ผู้เขียน หัวข้อ: Dmax เครื่อง 2.5 bi-turbo จะมาเมื่อไหร่แน่ แล้วจะคุ้มกับการสละสิทธิรถคันแรกมั๊ย  (อ่าน 9333 ครั้ง)

ออฟไลน์ Saleng

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
เรื่องของเรื่องผมได้ไปจอง Isuzu dmax เครื่อง 3.0 ไว้ตอนเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยจะใช้สิทธิรถคันแรก ซึ่งตัวรถราคาประมาณ 900,000 ได้เงินคืนน่าจะ 92,000 ก่อเหลือราคาสุทธิตีว่า 800,000 ถ้วน คราวนี้เห็นมีข่าวคราวว่าอาจจะมีการเปลี่ยนเอาเครื่อง 2.5 bi-turbo ที่ขายในยุโรปมาลง ก้อเลยชักลังเลเลยอยากทราบว่า

1. เครื่อง 2.5 bi-turbo มีความเป็นไปได้ที่จะมาในเร็วๆนี้แค่ไหน
2. คุ้มหรือไม่ถ้า จะรอเอาเครื่อง 2.5 ซึ่งคงต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1 แสน (เนื่องจากได้ส่วนลดเงินสดจากศูนย์เพิ่มอีก 1xxxx ด้วย)

ซึ่งจากที่ลองนั่งอ่าน forum โดยเฉพาะใน Australia เลยชักลังเลว่ามันอาจไม่มาเร็วๆนี้ด้วยเหตุดังต่อไปนี้

1. ที่ AUstralia ประกาศว่าจะมาในปี 2016 ซึ่งที่นู่นจะบังคับใช้ euro 5 ซึ่งถ้าจะไม่ผิดเคยอ่านเจอว่าไทยจะเปลี่ยนไปใช้ Euro 5 ในปี 2559 เหมือนกัน ไทยจะมาก่อนเหรอ
2. เท่าที่ดู เครื่องตัวนี้จะขายในประเทศที่ใช้น้ำมัน euro 5 แล้วทั้งนั้น ไม่ทราบว่าใครมีข้อมูลบ้างว่าเครื่องตัวนี้ใช้น้ำมัน euro 4 ได้หรือไม่
3. ดูหลาย comment ใน forum มีคนเม้นต์ว่า เครื่องตัวนี้ทนสู้เครื่องรุ่นเก่าไม่ได้และต้องการการซ่อมบำรุงสูงกว่า พวก tradesman เริ่มพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโดยเฉพาะใน Australia ที่เริ่มมีปัญหากับ VW Amarok ว่าเครื่องมันไม่ทน
4. สมรรถนะที่อ่านบททดสอบในยุโรปมันก็แทบไม่ต่างกับเครื่อง 3.0 ตัวปัจจุบันใน body ที่แล้วที่ขายในยุโรปชัดเจนเท่าไหร่ อัตราการกินน้ำมันแทบไม่ต่างกันเลย จะดีกว่านิดนึงใน mode urban ซึ่งก็เป็นไปได้เพระาว่าเครื่อง 2.5 bi แรงบิดสูงกว่าที่ช่วงรอบต่ำ
5. คอมเม้นท์จากฝรั่ง (อีกแล้ว) ว่าเียร์ธรรมดา 6 สปีด น่าจะไม่ได้ทดให้ประหยัด แต่ไปเน้นซอยอัตราทดให้ถี่ลง ทำให้ขับในเมืองต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย แล้วเมื่อวิ่งทางยาวมันก้อเลยไม่ได้ประหยัดกว่ามากมาย (ผมจะซื้อเกียร์ธรรมดาอยู่แล้ว)
6. พวกที่ทำกล่องโมในยุโรป ออกกล่องแต่งมาแล้ว เครื่อง 3.0 เดิมกลับโมได้แรงกว่าซะงั้น

ตอนนี้ก้อเลยลังเลว่าจะรอมันดีมั๊ยไอ้เครื่อง 2.5 bi-turbo เนี๊ย มันดีกว่า 3.0 ปัจจุบันแน่ แต่เท่าที่อ่านจากเวปตปท. ชักไม่แน่ใจว่า ถ้าตัดเรื่องความจุออกไปความแตกต่างมันแทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ

เลยอยากขอความเห็นว่าผมควรจะเอาตัวปัจจุบันเลย (ได้รถเดือนหน้า) หรือรอตัว 2.5 bi-turbo ดีซึ่งดูๆแล้วไม่แน่ใจว่าปีหน้าจะมารึป่าวด้วย

ถ้าใครมีข้อมูลว่า เครื่อง 2.5 จะมาเมื่อไหร่แน่ จะบอกกกล่าวไว้เป็นวิทยาทานก็จะยินดีอย่างยิ่ง

ปล. พวก webclub (โดยเฉพาะรุ่นนี้) เข้าไปดูแล้ว คงไม่ถามหล่ะครับ แถมผมว่ามันจะบ้าบอกันไปใหญ่แล้ว มีแต่พวกสุดยอดช่างขายแผ่นอุด EGR กับท่อแทน Catalytic สร้างกระแสกันอยู่นั่น ใครอุดกับตัดแคทฉลาด ใครไม่ทำโง่ มันบ้ากันกระทั่งใครโพสต์ defect ใหญ่หน่อยดันไปด่าเค้าอีก บอกว่าไม่พอใจก็ให้ขายทิ้ง ที่นี่เป็นเวปคนชอบรุ่นนี้ต้องเชียร์อยู่แล้ว ใครว่างลองเข้าไปดูก็ได้ กว่า ครึ่งผมเห็นคุยกันเรื่องอุด egr กับตัดแคทนี่แหละแล้วก้อผลัดกันอวยกันไปมาอยู่นั่น

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,428
  • Catch me if you can !!!
เงียบมากครับ อังกฤษใช้มาจนเบื่อเลย แต่ไทยเงียบกริบ รอall new mu7ง่ายกว่ามากๆ

ออฟไลน์ Saleng

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
นั่นน่าซีครับ ไม่รู้ว่า Mu7 จะเอาเครื่องนี้ลงเลยมั๊ย ผมว่าจุดสำคัญอีกอันนึงคือเครื่อง 2.5 bi มันไม่แรงเท่า 3.0 เดิม ถ้าเอามันมาลงก้อต้องถอด 3.0 เดิมออก ไม่งั้นมันก้อแปลกๆเหมือนกัน

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,428
  • Catch me if you can !!!
เฮ้ออยากให้ประเทศไทยได้ใช้รถจัดเต็มๆไม่กัั้กบ้าง แต่อย่างว่าแหละครับองประกอบมันเยอะต่างกับประเทศอื่นครับ

ออฟไลน์ Joe NG

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316

ถ้ามีส่วนลดอยู่ 1 แสน  ผมว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะรอครับ 

เครื่อง 3.0 VGS ก็แรง และประหยัดพอในการใช้งานแล้วครับ

ส่วนเครื่อง 2.5  Bi-turbo นั้นมีดีที่แรงบิดมาในรอบต่ำ จะทำให้ขับได้ง่าย

เรื่องเกียร์ 6 MT ตัวนี้ เค้าเซ็ทมาเพื่อความประหยัดเลยครับ  เกียร์ 1-5 ถ้าคิดอัตราทดแล้ว เท่าของเดิม ที่เป็น 5 MT

แต่พอขึ้นเกียร์ 6 แล้ว จะทดต่ำมาก  ไว้วิ่งเอาประหยัด  จากที่ผมคำนวนดู  วิ่ง 120 รอบไม่ถึง 2000 พันรอบ

ออฟไลน์ joeyote

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 966
ตราบใด ที่ยอดขายยังฉิวปริวลมขนาดนี้

เค้าก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเปลี่ยนครับ

คงมีเปลี่ยนแน่ๆ ถ้าวีโก้ใหม่เปิดตัว

ทางนี้ก็คง เอาเครื่องใหม่ มาดักคอกันบ้าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2013, 10:17:30 โดย joeyote »
PAST: 2009 HONDA CITY SV
          2007 MINI ONE
          2007 PEUGEOT 207
          2013 HONDA ACCORD 2.0EL G9
          2016 MAZDA 2 Skyactiv XD High Plus L
NOW:  2012 ISUZU D-MAX Hilander 4DR Z/P
          2017 Subaru XV 2.0i-P

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอครับ

2.5 ที่มีเ่ทคโนโลยีสูงกว่า อาจจะได้ความประหยัด ลดแรงเสียดทาน ผลคือ แรง+ประหยัด
ในขณะที่ 3.0 มีดีที่ช่วงชักยาว บวกกับ VGS ขึ้นชื่อเรื่องความแรง(โครตๆ)อยู่แล้ว

พูดถึงความประหยัด
สมมุติ น้ำมันดีเซลราคาลิตรล่ะ 30 บาท

3.0 ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 13 โลลิตร = 2.31 บาท ต่อกิโล
2.5 อาจจะทำได้ 15 โลลิตร = 2 บาท ต่อกิโล
ณ ตอนนี้ ผมตีคร่าวๆว่า 2.5 รุ่นเดียวกับ 3.0 ที่คุณซื้อ ราคา 9 แสนบาทพอดีๆ
ในขณะที่คุณ ได้ส่วนลด 1 แสน ตีว่า 8 แสนบาทถ้วนๆ ส่วนต่าง 1 แสนบาท
คุณเอาความประหยัดของ 2.5 จะคำนวนได้ว่า 100,000/0.31 = 32x,xxx กิโล
คุณต้องวิ่ง 3 แสนกิโล ถึงจะตอบโจทย์ความประหยัดระหว่าง 2.5 และ 3.0 ได้

ดังนั้น หากมองได้ความประหยัด ตัดทิ้งได้เลยครับ ประหยัดกว่ากันหารๆออกมาแล้ว ไม่แตกต่าง

เรื่องความแรง อยู่ที่ตัวคุณครับ
สำหรับผม 3.0 พอ

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,728
  • Nine & Knight
อย่ารอเลยครับ ตัวใหม่อะไรๆก็ยังไม่แน่นอนแต่ตัวนี้คุณได้คืนภาษีแน่นอนได้ขับก่อนด้วย
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Neo

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • อีเมล์
ต้องถามตัวเองก่อนว่าคาดหวังอะไรกับเครื่องตัวใหม่ แรง ?/ ประหยัด?
เงินที่ได้คืนมาเกือบแสนบาท เอามาทำรถหรือเติมน้ำมันก็ได้สบาย
-ถ้าเน้นความแรง เอาตัวปัจุบันมาทำสเตปพื้นๆก่อนดูว่าเราพอใจมั้ย เช่นพ่วงกล่อง ดันราง ฯ
-ถ้ายังไม่พอใจแล้วค่อยทำสเตปต่อไปดีมั้ย

ออฟไลน์ Thor.1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 557
ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอครับ

2.5 ที่มีเ่ทคโนโลยีสูงกว่า อาจจะได้ความประหยัด ลดแรงเสียดทาน ผลคือ แรง+ประหยัด
ในขณะที่ 3.0 มีดีที่ช่วงชักยาว บวกกับ VGS ขึ้นชื่อเรื่องความแรง(โครตๆ)อยู่แล้ว

พูดถึงความประหยัด
สมมุติ น้ำมันดีเซลราคาลิตรล่ะ 30 บาท

3.0 ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 13 โลลิตร = 2.31 บาท ต่อกิโล
2.5 อาจจะทำได้ 15 โลลิตร = 2 บาท ต่อกิโล
ณ ตอนนี้ ผมตีคร่าวๆว่า 2.5 รุ่นเดียวกับ 3.0 ที่คุณซื้อ ราคา 9 แสนบาทพอดีๆ
ในขณะที่คุณ ได้ส่วนลด 1 แสน ตีว่า 8 แสนบาทถ้วนๆ ส่วนต่าง 1 แสนบาท
คุณเอาความประหยัดของ 2.5 จะคำนวนได้ว่า 100,000/0.31 = 32x,xxx กิโล
คุณต้องวิ่ง 3 แสนกิโล ถึงจะตอบโจทย์ความประหยัดระหว่าง 2.5 และ 3.0 ได้

ดังนั้น หากมองได้ความประหยัด ตัดทิ้งได้เลยครับ ประหยัดกว่ากันหารๆออกมาแล้ว ไม่แตกต่าง

เรื่องความแรง อยู่ที่ตัวคุณครับ
สำหรับผม 3.0 พอ


  เอาอย่างนี้เลย................. ;D

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
ผมว่าไม่มีเหตุผลจะต้องรอนะครับ สำหรับส่วนต่าง 1 แสนบาท จากการคืนภาษี
2.5 Twin Turbo น่าจะมา 2014 ลงสนามพร้อม New Hilux 2014
ต้องดูว่าคุณคาดหวังเรื่องอะไร แรง? ประหยัด? หรือต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=3gGUnKuXZ6g#!

เรื่องความแรง ดูจากคลิป 2.5 Twin Turbo เกียร์ A/T
ทดสอบที่เมืองนอก อากาศเย็น สับเกียร์เอง 0-100 ได้ประมาณ 10 วินาที

เว็บเราทดสอบ 3.0 VGS A/T เกียร์ออโต้ไม่ได้สับเกียร์ ได้ 10.64 วินาที
ภายใต้อากาศประเทศไทย ผมว่ามันต่างกันไม่มาก น่าจะแค่นำเสนอ
เทคโนโลยีใหม่ ลดความจุเครื่อง แต่แรงเท่าเดิม หรือดีขึ้นนิดหน่อย
ทำให้เสียภาษีถูกลง เหมือนกรณี Triton 3.2 ปลดออก เหลือ 2.5VGS

ส่วนเรื่องความประหยัด (เครื่องปัจจุบัน)
ในรุ่นตัวถัง 4 ประตู เกียร์ออโต้ ระหว่าง 2.5 VGS กับ 3.0 VGS
กินน้ำมันไม่ต่างกันเลยครับ โดยรวม 3.0 ประหยัดกว่าด้วยซ้ำ
เพราะตัวรถหนัก 1,900 kg. น้ำหนัก kerb weight
(ส่วนใน Spec sheet ที่ระบุ 1,720 kg. น่ะ มันน้ำหนักรถเปล่า
แจ้งต่อขนส่งบ้านเราครับ เอามาใช้อ้างอิงจริงๆในการใช้งานจริงไม่ได้)

เพราะฉะนั้นน้ำหนักที่เครื่องรับภาระมันค่อนข้างสูง นั่นทำให้
เรื่องของแรงบิด/แรงม้า ต่อน้ำหนักที่รับภาระ 3.0 ได้เปรียบกว่า
ประหยัดพอกัน แต่แรงกว่าพอสมควร

เอาตารางอัตราสิ้นเปลืองที่ผมรวบรวมจากนักเลงรถกระบะมาให้ดูก่อนแล้วกันครับ
ส่วนของเว็บเราทดสอบแล้ว คงต้องรอรีวิวอีกซักพักนึง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2013, 12:05:19 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ Sammy_

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,437
    • อีเมล์
Re: Dmax เครื่อง 2.5 bi-turbo จะมาเมื่อไหร่แน่ แล้วจะคุ้ม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2013, 11:02:55 »
ความคิดเห็นของผมก็คงจะตามที่เพื่อนๆตอบครับ
ผมว่า รถราคา 9 แสน สดไปเกือยแสน คุ้มกว่านะ แถมแรงกว่าด้วย เรื่องประหยัดผมก็คิดอยู่ว่ามันไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่ เพราะอย่างที่เรารู้ๆกัน รถตัวใหญ่เท่ากัน 2.5 กับ 3.0 กินน้ำมันเกือบๆจะเท่ากัน เพราะ 2.5 ออกแรงมากกว่า 3.0 ส่วน 3.0 ออกแรงน้อยกว่า
ส่วนเครื่อง 2.5 Bi-turbo การที่จะทำให้แรงพอๆกับ 3.0 ในส่วนประกอบที่ทำให้แรงหนึ่งในนั่นต้องมีการเพิ่มการจ่ายน้ำมัน ทำให้ 2.5 bi-turbo กับ 3.0 คงไม่ต่างกันไม่มากครับ ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 28, 2013, 13:33:50 โดย HELIFETEC »

ออฟไลน์ boybkk

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 110
ไม่ได้เป็นพ่อค้าแผ่นอุดegrกับท่อแทนแคทนะ
แต่เป็นคนใช้จริงศึกษาขอมูลมาลึก
แคทคือเนื้อร้าย
egrไม่อุดเครื่องเป็นมะเร็ง
ผมออกวีโก้มาขับออกจากศูนย์แวะอุดegrกับตัดแคท
ก่อนเข้าบ้านเลขไมล์ไม่ถึงสิบกิโล สบายใจละไม่สนวารันตีทำแล้วเราอุ่นใจ
ต้องคนใช้จิงเท่านั้นคับที่จะรู้ว่าตัดแคทอุดegrแล้วมันเทพมากทำแล้วภูมิใจคับ
ส่วนคัยว่าไม่ดีอย่าทำคับ ระยะยาวจะรู้กว่าจะถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วคับกลายเป็นภาระลูกหลาน

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
กรุณากลับเข้า Topic
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ lorenzo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 623
ไม่ต้องไปรอหรอกครับเสียดายได้ลดเกือบแสน ถ้าคุณจอง2.5 vgsไว้ ค่อยน่ารอหน่อย อีกอย่างอีซุคงไม่มีแผนเอา2.5โบคู่ มาทำตลาดแทน3.0vgs หรอก(มั้ง)

แต่ถ้า2.5โบคู่มาพร้อมกับไมเนอร์เชนตัวรถไปด้วยเช่น เปลี่ยนลายล้อแม็ก เปลี่ยนกระจังหน้า เสริมขอบกระบะให้สูงขึ้น  หรือ 2.5โบคู่ มาทำตลาดแทน 3.0 vgsจริงๆ แบบนี้ก็น่ารออยู่เหมือนกันน่ะ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,855
  • *** HLM.COM ***
สงคราม กระบะ PPV ชักจะร้อนระอุเข้าไปทุกทีทุกที

ออฟไลน์ frame16

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
    • อีเมล์
ไม่ได้เป็นพ่อค้าแผ่นอุดegrกับท่อแทนแคทนะ
แต่เป็นคนใช้จริงศึกษาขอมูลมาลึก
แคทคือเนื้อร้าย
egrไม่อุดเครื่องเป็นมะเร็ง
ผมออกวีโก้มาขับออกจากศูนย์แวะอุดegrกับตัดแคท
ก่อนเข้าบ้านเลขไมล์ไม่ถึงสิบกิโล สบายใจละไม่สนวารันตีทำแล้วเราอุ่นใจ
ต้องคนใช้จิงเท่านั้นคับที่จะรู้ว่าตัดแคทอุดegrแล้วมันเทพมากทำแล้วภูมิใจคับ
ส่วนคัยว่าไม่ดีอย่าทำคับ ระยะยาวจะรู้กว่าจะถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วคับกลายเป็นภาระลูกหลาน

รถพ่อผม D-max 3000 4X4 ปี 2500 ไม่ทำก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับปกติดีทุกอย่างจนถึงทุกวันนี้

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
เครื่องใหม่ คิดว่ามีแนวโน้มที่จะ

1. ประหยัดน้ำมันขึ้น วิวัฒนาการกระบะคอมมอนเรลช่วง 9 ปีที่ผ่านมาพบว่า
รุ่นหลังๆจะประหยัดขึ้นราว 10-15%
2. มลพิษน้อยลง..อันนี้ไม่มีหลักฐานการวัดของตัวเองแต่แนวโน้มการพัฒนา
เครื่องยนต์มักเป็นเช่นนั้นถ้าลองดูข้อมูลย้อนหลัง เป็นแค่สมมติฐาน แต่กล้าพนันว่าถูก

ส่วนเรื่องแรง

เทอร์โบเป็นองค์ประกอบนอกเครื่อง จะใช้สองลูก สามลูกหรือสี่ลูก
หากจุดประสงค์อยู่ที่แรงม้า จำนวนเทอร์โบเป็นแค่ปัจจัยนึง ไม่สำคัญเท่าว่า
เทอร์โบกี่ลูกนั้นทำลมเข้าเครื่องได้มากแค่ไหน

ท้ายสุดความจุของเครื่อง และลักษณะของฝาสูบคือตัวชี้ขาดภายในเครื่อง
ว่าจะแรงหรือแรงได้อีกแค่ไหน VGS ตัวปัจจุบันนั้นระบบต่างๆไม่ยุ่งยาก สามารถ
ดัดแปลงให้แรงได้ง่ายกว่า Vigo/Ford/Mazda ถ้ามองจากมุมของคนจูน
แต่จากมุมของลูกค้า มีคนทำได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีคนทำได้เยอะ

- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,630
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ทีนี่ ไม่สนับสนุนการอุด EGR

ด้วยเหตุผลเดียวคือ การที่มันจำเป็นต้องมีไว้ เพื่อลดทอนการปล่อยมลภาวะส่อากาศที่คุณหายใจให้น้อยลง

แต่ถ้าไม่คิดจะแบ่งอากาศไว้ให้ลูกหลานหายใจ ให้มันโตขึ้นมา หาอากาศสะอาดๆหายใจเอง
ก็อุดกันได้ครับ ตามสบาย ไม่เป็นไร เงินของคุณ รถของคุณ

อีกอย่างนึง กรุณา คุยกันให้มันอยู่ใน Topic ด้วย

ออฟไลน์ dunghill

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316
ผมว่าไม่คุ้ม ทั้งรอ twin-turbo หรือ อุด EGR  ;D สรุป  3.0 VGS เดิมๆ คุ้มสุด อิอิ
HondaCity 03'
Mazda 323 Astina 91'
HondaCity 12'

ออฟไลน์ ___LOFT

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,773
ถ้าสิทธิรถคันแรกยังไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือความยุ่งยาก เอา 3.0 VGS นี่แหละครับ ดีแล้ว  ;)

ออฟไลน์ Saleng

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
เอามาให้ดูครับ

1. อันนี้คือเครื่อง 3.0 จากในออสเตรเลีย (เอามาจาก http://maxrun2013.isuzuute.com.au/FuelEfficientUte.aspx แต่ที่นั่นเค้าเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 12.3 กม./ลิตรเอง)

performance curve



ค่า CO2 + fuel consumption




2. อันนี้คือตัว 2.5 bi-turbo ที่ขายในยุโรป

performace curve หาไม่เจอได้มาจาก web ขายกล่องแต่ง ก้อดูเส้นล่างเอา คงพอได้



ค่า CO2+ fuel consumption





ซึ่งถ้าดูจากรุ่น4WD เกียร์ออโตเนื่องจากดูแล้วฝั่งก้อมั่วเหมือนกัน เนื่องจาก ขับสี่กับขับสองดันกินเท่ากันซะงั้นเลยใช้รุ่นที่กินสุดแล้วกัน (เครื่อง 2.5 คือช่องที่ขวาสุด ส่วนเครื่อง 3.0 ก็คือช่องขวาสุดหลังเครื่องหมาย /) โดยผมเปลี่ยนหน่วยเป็นกม/ลิตรให้แล้วมันกินน้ำมันต่างกันน้อยมาก



ไอ้เรื่องกราฟกับอัตราการกินน้ำมันนี่แหละที่ผมถึงเอามาถามว่ามันคุ้มไหมถ้าจะรอ เพราะดูจากตัวเลขมันไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ แต่ก้อพอได้ข้อมูลแล้วละครับว่าคว้าส่วนลดแสนกว่าไว้ดีกว่า