หลังจากรอให้คนไปเทสเริ่มน้อยก่อน วันนี้ฤกษ์ดีเลยโทรนัดศูนย์อุดมสุขเพื่อขอทดสอบรถครับ ได้ทดสอบเส้นทางจากรถไฟฟ้าอุดมสุขไปถึงหน้าตึกเนชั่นแล้ววิ่งกลับมาทางเส้นบางนาตราด เลยได้ทดสอบอัตราเร่งและการเก็บเสียงเพราะวิ่งเร็วระดับหนึ่งที่ 120
เริ่มต้นมาเซลล์ก็สตาร์ตรถผ่านรีโมทครับ แอร์เย็นชื่นใจเมื่อขึ้นรถ พอขึ้นรถแล้วต้องเหยียบเบรคแล้วกดสตาร์ตอีกรอบหนึ่ง รถถึงจะวิ่ง ซึ่งสิ่งที่ผมทดสอบเป็นอย่างแรกก็คือระบบวิทยุและเครื่องเสียงครับ
หน้าจอสัมผัสว่องไวเหมือน Smartphone ใช้งานง่าย ทำความเข้าใจได้แม้ไม่เปิดอ่านคู่มือ ผมได้ทดลองเปิดเพลงผ่าน Bluetooth เพื่อทดสอบลำโพง 8 ตัว ซึ่งพบว่ามีเสียงดีใช้ได้เลยครับ ดีกว่ารถทุกคันที่ผมขับมา ถ้าคุณเป็นนักดนตรีคุณสามารถแกะโน้ตทุกตัวได้ แม้รถวิ่งอยู่ Treble ดี เบสชัด ยังไม่ได้ลอง Equalizer แต่ถึงไม่ใช้เสียงก็ชัดเจนดีทุกย่านอยู่แล้ว สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงก็คงไม่ต้องไปทำเพิ่ม ยกเว้นอยากได้ลำโพงเทพจริงๆ
ที่ผมอยากจะชื่นชมคือการจัดสรรค์พื้นที่ในห้องโดยสารพวกที่วางแก้ว ที่วางมือถืออะไรพวกนี้ครับ พื้นที่เหลือแหล่มากๆ ที่วางแก้วหลังเกียร์มีพื้นที่เยอะมากพอที่คุณจะพกโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตเอาใส่เข้าไปได้เลย
โดยรวมดีไซน์ภายในผมว่าเค้าก็ทำมาดีนะ แต่ถ้ามองว่ารถมันราคาเกือบล้าน คุณอาจจะอยากให้มันมีบุนุ่มบ้าง ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่สำหรับผม ผมว่ามันก็ดูดีของมันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะคอนโซลหน้าก็ออกแบบมาได้มองชัดเจน
ทีนี้เริ่มต้นขับ วิสัยทัศน์จัดว่าอยู่ในระดับโอเค อาจจะเพราะว่าผมขับ MG6 ที่มีวิสัยทัศน์ไม่ค่อยดีนักเวลามองกระจกหลัง ผมเลยรู้สึกว่าคันอื่นมันดีกว่าหมด แต่ที่รู้สึกแปลกๆ คือกระจกข้าง ไม่รู้ว่าเพราะว่ารถมันต่ำหรือยังไง แต่รู้สึกได้เลยว่าสู้ Mazda 2-3 ไม่ได้ มันแปลกๆ แบบว่าจะเห็นก็เห็นไม่ชัดน่ะครับ
พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาและคมเหมือน Mazda 2 เกือบจะ 100% จริงๆ อยากให้หนักกว่านี้นิดนึง แต่เท่านี้ก็ดีกว่าพวงมาลัยของ Altis ที่ต้องสาวแล้วสาวอีกมากๆ
วงเลี้ยวผมว่าแคบ เทียบกับรถที่มีขนาดพอๆ กันอย่าง MG6 แล้ว Civic วงเลี้ยวแคบกว่าชัดเจน ซึ่งทำให้มันคล่องตัวเวลาขับในเมือง ตรงจุดนี้ผมว่าดีเลยครับ
เริ่มต้นขับเข้าบางนาตราด ผมก็ซัดคันเร่งเข้าไปเต็มเท้า พบว่าคันเร่งมีอาการหน่วงประมาณ 0.5 วิ (ทำไมต้องหน่วงก็ไม่รู้) ทำให้ตรงนี้รู้สึกว่ามันตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แล้วพอเหยียบมิดก็มีอาการอมแล้วบ้วนตามแบบฉบับ CVT คืออัตราเร่งจัดอยู่ว่าพอไหว แต่ถ้าให้เดา 0-100 คง 10 วิกลางๆ ถึงปลายๆ แต่รอรอบพอสมควร ไม่เหมือน Super CVT ของ Altis ที่เหยียบทีพุ่งพรวดหน้าหงายจนไม่รู้ว่านี่คือ CVT จริงรึเปล่า
อัตราเร่งตัว 1.8 นี่ผมพูดได้เต็มปากว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบรถที่มีการตอบสนองว่องไว ผิดหวังแน่นอน ซึ่งตัว 1.5 เทอร์โบคงจะแก้ปัญหานี้ได้
การเก็บเสียงของ Civic รุ่นนี้ผมว่าทำได้ดีมาก เสียงเครื่องแทบจะไม่เข้ามาจนกว่าคุณจะเหยียบเกิน 3000 รอบ เสียงลมที่ 110 ขึ้นไปถึงจะเริ่มได้ยิน เรียกว่าทำได้ดีพอๆ กับ Sylphy เลยล่ะ ถ้าคุณชอบรถเงียบๆ คันนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบได้
ถัดมาคือช่วงล่าง ผมมองว่าคันนี้ช่วงล่างจัดอยู่ในเกณฑ์พอรับได้ สำหรับผมนะ คือผมรับช่วงล่างแบบ Altis หรือ Accord ไม่ได้ เพราะรู้สึกโหวงเหวงและตัวลอยเวลาเจอทางขรุขระต่างระดับ มันไม่สบาย เอาง่ายๆ ว่าถ้าคุณชอบเล่นโค้ง คันนี้คุณต้องไปแต่งช่วงล่าง รถเดิมๆ ไม่จบ เข้าโค้งสะพานไบเทคที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ตัวถังโยนจนเซลไหล ซึ่งถ้าคุณขอบรถที่ช่วงล่างแน่นๆ แบบ Focus Mazda3 MG6 ที่คุณเข้าโค้งแบบนี้สบายๆ คุณจะรู้สึกไม่มั่นใจ
แต่มันก็อยู่ในระดับที่โอเค ไม่ตึงตังมาก ถ้าผู้หญิงชอบรถที่ช่วงล่างนุ่มๆ ไม่ได้ขับเร็วมาก คันนี้ก็ถือว่าผ่าน
ซึ่งคันนี้ผมว่าสาวกฮอนด้าน่าจะโอ เพราะบางคนขับ FB ก็บอกดีมากแล้ว พอมา FC มันดีกว่า FB เยอะ แต่ถ้าคุณขับ Mazda มาก่อน คันนี้น่าจะไม่ใช่คำตอบของคุณครับ