ลอง รุ่น 2.0G มา ตอนวันอาทิตย์ครับ ซึ่งถนนโล่งใช้ได้พอสมควรครับ
คนที่นั่งไปด้วยเป็นคนของ TMAP-EM หรือไม่ก็ TMT พอดีไม่ได้ถามครับ
ซึ่งให้ข้อมูลได้ละเอียด ไม่เหมือนกับการทดลองขับที่ศูนย์ที่เน้นการขาย
แต่คน Toyota ที่นั่งมาด้วยนั้นเน้นให้ข้อมูลโดยเฉพาะ ผมซึ่งเข้าไป test
drive เป็นคนท้ายๆ เค้าบ่นกับผมว่า เมื่อวานวันเสาร์มีคนมาทดลองขับเพียง
40 กว่าคนเท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ส่วนวันอาทิตย์ก็ดีหน่อย ได้ประมาณ 90 กว่าคน
ปกติผมขับ Fortuner ดังนั้น ผมจะประทับใจรถหลายๆ คันที่ตีนต้นออกตัวไว
อย่าง Mazda 2, March สำหรับผมถือว่าออกตัวไว แต่ความเป็นจริงแล้วถ้าผ่าน
ไป 2-3 วิ Fortuner มันก็ไปอย่างเร็ว ตามแรงม้าตามแรงบิดที่มากของมัน
กลับมาที่ Corolla 2.0G เริ่มต้นก็บิดกุญแจสตาร์ทแบบปกติๆ ไม่มีปุ่มสตาร์ท
เครื่องยนต์เงียบดี ออกตัว smooth ตามสไตล์ CVT ต้องยอมรับว่า หากยุคใหม่
เกียร์ทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้ CVT อารมณ์ของเกียร์ออโต้เดิมๆ คงหายไปหมด
ถ้าออโต้เดิมๆ ความรู้สึกตอนมันดึงเมื่อเปลียนเกียร์นั้น ให้อารมณ์ความสนุกมากกว่า
ส่วนขับแบบเกียร์ CVT นั้น เหมือนกับขับยานอวกาศ คือค่อยๆ เร่งๆๆๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
เหมือนกราฟที่ต่อเนื่องขึ้นไปข้างบน ตอนที่เหยียบเร่ง ไม่ค่อยรู้สึกถึงการหน่วงเท่าไหร่
เหยียบเท่าไหร่ก็มาเท่านั้น มันค่อยๆ ไหลขึ้นของมัน ความรู้สึกเหมือนกับ อารมณ์ของ
สายน้ำ ตามแบบในโฆษณานั่นแหล่ะ ทำให้เข้าใจถึงสัจธรรมข้อหนึ่งว่า บางที เกียร์
CVT นั้นอารมณ์ทำให้นึกถึงสายน้ำไหล อาจจะน้ำเชี่ยวเหมือนในโฆษณา Teana ก็ได้
หรือจะมาแบบเรื่อยๆ เหมือนกับ Corolla ก็ได้ เสียดาย รถค่อนข้างหนาแน่น ขับเร็วกว่านั้น
ก็ได้ แต่ก็ไม่ค่อยอยากซิกแซกอะไรนัก กับรถที่เราเพิ่งได้ทดลองขับเป็นครั้งแรก
คนของ Toyota บอกว่า การใช้ Paddle shift นั้น ต้องกดลบก่อนหนึ่งครั้งเสมอตอนเริ่มต้น
แล้วถึงจะค่อยๆ กดบวกเพิ่มขึ้นๆ ผมก็ลองทำดูตามนั้น การเร่งก็เร่งได้ดีขึ้น ซึ่ง คน Toyota
บรรยายว่า เกียร์อาจจะชิดกันไปนิด ไม่ลากรอบได้ยาวๆ จะมันกว่านี้ แต่หากเหยียบยาวๆ
ไม่ยอม shift ซักที เกียร์มันก็จะปรับขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หลังจากนั้น ก็ขับแบบปกติซักพัก เพราะรู้สึกว่า "ก็ไม่ได้ชอบการ paddle shift เท่าไหร่"
อีกอย่าง เพราะไม่มั่นใจว่าเกียร์จะทนให้เรา shift ได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับผมไม่ใช่แค่ CVT
นะครับ ที่ผมกังวล เกียร์ออโต้ธรรมดาๆ นี่แหล่ะ ผมยังไม่ค่อยชอบที่จะ shift มันมากนัก เพราะ
รู้สึกว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าเลยดีกว่า กลัวพังแล้วไม่คุ้ม
แต่ผมก็ลองกด paddle shift อีกเป็นครั้งที่สอง เพราะว่ามันว่างๆ มือ ไม่รู้จะทำอะไร เพราะรถติด
มากขึ้น คราวนี้ ลองกดปุ่ม บวก ก่อน เสร็จแล้ว เอาล่ะสิ เกียร์มันอาการแปลกๆ ไป มันไม่ยอม
ให้เร่งขึ้น อิ๊บอ๋ายล่ะ เลยต้องรีบกดปุ่มลบ แล้วก็ทำอะไรต่อก็ไม่รู้ มันแป๊บเดียวเอง แล้วไฟก็โชว์
เกียร์กลับมาเป็น D เหมือนเดิม เฮ้อ ตื่นเต้นแฮะ กลัว อิอิอิ
สำหรับช่วงล่าง เกาะถนนใช้ได้ ผมเป็นคนขับรถเร็ว แบบว่าไม่บ่อย แต่จะขับเร็วก็เร็วมากๆ
ทุกๆ ครั้งที่ขับเร็วๆ ความรู้สึกกลัวตายก็จะเกิดขึ้นทุกครั้ง เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน รู้สึกตัวเอง
ไม่ประมาทดี สำหรับ Corolla ช่วงล่างโอเค ใช้ได้ น่าจะขับได้ที่ 160 ไม่มีปัญหา ส่วนมากกว่า
160 นั้น ต้องได้มีโอกาสลองถึงจะรู้ แต่เบื้องต้น ขับแค่ระยะทางแค่นี้ เวลาสั้นๆ แค่นี้ ถือว่าช่วง
ล่างนั้นผ่าน ช่วงขับช้าๆ ช่วงล่างนุ่มนวลพอประมาณ ไม่มีเสียงยางบดถนนเข้ามาเท่าไหร่
ภายในสีดำ กับลายไม้เข้มสีแบบผู้ใหญ่ ให้อารมณ์ของรถแพง มากกว่าอารมณ์ของความมีอายุ
ซึ่งรถแพงๆ ของ Toyota เค้าก็ใช้สีดำ ตัดลายไม้เข้มๆ แบบนี้กันทั้งนั้น แล้วก็คงไม่ได้หลอก
ตัวเอง เพราะมันก็ไม่ได้ดูแก่จริงๆ เพียงแต่ ถ้าส่วนที่เป็นไม้ หากเป็นสีเงินโครเมี่ยม ก็จะเป็น
รถสปอร์ตๆ แบบวัยรุ่นในทันที แต่ลายไม้สีเข้ม มันก็ดูดี น่าจะดูดีกว่า สีดำตัดเงิน แน่ๆ ล่ะ
ในขณะที่ version Taiwan รุ่นที่ไม่ใช่ 2.0 ใช้ภายในสีเบจเหมือนบ้านเรา แต่จับเอาลายไม้สี
เข้มมาใส่ร่วมกับภายในสีเบจ ช่างเข้ากันเหลือเกิน~~ ได้อารมณ์หรูคุณชายมากๆ ส่วนตัวท๊อป
2.0 ก็ใช้สีภายในต่างๆ เหมือนๆ กับบ้านเรา แต่ไม่แน่ใจว่าบ้านเค้ามีรุ่นที่ใช้ โครเมี่ยมตกแต่งด้วย
รึเปล่า
งานในวันนั้น มี Jetsetter, Boy Peacemaker แล้วสุดท้าย ก็มีคุณโฬม มาโชว์ตัวด้วย แต่แค่ 10
นาที เป็นดาราที่ดูถ่อมตัวดี เป็นกันเอง แล้วก็ดูขี้อายทุกครั้งที่พิธีกรเล่นมุกใส่แบบไม่ทันตั้งตัว
เมื่อวันเสาร์ผมยังคุยเล่นๆ กับที่บ้านว่าพรุ่งนี้ ผมจะไปดู "Corolla Rome" คาโรล่าโรม โคโรล่าโรม
ออกเสียงสำเนียงไหน ก็ดูเข้ากันดี แฮะ ถ้าผมซื้อ รถคันนี้ 2.0V อิอิอิ ได้เมื่อมีกะตัง 555 ผมก็จะ
ตั้งชื่อรถคันนี้ว่า คาโรล่าโรม นี่แหล่ะ เพราะชอบ โฆษณาด้วย presenter ด้วย ทำได้เยี่ยมจริงๆ
คุณภาพของตัวรถก็ส่วนหนึ่ง แต่การตลาด การเอาใจใส่ การวางแผนงาน การโชว์ต่างๆ ในงานสอง
วันนี้คงทำให้หลายๆ คนได้ใจไปเยอะ แต่สำหรับคนที่ไม่หลงมัวเมา อาจจะไม่หลงสเน่ห์ไปด้วย อิอิอิ
สรุป ผมว่า Corolla Minor Change เปลี่ยนเยอะ แต่เนื้อแท้แล้ว ดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง หน้าตาได้อารมณ์
ขึ้นเยอะ แต่สเน่ห์ของ Corolla ก็ประมาณนี้แหล่ะ ไม่เคยเปลี่ยน