เผยออกมาแล้วครับกับสเปกของ Mazda3 minor-change ที่มากับเครื่อง SkyActiv ใหม่
ด้วยเครื่องยนต์ MZR เบนซิน 4สูบ 16วาวล์ ขนาด 2.0ลิตร ใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรงแบบ direct injection พร้อมวาวล์แปลผัน และปรับอัตราส่วนกําลังอัดใหม่ที่สูงถึง 12.0:1
โดยเครื่อยนต์ SkyActiv 2.0 ใหม่ มีน้ำหนักลดลงจากเครื่อง MZR 2.0 เดิม 4.4 pounds หรือราว 2กก.
สามารถรีดกำลังออกมาได้ถึง
155แรงม้า ที่ 6,000รอบ และ
แรงบิดสูงสุด 200นิวตันเมตร ที่ 4,100รอบ
พร้อมจับคู่กับเกียร์แบบอัตโนมัติ SkyActiv Drive 6สปีดใหม่
แม้นพื้นฐานยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัตที่อาศัยการตัดต่อกำลังโดย torque converter พร้อมระบบ lock-up ทั่วไปที่ส่งผลต่อความประหยัด
แต่ทาง Mazda คุยว่าคุณสมบัติของ SkyActiv Drive 6สปีดใหม่ คือการรวมข้อดีของเกียร์แบบ CVT และเกียร์แบบ Dual Clutch ไว้ด้วยกัน
(ซึ่งต้องพิสูตรกันว่าคำพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ แต่คำตอบนี้ก็ทำให้ช่วยตอบคำถามที่ว่า ทำไม Mazda ถึงไม่พัฒนาเกียร์ CVT แบบเพื่อนร่วมชาติ หรือเกียร์แบบ Dual Clutch แบบที่ค่ายยุโรปกำลังทำให้เป็นอุปกรณ์มาตราฐาน)
(New Mazda3 Thai models ปัจจุบัน 147แรงม้า ที่ 6,500รอบ และ แรงบิดสูงสุด 182นิวตันเมตร ที่ 4,000รอบ เกียร์อัตโนมัติ 5สปีด)
มีการโชว์ตัวเลขอัตราบริโภคเชื้อเพลิงตามมาตราฐาน EPA on highway ที่ 40MPG หรือราว
17กม./ลิตรดีขึ้นจากเดิม 21% ซึ่งเดิมทำได้ 33MPG หรือราว 14กม./ลิตร *
(*ใน US models เครื่อง 150 แรงบิดสูงสุด 183นิวตันเมตร)
ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ SkyActiv และเกียร์ SkyActiv Drive ทำให้ Mazda3 ขึ้นแท่นกลายเป็นรถที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุดคันหนึ่งในกลุ่มไปเลย
ภายนอก ชัดเจนด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ลดความวุ่นวายของเส้นสายลง และไร้ซึ่งไฟตัดหมอก (แต่เชื่อว่าตัวขายจริง คงต้องมีมาในตัวท็อปๆ)
โคมไฟหน้าที่มีดีไซน์ภายในใหม่แตกต่างจากเดิมย่างชัดเจน รวมถึงโคมไฟหลังหลังที่เพิ่มส่วนของสีแดงขึ้นมาแลดูลงตัวกว่าเดิม
ภายในมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ หน้าปัดรวมถึงจอแสดงผลต่างๆที่เปลี่ยนจากไฟสีแดง-ม่วง มาเป็นสีฟ้า ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย
และบริเวณคันเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงเทคโนโลยี SkyActiv Drive อย่างชัดเจน
แม้นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ SkyActiv-G จะเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่น แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าโดดเด่นในยุค เพราะในเวลานี้ค่ายคู่แข่งก็มีไม้เดทกันออกมาอย่างมากมาย
มันจะสามารถแสดงประสิทธิผล ออกมาได้เหนือกว่าคู่แข่งเดิมที่มีเทคโนโลยีอย่าง i-VTEC จาก Honda หรือ Dual VVT-i จาก Toyota ได้หรือไม่
และไหนยังจะมีคู่แข่งรายใหม่อย่าง Ecoboost จาก Ford หรือ Ecotec จาก GM หรือ DIG Turbo จาก Nissan ที่จะเตรียมตบเท้าเข้ามาในสังเวียนการแข่งขันนี้แบบไม่ขาดสาย
รวมถึงเกียร์ SkyActiv Drive จะดีพอที่จะสามารถต่อกรกับ เกียร์อัตโนมัติทั่วไปที่ไม่ธรรมดา หรือ เกียร์แบบ CVT ที่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมา รวมถึงเกียร์แบบ Dual Clucth ที่ขึ้นชื่อ
คงต้องให้ SkyActiv-G และ SkyActiv Drive ได้พิสูตรตัวเอง ในวันที่ถูกที่และถูกเวลา
เราต้องลุ้นและเอาใจช่วยกันว่า Mazda ประเทศไทย จะเดินเกมส์ได้ทันเพียงใดและจะดีแค่ไหน
จะถูกใจผู้บริโภคหรือไม่ ต้องค่อยติดตามกันต่อไป
สำหรับในตลาดโลก Mazda3 minor-change ที่มากับเครื่อง SkyActiv ใหม่ เตรียมจำหน่ายให้จับจองกันได้ภายในปี 2011 นี้เลย
แต่สำหรับบ้านเรายังไม่มีความชัดเจนใดๆ เพราะ New Mazda3 ตัวปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวไป ยังไม่ถึงมือผู้ซื้ออย่างครบถ้วนกันดีเลย คงต้องรออย่างน้อย 1-1.5 ปี เพราะการที่จะมีการปรับโฉมเร็วเกินไป มันจะกลายเป็นเสมือนผู้ซื้อในล็อตแรกถูกหักหลังอย่างรุนแรง เพราะเชื่อว่าราคาของตัว minor-change เมื่อเปิดตัวออกมาจะขยับขึ้นแทบไม่เท่าไหร่เลย เนื่องด้วยกลไกลตลาดที่บีบบังคับ
http://www.autoblog.com/2011/04/20/2012-mazda3-with-new-skyactiv-engine-gets-40-mpg-updated-exteri/