Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มิถุนายน 08, 2022, 09:41:21
-
ไม่ใช่รถไม่ดีนะครับ แต่เบนซินพุ่งไม่หยุด แถมรัฐบาลเอาเงินเบนซินไปอุ้มดีเซลอีก ตอนจองกับตอนรับรถน้ำมันคนละราคาเลย แล้วใช้ต่อไปไม่รู้ราคาจะขึ้นไปเท่าไร
-ตอนจองใช้เงินแค่3,000-5,000บาทแล้วยิ่งมีข่าว 3.0 Dieselอีก ถ้าเอามาขายไทยก็จบข่าวเลย
-
ผมว่าไม่นะครับ
ไม่ต้องเอาแพงขนาด Raptor ก็ได้ เอาราคาที่ต่ำลงมาหน่อย อย่างในคลับของคนที่ใช้ CR-V, CX5, Forester, Camry.... ก็มีบ่นเรื่องน้ำมันแพงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็บ่นอย่างเดียว ไม่ได้มีผลให้ใช้รถน้อยลง หรือเวลาตั้งคำถามเพื่อจะซื้อ ก็ไม่ได้เอาเรื่องกินน้ำมันมาเป็นตัวตั้ง
-
ลูกค้าที่ซื้อ Raptor ผมมั่นใจว่า ค่าน้ำมันอะเรื่องเล็กครับ ...
เผลอๆรถออกมาจะเติมพรีเมี่ยมกันด้วย ไม่เติมหรอก โซฮอล95 อะ
-
มันรถขับเอามัน ขับเอาหล่อครับ คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยสนเลย แต่ไอเรื่องบ่นนั่นปกติ ไม่ใช่ว่ารวยแล้วไม่บ่นนะครับ บ่นเหมือนเดิม รอบตัวผมก็บ่นเช่นเดิม แต่ขับน้อยลงมั้ย ก็ไม่ แถมขับเยอะกว่าเดิมเพราะขับรถเที่ยวสบายละ ไม่ค่อยระแวงกันละตอนนี้
-
Raptor เป็นไลฟ์สไตล์ทรัคครับ คนซื้อมาใช้มองข้ามเรื่องค่าน้ำมันไปหมดแล้ว
-
ผมว่าไม่ทิ้ง
ยกเว้นรถ lot แรกจะเสียแล้ว บ. ไม่สนใจ
-
รถเฉพาะทางแนวนี้
ราคารถ มีผลกับการทิ้งใบจอง มากกว่าราคาน้ำมันครับ
ราคาน้ำมันมีผลต่อการไปขับรถเล่น
อาจจะออกทริปน้อยลง ใช้ความเร็วน้อยลง
-
ถ้าจะทิ้งก็เพราะคอยนานนี่แหละ ล่าสุดเซลล์บอกล็อตแรกกันยา นานเกินนนน
-
บางคนอยากได้มาซื้อเก็บเฉยๆ นานๆเอามาขับ ไม่ได้คิคเรื่องค่าน้ำมันอยู่แล้ว
-
ถ้าจะทิ้งก็เพราะคอยนานนี่แหละ ล่าสุดเซลล์บอกล็อตแรกกันยา นานเกินนนน
คิดแบบนี้เหมือนกัน
ถ้าต้องรถนานจนมีรถคันอื่นที่สเปคดี และราคาพอกันๆ (ซึ่งยังไม่เห็น) คงจะมีคนทิ้งใบจองบ้างละ
-
มันรถขับเอามัน ขับเอาหล่อครับ คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยสนเลย แต่ไอเรื่องบ่นนั่นปกติ ไม่ใช่ว่ารวยแล้วไม่บ่นนะครับ บ่นเหมือนเดิม รอบตัวผมก็บ่นเช่นเดิม แต่ขับน้อยลงมั้ย ก็ไม่ แถมขับเยอะกว่าเดิมเพราะขับรถเที่ยวสบายละ ไม่ค่อยระแวงกันละตอนนี้
+1
-
ถ้าเค้าจะซื้อ น้ำมันลิตรละ 100 เค้าก็ซื้อครับ สำหรับรถแบบนี้
-
แน่นอนว่าคงต้องมีบ้างครับ ถ้าเป็นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ขับ Camry/Fortuner/D-max V-Cross
แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้เขาขับ Range Rover Sport, Lexus LX470 โดยไม่ติดแก๊ส เขาก็คงไม่คิดเยอะ
-
เรื่องราคาน้ำมันก็มีผลประมาณนึงเลยครับ ผมเห็นในกลุ่ม camry นี่เล่นเอาตัวไฮบริดไปติดแก๊สกันเป็นแถว ผมงงเลย แต่เค้าก็ติดกันเยอะและใช้งานปกติกันครับ ตกกิโลละไม่ถึงบาท
-
ถามว่าทิ้งมั้ย ไม่แน่นอน กลุ่มนี้ระดับ elite ทั้งนั้น คงไม่มีคนเงินเดือน 15,000 มาออกกันหรอก อย่าไปห่วงแทนเค้าเลย
-
คนจองคงไม่ปล่อยใบจองหรอก แต่พอได้รถอาจจะไม่ขับเยอะเท่าเดิม
แต่ดูท่าแล้วตอนปล่อยมือสองราคาน่าจะแข็งมาก
-
เชื่อว่ามีบ้างแหละ ที่ทิ้งใบจอง แต่ไม่เยอะขนาดที่จะมีปัญหา
ด้วยราคารถแล้ว คนซื้ออาจไมไ่ด้สนใจค่าน้ำมันขนาดนั้น อาจมีคันอื่นสลับใช้งานบ้าง
คิดว่าคนซื้อ Raptor มีกำลังซื้อมากกว่าราคารถเยอะ คือไปซื้อ X3 X5 อะไรพวกนั้นได้ แค่จะเอา Raptor แค่นั้น
เพิ่งคุยกับเจ้าของ Raptor ตัวเก่า ตัดสินใจซื้อเพราะ ถ้าออก WildTrak ก็เอาไป เปลี่ยนล้อยาง เครื่องเสียง ทำช่วงล่างใหม่ แต่งนู้นนี้อีก อย่างน้อยๆก็แสนกว่า เอา Raptor ไปเลยจบๆ...
มะวานก็ยังเจอ Bentley Continental / VX200 v8 / Vx300 บนถนน คือน้ำมันแพงอาจมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่ได้กระทบอะไรเขามาก...
-
ผมว่าคงมีบ้าง แต่ว่าไม่น่าจะมากครับ
คนจะซื้อรถกลุ่มนี้ ผมว่าไม่ได้สนใจเรื่องราคาน้ำมันมากนัก แต่สนใจสิ่งที่ตัวรถให้มากกว่า
ถ้าสนใจเรื่องราคาน้ำมัน ผมมองว่า น่าจะเป็นกลุ่มที่เล่นค่ายเจ้าตลาดเครื่องเล็กครับ
-
มันไม่ใช่รถซื้อเอามาขับใช้งานทุกวันนี่ เป็นรถสะสม เห็นคนรู้จักซื้อเพราะเอาไปเก็บเป็นคอลเลคชั่นในโรงรถ เรื่องน้ำมันคงมีผลน้อย เติมทีอยู่กันเป็นเดือน เพราะไม่ได้ใช้
-
คนรวยๆที่ผมรู้จัก และใช้แร็พเตอร์ตัวเก่าอยู่
เงินที่หาได้แค่วันเดียวก็เติมน้ำมันได้ทั้งเดือนแล้วครับ
-
จะบอกว่า วันที่ผมไปดูรถคันจริง
คนที่มาดูรถด้วยในวงสนทนาแต่ละคน ไม่มีใครพูดถึงค่าน้ำมันเลยครับ
มีแต่คนพูดถึงความดีของรถ และความคาดหวังของแรงดึงปลายจากเบนซิน
คนที่คำนึงถึงค่าน้ำมันน่าจะสะดุดตั้งแต่เห็นตัวเลข 3.0 V6 แล้วล่ะครับ คนจองไปแล้วเขามองข้ามไปล่ะ
ปล. แต่วันที่ผมไป test drive Ranger เซลล์แจ้งว่าปีหน้าจะเปลี่ยนเป็นดีเซล ไม่รู้จริงมั้ย
-
ถ้าจะทิ้ง คงเพราะรถมีปัญหา แล้วเป็นดราม่าใหญ่โตมากกว่าครับ
-
ระดับคนกล้าตัดสินใจ ซื้อ 3.0 V6 ได้ ผมว่า ค่าน้ำมัน เค้าไม่แคร์หรอก แล้วคนกลุ่มนี้ ผมเชื่อว่า มีรถหลายคัน คันนี้เอาไว้ขับเล่น ถ้าน้ำมันแพงจัด เค้าก็น่าจะมีพวกดีเซล หรือ รถประหยัดน้ำมัน ใช้เป็นรถหลักอยู่แล้วครับ
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
-
ค่าน้ำมันเขาไม่สะอึกหรอกครับ คนที่ซื้อรถรุ่นนี้คิดว่าไม่ใช่รถคันแรก อารมณ์เหมือนซื้อรถสปอร์ตมาขับเล่นวันหยุด คงไม่บ้าเอามาขับทุกวันให้ค่าน้ำมันสูบเล่นอ่ะ
-
จะบอกว่า วันที่ผมไปดูรถคันจริง
คนที่มาดูรถด้วยในวงสนทนาแต่ละคน ไม่มีใครพูดถึงค่าน้ำมันเลยครับ
มีแต่คนพูดถึงความดีของรถ และความคาดหวังของแรงดึงปลายจากเบนซิน
คนที่คำนึงถึงค่าน้ำมันน่าจะสะดุดตั้งแต่เห็นตัวเลข 3.0 V6 แล้วล่ะครับ คนจองไปแล้วเขามองข้ามไปล่ะ
ปล. แต่วันที่ผมไป test drive Ranger เซลล์แจ้งว่าปีหน้าจะเปลี่ยนเป็นดีเซล ไม่รู้จริงมั้ย
งั้นต้องเก็บละ rare item
-
ใครได้ไปครองเท่แน่นอนคันจริงวิ่งมาทดลองพาสที่โรงงานผมผู้จัดการโรงงานมุงดูกันใหญ่
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
นั่นมันรถใช้งานครับพวก c class หรือ e class คนละแบบกับรถขับเอามัน คนซื้อรถเครื่อง 3,000 โบ ไม่มีใครคิดเรื่องประหยัดน้ำมันหรอกครับ
เผลอๆ ตอนนี้นั่งคิดละว่าเอาไปจูนแล้วจะได้ม้าเพิ่มเท่าไหร่
-
มีหลายคนที่น้ำมันแพง หมูแพง ผักแพง แล้วเค้าไม่รู้สึก ปกติเค้ากินข้าวมือเป็นพันอยู่แล้ว
-
คนที่ใช้รถปีละ 50,000 โล น่าคิดครับ แต่คนที่ใช้ปีละ <20,000 โล ส่วนต่างค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ถือว่าไม่เยอะขนาดนั้น
ตอนนี้ผมใช้อัลพาร์ด ในกทม. 7 โล/ล. ตจว. 10 โล/ล. ต่อให้เป็นแรปเตอร์ 3.0 ก็ไม่หนีไปกว่านี้หรอกครับ
-
จากที่ผมสิงอยู่ในกลุ่ม คนที่ทิ้งใบจองเพราะ จองไว้หลายที่ ไม่ก็ ขี้เกียจรอครับ คนที่บ่นเรื่องน้ำมัน เท่าที่เห็นเจอแค่ 2 คน เท่าที่ผ่านตา เพราะผมก็จองก่อนรู้ราคา
-
จะบอกว่า วันที่ผมไปดูรถคันจริง
คนที่มาดูรถด้วยในวงสนทนาแต่ละคน ไม่มีใครพูดถึงค่าน้ำมันเลยครับ
มีแต่คนพูดถึงความดีของรถ และความคาดหวังของแรงดึงปลายจากเบนซิน
คนที่คำนึงถึงค่าน้ำมันน่าจะสะดุดตั้งแต่เห็นตัวเลข 3.0 V6 แล้วล่ะครับ คนจองไปแล้วเขามองข้ามไปล่ะ
ปล. แต่วันที่ผมไป test drive Ranger เซลล์แจ้งว่าปีหน้าจะเปลี่ยนเป็นดีเซล ไม่รู้จริงมั้ย
หมายถึงดีเซล v6 หรือbi2.0 หรอคับ ใจก้ออยากได้เครื่อง ดีเซลv6 แต่ไม่รู้จะมาไหม
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
นั่นมันรถใช้งานครับพวก c class หรือ e class คนละแบบกับรถขับเอามัน คนซื้อรถเครื่อง 3,000 โบ ไม่มีใครคิดเรื่องประหยัดน้ำมันหรอกครับ
เผลอๆ ตอนนี้นั่งคิดละว่าเอาไปจูนแล้วจะได้ม้าเพิ่มเท่าไหร่
เบนซ์ S Class ด้วยครับ เบนซ์ S Class พยายามจะข้ามไปไฮบริด ไม่เอาเครื่องดีเซลเข้ามาขาย ตอนหลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ต้องเอา S350 D เครื่องดีเซลมาขายด้วย
-
จะบอกว่า วันที่ผมไปดูรถคันจริง
คนที่มาดูรถด้วยในวงสนทนาแต่ละคน ไม่มีใครพูดถึงค่าน้ำมันเลยครับ
มีแต่คนพูดถึงความดีของรถ และความคาดหวังของแรงดึงปลายจากเบนซิน
คนที่คำนึงถึงค่าน้ำมันน่าจะสะดุดตั้งแต่เห็นตัวเลข 3.0 V6 แล้วล่ะครับ คนจองไปแล้วเขามองข้ามไปล่ะ
ปล. แต่วันที่ผมไป test drive Ranger เซลล์แจ้งว่าปีหน้าจะเปลี่ยนเป็นดีเซล ไม่รู้จริงมั้ย
หมายถึงดีเซล v6 หรือbi2.0 หรอคับ ใจก้ออยากได้เครื่อง ดีเซลv6 แต่ไม่รู้จะมาไหม
เซลล์ยังไม่ได้บอกตัวเลข spec ที่จะมาครับว่าจะได้บล็อคไหน ซึ่งผมก็ภาวนาขอให้เป็น V6
เพราะถ้า 2.0 Bi มาเหมือนเดิม คิดว่าคนที่ชอบจริงๆ น่าจะแห่กันไปเอาเบนซินก่อนรถหมดแน่ๆ ครับ
-
หากตรรกะของคุณ เป็นจริง ที่ว่า ราคาน้ำมันแพง จึงทิ้งใบจอง
ดังนั้น ตอนจอง เขาเอาราคาน้ำมัน มาเป็นส่วนการตัดสินใจด้วยมั้ยครับ.
-
ซื้อรถแรงขนาดนี้ ราคานี้ เขาคงไม่สนราคาน้ำมันแน่นอนครับ หล่อ เท่ แรง ราคาดีด้วย แต่คงเซ็งเรื่องรอรถนานมากกว่า แบบอยากขับแล้ววววววววว
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
นั่นมันรถใช้งานครับพวก c class หรือ e class คนละแบบกับรถขับเอามัน คนซื้อรถเครื่อง 3,000 โบ ไม่มีใครคิดเรื่องประหยัดน้ำมันหรอกครับ
เผลอๆ ตอนนี้นั่งคิดละว่าเอาไปจูนแล้วจะได้ม้าเพิ่มเท่าไหร่
เบนซ์ S Class ด้วยครับ เบนซ์ S Class พยายามจะข้ามไปไฮบริด ไม่เอาเครื่องดีเซลเข้ามาขาย ตอนหลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ต้องเอา S350 D เครื่องดีเซลมาขายด้วย
นั่นมันเรื่องปัญหาระบบไฮบริดมั้งครับ การดูแลรักษาดีเซลมันยังง่ายกว่า
-
น่าจะมีผลน้อยมากนะครับ
คนที่จองกลุ่มนี้ไม่น่าคิดอะไรกังวลกับค่าน้ำมันไม่กี่บาทส่วนนี้มั้งครับ ไม่งั้นพวก6.0 w12เค้าคงไม่ขับกันแล้วเหมือนกันล่ะครับ
555คิดมากไปจริงๆ
ส่วนตัวรถยุโรปไม่เคยมองดีเซลครับ ไม่สนใจราคาน้ำมัน แต่เครื่องดีเซลเค้าทะยอยปลดประจำการกันแล้ว จะไปเอามาทำไมครับ บำรุงง่าย? น้ำมันถูกกว่า ถ้าคิดเรื่องนี้ไปถอยBEVครับจบกว่า ทิ้งรถiceทั้งหมดเลยครับ
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
นั่นมันรถใช้งานครับพวก c class หรือ e class คนละแบบกับรถขับเอามัน คนซื้อรถเครื่อง 3,000 โบ ไม่มีใครคิดเรื่องประหยัดน้ำมันหรอกครับ
เผลอๆ ตอนนี้นั่งคิดละว่าเอาไปจูนแล้วจะได้ม้าเพิ่มเท่าไหร่
เบนซ์ S Class ด้วยครับ เบนซ์ S Class พยายามจะข้ามไปไฮบริด ไม่เอาเครื่องดีเซลเข้ามาขาย ตอนหลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ต้องเอา S350 D เครื่องดีเซลมาขายด้วย
นั่นมันเรื่องปัญหาระบบไฮบริดมั้งครับ การดูแลรักษาดีเซลมันยังง่ายกว่า
นอกเรื่องแรพเตอร์หน่อย ตอน W223 ออกผมก็เห็นมันมีดีเซลอยู่แล้ว มีทั้งตัวล่างกับตัว AMG
เรื่องเบนซินไฮบริด กับ ดีเซล มีลูกค้าสองประเภท ชอบทนๆ แล้วทนเสียงดังหน่อยได้ อัตราเร่งพอรับได้ ไปดีเซล พวกชอบ performance แถม green เงียบ นุ่ม รักษ์โลก ไป PHEV เสียก็ซ่อมบ้างไม่เป็นไร มีหลายคัน เปลี่ยนรุ่นก็เปลี่ยนรถ ก็เท่านั้น
รถกระบะ เครื่องเบนซิน high performance มันไม่เคยมีนะ (เคยมีโตโยต้าเอาเครื่อง 2.7 มาขาย แต่ก็ไม่แรงแถม old tech) มันก็น่าจะเป็นอีก segment ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ห่วงค่าน้ำมัน เป็น weekend car เอาไว้เผื่อลุยละมากกว่า
เครื่อง V6 ดีเซล คอยดูสเปค VW Amarok แล้วกัน ประมาณนั้น
-
เอา Raptor ไปติดแก๊ส ก็สบายล่ะ
-
มีแน่นอนครับ คนที่ซื้อระเบนซ์หรือบีเอ็มดับบิว ยังชอบซื้อรถเครื่องยนต์ดัเซลเลยครับ เครื่องเบนซิลเวลาขายราคาจะตกมาก ทั้งๆที่รถพวกนี้ราคาหลายล้าน รถมือสองก็เกินล้าน
นั่นมันรถใช้งานครับพวก c class หรือ e class คนละแบบกับรถขับเอามัน คนซื้อรถเครื่อง 3,000 โบ ไม่มีใครคิดเรื่องประหยัดน้ำมันหรอกครับ
เผลอๆ ตอนนี้นั่งคิดละว่าเอาไปจูนแล้วจะได้ม้าเพิ่มเท่าไหร่
เบนซ์ S Class ด้วยครับ เบนซ์ S Class พยายามจะข้ามไปไฮบริด ไม่เอาเครื่องดีเซลเข้ามาขาย ตอนหลังทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ต้องเอา S350 D เครื่องดีเซลมาขายด้วย
นั่นมันเรื่องปัญหาระบบไฮบริดมั้งครับ การดูแลรักษาดีเซลมันยังง่ายกว่า
นอกเรื่องแรพเตอร์หน่อย ตอน W223 ออกผมก็เห็นมันมีดีเซลอยู่แล้ว มีทั้งตัวล่างกับตัว AMG
เรื่องเบนซินไฮบริด กับ ดีเซล มีลูกค้าสองประเภท ชอบทนๆ แล้วทนเสียงดังหน่อยได้ อัตราเร่งพอรับได้ ไปดีเซล พวกชอบ performance แถม green เงียบ นุ่ม รักษ์โลก ไป PHEV เสียก็ซ่อมบ้างไม่เป็นไร มีหลายคัน เปลี่ยนรุ่นก็เปลี่ยนรถ ก็เท่านั้น
รถกระบะ เครื่องเบนซิน high performance มันไม่เคยมีนะ (เคยมีโตโยต้าเอาเครื่อง 2.7 มาขาย แต่ก็ไม่แรงแถม old tech) มันก็น่าจะเป็นอีก segment ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ห่วงค่าน้ำมัน เป็น weekend car เอาไว้เผื่อลุยละมากกว่า
เครื่อง V6 ดีเซล คอยดูสเปค VW Amarok แล้วกัน ประมาณนั้น
ยุคพี่โต 2.7 กับมิตซู 2.4 ตอนนั้นเข้าใจว่า ออกมาเพื่อให้คนติดแก๊ซอย่างเดียวเลยครับ
2.7 ที่อยู่ในทั้งฟอร์จูนเนอร์และ Innova คือเข้าโครงการ Taxi สนามบิน รถเช่า และรถรับส่งบริษัท ลามไปถึงรถตู้คอมมิวเตอร์ และกระบะขนของ
ส่วน 2.4 ของ Triton ก็มี NGV ออกมาจากโรงงานเลยมั๊งถ้าจำไม่ผิด หรือลูกค้าจะเอาไปติด NGV เองก็ได้...
ผมมี Triton รุ้นนั้นอยู่ 2 คัน นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ขายไป ตอนนี้เลยสบายเลย ข้อเสียอย่างเดียวคือ พอขนของหนักแล้ว จะถอยขึ้นเนินชันไปถ่ายของให้ลูกค้าบางที่ไม่ได้แค่นั้นเอง
-
ตอนนี้เห็นขายใบจองกันนะครับ
20000 นะที่ผมเห็นใน club
-
ผมอยากได้เหมือนกันครับ แต่ติดตรงที่ไม่รู้จะเอาไว้ขนอะไรดี :'(
-
กัญชาครับ
-
คนขี่ช้าง เค้าไม่กลัวค่าอ้อยนะ ผมว่า