เมื่อก่อนผมก็เป็นคนนึงที่แอนตี้ bev อยู่นิดๆ และตอนแรกคาดว่าใจอยากไป phev เหมือนกัน
ก็คิดหนักมากเกี่ยวกับการใช้งานเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงความชอบส่วนตัว
ในที่สุดก็คิดว่าตกผลึกในระดับหนึ่งเหลือแต่พิสูจน์ในการใช้จริง
จนหวยออกมาที่ model y lr ใช้มาจะ 4 เดือนแล้วไปอีสานลงใต้ เกือบ 7พันกิโล
ก็คือค่อนข้างตรงตามที่คิดไว้ว่ามันเหมาะสมในการใช้งานของตัวเองแล้ว
ตอนที่ firmware ยุคแรกมัน agressive มาก
(ใน 4 เดือนรู้สึกโดนปรับเยอะมากเหมือนรถคนละคัน
)
ทำให้คิดว่าตัวเองอาจจะเหมาะที่ขับรถศูนย์ถึงร้อยประมาณ 7 วิ
แต่ตอนนี้ setting ออกมาค่อนข้างเซ็ทแบบอ้างอิงถ่วงน้ำหนักในการเหยียบคันเร่งหลากหลายมากขึ้น
จนตอนนี้ขับโหมดสแตนดาร์ดได้แล้วไม่ต้องใช้โหมดชิว ก็สบายใจดีไม่เครียดเหมือนตอนแรก
ก็คืออัตราเร่งพอใจแล้วสำหรับรุ่นนี้
มาที่แบตเตอรี่ ชอบมากที่เหมือนมีปั๊มอยู่ในบ้านตลอด
ขับในเมืองก็คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับทุกๆคนอยู่แล้วในการเป็นรถ bev
ส่วนการเดินทางไกล ผมแนะนำสำหรับท่านที่ยังลังเล
ก็คือระยะที่คุณแวะประจำอยู่ที่เท่าไหร่
แบตเตอรี่คุณควรมีระยะมากกว่านั้นประมาณ 2.5-3 เท่าในการเดินทาง
เช่นปกติคุณขับประมาณ 150-200 กมพักสักครั้ง
แบตเตอรี่คุณก็ควรจะมีระยะที่วิ่งได้ประมาณ 450 ถึง 600 กม
แล้วจะสามารถขับรถเดินทางได้โดยไม่ต้องเครียดมากเรื่องจุดชาร์จ
น้องที่รู้จักเขาพักทุกๆ 100 กิโลรถ bev ที่เขาใช้วิ่งได้ประมาณ 300 กิโลเมตร
เขาก็ขับได้แฮปปี้ดีไปทั่วประเทศอยู่ครับ
ส่วนเรื่องความทนทานผมยอมเป็นผู้ตาม ในการเลือกรถที่แก้บั๊คมาระดับนึงแล้ว
มากกว่าจะมาลุ้นเลือกตัวที่เพิ่งพัฒนามาสดๆร้อนๆ เพราะความไว้ใจได้สำคัญมากในการเดินทาง
ถ้าสัก 15 ปีบวกลบแล้วผมต้องเปลี่ยนแบตในราคา eco car
ผมคิดว่าผมยอมรับได้ว่าจ่ายราคาอีโคคาร์แต่ยังได้สมรรถนะระดับ 0-100 ใน 5 วินาที
เพราะในเรื่องอัตราเร่งผมคิดว่ามันมาไกลมากจนสุดทางแล้วในระดับการใช้งานของรถ 4 ล้อที่วิ่งกับพื้นดิน
ในอีก 20 ปีรถคันนี้ของผมก็น่าจะยังใช้จ่ายกับข้าวได้ไม่ได้ด้อยไปกว่ารถรุ่นล่างๆในอนาคต
และผมพอจะมีความมั่นใจว่ายังมีอะไหล่ให้เปลี่ยนอยู่จนถึงวันนั้น
เพราะผมเลือกรถที่โหลที่สุดในโลก