บอร์ดบีโอไอ คลอดอีโคคาร์รุ่น 2 วางเงื่อนไข เข้มกว่าเดิม เน้น สะอาด ประหยัดและปลอดภัย ตามมาตรฐานยูโร5 เพิ่มขนาดเครื่องยนต์ดีเซล 1500 ซีซี ลดภาษีสรรพสามิตลงเหลือ 12-14 % แจกสิทธิประโยชน์เพียบจูงใจลงทุน ค่ายรถยนต์หนุนแนวทางส่งเสริม แต่ยังหวั่นใจแย่งตลาดอีโคคาร์รุ่นแรก ส.อ.ท.หวั่นกระทบผู้ผลิตถูกเรียกสิทธิประโยชน์คืน
จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการมาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีเสถียรภาพ โดยเห็นชอบให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล(อีโคคาร์)ระยะที่ 2 ผ่านสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ โดยเปิดรับสมัครผู้ผลิตที่มีความสนใจและมีความพร้อมในการลงทุนรายใหม่ นอกเหนือจาก 5 รายเดิมนั้น
++บอร์ดบีโอไออนุมัติเงื่อนไข
ล่าสุดนายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้าว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)บีโอไอ มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ในวันที่ 28 สิงหาคม 2556 นี้ จะมีการพิจารณาเงื่อนไขและการให้สิทธิประโยชน์กิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล(อีโคคาร์) ระยะที่ 2 ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขการผลิตต้องมีมาตรฐานเครื่องยนต์ที่สะอาดตามมาตรฐานยูโร 5 ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลกรัม ลดลงจากของเดิมที่กำหนดไว้น้อยกว่า 120 กรัมต่อกิโลกรัม สามารถประหยัดน้ำมันที่ 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร จากเดิม 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด1300 ซีซี และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด1500 ซีซีจากของเดิมที่กำหนดเครื่องยนต์เบนซิน1300 ซีซี และเครื่องยนต์ดีเซล1400 ซีซี
ส่วนเงื่อนไขการลงทุนต้องผลิตจริงให้ได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนคันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปจากเดิมกำหนดผลิตไม่น้อยกว่า 1 แสนคันต่อปี นับตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป ที่ครอบคลุมการผลิตเครื่องยนต์และประกอบรถยนต์ครบวงจร และต้องลงทุนอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 6.5 พันล้านบาทต่อราย จากเดิมที่เคยกำหนดไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทต่อราย
alt สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 6 ปี จากเดิมกำหนดไว้ 8 ปี แต่ถ้ามีการลงทุนพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย จะได้รับการยกเว้นภาษีเพิ่ม โดยมีการลงทุนหรือพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 7 ปี ถ้าลงทุนไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี 8 ปี และจะมีการลดหย่อนภาษีนำเข้าชิ้นส่วน 90 % และยกเว้นภาษีเครื่องจักรทุกเขตส่งเสริมการลงทุน (ดูรายละเอียดในตาราง)
++ชงภาษีสรรพสามิต12-14%
นายโชคดี ยังกล่าวด้วยว่า การพิจารณาด้านโครงสร้างภาษีสรรพสามิตนั้น หลังจากบอร์ดบีโอไอเห็นชอบในเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนแล้ว จะมีการนำไปหารือกับทางกระทรวงการคลังว่าเห็นชอบตามที่บอร์ดบีโอไออนุมัติหรือไม่ ที่จะพิจารณาจากขนาดของเครื่องยนต์ โดยนำหลักการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ด้านความปลอดภัยของรถยนต์ กระบอกสูบ และการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล 85 % หรือไบโอดีเซลหรือบี 10 มาประกอบในการคำนวณภาษี
"ยกตัวอย่างหากเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด1300 ซีซี จะเสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 14 % ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1500 ซีซี หากสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขครบตามที่กล่าวภาษีสรรพสามิตจะลดลงมาถึง 12 % แต่หากดำเนินการไม่ครบอาจจะอยู่ในระดับ 14 % เป็นต้น จากของเดิมที่เสียภาษีในอัตรา 17 %"
++เอื้อรายเดิมได้สิทธิเท่ารายใหม่
รองเลขาธิการบีโอไอ ยังให้รายละเอียดถึงกรณีที่ผู้ผลิตรถยนต์อีโคคาร์ระยะที่ 1 เป็นห่วงว่าอีโคคาร์ระยะที่ 2 จะเข้ามาแย่งตลาด เนื่องจากจะจำหน่ายได้ในราคาถูกกว่า เพราะเสียภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ต่ำกว่านั้น ในส่วนนี้มองว่า การลงทุนผลิตรถยนต์อีโคคาร์ระยะที่ 2 มีมาตรฐานสูงกว่าระยะที่ 1 มาก และกว่าจะผลิตออกมาได้ยังต้องใช้ระยะเวลา 4-5 ปี หลังจากที่บีโอไอปิดการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 31 มีนาคม 2557 ขณะที่ภาษีสรรพสามิตเดิม 17 % จะใช้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และใช้โครงสร้างภาษีใหม่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2559 เมื่อถึงเวลานั้นผู้ผลิตรถยนต์อีโคคาร์ ก็สามารถปรับปรุงเทคโนโลยีมาผลิตอีโคคาร์ระยะที่ 2 ได้ ซึ่งบีโอไอ ได้เปิดช่องให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถยื่นคำขอรับการส่งเสริมไว้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย แนวทางแรก การขอขยายกำลังการผลิตเดิม การขยายกำลังผลิตเดิมบวกกับของใหม่อีโคคาร์ระยะที่ 2 และ การขอส่งเสริมอีโคคาร์ระยะที่ 2ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่บีโอไออยู่ระหว่างการร่างเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ ก็มีค่ายรถยนต์ทั้งรายเก่าและรายใหม่ เข้ามาหารือที่จะลงทุนผลิตรถยนต์อีโคคาร์ระยะที่ 2 บ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเข้ามาลงทุนหรือไม่ เนื่องจากต้องการรอดูความชัดเจนของนโยบายที่จะประกาศออกมาก่อน ในขณะผู้ผลิตรายเดิมอย่างค่ายมิตซูบิชิและค่ายซูซูกิ ก็เตรียมที่จะเข้ามาขอยื่นส่งเสริมการลงทุนในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมแล้ว
++ส.อ.ท.หวั่งค่ายเดิมหลุดเป้า
ต่อเรื่องนี้นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมรถยนต์อีโคคาร์ ระยะที่ 2 ออกมา ว่าเป็นโครงการที่ดี เพราะจะช่วยให้เกิดการลงทุนต่อยอดการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นมา เพียงแต่ว่าในระยะแรกที่ได้รับการส่งเสริมไปแล้ว จะมีมาตรการเข้ามาดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างไร เนื่องจากเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีสรรพสามิต 12-14 % จะทำให้รถยนต์อีโคคาร์ในระยะที่ 2 ถูกกว่าระยะแรก ซึ่งจะดึงกำลังซื้อของผู้บริโภคจากระยะแรกไป ทำให้ไม่สามารถผลิตรถยนต์อีโคคาร์ได้ตามเป้าหมายในการขอรับการส่งเสริม 1 แสนคันนับตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป และอาจจะส่งผลให้ทางบีโอไอต้องเรียกสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมคืนไป ซึ่งจะกระทบกับการลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์เกิดความเสียหาย
"ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าผู้ผลิตรถยนต์อีโคคาร์ระยะแรก เป็นผู้บุกเบิกตลอดรถยนต์อีโคคาร์ในประเทศ ทำให้เกิดการลงทุนกับผู้ผลิตถึง 5 ราย ซึ่งผู้ผลิตมองว่าการส่งเสริมผลิตรถยนต์อีโคคาร์เป็นเงื่อนไขที่ต่ำสุดแล้วถึงได้ลงทุน แต่พอมีระยะที่ 2 เกิดขึ้น ซึ่งมีเงื่อนไขที่ต่ำกว่า เกิดการคิดหนักจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสียหาย"นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า หลังจากที่บีโอไอประกาศเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์อีโคคาร์ระยะที่ 2 ออกมาแล้ว ทางส.อ.ท.และผู้ผลิตรถยนต์คงต้องหารือกัน เพื่อเสนอทางออกให้กับรัฐบาล
++นิสสัน-มิตซูฯชี้รัฐต้องยุติธรรม
ด้านความเห็นของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอีโคคาร์ระยะแรก นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด มองถึงโครงการอีโคคาร์ระยะที่2 ว่าเป็นแนวคิดที่ดี เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค เพราะเงื่อนไขบางอย่างมีความเข้มงวดมากขึ้น อาทิ อีโคคาร์รอบแรกใช้มาตรฐานยูโร 4 แต่รอบ 2 เพิ่มขึ้นเป็นยูโร 5 ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมีเงื่อนไขต่างๆที่ภาครัฐจะออกมาว่า ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมกับผู้ผลิตทุกค่ายหรือไม่
เช่นเดียวกับนายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โครงการอีโคคาร์2 มีผลกระทบกับผู้เล่นในโครงการแรกอย่างแน่นอน โดยการแข่งขันในตลาดจะสูงขึ้น เพราะมีผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาให้ความสนใจ และจะทำให้ตลาดรถอีโคคาร์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว เพราะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น และสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
"โครงการอีโคคาร์2 ที่รัฐบาลผลักดันกันในตอนนี้ บริษัทได้เห็นความตั้งใจของรัฐบาลที่มีการกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆออกมา โดยเพิ่มความเข้มงวดในการผลิต และการลงทุนของโครงการอีโคคาร์2 เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบสำหรับผู้ที่อยู่ในโครงการรอบแรก ซึ่งก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้คำนึงถึงผู้ที่อยู่ในรอบแรกซึ่งลงทุนไปบนความเสี่ยงของตลาดเมื่อ 5 ปีก่อน"
นอกจากนี้นายโนบุยูกิ ยังกล่าวด้วยว่าบริษัทต้องยอมรับในสิ่งที่รัฐบาลได้กำหนดไว้สำหรับในอีโคคาร์2 นี้ โดยในส่วนของมิตซูบิชิเองก็ต้องมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันได้กับผู้ที่จะมาใหม่ในรอบ 2 ได้
++ฟอร์ดจ่อเสียบอีโคคาร์2
ด้านนางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดและเงื่อนไขของโครงการอีโคคาร์ 2 จึงไม่สามารถให้ความคิดเห็นในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดก็ยินดีที่จะพิจารณาและทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วม เพื่อพัฒนารถประกอบกับเทคโนโลยี ให้เกิดอัตราการประหยัดน้ำมันสูงที่สุด และปล่อยมลพิษน้อยที่สุด ส่วนคำถามที่ยังไม่เปิดขายเพราะรอเงื่อนไขอีโคคาร์ 2 หรือไม่นั้น ไม่ขอตอบในตอนนี้
++"โตโยต้า-ฮอนด้า-ซูซูกิ"นิ่งสงบ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางค่ายยักษ์ใหญ่เจ้าตลาดอย่างบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ ยังสงวนท่าที่ไม่มีความเห็นใดๆต่อเรื่องนี้ เช่นเดียวกับค่ายฮอนด้า และค่ายซูซูกิ ต่างก็ให้ความเห็นทำนองเดียวกันว่าต้องรอดูความชัดเจนถึงรายละเอียดและเงื่อนไขโครงการอีโคคาร์ 2 ก่อน
++ชิ้นส่วนยานยนต์ขานรับ
ขณะเดียวกันนายถาวร ชลัษเฐียร ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการที่จะเกิดขึ้นมาล้วนเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางที่ประกาศออกมาโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ เพราะถือเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วน อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่ต้องการจะฝากให้กับผู้ผลิตรถยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ก็คือการจัดตั้งเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ หรือ ศูนย์ฝึกอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากรออกมาใช้ในหน่วยต่างๆซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาด้านแรงงานที่ขาดแคลน
"เราสนับสนุนโครงการนี้ 100% เพราะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนได้ประโยชน์จากการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ"
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=196728:2--17--12&catid=89:2009-02-08-11-24-05&Itemid=417