วันนี้ ไปรับรถ XC 60 R Design มาตอนเช้าครับ รูปรถ หลายคนก็คงเคยเห็นไปแล้ว เซลล์ ก็เอากุญแจ มาให้ ตามที่เห็นในรูปครับ กุญแจจะมี สามดอก สองดอก เป็นแบบ รีโมท ด้านนึงก็จะมี ปุ่มล๊อค เปิด และ เปิดท้าย ส่วนมุมอีกด้านก็จะมีปุ่มไซเรน ดังมาก ครับ ส่วนกุญแจ ดอกที่สามเป็นกุญแจกันน้ำ สำหรับ ไปวิ่งออกกำลังกาย หรือ ทำกิจกรรม Outdoor หาที่คล้องคอ ก็ใช้ได้เลยครับ กุญแจจะไม่มีปุ่มอะไรเลย ขนาดเล็กเท่า USB ทั้วไป
มาที่ แผงตรงกลางก็จะมี ปุ่ม Start เราแค่หมุนไปตามเข็มนาฬิกา เครื่องยนต์ก็จะติด แต่แทบไม่ได้ยินเสียงเลยครับ สังเกตุจากหน้าปัท เอาครับ ส่วน P ก็คือเบรกมือ A ก็คือ Auto Break พอรถหยุดเรากดเบรกมันจะค้าง จะออกรถก็แค่เหยียบ คันเร่งรถมันก็จะปลดเบรกเลยครับ ส่วนตัว Drive Mode นี่ ใช้ไม่ถนัดเลยครับ เวลาขับจริง มันเล็กมาก เวลาจะเลือก ให้กดมันลงไปเลยครับ
การแสดงผลหน้าจอทางกระจกค่อนข้างสว่างครับ เห็นชัดเจน และ ไม่กวนสายตาตอนกลางวัน
หน้าจอแสดงผล ก็ค่อนข้างสวยงามและตอบสนองกับการขับขี่ดีครับ เมื่อลองขับออกนอกเมือง ก็ลองระบบต่างๆ พบว่า เวลาเราเปลี่ยนเลน และไม่เปิดไฟเลี้ยวพวงมาลัยรถมันจะสั่นเหมือนเตือนเรากำลังออกนอกเลนครับ ใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าเราจะไม่ให้สั่นทุกครั้งที่เปลี่ยนเลน เราจะต้องเปิดไฟเลี้ยวครับ ส่วนระบบ Cruise Crontrol มีสองแบบ แบบ Adaptive และ Pilot Assist ทั้งสองระบบ อำนวยความสะดวกในการขับขี่มาก และปรับได้บนพวกมาลัยทั้งหมด ใครที่ขับทางไกลบ่อย ควรใช้จริงๆ โดยเฉพาะ Pilot Assist มันแทบจะขับให้เลยครับ พอเวลามีรถข้างหน้าขับช้า รถมันก็จะชะลอความเร็วให้เช่นกัน เพื่อรักษาระยะห่างไว้
หน้าจอแสดงผลในส่วนการควบคุมแผงตรงกลาง ยอมรับ สับสน และไม่ค่อยชอบ ครับ หรืออาจจะใช้ Benz มาสักระยะจึงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับมันครับ ข้อดีของมันคือ มันต่อWifi ที่บ้านได้ เพื่อ Update Software และ เวลาเราเอาโทรศัพท์ ต่อ มันสามารถทำเป็น Hotspot ให้ทุกคนในรถเล่นได้
เครื่องเสียง บอกคำเดียว เสียงดีมากครับ แต่ผมว่าสูสีกับของเบนซ์ ตัว Brumester ต้องรอเซียนมาวิเคราะห์ แต่สำหรับการฟังเสียงตำแหน่งคนชับผมถือว่าดีมากครับ แต่รำคาญ Software Greynote ที่ติดรถมา เพราะเวลาที่มันเจอภาษาที่มันอ่านไม่ได้มันจะขึ้น Error ให้รำคาญ
วันนี้ได้มีโอกาศเอาไปลองระบบหลายๆ อย่าง ถือว่าดีมาก เครื่องเดินเรียบมาก วิ่ง 120 ก็เริ่มมีเสียงลมเข้านิดหน่อยแล้ว งานประกอบถือว่าดีมากครับ แต่สู้เบนซ์ไม่ได้ แรงออกตัว ผมว่าน่าจะสูสีกับ C Class Hybrid ดีเซลครับ เทียบกับโหมด S+ เลยครับ แต่ผมรู้สึกว่า Benz C ขับสนุกกว่า อาจเป็นเพราะรถเตี้ยกว่าครับ
เบาะหนังกลับ Nappa ให้ความรู้สึกดีมาก แต่ลึกๆ แอบกังวลเรื่องการดูแลรักษาครับ
กลับมาเพิ่ม ด้านหน้ารถจะมีกล้อง พร้อมกับกล้องใต้ไฟเลี้ยวตามรูป เวลาถอยจอดสามารถเลือกแบบรอบคัน หรือ เฉพาะกล้องหลังอย่างเดียวก็ได้ คุณภาพของกล้องก็ใช้ได้ครับ ชัด จอก็ใหญ่ดี เมื่อวานได้ลองระบบจอดอัตโนมัต แบบถอยจอดเข้าข้าง ค่อนข้างแม่นยำ เหมือนเบนซ์ครับ จอดได้ชิด และกะระยะได้แม่นยำ
ส่วนล้อ 19 นิ้ว ก็มีสัญลักษณ์ VOL ไม่แน่ใจว่า เป็น Runflat ไหม แต่รู้สึกถึงความแพง
ส่วนใต้มือจับ จะมีไฟ LED คอยให้ความสว่างตอนกลางคืน ระบบประตูก็เปิดได้เลย ไม่ต้องกดรีโมท
ส่วนอัตราการกินน้ำมัน กับไฟฟ้า ผมไม่ค่อยใส่ใจครับ
นี่ก็ลองชาร์จไฟ ใช้แรงดัน 8 แอมป์ ครับ หน้าปัดบอก ว่าจะเต็มตอน เที่ยงคืน เริ่ม เวลา 19.00 ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง พออีกวันลองชาร์จ 6 แอมป์ ใช้เวลา 6 ชั่วโมงครับ
เที่ยงคืนเต็มอย่างรถแสดงผล
เช้ามาลองเอาไปขับแบบไฟฟ้า ไม่มีเสียงเลยครับ เรียบเงียบ หน้าปัทแสดงผลปริมาณแบทที่เหลือหมดไปหนึ่งล๊อคของแบท ใช้ระยะทางไปประมาณ 7-8 กิโลครับ ขับในเมืองน่าจะได้ 30-40 กิโลถ้าเทียบตามอัตราส่วน
เมื่อวานลองขับเพิ่มอีกที ใน Mode ไฟฟ้าล้วน แบทหมดครึ่งนึง ใช้ระยะทางไป 20 กม น่าจะพอสรุปได้ว่า แบทชาร์จเต็มน่าจะขับได้ระยะทางประมาณ 40 กม ขึ้นไป ถ้าขับทางไกล
ส่วนกระจกข้างหากมีรถก็จะเตือน มีไฟตามรูปครับ ไฟมีสองสี สีเหลือกับแดง
Head up Display เวลามีนำทางหน้าตา ก็จะเป็นแบบนี้ครับ สามารถปรับความสว่างกับ เลื่อนตำแหน่ง ขึ้นลงได้ประมาณ 1-2 นิ้ว
ถ้าคุณขับเบนซ์ ผมบอกได้เลยว่า Volvo อัตราเร่ง ความสบาย สู้ได้ครับ ในราคาที่คุ้มค่า แต่งานประกอบกับคุณภาพวัสดุ สู้ไม่ได้ครับ แต่ไม่ใช่ขนาดขาดลอย ผมว่าในราคานี้ ถ้าไปซื้อ GLC ภาพลักษณ์น่าจะมาเป็นอันดับหนึ่งกับคนซื้อ Benz แต่ถ้ามองความคุ้มตอนนี้ผมยังเทไป VOLVO ครับ