-

[Ib4nkz]

-

[Alcatraz]

1 จองล่วงหน้าก็ดีเพราะไม่รู้ว่าศูนย์ที่ไปมีรถให้ลองหรือป่าว หรือมีใครกำลังลองอยู่ทำให้ต้องรอถ้าไม่จองไว้ เซลกดดันแน่นอน เพราะเป็นอาชีพ เรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้เซลก็ไม่ได้ผิดอะไร เราต้องหน้าหนาเข้าไว้

2 แนะนำหาศูนย์ที่มีทางโล่งให้เร่งได้พอสมควร ถ้าเส้นนั้นมีโค้งมารตฐานยิ่งดี จริงๆเส้นที่ดีที่สุดคือทางด่วนที่รถไม่ติด แต่รถระดับนี้น้อยศูนย์จะให้ลองบนทางด่วน นอกจากซี้กับเซลจริงๆ

3,5 ในรถระดับเดียวกัน ยอมรับว่าโตโยต้า qc ดีสุด แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เรื่องนี้ต้องพึ่งดวงล้วนๆ แต่ตอนรับรถก็ต้องสังเกตุอะไรที่มองเห็นด้วยตาด้วย

4 อ่านรีวิวเวปนี้ไม่ก็ลองดูในคลับเอา




ทิ้งอัลติสเพราะราคาแพงกว่าคู่แข่ง แน่ใจหรือว่าในรถช่วงราคาเดียวกัน ออปชั่นได้น้อยกว่าคู่แข่ง ลองเปรียบเทียบออปชั่นดูให้ดีๆ

[supercat]

เปิดเว็บรถยี่ห้อนั้นๆ มันจะมีเบอร์โทรศูนย์ โทรไปถามศูนย์ก่อนเลยครับ ว่ามีรถให้ลองมั้ย โทรไล่ไปเลย
 
ยี่ห้อเดียวกันบางศูนย์เล่นตัวเหลือเกินๆๆๆๆๆๆๆ  บางศูนย์ก็ให้ลองง่ายๆ แบบน่าใจหาย

ผมว่าอัตราเร่งคงลองได้ไม่มาก จริงๆผมว่าดูจากตัวเลขในรีวิวของพี่จิมมี่ก็ได้ๆ
ตอนผม test drive ผมเน้น handling พวงมาลัย/ช่วงล่าง มากกว่า 

[Alcatraz]

เรื่องออปชั่นถ้าได้เห็นความเห็นความเห็นคุณแพนในเฟสจะกระจ่างขึ้นมากกว่านี้ แต่ผมจะลงให้ก็ไม่ได้ นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา

เอาง่ายๆว่า Altis 1.8s a/t 899,000 กับ civic 1.8 e a/t 919000 คิดว่าใครให้ของมากกว่า ถ้าไม่นับส่วนลดที่ซีวิคอยู่ใกล้ mc

[Terng]

ผมว่าคุณช๊อคเพราะคุณไม่ได้ดูราคาอัลติสก่อนหน้านี้มาก่อนมากกว่า สมัยตัวหน้าหมู 1.8G ท๊อปก็จำได้ว่าทะลุล้านไปนิดๆเหมือนกัน

จะให้ดี ผมว่าคุณทำตารางเทียบ แล้วนั่งดูเอาครับว่าตกลงมันคุ้มไม่คุ้ม ออพชั่นเยอะหรือไม่เยอะ

ที่สำคัญกว่า ได้ใช้งานหรือเปล่าออพชั่นเหล่านั้นน่ะครับ


ผมเคยมีโจทย์เดียวกันมาก่อนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ต่างกันนิดนึงคือมันจะเป็นรถที่ผมใช้งานเป็นหลักและขับให้พ่อแม่บ้าง อาศัยออกต่างจังหวัดสลับกับเทียน่าคันเก่าได้บ้าง (แม่ชอบบ่นกินน้ำมัน เลยไม่ค่อยเอาไปวิ่งไกล) ในตอนนั้นก็รู้สึกว่า Altis 1.8G รุ่นปี 2008 (ตอนนั้น 2.0 ยังไม่ออก) ราคา 979,000 แอบแพงคล้ายๆที่คุณบ่นนี่เลย แล้วหลังจากนั้นพอมานั่งเทียบราคาเอาจริงๆ ซีวิคกลับดูไม่คุ้มค่าเท่า บวกกับ FD เพื่อนสนิทเจอปัญหาคลาสสิค นอนอู่กันไปสองคันสามคัน แก้ไม่หาย เลยตัดทิ้งไปเพราะห่วงงาน QC

ทีนี้ก็มานั่งดูอัลติสอีกที ผมก็เลือกจากกระดานออพชั่นนั่นแหละครับ สุดท้ายมาลงกับ 1.6G ได้ส่วนลดอีกเหลือราคาเงินสดไม่เอาของแถมไรเลยตอนนั้น 774,000 บาท (จากราคาเต็มตอนนั้น 814,000) แล้วเก็บส่วนต่างมาแต่งเพิ่มเฉพาะที่อยากได้แต่ไม่มีมาให้แทน ก็แฮปปี้กับมันดีครับ ได้ Good old Toyota ที่คุ้นเคย

=====

จะซื้อรถต้องใจเย็นๆครับ ค่อยๆคิด ค่อยๆเปรียบเทียบ ผมเอาราคา 2.0 มาให้ดูแล้วกันครับ

Civic 2.0 EL Navi - 1,130,000
Cruze 2.0 LTZ (Diesel) - 1,248,000
Mazda 3 2.0 Spirit Plus - 989,000
Focus 2.0 Titanium - 959,000

เทียบกับ Altis 1.8G - 979,000

ในบรรดาที่ไล่มาให้ดู ผมยังไม่เห็นคันไหนยกเว้น Focus ที่ราคาต่ำกว่าเลยครับ ผมยกราคาสมัย Altis 2.0 เปิดตัวเอามาให้ดูแล้วกัน ข้อมูลจาก HLM ปี 2009 ครับ

2.0 V Navi - 1,184,000
2.0 V - 1,044,000
2.0 G - 949,000

1.8 G ปรับสเปคลง -899,000 (จากเดิมราคาประมาณ 979,000 ถ้าจำไม่ผิด)
1.8 E ปรับสเปคลง - 844,000 (จากเดิมราคาประมาณ 899,000 ถ้าจำไม่ผิด)

[deardida]

ความเห็นผมครับ ให้หาศูนย์ลองขับรุ่นที่ต้องการก่อนครับ แล้วบอกเซลไปเลยว่ากำลังเลือกอยู่ ถ้าคุณเป็นคนขี้เกรงใจ เพราะอย่าลืมว่าซื้อรถนะครับ ไม่ได้ซื้อขนม มันเป็นเงินก้อนใหญ่ และอีกอย่างไม่ต้องเกรงใจเซลมากครับ เพราะเป็นงานเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ลองขับดูก่อนแล้ว เปรียบเทียบ option ดูแล้วค่อยเลือกครับ ถ้าชอบพี่โต ขับในเมืองบ่อย อย่ามองข้ามพรีอุสนะครับ ประหยัดเงินเติมน้ำมันไปได้เยอะอยู่

[bluefox101]

จากประสบการณ์ผมที่เคยไปเทสไดร์ฟ รถมาบ้างนะครับ ผมมีแนวทางของผมดังนี้นะครับ

1.  เลือกโซน ที่มีศูนย์รถยี่ห้อที่เราสนใจ อย่างน้อย 2-3 ศูนย์ อยู่ใกล้ ๆ กัน เพื่อที่เราจะได้มีโอกาส ทดสอบรถ ทุกรุ่นที่สนใจ ในวันเดียวกันเลย ทดสอบข้ามวัน มันมีลืม ๆ ได้ เอาแบบลองคันนี้ ปั๊บ เดินออกศูนย์นี้ ไปเข้าอีกศูนย์ เอารถอีกคันไปลองเลย จะได้เปรียบเทียบกันได้ง่ายหน่อย

2. ใช้ถนน ที่ทดสอบ เส้นเดียวกัน ถ้าศูนย์รถอยู่ในโซนใกล้ ๆ กันตาม ข้อแรก มันก็จะง่ายหน่อยครับ เพราะทดสอบถนนเส้นเดียวกัน สภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน ผมว่ามันทำให้เปรียบเทียบกันได้ชัดเจนขึ้น

 3. การที่จะให้ลงตัว ก็โทรติดต่อกับ ศูนย์ ถึงรุ่นรถ วัน เวลา ที่สนใจจะทดสอบก่อน เพื่อที่ทางเราเองก็จะได้จัดเวลาได้ลงตัว เรียกว่า วันนั้นทั้งวัน ผมจะวนเข้าออกศูนย์รถ ทดสอบอย่างเดียว แล้วเก็บข้อมูล


กรณีของผม เนื่องจากบ้านผมอยู่แถวราชพฤกษ์ มีศูนย์รถหลายยี่ห้อที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ทั้ง โตโยต้า, ฮอนด้า, Benz, Nissan, Ford และผมใช้ถนนเส้นราชพฤกษ์ เวลาทดสอบรถ ก็ค่อนข้างสะดวกพอสมควร วันเดียวผมทดสอบได้ ประมาณ 3 รุ่น 3 ยี่ห้อน่ะครับ

ส่วนเรื่อง เกรงใจ พนักงานขายนั้น ขอบอกว่า ไม่ต้องเกรงใจครับ เค้ามีหน้าที่ขาย เรื่องการนำเสนอสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลอง ทดสอบ เป็นหน้าที่ของเค้าครับ ถ้าเราขอทดสอบรถ แสดงว่ามีลุ้นจะขายได้นะครับ อย่างของผมนี่ ก่อนทดสอบ ผมบอกกับเซลล์เลยว่า ผมดูรุ่นไหนอยู่บ้าง และไปลองรุ่นไหนมาบ้างแล้ว เพื่อให้เค้ารู้เลยว่า ถ้าเค้าไม่รีบนำเสนอรถของเค้า มาให้ผมทดลอง เท่ากับเค้าปิดโอกาสขายกับผมไปแล้ว

มียี่ห้อนึง ขับมาให้ลองถึงหน้าบ้านเลย ก่อนไปลองรถ ผมขอเติมน้ำมันเพิ่มด้วย แล้วก็ขับทดสอบไปประมาณ 30 กว่ากิโล สรุปไม่ซื้อครับ เพราะตอนนั้นยังเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นอยู่ ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจเซลล์ครับ

[wannachat]

ก่อนจองเราเป็นเทวดา หลังจองเราเป็นแค่ก้อนหิน

[Nlight]

1) ส่วนใหญ่การเทสไดร์ฟต้องมีการจองล่วงหน้าไหมครับ และเซลส์จะกดดันเราไหมอะ คืออยากลองซิลฟี่กับแอคคอรด เนื่องจากไม่เคยขีบเลย(เคยขับซีวิคตัวปัจจุบันเพราะเคยเช่าขับมา4วัน) เพราะบอกตรงๆว่าผมขี้สงสารและหน้าบาง555 เวลาเราไปขอขับเหมือนแบบไปทำให้เซลส์มีความหวังแล้วเราไม่ชอบขึ้นมามันจะออกแนวสงสารเซลส์
- เซลส์คือสิ่งมีชีวิตที่ต้องเข้าใจสัจธรรมของการขายครับ เขาไม่ได้คิดว่าทุกคนมาเทสแล้วจะซื้อ ต้องคิดว่าเจอเซลมือใหม่ เข้าอาจจะอยากลองพรีเซนท์ อยากลองวิชาที่เข้าอบรมมา เจอเซลมืออาชีพก็ดีจะได้เจอคำแนะนำดีๆ เจอเซลไม่ดีก็เปลี่ยนศูนย์ ครับ สงสารเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ถ้าเราจะซ์้อรถอยู่แล้วจะกลัวอะไร ? ถ้าไม่ใช่จะซ์้อรถ หรือเป็นลูกค้า เอารถเข้าศูนย์นั่น ผมก็ยังไมกล้าเหมือนกัน 5555 คุณลองนึกภาพนะ ถ้าคุณเป้นเซล ระหว่างนั้งตบแมงวันที่ศูนย์ กับ พาลูกค้าไปขับรถเล่น พร้อมพรีเซนท์งานไป คุณจะเลือกทำหน้าที่ไหน

2) การเทสไดร์ฟที่ดีควรทำไงบ้างครับ หมายถึงการทดสอบขับขี้มีอะไรที่ผมควรจะทำในการเทสบ้าง เช่นทดลองเหยียบเร่งเครื่องหรืออะไรทำนองนี้ มีจุดเล็กจุดน้อยอะไรที่ผมควรทำในการเทสไดร์ฟบ้างครับนอกจากขับๆไปธรรมดา โดยส่วนตัวขับรถเร็ว1ประมาน120-150ตามบางนา
- ถ่้าเป็นไปได้ไปศูนย์ที่มีพื้นที่ครับ ถ้าขับออกมาแล้วไปได้แค่คลานไม่เกิน 60 (เพราะรถติด) ก็หาวันอื่น ศูนย์อื่น
ผมทดสอบอะไรบ้าง ก็กดดูอัตราเร่ง จับหักซ้ายขวา ถ้าเป็นไปได้ก็ขอลองทดสอบกระทืบเบรคที่ 100 up ถ้ามีทางที่จะทำให้จับอาการช่วงล่างง่ายขึ้นก็จับมันสาดซะ
ถ้าไม่พอใจข้องใจ ก็ขอลองใหม่ จะวันนี้วันหลัง ก็แล้วแต่ครับ

การลองรถมันเป็นอะไรที่สนุกมากครับ ยิ่งถ้าเจอเซลดีๆ คุยด้วยสนุกๆ สุขขีจริงๆ
เวลาคุยถามตอบกับเซลผมก็บอกความรู้สึกจริงๆหมดนะ ว่าชอบตรงไหนไม่ชอบตรงไหน ยกเว้น เจอแบบ....คันนี้ไม่เอาแน่ จุดติมันเยอะเหลือเกิน ก็จะเกริ่นๆข้อที่ทำให้ไม่ชอบไป แต่ไม่บอกทั้งหมด เข้าใจว่าบางทีเซลก็ไม่ได้ชอบรถที่โดนให้มาขายเหมือนกัน  แต่เขาทำตามหน้าที่