ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัยระหว่างราคา เฉพาะตัวรถไฟฟ้ากับรถเครื่องยนต์  (อ่าน 2533 ครั้ง)

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
ในเมื่อ แบตเตอรี่ราคาเป็น 70 % ของตัวรถ สมมุติว่า
- รถไฟฟ้าคันนึงราคา 1 ล้านบาท แบตเตอรี่กับมอเตอร์ ถือว่าอาจจะเป็น 70-80 %ของราคารถคือ 700,000-800,000 บาท เท่ากับว่าตัวรถมีราคา 200,000-300,000 บาทเท่านั้น ถ้าแบตเตอรี่เสื่อมสัก 5 ปี หรือ 10 ปี ก็จะเหลือแค่ราคาตัวรถที่เสื่อมไปด้วยหรือเปล่า
- รถที่ใช้เครื่องยนต์ สมมุติรถราคา 1 ล้านบาท ราคาเครื่องยนต์กับเกียร์ ไม่น่าถึง 4 แสนบาท ตัวรถซึ่งก็ไม่น่าต่างจากรถไฟฟ้ามาก ทำไมราคาแพงกว่า
กำลังหาข้อมูลว่าถ้าหารถไฟฟ้ามือสอง ไม่เกิน  5ปีจะเหลือราคาเท่าไหร่

ออฟไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,750
ในเมื่อ แบตเตอรี่ราคาเป็น 70 % ของตัวรถ
- เข้าใจว่าที่พูดกันว่าแบตเตอรี่ราคาเป็น 70 % ของตัวรถ เอามาจากเคสที่ต้องเปลี่ยนแบต แล้วเอาราคาขายแบต ที่เปนอะไหล่มาเทียบกับราคารถทั้งคัน
ซึ่งการที่ซื้อรถทั้งคัน มันถูกกว่า การที่เราซื้ออะไหล่ทุกชิ้น มาประกอบเป็นรถคันใหม่เองครับ ถ้าต้องการอะไหล่รถทั้งคัน ซื้อรถใหม่ 1 คัน เอามาแยกอะไหล่ ถูกกว่าครับ


- รถไฟฟ้าคันนึงราคา 1 ล้านบาท แบตเตอรี่กับมอเตอร์ ถือว่าอาจจะเป็น 70-80 %ของราคารถคือ 700,000-800,000 บาท เท่ากับว่าตัวรถมีราคา 200,000-300,000 บาทเท่านั้น ถ้าแบตเตอรี่เสื่อมสัก 5 ปี หรือ 10 ปี ก็จะเหลือแค่ราคาตัวรถที่เสื่อมไปด้วยหรือเปล่า
- ถ้าต้องเปลี่ยนแบตคิดว่าราคาน่าจะลงเยอะกว่านั้นครับ
สมมุติ รถอายุ 7 ปี รถ 1 ล้าน ค่าตัวรถ 30% เหลือ 300,000 หักค่าเสื่อม ขายสัก 1 แสน
แต่คนที่ซื้อไป ต้องจ่าย 100,000 ค่าตัวรถ กับ 700,000 ค่าแบตใหม่ ทั้งหมดเป็น 800,000 แสน
ถ้ามองในมุมคนซื้อ จ่าย 800,000 กับรถเก่าที่ได้แบตใหม่ซิงๆ แต่ส่วนอื่นอายุ 7 ปี และอาจเสียในเวลาอันใกล้ตามอายุการใช้งานของมัน
กับออกป้ายแดง อาจจ่ายสัก 1.1m ดีไม่ดีได้รุ่นใหม่ วิ่งได้ไกลขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้นอีก.. 
ไม่เหมือนกันตอนเทียบ civic fc มือสอง กับ fe ใหม่ ที่บอดี้ใหม่ แต่เครื่องเดิม ไม่ได้ต่างกันมากมาย



- รถที่ใช้เครื่องยนต์ สมมุติรถราคา 1 ล้านบาท ราคาเครื่องยนต์กับเกียร์ ไม่น่าถึง 4 แสนบาท ตัวรถซึ่งก็ไม่น่าต่างจากรถไฟฟ้ามาก ทำไมราคาแพงกว่า
กำลังหาข้อมูลว่าถ้าหารถไฟฟ้ามือสอง ไม่เกิน 5ปีจะเหลือราคาเท่าไหร่
ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าจากจีนที่ได้ fta กลุ่มนั้นอาจโดนภาษีน้อยมากๆ จนราคาขายมันสะท้อนราคาต้นทุนขายครับ
ส่วนรถสันดาบในไทย โดนเก็บสรรพสามิต 10-30% แล้วแต่มลพิษที่ปล่อย ราคามันเลยบวมที่ภาษี
ยิ่งถ้ารถยุโรป ที่ประกอบในไทย หรือนำเข้ามาแล้วโดนภาษีเข้าไป พอมาเจอ tesla ที่ ได้ fta ส่วนต่างยิ่งเห็นได้ชัดเลย

รถไฟฟ้า ผมคิดว่าราคาคงร่วงแน่ๆ เพราะเรื่องแบตกับ technology ที่ผ่านไปเร็วครับ อย่างเช่น mg zs ev โมเดลเดียวกันแค่ปรับปรุงแบต ก็วิ่งได้ใกล้ขึ้น 70km (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) คนซื้อ lot แรกไป อาจเซ็งนิดๆ 
แล้ว zs ev รุ่นเดิม อายุ 3ปี ราคาตั้งขายมือสอง หายไป 50% ได้เลย
ส่วน byd คิดว่าช่วงนี้ราคาแข็งอยู่เพราะเหมือนอยู่ในกระแส
แต่ 5 ปี คิดว่าราคาคงร่วงเหมือนกันครับ แต่จะร่วงหนักเท่า mg ไหมคงต้องดู aftersale ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2023, 10:54:22 โดย Qwerty »

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,872
กำลังจะตอบเหมือนท่านบนเลยว่า ice มันมีราคาภาษีมาเกี่ยว
ส่วนเรื่องอัตรส่วนรถเปล่าต่อเครื่องยนต์เท่าไหร่ผมไม่แน่ใจ

แต่ประเด็นที่คุณห่วงเรื่องราคาตก คือ ถ้า ice มันได้รับการดูแลดีๆ มันสามารถวิ่งได้หลายแสนโลและหลายสิบปี มันเลยมีมูลค่าเป็นทรัพย์สินขึ้นมา
Altis เก่าๆ ดูแลดีๆ ขายเป็นมือ 2 ราคา 5-7 หมื่นได้ 2-3 รอบเลยทีเดียว(หลังจากที่เคยเป็นมือ2 ราคาหลักแสน)

จริงๆรถไฟฟ้ามันก็ขายต่อในราคาดีได้นะครับ เช่นว่า สมมติ แบตชุดนึงวิ่งได้ 3 แสน เจ้าของใช้ไปแล้ว 1แสน เบื่อ อยากขาย เท่ากับรถคันนี้ยังวิ่งได้อีกตั้ง 2 แสนก่อนเปลี่ยนแบต

ตอน tesla เกิดใหม่ๆ เคยดูสารคดีครับ เขาบอกว่า ค่าตัวรถ ระบบควบคุมไฟฟ้า และแบตเตอรี่คิดเป็น 33.33%เท่าๆกัน

แต่ที่นี้แบตยุคใหม่แบ่งคอนโทรลจากระบบควบคุมมาครึ่งหนึ่ง เปอร์เซ็นต์มันเลยเปลี่ยนเป็น รถ 33 คอนโทรล 16และแบตเตอรี่ 50 แต่นั่นคือยุคเริ่มต้นครับ

ปัจจุบัน รถไฟฟ้าวิ่งได้เยอะขึ้นมาก เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ต่อราคารถก็น่าจะสูงขึ้นตามครับ

เรื่องการตั้งราคาขายต่อมันยังไม่เกิดในเร็วๆนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกลไกตลาด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของแบรนด์นะครับ ว่าจะทำระบบอะไหล่และความเถียรของรถได้ดีแค่ไหนด้วย เรื่องที่คุณคิดจะเป็นปลายทางไปเลยครับ

รถน้ำมันเองก็มีประเภทลอยแพลูกค้าอย่างเชฟ ต่อให้รถดีแค่ไหนแต่เจ้าของแบรนด์ไม่อยู่แล้ว ก็จบครับ

อย่างค่ายเม้ง ก็เป็นตัวอย่างที่ดีครับ

ออฟไลน์ Floppy-T

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 976
แบตราคาเป็น 70% ของตัวรถ

น่าจะมีเอาราคา อะไหล่แบตมาเทียบครับ

OEM ส่งเข้าโรงประกอบ ผมว่าราคาถูกกว่านี้แน่

ออฟไลน์ Edwardsella

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 95
    • อีเมล์
ราคาผมว่าคาดเดายากครับ มันมีเรื่องราคาของเทคโนโลยี่มาเกี่ยวด้วย รู้สึกแค่ว่าตอนนี้เทคโนโลยีเรื่องนี้ยังใหม่ และน่าจะไปไวมาก สมมุตินะครับอีกห้าปี แบตเป็นเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมาก วิ่งได้ 1000km+ แบตแบบปัจจุบันจะมีคนอยากใช้ไหม ผมก็ไม่ได้อยุ่ในสายนี้เลย ได้แต่คาดเดาไปเหมือนตอนมือถือออกมาใหม่ๆ  แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครอยากขายของถูกให้เราผู้บริโภคแน่นอน

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,640
ราคาตัวรถทั้งคันมันไม่หนีกันมากหรอกระหว่างรถไฟฟ้าและรถสันดาป   ขึ้นกับอ็อพชั่นที่ใส่มาด้วย 
    แต่มันจะมีภาษีแต่ละตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากมายสำหรับรถสันดาป    แต่รถไฟฟ้าตอนนี้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำ
     นอกจากนี้การที่ราคาแบตมันสูงส่วนนึงเป็นที่การตั้งราคามาจากบริษัทแม่ของผู้ผลิตรถยนต์ด้วย   ว่าตั้งราคาเท่านี้สำหรับราคาขายในศูนย์บริการ   ผ่านไปกี่ปี  ราคาแบตก็ + - ประมาณนี้  ไม่มีถูกลงมากมายแบบที่หลายคนคาดหวังให้มันเป็น       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2023, 13:30:20 โดย Auto »

ออฟไลน์ Zephyrs

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 913
หลักๆไฟฟ้ามันถูกได้เพราะเรื่องภาษี + Incentive จากรัฐบาลด้วย (จะหลักหมื่นหรือหลักแสนก็แล้วแต่)

เรื่องราคามือ 2 มันไม่ใช่แค่ว่าเราคำนวณเรื่องการเสื่อมแล้วมันก็จะได้ตัวเลขจบ
อย่างรถน้ำมันเอาจริงๆถ้าไม่ใช่แบรนด์ตลาดหรือรถเฉพาะจริงๆ ราคาที่หายมันก็หนักอยู่
แต่ข้อได้เปรียบของรถน้ำมันในเรื่องรักษาราคาขายต่อได้ คือชิ้นส่วน"ที่จำเป็นในการขับเคลื่อน"สามารถเปลี่ยนได้หมด
สมมติคุณไปหารถที่สูญพันธ์ุแล้วเช่น Rover คุณยกเครื่องออก หาเครื่องญี่ปุ่นยัดมันก็วิ่งได้ (แต่ค่าใช้จ่ายก็อีกเรื่อง)
ในขณะที่คุณทำแบบนั้นกับรถไฟฟ้าไม่ได้ แบตเตอรี่ของแต่ละยี่ห้อไม่ได้ Compatible กันอะไรขนาดนั้น
คือไม่มีการ Standardize ถ้านึกภาพตามไม่ออก ลองนึกภาพโลกที่ อุปกรณ์ที่เคยใช้ถ่าน AA ได้ กลายเป็นว่าใช้ถ่าน AA ไม่ได้ แล้วแต่ละแบรนด์ก็มีแบตเฉพาะของตัวเองดูว่านรกขนาดไหน

มันตอบตอนนี้ยากเพราะรถ ev แทบทุกรุ่นที่เราเห็นก็ยังพอหาอะไหล่กันได้ (แค่หัวแตก) แม้แต่ Leaf เองถ้าเงินถึงก็เปลี่ยนได้

แต่สุดท้ายแล้วอะครับ แบตที่ใช้ในรถมันต้องมีการ Standardize เข้าสักวัน (เหมือนที่ล่าสุดก็สำเร็จในเรื่องการใช้พอร์ตชาร์ทร่วมกันได้)
ไม่งั้นเราก็จะทิ้งรถไฟฟ้ากันเหมือนที่เราทิ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (มือถือ ทีวี ฯลฯ) ลงบ่อกลบไป ถ้าโชคดีเอามารีไซเคิลได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็น่ากลัว
เพราะผมเชื่อว่าด้วยนิสัยผู้บริโภคแล้ว ถ้าต้องเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นนึง แล้วราคามันเกิน 40% ของมูลค่ารถ ผมว่าส่วนมากเททิ้งกันหมด ยอมขาดทุน
(เอาง่ายๆ รถน้ำมันเครื่องพังทีนึง มูลค่าไม่ถึง 40% ของราคารถ ส่วนมากก็วิ่งหาอะไหล่ข้างนอก หรือไม่ก็ยอมขายซากแล้ว)
แค่ว่าใครจะเป็นคนออกกฎหมายขึ้นมาควบคุมก่อน ระหว่างจีนหรือตะวันตก

ออฟไลน์ Magl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
    • อีเมล์
ขอบคุณทุกท่านครับ ข้อมูลดีเยี่ยมครับ พอเข้าใจละ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,234
    • อีเมล์
ผมกลับมองแบบนี้ครับ

อย่างที่ 1 ต้องรู้ราคา kw ของ แบตเตอรี่่ ก่อนว่า ราคาบาท/kw และ ใช้กี่โมดูล หรือ รวมเป็นก้อนกี่บาท

ซึ่งตรงนี้สำคัญ เพราะโดยส่วนมาก ราคา ต่อ kw มันจะไม่ได้หนีจากกันมากนัก ไกล้เคียงคัน ทั้งในรถราคาถูก และ รถราคาแพง

เช่น

แบตเตอรี่ กบไฟฟ้า ราคาต่อ โมดูล คือ 32,000 บาท มี 24 โมดูล รวมแล้ว ก็แถวๆ 8 แสน พอเทียบกับตัวรถ ราคาเกือบ 10 ล้าน มันก็คือ 10-15% เองนะครับ

แบตเตอรี่ แหมวดี ราคาทั้งก้อน ก็แถวๆ 5.5 แสน พอเทียบกับตัวรถ ราคา 1-1.5 ล้าน มันก็คือ 35-50%

แบตเตอรี่ หยวนพลัส ราคาทั้งก้อน ก็แถวๆ 5.2-6.5 แสน พอเทียบกับตัวรถ ราคา 1 ล้านกว่า มันก็คือ 50-60%

เห็นอะไรใน 3 ตัวอย่างข้างต้นไหมครับ


อย่างที่ 2 ต้องดูราคารถ ว่าอยู่ในช่วงราคาไหน เทียบกับแบตเตอรี่ แล้วมันก็จะได้อีกมุมนึง

อย่างที่ 3 เคยเจอ ค่ายดาว จมน้ำ เครื่อง bluetech hybrid ยกเครื่องใหม่ เบิกเยอรมันมา ราคา 1.1 ล้านบาท กับ ราคารถ 3 ล้านกว่าๆ ก็ตีเป็น 30% (เห็นภาพไหมครับ)

สุดท้าย

รถที่ราคาถูกหน่อย แต่แบตเตอรี่ มันทำให้ถูกไม่ได้ มันก็ทำให้มูลค่าแบตเตอรี่ เทียบกับ ราคารถ ดูแพงครับ

แต่พอรถราคาแพง แบตเตอรี่ มันเหมือนจะถูกมาก ถ้าเทียบกับราคารถ เหมือนกันนะครับ

อยู่ที่ว่า คุณมองจากมุมไหน หรือ คนที่มองอยู่ในจุดไหน มากกว่า

ปล.ถ้ารถถูกๆ หน่อย ไม่ได้แพงมาก ราคามือสอง ณ ตอนนั้น จาก 1 ล้าน เหลือ 3 แสน ผ่านไป 10 ปี ณ ตอนนั้น ราคาแบตเตอรี่เปลี่ยนใหม่ 5 แสน ถ้าคิดจะเปลี่ยนใหม่ มันท่วมราคารถแล้ว จะเปลี่ยนทำไม เอาเงินที่ต้องแบตเตอรี่ มาซื้อรถใหม่ สบายใจกว่าเยอะครับ