ว่ากันตามตรง ตามหลักวิทยาศาสตร์ระดับที่ใหญ่กว่าควันตัมฟิสิกส์
วัตถุเคลื่อนที่ได้ด้วยแรง(Force - ทำให้วัตถุเปลี่ยนรูปหรือตำแหน่ง) ซึ่งแรงบิดก็เป็นแรงชนิดหนึ่งเหมือนกัน
แทนที่จะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แรงบิดจะทำให้วัตถุหมุนรอบตัวเอง นั่นแปลว่าแรงไม่ได้กระทำที่
จุดศูนย์กลาง(Centroid) ของวัตถุโดยตรง หน่วยมาตรฐานที่เราใช้อยู่คือ แรงกระทำต่อจุดศูนย์กลางที่ระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง 1 เมตร(นิวตัน-เมตร)ในแบบตั้งฉากกับเส้นผ่านศูนย์กลาง
เหมือนหมุนไดนาโมที่คันหมุนห่างจุดศูนย์กลาง 1 เมตร ว่าเราใช้แรงไปกี่นิวตัน
เมื่อมีแรง ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ ก็จะเกิดพลังงานขึ้น พลังงาน(Energy)/งาน(Work) ที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยวินาทีทำให้เกิดกำลัง(Power)
ซึ่งในที่นี้ คือ
"แรงม้า" (Horse Power) ครับ มีหน่วยเป็น Watt 1 แรงม้า Imperial ประมาณ 746 Watt
ที่กล่าวมาคือ
กำลัง(Power-แรงม้า) คือสิ่งที่บ่งบอกความสามารถของเครื่องยนต์ ว่าสามารถทำให้รถยนต์ฝ่าแรงเสียดทานต่างๆ ไปได้ขนาดไหน ทั้งแรงเสียดทานของชิ้นส่วน
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการหมุนของเฟืองกว่าจะลงล้อและไปยังถนน แรงเสียดทานของถนน แรงเสียดทานของลมซึ่งจะมีมากขึ้นแบบทวีคูณ(Exponential) เมื่อความเร็ว
ยิ่งสูงขึ้น และอื่นๆ ซึ่งแต่จะช่วงความเร็ว เครื่องยนต์จะผลิตกำลังออกมาได้ไม่เท่ากัน หากความเร็วยิ่งสูง รถยิ่งต้องการกำลังมากเพื่อฝ่าแรงเสียดทาน
กำลังสูงสุด จึงบอกเป็นนัยๆ ถึงความเร็วสูงสุดด้วย (ที่เป็นนัยะ เพราะบางครั้งมีการปรับอัตราทดเกียร์เพื่อลดความเร็วสูงสุด เพิ่มอัตราเร่งแล้วแต่การตั้งค่า)
แรงบิด(Torque หน่วยนิวตัน-เมตร) คือสิ่งที่บ่งบอกเรี่ยวแรงของรถยนต์ ว่าสามารถทำให้ความเร็วเปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหนในหนึ่งหน่วยวินาที(Acceleration - อัตราเร่ง)
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องเชื้อเพลิง ทำไมให้แรงบิดที่แตกต่างกัน
ปกติแล้วเครื่องยนตร์แบบง่ายๆ เบนซีน อัดน้ำมันเพื่อจุดระเบิดที่แรงดันน้อยกว่าการอัดอากาศของดีเซลแล้วฉีดน้ำมันเข้าไปเพื่อจุดระเบิด ด้วยเหตุผลที่ว่า
Piston ของดีเซลจึงยาวกว่า และทำให้ Crankshaft ยาวกว่าเบนซีนด้วย ทำให้แรงบิดที่เกิดขึ้นจากการจุดระเบิดของดีเซลมีมากกว่าเบนซิล
(คิดถึงตอนสูบบาดาลสมัยก่อน คานยิ่งยาวยิ่งสูบง่าย พอดีผมเกิดทัน 555 ฉันใดฉันนั้น Crankshaft ยาวกว่า หากแรงระเบิดเท่ากันย่อมให้แรงบิดมากกว่า จริงๆ
ดีเซลระเบิดแรงกว่าด้วยซ้ำครับ)
หากเบนซินจะทำให้แรงบิดเท่า ต้องหมุนให้เร็วกว่าดีเซลขึ้นไปอีกถึงจะได้แรงเท่ากัน(แรงยิ่งมาก ยิ่งเคลื่อนที่ได้ไวกว่า)
มันก็เป็นเช่นนั้นและครับ