สวัสดีครับ เนื่องด้วยผมได้ติดตาม Headlightmag มาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว พบว่าเป็นเว็บที่มีเพื่อนน่ารักมากมาย มีข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจเยอะแยะ และผมยังใช้ข้อมูลนำไปประกอบการช่วยเลือกซื้อรถยนต์ของคุณพ่อด้วยครับ
(ตัวผมเอง ตอนนี้อายุ 19 ยังไม่มีเงินเดือนครับ อิอิ เรียนอยู่ชั้นปี 1) และผมตั้งใจทำรีวิวรถในบ้านของผมเพื่อเป็นการขอบคุณทุกๆคนในเว็บที่ทำรีวิวให้ผมอ่านอย่างสนุกสนาน ผมจึงหวังว่า ทุกท่านคงจะเพลินเพลินไปกับรีวิวของผมไม่มากก้อน้อยนะครับ
หากขาดอะไรไป ขอโทษด้วยนะครับ
***ป้ายทะเบียนไม่ได้มีลูกเล่นแต่อย่างใดนะครับ พอดีเนื่องจากตอนถ่ายรูแเค้าให้ป้านทะเบียนกรุงเทพอันเดียวที่เหลือมา แต่ว่าทางครอบครัวเห็นว่า ไม่ชอบ เลยเปลี่ยนครับ
และด้วยเนื่องจากว่าเหลือแต่ป้ายนนทบุรีครับ แต่เลขดีกว่า เลยตกลง***
เริ่มจากตัว Cayenne S Hybrid คันนี้ นำเข้าผ่านทาง TSL เป็นสีพิเศษ ชื่อว่า "Amethyst Metallic" หาได้ค้อนข้างยาก เนื่องจากต้องสั่งพิเศษ คันนี้ผมรอรถหนึ่งปีเต็ม จองตั้งแต่ Motor Expo ปีที่แล้วครับ
เครื่องยนต์ 2995 ซีซี แรงม้ารวมได้ 380 แรงม้า มาจากเครื่องยนต์ 333 แรงม้า และมาจากมอเจอร์ไฟฟ้า 47 แรงม้า 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6.5 วินาที
ภานในผมสั่ง option พิเศษครับ เป็นลายไม้แท้ เรียกว่า "Natural Olive Wood" สัมผัสแบบด้านครับ รู้สึกถึงตาไม้และสัมผัสเยี่ยมมาก
กุญแจแบบ Porsche Entry & Drive ตามยุคสมัย ไม่ต้องเสียบ
เบาะนั่งแบบ Sport สามารถปรับไฟฟ้าได้ 18 ทิศทาง (รวม Lumbar Support และปีกด้านข้างเบาะ สามารถปรับให้โอบกระชับรูปร่างเวลาขับซิ่งได้ครับ คล้ายๆ Bucket Seat)
มีตรา Porsche ที่หัวหมอน
เกียร์เป็นแบบ Tiptronic S 8 จังหวะ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่เกียร์ 6 เกียร์ 7-8 นั้นสไหรับขับประหยัดน้ำมันครับ
พวงมาลัย multifunction
หน้าปัทม์ (เขียนอย่างงี้รึเปล่า อ่อนภาษาไทยครับ) มีบอกข้อมูลชัดเจนครบถ้วน ความเร็วผมสั่งพิเศษ แม้ว่าสั่งจากอังกฤษ ผมขอเป็น Km/h วัดรอบตรงกลางใหญ่ตามไสตล์ Porsche มีวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเชื้อเพลิง E-Power นั้นคือพลังงานที่จ่ายออกจาก Battery หรือชาร์จเข้าครับ โดยมีหน้าจอ LCD บอกข้อมูลเพิ่มเติมอย่างอื่นได้ด้วย แล้วแต่จะปับตั้ง
ช่วงล่าง Adaptive Air Suspension ปรับขึ้นลงสูงต่ำตามความต้องการได้ โดยที่ถ้าขับเร็วกว่า 120 ระบบจะปรับลงให้อัตโนมัติ และปรับสูงขึ้นเพื่อขับลุยทางกันดารได้ครับ (แต่ใครจะเอาไปลุย) มาพร้อมกับล้อลาย Turbo II 21นิ้ว และยาง Pirelli แก้มเตี้ยสุดสวยครับ
หลังคา Panoramic Roof ผมชอบมากโดบเฉพาะตอนกลางคืน มองเห็นด้านบนตึกได้สวยงามมากครับ ตอนกลางวันสามารถเลื่อนแผงบังแดดไฟฟ้ามาปิดได้ครับ
มือจับประตูดีไซน์สวยมากครับ ด้านข้างเป็น Memory เบาะนั่ง ถ้าเป็นด้านคนขับ จะ Memory วิทยุ กระจก และฟังค์ชั่นอื่นๆด้วยครับ
ไฟหน้า Adaptive Xenon Headlight ซ้ายขวาขึ้นลงได้ มี Cornering Light เลี้ยวตามพวงมาลัย และมี Daytime Running Light สำหรับตอนกลางวันครับ
เบรค Porsche หนึบมากครับ เดี๋ยวอธิบายการขับขี่ก้านล่าง
หน้าจอ Porsche PCM ใช้ระบบ Multimedia ได้มากมาย ดูหนังฟังเพลง Bluetooth Paring กับโทรศัพท์ ใช้เป็นกล้องส่องหลังและอื่นๆมากมาย รวมถึงระบการทำงาน Hybrid
เครื่องเสียง Hi-End Surround Sound System จาก Burmester (ยี่ห้อเดียวกันหับที่อยู่ใน Bugatti Veyron ครับ) option นี้พิเศษมาก เพราะมูลค่าของเครื่องเสียงชุดนี้ อยู่ 160,000 โดยประมานครับ
เบสกระหึ่มมากเพราะมี Subwoofer ด้านหลัง รายละเอียดเสียงดีมาก ดีแค่ไหนไม่รู้ ผมฟังไม่เป็น แต่ดีที่สุดในบ้านผม (ดีกว่า Harman/Kardon ของ S-Class) ลำโพงทั้งหมดรวม Sub 16 ตัวครับ
ด้านหลังครับ Spoiler มีลูกเล่นตรงกลางเป็น Step ครับ
แสดงการใช้พลังงาน
แผงไฟด้านบนครับ
ภาพที่เหลือครับ (ไม่รู้ทำไม ได้ถ่ายรูปด้านนอกมาน้อยมาก เดี๋ยวมีเวลาแล้วผมลงภาพด้านนอกให้อีกนะครับ)
(ไม่ต้องลงสัยที่ป้ายทะเบียนเปลี่ยนนะครับ พอดี ตอนนั้นกำลังเลือกเบอร์ถูกใจอยู่ เลยเปลี่ยนใจไปไปมามา)
ต่อไปเป็นเรื่องการขับขี่นะครับ
สำหรับเรื่อช่วงล่าง
อธิบางง่ายๆครับ มันเหมือนรถสปอร์ตยกสูงชัดๆ มันไม่ใช่ SUV คันเท่าช้าง
ผมไม่มีความรู้สึกเหมือนว่าขับ SUV อยู่เลยแม้แต่น้อย นอกจากมุมมองที่สูงขึ้นไป ช่วงล่างหนึบและกระด้างมากแม้ว่าจะอยู่ในโหมด Comfort
กระด้านในที่นี่คือ ส่งต่อความรู้สึกจากพื้นถนนมากแบบครบถ้วนครับ พวงมัยเบาในความเร็วต่ำเพื่อช่วยให้ใช้งานง่ายเวลาจอด หรือซอกแซกเวลารถติด แต่หนักแน่น และแม่นยำในความเร็วสูงครับ
การเข้าโค้งของมันสนุกลืมโลกไปเลยทีเดียว มันใจมากๆ อาจเป็นเพราะมันเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อด้วย
เบรคนั้น หัวทิ่มครับ ผมเคยคิดว่าเบรคของ Mercedes-Benz นั้น แตะนิดเดียวก้อหัวทิ่มแล้ว คันนี้ทิ่มกว่าครับ ระยะกดลงไปแค่ ไม่มีมิลลิเมตรเท่านั้น
มีผลต่อเบรคอย่างรุนแรงครับ ช่วงแรกๆที่ยังไม่ชินนี่ ปวดหัวเลยทีเดียว เพราะเบรคหนึบเว่อร์ มันใจได้มากมากๆ มากกว่านี้ไม่เคยเจออีกแล้ว
ต่อไปเรื่องของอัตราเร่งครับ อยากบอกว่า แม้ว่ารถคันนี้เป็น Hybrid (ที่ผมเลือก Hybrid เพราะได้เปรียบด้านภาษีเล็กน้อย) แต่มันเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับ Prius เลยครับ
0-100 km/h ที่ พุ่งเป็บ้าเลยครับ ไม่เลยเจอ SUV คันไหนบ้าบอขนาดนี้ มันเหมือนกับ.... นั่งบนช้างตกมัน พุ่งเอาๆ ก้ออย่างที่ผมบอกไม่ว่า มันไม่เหมือนกับรถ SUV
ผมว่ามันพุ่งกว่า Cayman รุ่นธรมดาซะอีกครับ
แล้วความรู้สึกจากระบบ Hybrid ล่ะ...
เอาเป็นว่า ถ้าไม่ได้ดูหน้าปัทม์มัน ก้อแทบจะแยกไม่ออกครับ ว่าใช้พลังงานอะไรอยู่ ถ้ารถติด เครื่องยนต์จะดับครับ แล้วให้มอเตอร์แล่นไป แต่ถ้าต้องการจะเร่งเมื่อไหร่ล่ะก้อ ทั้งสอง(มอเตอร์กับเครื่องยนต์) จะช่วย
กันทำมาหากินอย่างบ้าคลั่ง เร่งจนลืมไปเลยว่านี่คือรถหนักเกือบๆสองตัน แต่ขอบอกตรงๆครับ เสียงเครื่องน่าผิดหวัง มันไม่ใช่เสียงเครื่องแบบ Porsche ครับ มันคือเครื่อง 3.0
technology ของ Audi ที่ทำอัตราเร่งได้ ดีเหมือนกับ Porsche แต่ผมอภัยให้ได้ครับ เพราะว่าข้อดีอย่างอื่นของมัน มากมายเหลือเกิน
แต่ที่ตลกคือ ขับๆไปแล้วเครื่องดับ ไม่ใช่ดับแล้วจอดนะครับ มันก้อเหมือนรถ Hybrid ทั่วไป เวลาที่ไม่ต้องเร่ง หรือปล่อยไหล เครื่องก้อจะดับ
เอาเป็นว่า มันแปลก มันเหมือนหับ มันลอยๆอยู่ แล้วพอเครื่องกลับมาทำงานแล้วมันก้อ พรวดดด..... เอาเป็นว่า ผมไม่ชินเองก้อได้ครับ หุหุ
แล้วเป็นรถ Hybrid แล้ว อัตราสิ้นเปลืองล่ะ
ห่วยแตกโคตรครับ ก้อแหงสิ เอามาขับในเมืองไทย ร้อนเป็นบ้า จากแบตเต็ม จอดติดไฟแดงซักพัก เปิดแอร์เย็นฉ่ำไปได้ไม่ถึง 5 นาที แบตเกลี้ยงครับ เครื่องติด เผาน้ำมันอย่างสนุกสนานกันต่อไป
มีตังจ่ายๆไปครับ ถังน้ำมัน 100ลิตร เติมทีก้อ 3000กว่า สนู้ก.......
เป็น Hybrid ที่คนละโลกกับ Prius แบบสุดๆเลยทีเดียว โดยที่อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ผมทำได้อยู่ที่ 8กิโล/ลิตร (ฝีมือผมย่ำแย่ขั้นเทพ เนื่องจากเมามันกับการขับขี่)
แต่นั่นคือ รวมทั้งนอกและในเมืองนะครับ เร็วบ้างช้าบ้าง แต่เปิดแอร์ตลอด เติม Shell V Power Gasohol E10 ได้ครับ
แล้วเปลืองอย่างงี้จะซื้อ Hybrid ไปทำไมกัน ก้อเพราะว่าเรื่อภาษีน่ะสิครับ เครื่องต่ำกว่า 3000 ซีซีตามตัวเลข (2995)
ก้อได้๓าษีที่ต่ำหว่า แต่ได้ความแรงในระดับ S ในขณะที่ Cayenne ทำมะดา เครื่อง 3600 ยังช้ากว่า แต่ Cayenne S Hybrid คันนี้ แรงเกือบเทียบเท่า Cayenne S เครื่อง 4800
ได้ เค้าจึงติดคำว่า S ให้ไงครับ ซึ่งความแรงนี้ มาจากเครื่อง 3000 ไม่ใช่ 4800 ผมจึงเลือกรุ่นนี้ด้วยประการฉะนี้
สรุป:
ข้อดี - ขับสนุก ลืมไปเลยว่าเคยมีคราบ เอ้ย ลืมไปเลยว่าเป็น SUV (ใส่ของได้ + ซิ่งได้ ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว)
ข้อเสีย - Hybrid ที่ทำตัวเสแสร้งว่ารักโลก ที่แท้ก้อซด ไม่สิ (ขออนุญาติ) ยัดห่า เลยล่ะครับ
ผลรวม = ช้างเต้นได้
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ (พิมพ์ เหนื่อยได้เรื่องเลยทีเดียว ขนาดพิมพ์น้อยมาก ถ้าเทียบกับ Review ของพี่ๆหลายๆคนแล้ว เค้าพิมพ์กันได้ไง หงิกพอดี)
ว่างๆจะมาเพิ่มรูปให้นะคร้าบบบ
***ครั้งหน้า ผมจะมา Review Mercedes-Benz S350 CDI Facelifted ที่ออกมาได้ครึ่งปีแล้ว และ BMW 320d M Sport ที่ผมกำลังจะไปออกรถวันพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณครับ***