ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พี่ๆในบอร์ดช่วยให้ความรู้เรื่องการดูแลสีรถหน่อยครับ  (อ่าน 3544 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~สาวก_BMW_~

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 201
เนื่องจากว่าพักหลังๆมานี้ฝนตกค่อนข้างบ่อย ทำให้ต้องล้างรถทุกๆ 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง รถผมสีน้ำตาลอายุ 1 ปีพอดี แต่ผมไม่รู้วิธีการดูแลที่ถูกต้องเท่าที่ควร
เท่าที่สังเกต ตอนนี้รถผมเริ่มมีรอยขนแมวชัดเจนมากขึ้น และตัวผมเองก็อยากรู้วิธีดูแลรักษาสีรถอย่างจริงจังมากขึ้น จึงอยากให้พี่ๆมาแชร์วิธีการดูแลรักษาสีรถ+ภายในพวกคอนโซล เบาะ วัสดุบุในจุดต่างๆหน่อยครับ
1.อยากให้พี่ๆชี้แจงขั้นตอนวิธีการล้างรถในวันหยุดของพี่ๆหน่อยครับ ว่าควรเริ่มจากล้างส่วนไหน ใช้น้ำยาชนิดไหน ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง มีทริคอะไรบอกมาได้เลยครับ 
2.วิธีเคลือบสี(อันนี้อยากรู้มากๆ) ต้องทำอย่างไรถึงจะถูก เคลือบอย่างไรให้เงา ใช้อุปกรณ์และน้ำยาอะไรบ้าง ส่วนไหนต้องเน้นเป็นพิเศษ หรือมีทริคพิเศษอะไรเพิ่มเติมได้ครับ
3.การรักษาเบาะ อันนี้หลังจากใช้รถมา 1 ปี เวลาเราเข้า-ออก จากรถกางเกงเราจะเสียดสีกับปีกเบาะตลอด ทำให้มันดูเสื่อมไว + เบาะเป็นรูมีฝุ่นค่อนข้างเยอะ ควรดูแลอย่างไร ใช้น้ำยาชนิดไหนเคลือบครับ
4.พวกคอนโซลต่างๆ + วัสดุบุข้างประตู ที่เป็นพวกเปียโนแบล็ค ถ้าสุ่มสี่สุ่มห้าเช็ดนี่รอยขนแมวถามหาเอาง่ายๆ พี่ๆดูแลจุดนี้อย่างไรบ้างครับ
ปล.ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจากนี้ บอกมาได้เลยนะครับ ผมเสียดายสีรถมาก จริงๆถ้ามันเงาไร้รอยมันจะสวยมาก
ปล2.พวกเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง + เครื่องเคลือบ จำเป็นไหมครับ
ปล3.ถ้ามีรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ นำมาลงด้วยก็จะดีมากครับ ผมจะได้ไปหาซื้อมาใช้บ้าง
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,768
ผมไปแอบอ่านที่เว็บนี้ บ่อยๆ ครับ

http://www.thaiwashercarclub.com/forum/index.php

แต่ตอนนี้ไม่มีแรงทำ เพราะป่วยหนัก ถ้าหาย คงซื้อเครื่องขัด สักตัว

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,487
ถ้าจะให้แนะนำก็
1.  อย่าเคลือบแก้ว  รักษายากมาก  ยกเว้นที่แข็งจริง ๆ บางแบรนด์เท่านั้น
2.  ผมล้างเอง  น้ำฉีด ใช้มือเปล่าไล้สีเบา ๆบริเวณเปรอะเยอะ ๆ ระวังเล็บด้วย  จากนั้นใช้ถุงมือล้างรถ  + แชมพู มียี่ห้อหน่อย
     ล้างออกให้เรียบร้อย  เช็ดด้วยผ้าชาร์มัว  ใช้ลมเป่ารอยต่อและร่องต่าง ๆ  เช็ดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ตรงที่มีน้ำกระเซ็น...
     ลงแวค  (ใช้gc  mg  ก็ได้ ) บาง ๆ   แห้ง เช็ดออก....
     ออกวิ่งถนนโล่ง ๆ  รีดน้ำส่วนที่เป่าออกไม่หมด   เข้าโรงรถเก็บ....เสร็จ

     มือเปิดประตูควรติดกันเล็บข่วนสีด้วย...

ออฟไลน์ iamnobody

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 477
ถ้าไม่รักการดูแลสีรถจริงๆ ไปซื้อแพ็กเกจตามร้านดีกว่าครับ

แต่ถ้าคิดแล้วว่าชอบทำเองก็ลองเริ่มศึกกษาจาก thaiwashercarclub ดู แต่ตอนแริ่มค่อยๆ ซื้อครับ พวก wax หรือน้ำยาต่างๆ ซื้อขวดแบ่งเอาได้จะประหยัดกว่าเยอะ
แต่ต้องทำใจว่าถ้าเริ่มแล้วบานปลายแน่นอนครับ ผมหมดไปเกิน 5 หมื่นแล้วในเวลา 3 ปี ถ้าเอาเงินเท่านี้ไปซื้อแพ็กเกจเผลอๆ จะถูกกว่าด้วยครับ

ปกติถ้าดูแลรถถูกวิธี กว่าจะต้องขัดลบรอยขนแมวจริงๆ ก็ 1-2 ปีทำสักครั้งครับ
แต่รายละเอียดมันเยอะมากลองเริ่มศึกษาจากในเว็บไปสักพักก็ได้ครับจะได้มีพื้นฐาน
(ว่าถ้าไปเห็นงานของพวกสายขัด พวก wer sanding นี่อาจจะตาค้างได้เลยครับ55)

ออฟไลน์ Starplatinum35

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 406
  • R35 IHI F55 Hybrid turbo 720 whp on E85
F10 ผมหุ้มฟิลมใสกันรอยทั้งคันครับ
2015 BMW 525d m sport Project'A stage 1
2012 nissan GT-R R35 GT700+EcuTek +E85 flex fuel
2016 MB CLA 250 AMG
2017 MB E220d AMG
2017 BMW 320d GT

ออฟไลน์ neung23

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
ซื้อ wax เคลือบสีสามัญทั่วไปติดรถไว้ขวดนึง พอไปคาร์แคร์ ก็บอกให้เขาลงให้ เดือนละครั้ง สองครั้งแล้วแต่กำลังงบฯ

Chemical Guys Jetseal 209
Wolfgang DGPS 3.0
Meguiars 21 < รถไม่มีเคลือบแก้วลงได้ มันมีผงขัดอ่อนๆ ช่วยกำจัดคราบติดแน่นได้พอสมควรเลยคับ

ผมว่าแค่นี้ก็สบายๆแล้วนะคับ สาม-สี่ ปี ก็หาร้านหรือพวกที่รับขัดสีแบบมืออาชีพๆหน่อยขัดใหญ่ซักทีนึง
2013 W204 C250 AMG Plus
2011 Prius
2010 X5 xDrive 4.8i
2003 E39 523i Sport

ออฟไลน์ YAmodels

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,024
ถ้าจะให้แนะนำก็
1.  อย่าเคลือบแก้ว  รักษายากมาก  ยกเว้นที่แข็งจริง ๆ บางแบรนด์เท่านั้น
2.  ผมล้างเอง  น้ำฉีด ใช้มือเปล่าไล้สีเบา ๆบริเวณเปรอะเยอะ ๆ ระวังเล็บด้วย  จากนั้นใช้ถุงมือล้างรถ  + แชมพู มียี่ห้อหน่อย
     ล้างออกให้เรียบร้อย  เช็ดด้วยผ้าชาร์มัว  ใช้ลมเป่ารอยต่อและร่องต่าง ๆ  เช็ดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ตรงที่มีน้ำกระเซ็น...
     ลงแวค  (ใช้gc  mg  ก็ได้ ) บาง ๆ   แห้ง เช็ดออก....
     ออกวิ่งถนนโล่ง ๆ  รีดน้ำส่วนที่เป่าออกไม่หมด   เข้าโรงรถเก็บ....เสร็จ

     มือเปิดประตูควรติดกันเล็บข่วนสีด้วย...
เคลือบแก้วไม่ได้รักษายากอย่างที่เข้าใจกันครับ เพียงแต่มันไม่ได้แข็งเป็นแก้วอย่างที่ทราบจากโฆษณา
มันยังเกิดรอยได้อยู่ถ้าเช็ดถูอย่างไม่ถนอม หรือล้างด้วยแชมพูที่แรงมากๆแก้วก็ค่อยๆบางลงจนหมดไปได้ครับ
แต่ข้อดีของมันก็คือช่วยให้เคลียร์โค้ทของเราไม่ถูกทำลายไปก่อนเวลาอันควร
ถ้ารถที่ทำเคลือบแก้วแล้วผิวรถเป็นรอยมากก็แค่ขัดแก้วออกแล้วลงใหม่ เคลียร์โค้ทของรถเราก็ยังหนาอยู่เหมือนเดิม
เคลือบแก้วใช้ได้ แต่ควรเลือกใช้อย่างเข้าใจจุดประสงของการที่สร้างมันขึ้นมาครับ

ส่วนการหาความรู้เรื่องการดูแลรักษารถ ลองเข้าไปอ่านใน TWCC www.thaiwashercarclub.com
มีความรู้เยอะมาก รีวิวเพียบ อ่านกันเป็นเดือนๆก็ไม่หมด

ออฟไลน์ cuptea

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 53
    • อีเมล์
ส่วนตัว ล้างเองจะควบคุมเรื่องขนแมวได้ดีกว่าเข้าร้านล้างรถ
ที่ทำอยู่
ฉีดน้ำให้ทั่วรถ เพื่อให้คราบติดแน่นคลายตัว
ใช้สายยางฉีดน้ำและใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ลูบเบาๆ เอาคราบออกทั่วรถ และขยี้ผ้าทำความสะอาดระหว่างล้าง
ใช้ฟองน้ำทำความสะอาดรถ กับแชมพูล้างรถ อาจจะผสมwax
ฉีดน้ำทำความสะอาดทั่วคัน และเช็ดแห้งด้วยชามัวร์

ส่วนวิธีขัดเคลือบสี ก็ที่เวป TWCC มีเยอะมาก



ออฟไลน์ Artist

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 221
    • อีเมล์
ต้องเข้าใจก่อนครับว่า รถรักษาดียังไง มันก็เกิดรอยขนแมว หรือ swirl ได้อยู่ดี เพียงแต่เกิดช้าหรือเกิดน้อย ถ้ารถเคลือบมาดีๆ

รอยพวกนี้ก็เกิดจากฝุ่นควัน เวลาเราขับรถไปแล้วมันสีกับตัวรถเพราะแรงลม หรือเกิดจากการเช็ดถูก็ตาม..

ทีนี้ถ้าอยากให้รอยขนแมวหรือ swirl หายไปมันต้องมีการขัดสีบ้าง 2-3 ปีครั้งนึง (ไม่ต้องทำบ่อยเดี๋ยวสีบางหมด) เพือเอารอยพวกนี้ออก แล้วลงแว๊กซ์เคลือบทับตามปกติ

เท่านี้รถก็จะเงางามเหมือนเดิมครับ

มีอีกวิธีก็ติดฟิล์มทั้งคัน มันช่วยกันรอยได้ดี แต่ข้อเสียคือแพง และรถจะไม่เงางามเท่ารถที่ไม่ติดครับ

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
ในเรื่องการล้าง เทคนิคสำคัญคือ ใช้ผ้าให้ถูกครับ คิอต้องแยกผ้าในการทำหน้าที่กันเด็ดขาด อย่าไปปนกันแลัผ้าต้องสะอาดด้วย
อันดับแรกเวลาล้างก็คือฉีดน้ำเอาพวกเศษสกปรกออกไปก่อนทั้งคันโดยฉีดจากหลังคาลงมาด้านล่าง จากนั้น ให้เริ่มฉีดนำทำความสะอาดซุ่มล้อและล้อก่อนครับ เพราะส่วนนี้จะสกปรกมากที่สุด ที่เศษทราย เศษสกปรกมากที่สุด จึงต้องขจัดมันออกไปก่อนส่วนอื่น
ในบริเวณซุ้มล้อและล้อนี้ ใช้ผ้าเฉพาะของมันผืนนึงไปเลยครับ ใช้เสร็จก็หมดหน้าที่มัน
ต่อไปก็เริ่มล้างตัวถังจากส่วนหลังคาลงมาก่อนครับ ใช้ผ้าอีกผืนนึง ใช้เสร็จก็หมดหน้าที่มัน  การล้างบริเวณนี้หากไปเจอเศษยางมะตอยหรือเศษอไรที่มันออกยากหน่อย ห้ามไปถูมันแรง ๆ หรือเอาเล็ยไปแกะไปขูดครับ ทิ้งไว้ก่อน ค่อยมาเก็บงานทีหลังด้วยน้ำยาเคลือบสีได้ครับ

การล้างนี้จะใช้แชมพูหรือไม่ก็อยู่ที่รถเราสกปรกมากแค่ไหน ถ้าไม่ได้สกปรกหรือมีคราบอะไรมาก ก็ไม่ต้องแชมพูก็ได้ครับ
แชมพูที่ผมจะแนะนำโดยส่วนตัวนะครับ คืออย่าไปใช้ประเภททูอินวัน หรือพวกที่ผสมน้ำยาเคลือบ เพราะเวลาซับน้ำหรือเช็ดแห้ง มันจะยากต้องออกแรงเยอะครับ

หัวใจของขั้นตอนนี้คือ ก่อนล้าง ผิวรถต้องไม่มีเศษทรายอยู่ ต้องฉีดน้ำเอาเศษพวกนี้ออกไปก่อน และ ผ้าที่ใช้ต้องสะอาดแยกประเภทการใช้งาน อย่าไปใช้ปนครับ

เมื่อล้างทำความสะอาดแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่มักจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้อีกก็คือการเช็ดแห้ง แนะนำให้ใช้ผ้าชามัวร์คุณภาพดีครับ
เราใช้มันซับน้ำนะครับ ไม่ได้เอามาถูให้รถแห้ง แค่เอาชามัวร์มาซับ ๆ น้ำออกเท่านั้น  ถ้าเราใช้แชมพูที่มันไม่ทั้งคราบ ก็จะซับน้ำง่ายไม่ต้องออกแรงถูครับ รถก็ไม่ช้ำ เมื่อใช้ชามัวร์ซับแล้ว จริง ๆ รถก็จะสะอาดและแห้งแล้วล่ะครับ แต่ถ้าต้องการใช้มันแห้งมากขึ้น และรถเงามากขึ้นก็ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อดี ๆ เช็ดเบา ๆ อีกรอบก็ได้ครับ
  ผมมีสูตรน้ำยาล้างรถที่ใมช้มาสิบกว่าปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรกับสีรถเลย คือผมใช้แชมพูสระผมผสมกับน้ำยาล้างจานนะครับ อย่างละครึ่ง
กวนให้เข้ากํนแล้วใช้ล้างได้ดี ไม่ทั้งคราบน้ำไว้ เวลา่ซํบน้ำนี่ง่ายมากครับ ไม่เสียเวลาด้วย น้ำยาล้างจานจะมีสารลดแรงตึงผิวผสมอยู่เยอะหน่อยและมีสารขจัดคราบมันด้วย 

  การทำความสะอาดภายใน ผมก็มีสูตรครับ ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำในอัตรา 1 ต่อ  10 ทำความสะอาดภายในทั้งหมดรวมทั้งขอบยางประตู ยางใบปัดน้ำฝนครับ แว้กผมไม่ใช้เลย น้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีสารลดแรงตึงผิว มันจึงซึมเข้าผิวได้ง่ายและแห้งเร็ว มีารฆ่าเชื้อโรค รถจะไม่มีกลิ่นอับ
ช่วยรักษาสภาพยางด้วยครับ

การเคลือบสีรถ มันจะมีประเภทน้ำยาหลัก ๆ อยู่สองชนิด คือ ชนิดสารธรรมชาติหรือคาร์ฺนัวบ้า กับประเภทสารสังเคราะห์พวกซิลิคอน
มีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ ประเภทคาร์นัวบ้าจะใช้ง่าย ให้ความเงาแบบฉ่ำลึก แต่จะติดผิวรถได้ไม่นาน คือไม่เกินสองเดือนครับ
ส่วนประเภทสารสังเคราะห์ จะให้ความเงาแบบประกาย ไม่ฉ่ำ ใช้เคลือบยากหน่อยเพราะน้ำยาจะเหนียว มักจะใช้เครื่องขัดเอาครับ ขัดมือก็ได้แต่เหนื่อยหน่อย   ข้อดีคือจะะอยู่กับผิวรถได้นานกว่า ครับ ประมาณ 4 - 6 เดือน
แต่ทั้งสองประเภทนี้ก็จะมีแยกไปอีกเป็นชนิดที่ผสมผงขัด กับไม่ผสมผงขัด รถใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีรอยอะไร ก็ควรใช้ชนิดไม่ผสมผงขัดครับ
ถ้ามีรอยขนแมวบาง ๆ อยู่บ้างก็ควรใช้ชนิดผสมผงขัดเพราะมันจะช่วยลบรอยได้
และแนะนำว่าถ้าจะเคลือบเองให้ใช้น้ำยาประเภทคาร์นัวบ้าขัดด้วยมือจะดีกว่าครับ ขัดเครื่องจะมีโอกาสเกิดรอย swirl ได้ง่ายถ้าไม่ชำนาญพอครับ ผมใช้วิธีขัดด้วยมือครับ ไม่ใช้เครื่อง

  การเคลือบสีก่อนจะลงมือเคลือบต้องล้างรถให้สะอาดก่อน หรืออาจจะเตรียมผิวรถด้วยดินน้ำมันก็ได้ แต่ถ้าไม่ชำนาญก็ควรลองทำกับรถมอเตอร์ไซด์ก่อนก็ไ้ดครับ มีหลายท่านลงดินน้ำมันแล้วปรากฎว่ารถเป็นรอยจากดินน้ำมันต้องมาแก้ขไขทำใหม่อีก การใช้ดินน้ำมันต้องมีน้ำยาหล่อลื่นด้วยครับ  ส่วนตัวผมไใ่เคยใช้ดินน้ำมันนะ แต่ผมเตรียมผิวรถด้วยจอห็สันเบบี้ออยครับ 5555 ใช้เหยาะบนผ้าขนหนูสะอาด ๆ สี่ห้าหยดแล้วทาบนผิวรถทีละส่วนแล้วถูตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อีกที  ผมทำบ่อยครับ บางทีทำแล้วก็ไม่ลงน้ำยาเคลือบ เพราะรถมันเงางามแล้ว แต่เดือนหรือสองเดือนครั้งผมก็จะลงเคลือบด้วยน้ำยาประเภทคาร์ฺนัวบ้าไม่ผสมผงขัดครับ ส่วนประเภทผสมผงขัดผมลงปีละครั้งสองครั้ง

  ข้อสำคัญของการเคลือบคือ คุณต้องดูและเลือกประเภทของน้ำยาให้ถูกเสียก่อนครับ อ่านวิธีการใช้ข้างขวดให้ละเอียดด้วย
น้ำยาบางยี่ห้อเค้าเขียนไว้เลยว่าเหมาะกับรถสีเก่า ดูให้ดี ๆ นะครับ อย่าเชื่อคนขายมาก  และผ้าหรือฟองน้ำที่ใช้ต้องสะอาดครับ

  ผมใช้วิธีนี้ล่ะครับในการดูแลรถ ขอบอกว่ารอยขนแมวแทบไม่มีเลยครับ รถก็อายุ 7 ปี แระครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2016, 16:45:40 โดย adis »

ออฟไลน์ Quadrifoglio Verde

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 553
  • Remember Life is Hanging in the Balance !
    • อีเมล์
ในเรื่องการล้าง เทคนิคสำคัญคือ ใช้ผ้าให้ถูกครับ คิอต้องแยกผ้าในการทำหน้าที่กันเด็ดขาด อย่าไปปนกันแลัผ้าต้องสะอาดด้วย
อันดับแรกเวลาล้างก็คือฉีดน้ำเอาพวกเศษสกปรกออกไปก่อนทั้งคันโดยฉีดจากหลังคาลงมาด้านล่าง จากนั้น ให้เริ่มฉีดนำทำความสะอาดซุ่มล้อและล้อก่อนครับ เพราะส่วนนี้จะสกปรกมากที่สุด ที่เศษทราย เศษสกปรกมากที่สุด จึงต้องขจัดมันออกไปก่อนส่วนอื่น
ในบริเวณซุ้มล้อและล้อนี้ ใช้ผ้าเฉพาะของมันผืนนึงไปเลยครับ ใช้เสร็จก็หมดหน้าที่มัน
ต่อไปก็เริ่มล้างตัวถังจากส่วนหลังคาลงมาก่อนครับ ใช้ผ้าอีกผืนนึง ใช้เสร็จก็หมดหน้าที่มัน  การล้างบริเวณนี้หากไปเจอเศษยางมะตอยหรือเศษอไรที่มันออกยากหน่อย ห้ามไปถูมันแรง ๆ หรือเอาเล็ยไปแกะไปขูดครับ ทิ้งไว้ก่อน ค่อยมาเก็บงานทีหลังด้วยน้ำยาเคลือบสีได้ครับ

การล้างนี้จะใช้แชมพูหรือไม่ก็อยู่ที่รถเราสกปรกมากแค่ไหน ถ้าไม่ได้สกปรกหรือมีคราบอะไรมาก ก็ไม่ต้องแชมพูก็ได้ครับ
แชมพูที่ผมจะแนะนำโดยส่วนตัวนะครับ คืออย่าไปใช้ประเภททูอินวัน หรือพวกที่ผสมน้ำยาเคลือบ เพราะเวลาซับน้ำหรือเช็ดแห้ง มันจะยากต้องออกแรงเยอะครับ

หัวใจของขั้นตอนนี้คือ ก่อนล้าง ผิวรถต้องไม่มีเศษทรายอยู่ ต้องฉีดน้ำเอาเศษพวกนี้ออกไปก่อน และ ผ้าที่ใช้ต้องสะอาดแยกประเภทการใช้งาน อย่าไปใช้ปนครับ

เมื่อล้างทำความสะอาดแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่มักจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้อีกก็คือการเช็ดแห้ง แนะนำให้ใช้ผ้าชามัวร์คุณภาพดีครับ
เราใช้มันซับน้ำนะครับ ไม่ได้เอามาถูให้รถแห้ง แค่เอาชามัวร์มาซับ ๆ น้ำออกเท่านั้น  ถ้าเราใช้แชมพูที่มันไม่ทั้งคราบ ก็จะซับน้ำง่ายไม่ต้องออกแรงถูครับ รถก็ไม่ช้ำ เมื่อใช้ชามัวร์ซับแล้ว จริง ๆ รถก็จะสะอาดและแห้งแล้วล่ะครับ แต่ถ้าต้องการใช้มันแห้งมากขึ้น และรถเงามากขึ้นก็ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อดี ๆ เช็ดเบา ๆ อีกรอบก็ได้ครับ
  ผมมีสูตรน้ำยาล้างรถที่ใมช้มาสิบกว่าปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรกับสีรถเลย คือผมใช้แชมพูสระผมผสมกับน้ำยาล้างจานนะครับ อย่างละครึ่ง
กวนให้เข้ากํนแล้วใช้ล้างได้ดี ไม่ทั้งคราบน้ำไว้ เวลา่ซํบน้ำนี่ง่ายมากครับ ไม่เสียเวลาด้วย น้ำยาล้างจานจะมีสารลดแรงตึงผิวผสมอยู่เยอะหน่อยและมีสารขจัดคราบมันด้วย 

  การทำความสะอาดภายใน ผมก็มีสูตรครับ ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำในอัตรา 1 ต่อ  10 ทำความสะอาดภายในทั้งหมดรวมทั้งขอบยางประตู ยางใบปัดน้ำฝนครับ แว้กผมไม่ใช้เลย น้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีสารลดแรงตึงผิว มันจึงซึมเข้าผิวได้ง่ายและแห้งเร็ว มีารฆ่าเชื้อโรค รถจะไม่มีกลิ่นอับ
ช่วยรักษาสภาพยางด้วยครับ

การเคลือบสีรถ มันจะมีประเภทน้ำยาหลัก ๆ อยู่สองชนิด คือ ชนิดสารธรรมชาติหรือคาร์ฺนัวบ้า กับประเภทสารสังเคราะห์พวกซิลิคอน
มีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ ประเภทคาร์นัวบ้าจะใช้ง่าย ให้ความเงาแบบฉ่ำลึก แต่จะติดผิวรถได้ไม่นาน คือไม่เกินสองเดือนครับ
ส่วนประเภทสารสังเคราะห์ จะให้ความเงาแบบประกาย ไม่ฉ่ำ ใช้เคลือบยากหน่อยเพราะน้ำยาจะเหนียว มักจะใช้เครื่องขัดเอาครับ ขัดมือก็ได้แต่เหนื่อยหน่อย   ข้อดีคือจะะอยู่กับผิวรถได้นานกว่า ครับ ประมาณ 4 - 6 เดือน
แต่ทั้งสองประเภทนี้ก็จะมีแยกไปอีกเป็นชนิดที่ผสมผงขัด กับไม่ผสมผงขัด รถใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีรอยอะไร ก็ควรใช้ชนิดไม่ผสมผงขัดครับ
ถ้ามีรอยขนแมวบาง ๆ อยู่บ้างก็ควรใช้ชนิดผสมผงขัดเพราะมันจะช่วยลบรอยได้
และแนะนำว่าถ้าจะเคลือบเองให้ใช้น้ำยาประเภทคาร์นัวบ้าขัดด้วยมือจะดีกว่าครับ ขัดเครื่องจะมีโอกาสเกิดรอย swirl ได้ง่ายถ้าไม่ชำนาญพอครับ ผมใช้วิธีขัดด้วยมือครับ ไม่ใช้เครื่อง

  การเคลือบสีก่อนจะลงมือเคลือบต้องล้างรถให้สะอาดก่อน หรืออาจจะเตรียมผิวรถด้วยดินน้ำมันก็ได้ แต่ถ้าไม่ชำนาญก็ควรลองทำกับรถมอเตอร์ไซด์ก่อนก็ไ้ดครับ มีหลายท่านลงดินน้ำมันแล้วปรากฎว่ารถเป็นรอยจากดินน้ำมันต้องมาแก้ขไขทำใหม่อีก การใช้ดินน้ำมันต้องมีน้ำยาหล่อลื่นด้วยครับ  ส่วนตัวผมไใ่เคยใช้ดินน้ำมันนะ แต่ผมเตรียมผิวรถด้วยจอห็สันเบบี้ออยครับ 5555 ใช้เหยาะบนผ้าขนหนูสะอาด ๆ สี่ห้าหยดแล้วทาบนผิวรถทีละส่วนแล้วถูตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อีกที  ผมทำบ่อยครับ บางทีทำแล้วก็ไม่ลงน้ำยาเคลือบ เพราะรถมันเงางามแล้ว แต่เดือนหรือสองเดือนครั้งผมก็จะลงเคลือบด้วยน้ำยาประเภทคาร์ฺนัวบ้าไม่ผสมผงขัดครับ ส่วนประเภทผสมผงขัดผมลงปีละครั้งสองครั้ง

  ข้อสำคัญของการเคลือบคือ คุณต้องดูและเลือกประเภทของน้ำยาให้ถูกเสียก่อนครับ อ่านวิธีการใช้ข้างขวดให้ละเอียดด้วย
น้ำยาบางยี่ห้อเค้าเขียนไว้เลยว่าเหมาะกับรถสีเก่า ดูให้ดี ๆ นะครับ อย่าเชื่อคนขายมาก  และผ้าหรือฟองน้ำที่ใช้ต้องสะอาดครับ

  ผมใช้วิธีนี้ล่ะครับในการดูแลรถ ขอบอกว่ารอยขนแมวแทบไม่มีเลยครับ รถก็อายุ 7 ปี แระครับ

+1 สุโค่ยไปเรยครับ
FIAT 131 SuperBrava 1600 T/C 1981
VOLVO 850 GLT 1997
Mercedes W204 C250 CDI AVANTGARDE 2011