ที่น่าห่วงคือ ผู้ใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย
คืนภาษีให้แล้ว 58,300 ราย เป็นเงิน 4,231 ล้านบาท
ยังเหลือค้างจ่ายคืนอีก 1,191,700 ราย
ต้องใช้เงินอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท เท่านั้นเอง
รัฐไม่ได้ออกซํกบาทนะครับ เพียงแต่เป็นไม่ได้รายได้ตามที่ควรจะได้
เพราะฉะนั้นรัฐไม่ได้เสียอะไรเลยกับคนที่ใช้สิทธ์
แต่กลับจะได้ถ้าคนสละสิทธ์ครับ เป็นผลพลอยได้จากคนที่ไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะซื้อไม่ไหว แต่โดนแสนนึงบังตาครับ
เกมนี้รัฐไม่มีเสียครับ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
คนที่เสียคือ คนที่ซื้อแล้วผ่อนไม่ไหว กับคนค้ำประกันเท่านั้นครับ
จริงๆก็อยากเถียงอยู่นะคะ แต่กลัวได้ต้มมาม่า
เอาเป็นว่า งานนี้ประเทศไทยเสียหายมากๆ
ผมก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่ยาวแน่ๆ
ขนาดมีญาติใช้สิทธิ์หลายคนนะ ยังคิดว่านโยบายประชานิยมอันนี้ ส่งผลเสียสุดๆ กับประเทศ
ไม่มีนโยบายนี้คนจะซื้อรถเยอะขนาดนี้ใหมครับ
ก็ไม่มีทางใช่ใหม
เท่ากับเงินที่รัฐจะเก็บได้ ก็ไม่ใช่ 8 พันกว่าล้านอะไรนั่นแน่ๆ
ทีนี้คนซื้อเยอะ เขาก็บอก เอออันนี้ไม่เก็บภาษีละกัน
คือมันไม่ได้เอาเงินที่ มี 10 หักไป 8 เหลือ 2 นะครับ เรื่องภาษีไม่ได้อนุบาลอะไรขนาดนั้นฃ
คือไอ้เงินที่ว่าหายไปเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่จริงในระบบตั้งแต่แรก
เพราะ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ คนก็ไม่ได้ซื้อรถเยอะขนาดนี้ คนก็ซื้อรถเท่าเดิมกับปีที่แล้ว หรืออีกสองสามปีที่แล้ว
คุณต้องเอายอดภาษีสรรพสามิต ที่เก็บ มาอย่างต่ำห้าปี เฉลี่ยเป็น ค่าที่ปีนี้จะเก็บได้ (หากไม่มีนโยบาย) แล้วประมาณการว่าเงินหายไปจากระบบเท่าไร
ไม่ใช่เอาเงินที่มันไม่มีอยู่จริง ไม่ได้หมุนเวียนในระบบมาคิด
ไม่ใช่ว่า โห เนี่ยถ้าไม่มีนโยบายนี้ แล้วคนซื้อรถล้านคัน เนี่ยจะเก็บภาษีได้ตั้งเท่านี้ โหเงินหายไปตั้งเยอะ เสียหายจังเลย
คือถ้าไม่มีนโยบายนี้คนก็ไม่ซื้อรถเท่านี้อยู่แล้วล่ะครับ อาจจะประมาณ เท่าปีที่แล้ว หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำเพราะว่าบางคนเสียหายจากน้ำท่วม
คุณเอาตัวเลขที่ไม่มีในระบบแล้วมาบอกว่าเสียหายไม่ได้ เพราะ มันไม่ใช่เงินที่มีอยู่แล้วตัดมาจ่ายไป
งงใหมเนี่ย ไม่ต้องเถียงกลับก็ได้นะครับเพราะผมไม่เข้ามาตอบแล้ว