เมื่อพูดถึงด้านการขับขี่ ในแง่ของสมรรถนะนั้น ผมจะไม่ขอพูดเป็นตัวเลขมากนัก ยกเว้นแค่การหยิบยืมตัวเลขที่คุณจิมมี่เคยทำเอาไว้ในเว็บเก่า ผมไม่แน่ใจว่าผมเซฟรูปตารางนั่นมาลงแบบนี้จะผิดกฎผิดอะไรหรือไม่(แต่ไม่ได้ทำ Hot Link ไปหานะครับ) ถ้ายังไงรบกวนชี้แนะด้วยแล้วกันครับ แต่ผมทำเพื่อความสะดวกในการอ่านของทุกท่านที่อาจจะเบื่อกับคำว่า "ไปหาอ่านจากเว็บเก่า" หรือ "เสิชจากกูเกิ้ลด้วยคำว่า..."
ก่อนจะพูดต่อ ขอพูดถึงรุ่นรถที่ผมกำลังรีวิวอีกสักครั้ง ตัวนี้เป็นรุ่น 230JM ตัวท๊อปนะครับ ใช้เครื่องยนต์ V6 ที่จัดอยู่ในพิกัด 2300 cc ความจุกระบอกสูบที่แท้จริงไม่ได้ท่องไว้ครับเพราะไม่น่าออกสอบ
ต้อนม้าเข้ามาไว้ในคอกมากกว่าชาวบ้านเขาสิริรวม 173 ตัว ห้องเครื่องยนต์ดูจะแน่นๆและอลังการกว่าเขาเพื่อน
นิสัยการขับขี่นั้น จะออกตัวแบบเนิบๆคล้ายๆเรือยอร์ชหน่อยๆ ที่จะค่อยๆออกตัวไปแบบผู้ดี โดยในเกียร์ 1 นั้น ใครที่ขับแต่รถโตโยต้ามาจนชินอย่างผม จะรู้สึกอึดอัดในทันทีถ้าต้องขับขี่ในเมืองประจำ ต้องปรับตัวเข้ากับนิสัยตัวรถอีกสักพัก ตัวรถนั้นมีน้ำหนักมากที่สุดในกลุ่ม คือหนักกว่าแคมรีอยู่ 40 กิโลได้ ไม่มากไม่น้อยเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามีผลเช่นกัน เพราะเหมือนมีเด็ก 9-10 ขวบอยู่บนรถด้วยตลอดเวลา 1 คน...(ฟังดูขนลุกๆยังไงอยู่นะ
)
รถจะเริ่มตอบสนองดีเมื่อความเร็วเลยช่วง 65-70 km/hr ขึ้นไปแล้ว จะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมีแรงดึง ที่มาแบบค่อยๆแต่แรงไม่มีตก ลากได้ต่อเนื่อง จะผิดกับแคมรีที่เวลากดคันเร่งลงไปตอนจอดนิ่งแล้วกำลังจะออกตัว คุณจะเหมือนโดนช้างถีบส่งแบนติดเบาะ แล้วจะผ่อนลงหน่อยๆ แต่ก็ยังเอาตีนสะกิดๆเราส่งต่อไปประมาณนั้นเลย แต่ของเทียน่าจะเหมือนกับแบบช้างตัวใหญ่กว่าเอาขาหน้าทาบหลังเรา แล้วออกแรงดันส่งไปข้างหน้าเบาๆก่อน พอถึงจุดนึงมันจะดันส่งเราด้วยความแรงที่มีมากกว่า แต่เราจะไม่รู้สึกตับไตใส้พุงตบตีกันเหมือนแคมรี อาจเป็นเพราะเครื่อง V6 ที่เดินได้เรียบกว่าเครื่องสี่สูบ และน้ำหนักตัวรถที่มากกว่าทำให้ความเฉื่อยนั้นถูกแปลงเป็นความสบายต่อตัวผู้โดยสารและคนขับแทน
เรี่ยวแรงนั้นยังคงมีมาเรื่อยๆ สามารถกดไล่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนถึง 130-140 ที่จะรู้สึกว่าพอหลังจากนั้นจะเริ่มขึ้นช้าลงบ้าง แต่จะยังไหลไปจนถึง 170 ได้อย่างไม่มีปัญหา และจากนั้นจะเริ่มค่อยๆอืด ใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าจะทำตัวเลขสูงสุดได้ที่ 205 km/hr โดยประมาณ กับอาการตกใจของคุณเมื่อเห็นเข็มน้ำมันโดดบันจี้จั๊มป์เล่นๆที่ความเร็วสูงขนาดนั้น (ตกกันเห็นๆเลยทีเดียว)
อาการของช่วงล่างนั้น จะออกแนวนุ่มเหนียวเค้าหนึบเป็นจอลลี่แบร์ประมาณนั้น คือนั่งสบายมาก เมื่อบวกกับเบาะทุกตัวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับร่างกายมนุษย์จริงๆแล้วยิ่งประเสริฐ ไม่เหมือนเบาะหมีอย่างแคมรี อันมีที่รองต้นขาสั้นเหมือนออกแบบมารองรับขาหมีพู และหมี..เอ้ยคนที่นั่งบนแคมรีจะมีอาการไหลไปกองรวมกันทางซ้ายไม่ก็ขวาเมื่อรถเลี้ยวแรงๆได้ง่ายๆ(บวกกับช่วงล่างโคลงๆย้วยๆด้วยยิ่งไปกันใหญ่) ส่วนแอคคอร์ดนั้นเบาะจะออกแนวแข็งๆกว่า แต่ด้วยช่วงล่างกระด้างกว่ามันเลยไม่ค่อยเทไปรวมกันนัก หากช่วงล่างเทียน่าเป็นจอลลี่แบร์ ผมว่าของแคมรีคงเหมือนไมล์ดี้มาร์ชเมลโลว์ และของแอคคอร์ดคงประมาณซูกัสได้น่ะครับ นึกภาพแล้วน้ำลายไหล
ฟีลลิ่งของพวงมาลัยนั้น น้ำหนักกำลังดีเมื่อใช้งานในเมืองครับ ส่วนที่ความเร็วสูงๆนอกเมือง น้ำหนักจะเบาไปสักหน่อย และมีระยะฟรีให้รู้สึกได้บ้าง หากหนืดกว่านี้สักนิดจะดีกว่าเยอะครับ เพราะด้วยความที่เป็นรถที่ระยะโอเวอร์แฮงค์สั้นด้วยจึงทำให้รู้สึกว่าเป็นรถที่หน้าไวครับ คนที่ไม่ชินมาขับจะรู้สึกเกร็งได้ แต่ถ้าขับบ่อยๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ รถขับทางตรงก็ไปของมันเรื่อยๆ สบายๆแหละครับ ถือไว้นิ่งๆพอ พวกที่เอามือข้างซ้ายจับมือคนนั่งข้างแล้วขับอาจจะมีได้เสียวกันตลอดทางหน่อยถ้าขับเร็วเกิน 140 แล้วจับมือกันแบบนั้นนะครับ
ส่วนใครที่ยังข้องใจว่ารถมันระยะโอเวอร์แฮงก์ (ระยะที่หน้ายื่นพ้นล้อหน้า) มันสั้นแค่ไหน ดูรูปข้างล่างเอาครับ
ลักษณะอาการของตัวรถเวลาเปลี่ยนเลนนั้น จะรู้สึกนิดๆว่าหน้ามันไปก่อน อาจจะเพราะด้วยความที่รถยาวด้วยจึงเป็นแบบนั้น และเรื่องฐานล้อยาวนี่มีข้อเสียอีกอย่างนึงคือ ทำให้ท้องครูดถนนง่ายมากครับ ผมขับมอเตอร์เวย์ตอนจังหวะขึ้นสะพานไม่เท่าไหร่ถ้ามาเร็วๆมันจะบินข้ามไปตอนขาขึ้น จะไม่ครูดพื้นง่ายๆนัก แต่ตอนขาลงน่ะครับ มาเร็วเกิน 140 นี่ลงพื้นจะได้ยินเสียงดัง "ฟึ๊ด" สั้นๆ แต่จะไม่โดนทุกครั้งครับ เป็นเฉพาะพวกที่คอสะพานมันทรุดเยอะๆหน่อย เวลาขับจึงต้องระวังหน่อยครับ ถ้านั่งมาหลายคนด้วยยิ่งต้องระวัง