอื่นที่เหลือทั้งหมดนั่นแหละครับ

แต่คราวนี้รุ่นเกียร์ธรรมดา Isuzu เค้าจัดระบบ Genius Sport Shift มาให้ มีไฟบอกตำแหน่งเกียร์
โชว์อยู่บนจอ MID ช่วยแจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ในรอบและความเร็วที่เหมาะสม จะขึ้นไฟลูกศร
สีเขียวพร้อมบอกตำแหน่งเกียร์ถัดไป

พวงมาลัยยังคงแม่นยำ ระยะฟรีไม่มาก และน้ำหนักกำลังดีสำหรับรถกระบะ เหมือนรุ่นเดิม
ไม่เบาไปแบบ Triton, Navara และเบาหวิวสุดๆในช่วงความเร็วต่ำอย่าง Ranger
อันนั้นก็เบาเกินไป แต่ถ้าเทียบกับ Hilux Revo แล้ว รายนั้นจะเหมาะกับคนทั่วไป
ที่ไม่ได้ขับกระบะหรือผู้หญิงมากกว่า เพราะช่วงความเร็วต่ำ น้ำหนักจะเบากว่านิดหน่อย

ระบบเบรกพอดีว่ารถที่เทสต์เนี่ย ก่อนลองยังวิ่งมาแค่ 4 กิโลเมตร สดใหม่มากๆ ผ้าเบรกนั้น
คิดว่ายังคงไม่ได้รันอิน เลยขอแปะป้ายไว้ก่อน ไว้ถ้ามีโอกาสได้มาลองอีก และรถวิ่งไปได้
สักระยะหนึ่งแล้ว น่าจะเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ แต่เท่าที่ลองดูคร่าวๆ ก็ไว้ใจได้อยู่



ช่วงล่างนั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงมาสไตล์นุ่ม ช่วงความเร็วเกิน
140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต้องใช้สมาธิมากขึ้น เพราะความนุ่มของช่วงล่างด้านหน้าที่ยวบเกินไป
แต่ถ้าเป็นคนขับรถไม่เร็ว ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือความเนียนเวลาวิ่ง
ด้วยความเร็วปกติดีขึ้น รวมถึงการจิกโค้ง เข้าโค้งต่างๆ ทำได้ดีขึ้น ส่วนตัวคิดว่า เป็นเพราะ
ล้อที่เพิ่มขนาดเป็น 18 นิ้ว รวมถึงที่สำคัญมีการเปลี่ยนรุ่นของยางที่ให้ จากเดิม Dueler
รุ่น 840 เปลี่ยนเป็นรุ่น 684II แบบเดียวกันกับที่อยู่ใน Ranger Wildtrak และ Toyota
Fortuner ทำให้ช่วยในเรื่องของการเข้าโค้งและการตอบสนองของช่วงล่างดีขึ้นเล็กน้อย

อีกอย่างที่เกือบจะลืมพูดถึงไปก็คือ เสียงเครื่องยนต์ เงียบขึ้นกว่าเดิมมากกก (เน้นว่ามาก)
ถ้าเทียบกับตระกูล 4J เดิม เรียกว่าคนละเรื่องเลยทีเดียว ทั้งเสียงเวลายืนอยู่นอกตัวรถ
และเสียงเครื่องยนต์ เวลานั่งอยู่ในตัวรถ เงียบกว่าเดิมชัดเจนมากๆ รวมถึงการเร่งไปใน
ช่วงความเร็วต่างๆก็ไม่รบกวนโสตประสาทแบบเครื่องเดิม ถือว่ามีการพัฒนาเรื่องความดัง
แบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ แต่.....มันก็เงียบในแบบที่รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลควรจะเป็น
นะครับ อย่าพึ่งไปเทียบกับ 1.5 Skyactiv-D ที่อยู่ใน Mazda2 เพราะเครื่องมันถูกออกแบบ
มาในวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต่างกัน ถ้าจะให้เทียบก็ต้องเทียบกับรถกระบะด้วยกัน ถือว่า
ทำออกมาได้ทัดเทียมกับชาวบ้านชาวช่องเค้าแล้ว และถือว่าเงียบกว่าบางยี่ห้อแล้วด้วย
หลังจากเป็นแชมป์เรื่องความดังของเสียงเครื่องยนต์มานานตั้งแต่สมัยมังกรทอง

เสียงเครื่องยนต์เงียบขึ้นแล้ว เสียงลมจากขอบประตู-หน้าต่างล่ะ ที่หลายคนบ่นว่าดัง
ในรุ่นเดิม ก็ต้องขอบอกว่า....เหมือนเดิมครับ ยังดังอยู่เหมือนเดิม แต่บรรยากาศการนั่งโดยสาร
มันสุนทรีย์ขึ้น จากเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบขึ้นมาช่วยส่วนหนึ่ง ก็ยังต้องปรับปรุงอยู่นะครับ
ในเรื่องของเสียงลมจากขอบประตูหน้าต่าง




มาว่ากันด้วยเรื่องน้ำหนักตัวรถกันบ้าง หลายคนสงสัยไหนบอกว่า เครื่อง 1.9 ลิตรเบาลงกว่าเดิม
ถึง 60 กิโลกรัม แต่ทำไมน้ำหนักตัวรถถึงเพิ่มถึง 155 กิโลกรัมล่ะ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
ก่อน minorchange ? คือแบบนี้ครับ ด้วยด้วยพรบ. ผมไม่แน่ใจว่าฉบับไหน แต่หลายคน
คงทราบดีว่า แต่ก่อนพรบ.ฉบับอันโบราณเนี่ย มีการจำกัดน้ำหนัก รถกระบะแค็บไว้ว่าต้อง
ไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ทำให้การเขียนน้ำหนักลงใน Specsheet เป็นปัญหาอยู่ บางค่าย
เลือกที่จะไม่ระบุลงไป บางค่ายอย่าง Isuzu เลือกที่จะเขียนลงไป ทำให้การชั่งน้ำหนักตัวรถ
เป็นการชั่งแบบตัวรถเปล่าๆ ไม่มีของเหลวใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะน้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น
ในหม้อน้ำ และน้ำมันในระบบต่างๆ ไม่มีเลย ต่างจากน้ำหนักที่ระบุในรถทั่วๆไป

ทีนี้เมื่อ ปี 2014-2015 ที่ผ่านมา พรบ.ฉบับนี้ได้มีการแก้ไข เปลี่ยนใหม่ให้ทันตามโลกแล้ว
จึงมีการระบุน้ำหนักลงไปใหม่ รวมถึงรถค่ายอื่นๆด้วยให้เป็นปัจจุบัน เลยทำให้น้ำหนักของ
D-max นั้นเพิ่มขึ้นเป็นเกณฑ์เดียวกัน ซึ่งน้ำหนักตัวของรุ่น Double Cab 1.9 M/T
อยู่ที่ 1,865 กิโลกรัม (จากเดิม 1,710 กิโลกรัม) และรุ่นท๊อปสุดอย่าง V-Cross A/T
ก็ไปจบอยู่ที่ 1,985 กิโลกรัม ก็ใกล้กันกับคู่แข่งรายอื่น

แต่ทั้งหมดทั้งมวลกระบะในตลาดที่น้ำหนักตัวมากที่สุดก็เห็นจะเป็น Ranger 3.2 Wildtrak
ที่น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2,150 กิโลกรัม กระโดดพรวดหนักกว่าชาวบ้านอยู่ประมาณ 100-150 กิโลกรัม
อันเนื่องมาจากน้ำหนักของเครื่องยนต์ 5 สูบ และตัวถังที่ใหญ่กว่า (แต่รุ่นอื่นๆของ Ranger
เช่นรุ่น 2.2 ก็มีน้ำหนักตัวก็มากกว่าคู่แข่งเล็กน้อยประมาณ 40-60 กิโลกรัม)



ราคาค่าตัวกับอุปกรณ์ที่ให้มาล่ะ? คุ้มค่ามั้ย เทียบกับคู่แข่งเป็นอย่างไรบ้าง ?
สำหรับรุ่นนี้ Double Cab Hi-lander 1.9 M/T Z-Prestige ค่าตัวอยู่ที่ 921,000 บาท
ระบบช่วยเหลือการขับขี่นั้นก็มีมาให้อย่างครบครัน ทั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC,
ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ที่เพิ่มมาใหม่
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมถึงระบบเครื่องเสียงความบันเทิงที่จัดเต็ม กล้องมองภาพขณะถอยจอด
เบาะปรับไฟฟ้า ก็ถือว่าครบอยู่เหมือนกัน

เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Hilux Revo ก็คงจะต้องเป็นรุ่น Double Cab Prerunner
2.4G M/T 925,000 บาท ที่ในภาพรวมก็ถือว่าอุปกรณ์ครบๆใกล้เคียงกัน สิ่งที่ Revo จะได้
มากกว่าคร่าวๆ คือถุงลมหัวเข่า 1 ใบ ช่องแอร์ตอนหลัง และ Cool box ส่วน D-max
จะเหนือกว่าตรงที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มาให้ครบ ESC, TCS, HSA แต่ Revo ไม่มี

รวมถึง rare item ที่ชาว Revo อยากได้กันมากคือ ไฟโปรเจคเตอร์ และ ไฟ DRL
D-max ก็ให้มาตั้งแต่รุ่นกลางๆ แต่...ตรีเพชร อีซูซุ อย่าพึ่งชะล่าใจไป Toyota เค้าอัดส่วนลด
ตอนนี้อยู่ราวๆ 60,000 - 75,000 บาท สำหรับรุ่นย่อยนี้ ก็คงเป็นที่หนักใจของลูกค้า
ว่าจะเอายังไงดี ? เอาเป็นว่าก็ไปทดลองขับและลองนั่งกันครับ ว่าชอบคันไหน แล้วก็ค่อยๆ
ตัดสินใจกันไป ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชอบคันไหน คิดว่าคันไหนเหมาะกับ
การใช้งานของเราก็จัดไปครับ

ส่วน Ford Ranger 2.2 Wildtrak M/T 925,000 บาทหรอครับ ถ้าจะให้เทียบ เค้าน่ะ
อุปกรณ์ชนะเลิศ กินขาดไปเต็มๆ แต่อาจจะต้องมาเสี่ยงกับความทนทานและศูนย์บริการกันหน่อย
แค่นั้นเอง เอง??? นอกนั้นถือว่า Ford ทำรถมาได้ค่อนข้างจะเหนือกว่าในหลายๆด้านอยู่พอสมควร



สุดท้ายแล้วขอสรุปสั้นๆสำหรับ Isuzu D-max 1.9 ลิตร

ในเรื่องของเครื่องยนต์นั้น สบาย หายห่วง กำลังมาต่อเนื่อง แรงดี ถือว่าเปลี่ยนแปลงจากเดิม
แบบค่อนข้างก้าวกระโดดสำหรับเครื่องยนต์ตัวรองของ Isuzu ใครที่กังวลว่า โหยย เครื่องเดิม
2.5 VGS ค่อนข้างอืด แล้วมาเป็น 1.9 ลิตรเล็กลงไปอีก ไม่แย่หรอ ? ขอให้สลัดความคิดนั้น
ทิ้งลงถังขยะไปซะ ถ้าเป็นผมเครื่อง 1.9 ตอนนี้มันแอบน่าซื้อกว่า 3.0 อีกเสียด้วยซ้ำ

ในภาพรวมถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นมาก แต่หลายๆอย่างก็ยังคงต้องการปรับปรุงอยู่
อย่างที่ได้บอกไปข้างต้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถือว่าเป็นความกล้าที่จะเปลี่ยนของ Isuzu
ท้าทายกับความคิด ความเชื่อเดิมๆของลูกค้า ว่าเครื่องเล็กจะต้องอืด วิ่งไม่ไหว ขอเครื่องใหญ่ๆ
ไว้ก่อน ก็จะได้เปลี่ยนความคิดกันเสียที เครื่องเล็กลง แต่แรงขึ้น ปล่อยมลพิษน้อยลง
สำหรับคันนี้ รุ่นย่อยนี้ ปล่อย CO2 อยู่ที่ 176 กรัม/กิโลเมตร ถือว่าต่ำพอสมควร

ตัวรถของค่ายกล้าที่จะเปลี่ยนแล้ว แต่ ตรีเพชร อีซูซุ พร้อมที่จะเปลี่ยนหรือยัง ? กับการที่จะ
เปิดกว้างให้สื่อโดยปกติทั่วไป สามารถเอารถไปทดสอบได้ โดยที่ตรีเพชรไม่ได้เป็นผู้เลือก
อย่าห่วงไปเลยครับ ตัวรถน่ะ ดีทัดเทียมคู่แข่ง ถึงจะมีบางด้านด้อยกว่า แต่บางด้านก็เหนือกว่า
ลูกค้ามีหลายกลุ่ม หลายประเภท ความชอบไม่เหมือนกัน ตัวรถจะดี จะด้อยอย่างไร
สุดท้ายแล้วเค้าก็ต้องเลือกตามความชอบของตัวเองอยู่ดี ไม่ได้เลือกเพราะสื่อบอก หรือชี้นำ

หลายคนอาจจะสงสัย ไหนบอกไม่ให้สื่อเทสต์ แล้ววันนี้ผมเอามาขับและเล่าฉอดๆๆๆได้อย่างไร
ก็ต้องขอขอบคุณ Isuzu Metro สาขาราชพฤกษ์ที่ให้ผมได้ทดลองขับใน "ฐานะลูกค้า" ครับ
เปิดกว้างให้ผมได้ลองกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณคุณตั้ว คุณนาง คุณเน คุณเค ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2015, 08:49:55 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ Arte三六九

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 146
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 20:43:00 »
โอ้ววว ดีขึ้นในหลายด้านเลยนะครับ :D

รบกวนถามพี่หมูโต้งๆเลยครับ ทำไมทางตรีเพชรไม่เปิดให้สื่อทั่วไปเข้าทดสอบหรือคัดสรรสื่อให้ทดสอบอะครับ
เพราะเกรงคำวิจารณ์ด้านลบหรือครับสำหรับรถที่เพิ่งเปิดตัว
“Das Beste oder Nichts”

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 20:52:37 »
โอ้ววว ดีขึ้นในหลายด้านเลยนะครับ :D

รบกวนถามพี่หมูโต้งๆเลยครับ ทำไมทางตรีเพชรไม่เปิดให้สื่อทั่วไปเข้าทดสอบหรือคัดสรรสื่อให้ทดสอบอะครับ
เพราะเกรงคำวิจารณ์ด้านลบหรือครับสำหรับรถที่เพิ่งเปิดตัว

น่าจะมาจากการที่มี Product เพียงตัวเดียวที่ขายครับ
ส่วนอีกตัว MU-X มันก็มีพื้นฐานมาจาก D-max ครับ

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,172
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 20:56:01 »
ขอบคุณรีวิวครับคุณหมู
เรื่องเครื่องใหม่ถือว่าดีขึ้น  แต่หน้าตาโดยเฉพาะด้านหน้า  ถ้าไม่มี daylight มาช่วย
ชอบรุ่นเก่ามากกว่า   แต่ถ้าเทียบ revo ก็ถือว่าสวยกว่านะ 
option ยังขาดๆ คงกั๊กไว้รอ mc เรื่อยๆ

ออฟไลน์ Tumm 1987

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 107
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:07:35 »
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ ครับ

ออฟไลน์ imvile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 623
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:09:10 »
ขอบคุณสำหรับพรีวิวครับ

ว่าแต่อัตราเร่งแซง คุณหมูค้างไว้ที่เกียร์ไหนก่อนเอ่ย
J32 since 2011
F30 since 2014
W205 since 2019
ACV70 since 2021

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,360
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:11:54 »

แอบมีกล้องหน้าด้วย แต่คงไปอยู่ใน mu-x mc  :D :D :D


ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:14:59 »
ขอบคุณครับ
ดูไปดูมา ผมชอบด้านหน้าของรุ่นเดิมมากกว่า
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ jumpon77

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,372
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:17:11 »
พอดีกำลังดูรุ่น Z Hi-lander อยู่เลยครับเดียวว่างๆๆไปดูครับ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008 Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:19:38 »
ขอบคุณสำหรับพรีวิวครับ
ว่าแต่อัตราเร่งแซง คุณหมูค้างไว้ที่เกียร์ไหนก่อนเอ่ย

ลืมเขียนไป ขออภัยครับ ค้างที่เกียร์ 4 ครับ
เกียร์ 3 จะตันแถวๆ 110-115 ครับ

ออฟไลน์ Arte三六九

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 146
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:20:02 »
น่าจะมาจากการที่มี Product เพียงตัวเดียวที่ขายครับ
ส่วนอีกตัว MU-X มันก็มีพื้นฐานมาจาก D-max ครับ
[/quote]

ขอบคุณครับพี่หมู ผมเข้าใจว่ายิ่งเปิดให้สื่อทดสอบน่าจะยิ่งดี เพราะเป็น product advertising อีกทางให้กับตัวสินค้าที่ดีอยู่แล้วน่ะครับ
“Das Beste oder Nichts”

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:33:46 »
มาเร็วจริง

อีซูซุ มาดีเกือบทุกด้าน เหลือด้านเดียว ช่วงล่างครับ

ออฟไลน์ M-Titan Man@NacT

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:34:53 »
1.9 mt 921000 ตั้งราคามาทับกับ 3.0 mtเดิมเลย 922000
ปีที่แล้ว 2.5 at 904000
ปีนี้ 1.9 mt 921000  ม่านถุงลมก็ไม่มี แพงมาก
ตัวauto น่าจะใกล้ล้าน
เอา revo 2.8at 4wd ส่วนลดแสน น่าจะคุ้มกว่า
แพงสมเป็น isuzu เลย

ออฟไลน์ Highway Star

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:37:59 »
ขอบคุณครับ ไปลองมาแล้ววิ่งใช้ได้ครับดีกว่าตัวเก่ารุ้สึกได้เลย ตอนแรกก็กลัวๆอยู่บ้างนิดๆ  แต่ที่ชอบคือเครื่องเดินนิ่มเงียบมากครับ

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,306
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:39:38 »
สำหรับผมถืองบ 8.5 แสน  มองว่าตัว 1.9Z DVD 857,000 คุ้มมากครับ เมื่อเทียบกับความน่าไว้ใจของผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย รวมทั้งของที่ได้ เช่น เครื่องใหม่เงียบขึ้น กล้องมองหลัง ลำโพง8ตำแหน่ง ล้อ18" ถุงลมคู่ abs(ebd+ba) ถือว่าเป็นรถตลาดที่จัดออฟชั่นรุ่นกลางๆได้เยี่ยม
แต่เรื่องที่ตลกคือแผงประตูและการเก็บเสียง ส่วนช่วงล่างก็แล้วแต่การใช้งาน สำหรับผมไม่มีปัญหา

ออฟไลน์ Nayzz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 21:48:30 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวและคำแนะนำดีๆนะคะ

ออฟไลน์ momentum

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 22:31:08 »
เครื่องเล็กแต่แรงพอตัว แต่น่าจะลองบรรทุกดูหน่อยก็ดีนะครับ

ออฟไลน์ BBOnLY

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,235
    • เพจวิศวะท่องโลกการเงิน
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 22:49:57 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

กล้าพูดได้เลยว่า D-Max รุ่นนี้เป็นกระบะ ISUZU "รุ่นแรก" ในช่วงชิวิตที่ผมรู้จักกระบะยี่ห้อนี้ ที่ "อยากได้มากที่สุด"
ติดตามเพจ "วิศวะท่องโลกการเงิน" ได้นะครับ

https://www.facebook.com/engineerinsidefinanceworld

ให้ #แอดบอยดูแล ได้ครับ

ออฟไลน์ pladaek

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,020
  • FF1.5SMG
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 23:30:52 »
น่าใช้มากๆ อ๊อฟชั่นก็พอตัว
โดยเฉพาะ Traction Control ในรุ่นขับสอง
ซึ่งมีไม่กี่ยี่ห้อที่กล้าให้มา
ไม่ได้ขับรถเพื่อทำเวลาที่ดีที่สุด.. แต่ขับรถเพื่อเจอช่วงเวลาที่ดีที่สุด..

ออฟไลน์ Gopz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 581
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 23:35:47 »

แอบมีกล้องหน้าด้วย แต่คงไปอยู่ใน mu-x mc  :D :D :D



อันนี้มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนแล้วครับ
Toyota Yaris 1.5 E Limited / Toyota Altis 1.8 G
Toyota Camry 2.4 Hybrid CD / Ford Fiesta 1.6S
Toyota Prius TRD / Toyota Prius Top Option
Isuzu MU-X 3.0 4x4

ปัจจุบัน
Toyota Yaris 1.2 G/ Mazda 2 Diesel 1.5 XDL HB

ออฟไลน์ toonze

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,967
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 23:39:12 »

แอบมีกล้องหน้าด้วย แต่คงไปอยู่ใน mu-x mc  :D :D :D


ตัวก่อนก็มีครับ เพื่อว่าใครจะใส่เพิ่ม

ออฟไลน์ u4604307

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 29
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 07:27:06 »
ราคาชนกับ Wild track 2.2 MT  คันนั้นหล่อ เท่ห์ option ครบ ,  Np 300 Navara  190 HP ตัวแรง   โอ้ว คิดดหนัก

ออฟไลน์ rojsak2021

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,196
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 08:43:32 »
ผมว่าราคาตอนนี้ความจริงต้องรวมภาษีใหม่ปีหน้าไปเลย เหมือน cx3, ทั้งที่ค่า co2 ก็รู้แล้วว่าต่ำกว่า 200 g/km(1.9L), อีซูซุคงดูเชิงค่ายอื่นอยู่ เขี้ยวจริงๆ

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 08:59:54 »
ถ้ามีตัวเกียร์ออโต้พร้อมส่งมอบผมก็จะไปจองอยู่

เลยไปจัดรีโว่ แทนละครับ

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,173
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 10:04:25 »
ต้องดูกันละครับว่าอีซูซุ จะเปลี่ยนความคิด ความเชื่อเดิมๆของคนยุคเก่าๆว่าเครื่องเล็กไม่มีแรง ได้แค่ไหน

ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้จริงๆ ไปเจอรีโวส่วนลดโหดๆ คงไปเอารีโวแน่ๆ

ออฟไลน์ tanadecha

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 75
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 10:04:54 »
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,120
  • เอี๊ยดแอ๊ด
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 10:39:48 »

1.9 MT เกียร์ 4 80-120 8.8 วิ

ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วครับ
เร็วกว่า 2.2 ที่แบกรับน้ำหนักตัวรถมากกว่า

ตอบโจทย์คนใช้งานกึ่งเมืองกึ่งทางไกลได้ดี

การที่ออโต้มาช้า น่าจะอยู่ในช่วงปรับแต่งอยู่แน่ๆ
อาจจะเพิ่มแรงม้าหรือแรงบิดแบบโคโรลาโด้ AT

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 12:22:25 »
Isuzu เคยพลาดท่าเสียแชมป์เพราะมั่นใจในเครื่อง Di มากเกินไป  คราวนี้ก็ได้เอาเครื่องยนต์มาเป็นจุดแก้หวังว่าคงได้กลับมาครองแชมป์เหมือนเดิมนะครับ
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ ball.design

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
    • อีเมล์
Re: // ทดลองขับเบื้องต้น Isuzu D-max 1.9 DDi Blue Power M/T : เล็กพริกขี้หนู //
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 12:31:21 »
หน้าจอmidตัวหนังสือไม่มีความสวยงามเลย
dbx