ซูซูกิ ดีเดย์อีโคาร์ต้นปีหน้า มั่นใจกระจายรถทั่วถึง เสริมช่องทางขายโชว์รูมมอเตอร์ไซค์
"ซูซูกิ" ผนึกกำลังธุรกิจรถจักรยานยนต์ลุย "อีโคคาร์" ดึงขายร่วมในโชว์รูม พร้อมเปิดตัวมีนาคม 2555 มั่นใจเปิดสายการผลิตปีแรก 1 หมื่นคัน ขายในประเทศ 90% ส่วนปีนี้คาดยอดขายโตทะลุ "หมื่น" คัน หลังอัดงบฯ 350 ล้านลุยตลาดทั้งปี
นาย ทาคายูคิ ซูกิยามา ประธาน บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอสเอเอ็มที กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ว่า ดำเนินการทุกอย่างตามแผนงานทุกประการ โดยกำหนดคลอดในเดือน
มีนาคม 2555 จะเริ่มผลิตจำนวน 10,000 คันในปีแรก โดย 90% รองรับความต้องการในประเทศ และที่เหลืออีก 10% รองรับตลาดอื่น และภายในปีที่ 5 บริษัทจะสามารถผลิตรถอีโคคาร์ได้ที่ 100,000 คันอย่างแน่นอน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ 50% และส่งออกอีก 50% ไปยังประเทศในแถบอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
โดย อีโคคาร์ของบริษัทนั้นจะใช้เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 1,300 ซีซี และจะทำตลาดในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการดีไซน์โดดเด่น และสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ ซึ่งขณะนี้โรงงานมูลค่า 7,400 ล้านบาทอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้บริษัทจะเดินหน้าแผนการตลาดเพื่อรองรับการเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์ อย่างเต็มรูปแบบต่อเนื่อง
ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับบริษัทไทยซูซูกิมอเตอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิให้นำอีโคคาร์ซูซูกิมาจำหน่ายในโชว์ รูม บริษัทประเมินว่า กลุ่มลูกค้าของรถจักรยานยนต์และรถยนต์อีโคคาร์มีความใกล้เคียงกัน และน่าจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าจักรยานยนต์เข้ามาสัมผัสอีโคคาร์ได้มากขึ้นด้วย ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การร่วมมือการดำเนินธุรกิจของซูซูกิทั้ง 2 บริษัทในประเทศไทย "ที่ผ่านมาเรามีการร่วมมือทำ กิจกรรมทางการตลาดร่วมกันในหลายส่วน เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ซูซูกิร่วมกัน ส่วนแนวโน้มการรวมบริษัทรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้ามาไว้ด้วยกันนั้น วันนี้ต้องบอกว่าบริษัทยังไม่มีแนวคิดหรือนโยบายที่ชัดเจนแต่อย่างใด" นายซูกิยามากล่าว สำหรับปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณมูลค่ากว่า 380 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบฯการตลาด และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับรถอีโคคาร์ในอนาคต รวมถึงการเพิ่มจำนวนโชว์รูม 46 รายเป็น 60 รายในปีนี้
ขณะ ที่ยอดขายปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5,500 คันในปีที่ผ่านมา และไม่น้อยกว่า 10,000 คันในปีนี้ โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความมั่นใจของผู้บริโภคหลังจากที่บริษัทมีตัว แทนจำหน่ายเพิ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1301132625&grpid=&catid=08&subcatid=