Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: AMG GT ที่ ธันวาคม 22, 2012, 20:45:54

หัวข้อ: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ ธันวาคม 22, 2012, 20:45:54
ผมว่า ถึงจะมีนโยบาย มาแต่ถ้า คนเราไม่ เกิดกิเลศเห็นแก่เงิน 1 แสน  ก็คงไม่ซื้อหรอกนะครับผมว่านะ
ปล. เป็นคำพูดของแม่ผมเอง  เพราะ บ้างคนสภาพทางการเงิน ไม่พร้อม แต่ก็ยังอย่างจะออก เพราะ เห็นแก่ เงิน 1 แสน
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Nookkiez ที่ ธันวาคม 22, 2012, 20:48:52
มันมีประโยชน์สำหรับคนที่รู้ลิมิตตัวเอง และเป็นโทษของคนที่ไม่รู้ลิมิตตัวเอง

ถามว่าเป็นความผิดใคร ของดออกความคิดเห็นเรื่องการเมืองละกันครับ  ;)
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Mario_Yadel ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:00:54
แรกๆก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับประนโยบายประชานิยม
เพราะต้องคิดถึงผลดีผลเสียให้ละเอียดก่อน จึงจะเกิดประโยชน์
ส่วนนโยบายรถคันแรก ผมเห็นว่าเสียมากกว่าได้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:01:52
ถ้าคิดให้หลายด้านรัฐไม่ได้เสียอะไร แค่ไม่ได้รายได้จาก สรรพสามิตร แต่ได้รายได้จากอย่างอื่นแทนเช่นซื้อรถต้องมีประกัน ค่าน้ำมัน ค่า Vat เวลาซ่อมรถ พรบ  ฯลฯ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:05:42
ตบมือข้างเดียว ไม่ดังครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: mewzabahl ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:09:42
นโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรกไม่ได้ช่วนคนจนอย่างแท้จริงหลอกครับ ถ้าเป็นคนจนจริง เค้าไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะไปดาวรถหลอก
ถ้านำเงินช่วนเหลือส่วนนี้ ไปกระจายช่วยด้านอื่น ผมว่ามีปะรโยชน์มากกว่า ความคิดเห็นส่วนตัวครับ ผิดถูกขออภัย
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Wisidsak ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:13:03
นโยบายนี้ โดยเนื้อรวม มันดีมากครับ สนับสนุนให้คนมีรถยนต์

มันเสียก็ตรง "คนไทย" ไม่ค่อยรู้จักคิดแหละครับ

บางทีอะไรหอมๆ ลอยมาก็มึนๆ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Iwata Kana Σ4 ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:16:56
นโยบายก็ดีหรอกนะ แต่พวกหวังผลจะเอาแสนนึงน่ะ
และพวกที่ซื้อรถโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถเลยนี่สิ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kan.kom ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:21:47
ถ้าไม่มี 1 แสนมายั่วความอยาก ก็ไม่เห็นยอดจองมากมายขนาดนี้ครับ

ไม่โทษรัฐก็คงไม่ได้ละครับ
แน่นอนคนจองที่ไม่พร้อมก็ผิดด้วย
แต่นะคนไทยมีซักกี่%รู้จักวินัยทางการเงิน
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: pang2299 ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:27:14
Lock ดีกว่าไหมครับ Mod เดวไป ๆมา ๆมีลากเข้าการเมือง .... กันไว้ก่อน   ;D
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: ballbadm ที่ ธันวาคม 22, 2012, 21:28:05
" บ้านหลังแรกไม่ได้ช่วนคนจนอย่างแท้จริงหลอกครับ ถ้าเป็นคนจนจริง เค้าไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะไปดาวรถหลอก "

"หลอก" น่าจะใช้ว่า "หรอก" นะครับ ^^

เห็นด้วยกับ คุณPromt 8 ครับ ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง
ตัวนโยบายเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกมองมุมไหน
แง่ดี "รัฐ ช่วยเหลือค่าใช่จ่ายโดยการลดหย่อนภาษีให้ 100000 บาท สำหรับผู้ซื้อรถคันแรก"
แง่ร้าย "รัฐ แจกเงิน 100000 บาท ให้ผู้ที่ซื้อรถคันแรก"

สำหรับผม มันมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่มีความพร้อม แล้วมีการบริหารด้านการเงินที่ดี

และก็มีผลเสียมากเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่พร้อม และไม่มีการวางแผนด้านการเงินที่ดีพอ
ซื้อเพราะไม่อยากเสียสิทธิ โดยไม่ดูความพร้อมของตัวเอง
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: DArkMaster ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:03:22
ผมว่าควรเอาเงินพวกนี้ไปพัฒนาสิ่งที่ยังยืนกว่านี้ครับ พวกขนส่งสาธารณะไรเงี้ย ทำรถไฟความเร็วสูงได้แล้วครับ รถไฟผมนั่งตั้งแต่เด็กๆตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: !note! ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:04:37
เห็นเค้าด่ากันว่าเป็นตัวทำรถติดจนเคยอยากจะบอกกลับว่าคนรายได้น้อยไม่มีสิทธ์ขับรถบนถนนหรือไง
แต่ไปๆมาๆเห็นแต่คนรวยออกกันเอาไว้ให้ลูกให้เมียขับไปจ่ายตลาดเยอะกว่าอีกทั้งที่มีรถอยู่แล้ว
สุดท้ายไม่รู้จะเอามาด่ากันทำไม เบื่อ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: popdemonic ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:21:25
รู้แต่ว่าทุกวันนี้ออกจากบ้านทรมานตีนซ้ายที่ต้องเหยียบคลัชท์มากๆ

ขนาดคนจองรถ5000 ยังไม่มียังต่อรองเหลือ3000 กับเซลล์แล้ว

แบบนี้จะผ่อนไหว? ปี56-57 วิบากกรรมของประเทศไทยของจริง
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:23:10
นโยบายแต่ละอย่างต้องมองที่ภาพรวมทั้งประเทศ คนที่มองว่าดีมีประโยชน์ส่วนใหญ่ก็คือคนที่ได้ประโยชน์แต่บางคนได้แค่ผลประโยชน์ระยะสั้นระยะยาวอาจเป็นผลเสียก็ได้ ส่วนตัวแล้วคิดว่าระยะยาวเป็นผลเสียกับประเทศยกเว้นแต่ว่าจะสามารถผลักดันจนประเทศไทยเป็นผู้ผลิตส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดแต่มองยังไงก็ไม่น่าใช่เพราะเป็นเพียงระยะสั้นถ้ามีแนวคิดอย่างนั้นจริงน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้

ตอบคำถามหัวกระทู้นะครับ ผมให้รัฐผิด 60 คนซื้อที่ไม่ดูกำลังตนเอง 40
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: S6 ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:29:17
ลุงไม่คิดเหมือนหลานนะ ถ้ามองลึกๆแล้ว รัฐทำเพื่ออะไรล่ะ  ???
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: N.BeTa ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:32:21
ผมว่ามันมีประโยชน์ทั้งสองฝ่ายครับ โทษรัฐ ไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาไม่ได้บังคับให้ชื้อ คนเรามันโลภมากไง ไม่มีเงินยังอยากได้ เข้ากับว่า เลี้ยงไม่ดูกำลังแขก แดกไม่ดูกำลังขา  ขออภัยถ้าพูดแรงไปแต่เป็นความจริง :P
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: au_GSR ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:37:47
ถ้าลองคิดดูดีๆ ผมว่ารัฐไม่ต้องควักเงินเลยนะ

แค่ไม่ได่เก็บส่วนที่ได้เข้ากระเป๋า แต่แค่เอาเงินเรามาคืนเราแค่นั่นเอง

มีแต่ได้ซะอีก จากส่วนอื่นตั้งเยอะแยะ อย่างที่พี่ด้านบนว่า vat พรบ ทะเบียนภาษรส่วนอื่น

ที่ได้เต็มๆก็บริษัทรถยนต์ โบนัสบาน โต้ต้า8เดือน มิตซู7เดือน ฮอนด้า6เดือน ก็ว่ากันไป

ใครที่ไม่ประมาณตัวเอง แต่กลัวไม่ได้แสนคืนก็ก้มหน้าก้มตาผ่อนกันไป ผ่อนไม่ไหว คนรับกรรมก็คือ คนค้ำไง
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: settavut ที่ ธันวาคม 22, 2012, 22:59:26
ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้นะครับ ถึงแม้บ้านผมจะถอยมาสองคันและได้ประโยชน์จากโครงการนี้
 
สำหรับบ้านผมเอง ที่ซื้อสองคัน ถึงไม่มีโครงการนี้ก็ซื้อ แต่อาจจะซื้อช้ากว่านี้สัก 6 เดือนถึง 1 ปี
คันแรก Vigo 4x4 4dr ซื้อเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน แทนคันเก่า dmax ที่จะปลดประจำการไป ซึ่งใช้เพื่อหาเงิน
คันที่สอง vios ซื้อเพราะจำเป็นต้องซื้อ ให้พี่สาวใช้

ทั้งสองคัน ถึงแม้ไม่มีโครงการนี้ ยังไงก็ซื้อครับ ไม่ได้เป็นภาระมากมายให้กับที่บ้านเลย ซื้อเพราะจำเป็น และต้องใช้

แต่ที่ไม่เห็นด้วย เพราะผมมองว่าโครงการนี้ข้อเสียมันมากกว่าข้อดี เพราะ คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีวินัยทางการเงิน ไม่ค่อยคิดให้รอบคอบ มองและคิดอะไรแค่ตื้นๆ แค่เงินแสนมาหลอกล่อก็ตาลุกวาวแล้ว ไม่นึกถึงกำลังและฐานะทางการเงินของตนเอง และความจำเป็นว่าต้องใช้รึป่าว มองแค่ ไม่เอาแสนนึงตอนนี้ก็โง่แล้ว ทั้งๆที่ ไม่คิดถึงค่าใช้จ่ายแฝงและรายได้ของตนเอง ทำให้เดือดร้อนเป็นระบบ (อาจจะยกเว้นคนที่รอสอยพวกไม่รู้จักประมาณตน มือสอง ราคาถูกๆปีหน้า)

แต่คนที่ซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้ ถึงไม่มีโครงการนี้ก็มีแผนจะซื้อรถเพราะความจำเป็น ผมมองว่าโครงการนี้ให้ประโยชน์ครับ


นี้ยังไม่รวมถึงจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมากเพราะความโลภของตนเอง ที่ไม่คิดให้รอบคอบและความจำเป็นที่แท้จริง ซื้อรถไม่ผิด แต่นโยบายที่มาเอื้อประโยชน์ต่อกิเลสประชาชนที่ไม่คิดให้รอบคอบแบบนี้ ผมว่ายังไงรัฐบาลก็ผิด เพราะเป็นตัวชี้นำและชักจูง
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: AVANTGARDe' ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:13:13
ผมว่านโยบายนี้ช่วยให้คนที่จำเป็นต้องใช้รถจริงๆ สามารถตัดสินใจมีรถได้ง่ายขึ้นนะครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรู้จักขีดจำกัดของตนว่าสามารถรับค่าใช้จ่าย ภาระ ที่จะตามมาหลังจากมีรถได้หรือไม่

ส่วนที่ซื้อแล้วไม่สามารถรับผิดชอบ ผ่อนต่อได้ อันนี้คงโทษใครไม่ได้ ก็ต้องโทษตัวเองเต็มๆแล้วหละครับที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อน  :P
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: archian ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:18:49
ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ...
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: gunz13096 ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:30:33
ถ้าไม่บ้าจี้ตามรัฐ คิดว่าปัญหาคงไม่เกิด :-\ จบ.ไม่พูดไรมาก
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: beercs ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:37:18
นโยบายที่เอาไว้ชิงความได้เปรียบตอนหาเสียง
ผมยังกังวลว่า เลือกตั้งคราวหน้า  พรรคอื่นก็จะเอาบ้าง
มันจะกลายเป็นว่า แจก  แจก  แจก  ประเทศจะเป็นยังไงไม่สน
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:40:50
มองรวมๆครับ นโยบายนี้ มีขึ้นเพื่อกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมของไทยด้วยครับ

ลองไปหา แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ แผนปัจจุบัน อ่านดูครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:40:56
ผมเข้าใจนะ

แต่คนที่เค้าไม่มีรถ หรือ ที่บ้านมีแต่อยากมีเป็นของตัวเองสักครั้งในชีวิต

เค้าก็อยากได้อะครับ ความต้องการของคนเรามันไม่เท่ากันนะ

ว่าๆไปว่าใครๆก็มันก็ไม่งาม เงินใครเงินมัน
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:43:39
ถ้าลองคิดดูดีๆ ผมว่ารัฐไม่ต้องควักเงินเลยนะ

แค่ไม่ได่เก็บส่วนที่ได้เข้ากระเป๋า แต่แค่เอาเงินเรามาคืนเราแค่นั่นเอง

มีแต่ได้ซะอีก จากส่วนอื่นตั้งเยอะแยะ อย่างที่พี่ด้านบนว่า vat พรบ ทะเบียนภาษรส่วนอื่น

ที่ได้เต็มๆก็บริษัทรถยนต์ โบนัสบาน โต้ต้า8เดือน มิตซู7เดือน ฮอนด้า6เดือน ก็ว่ากันไป

ใครที่ไม่ประมาณตัวเอง แต่กลัวไม่ได้แสนคืนก็ก้มหน้าก้มตาผ่อนกันไป ผ่อนไม่ไหว คนรับกรรมก็คือ คนค้ำไง

นอกเรื่อง  กรี๊ดดด จียอน  ;D ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:52:24
ไม่อะ ผมเชื่อว่าโทษได้ 

เพราะประเทศไทยก็ยังมีหนี้ ยังมีการไปกู้เงินมา  สู้เราเอาเงินส่วนนี้ไป จ่ายคืนหนี้ หรือพัฒนาเศรษฐกิจด้านอื่นๆจะดีกว่า

อีกทั้ง รัฐกล่าวแค่คำหวานว่าได้คืนภาษีแสนนึง  จริงๆแล้วนโยบายประเภทนี้้รัฐต้อง แจกแจงให้ละเอียด ออกสื่อบ่อยๆว่า กว่าคุณจะได้คืนต้องทำยังไงบ้าง คุณต้องมีเงินดาวน์นะ คุณต้องมีเงินผ่อนก่อนนะ แล้วค่อยเอาภาษีคืน  ไม่ใช่แค่กล่าวลอยๆแล้วบอกไปอ่านรายละเอียดเอาเอง คนไทยซักกี่คนจะศึกษาอย่างถ่องแท้ 
ผมยังไม่สนไม่ศึกษาเลย

ขอบ่นแค่นี้พอ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ ธันวาคม 22, 2012, 23:52:34
ก็ประมาน ว่า ที่บ้าน คุณ พ่อ กับ คุณ แม่มีคน มาขอให้ค้ำประกันให้  แต่ดูจากสภาพการเงิน ของเค้าแล้ว และ การใช้เงิน แม่บอกว่า คงไม่รอด  
ปล1. คนนั้นเค้าบอกว่า เห็นว่าได้ 1 แสนเลยซื้อ ดีกว่าขับมอเอตร์ไซค์ ไปทำงาน เค้า บอกว่า ขับรถยนต์ ดูดีกว่าว่างั้น
ปล2. บ้านผมก็ซื้อนะครับ บ้านผมก็ซื้อนะครับ แต่ ซื้อเพราะ ความจำเป็น ถึง ไม่มีนโยบาย นี้ก็ จะซื้อ :)
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: nogia ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:13:47
บ้านหลังแรกผมเห็นด้วย แต่รถคันแรกนี่คิดยังไงก็มีแต่ด้านลบ  :-\ เขามีแต่รณรงค์ให้คนใช้ขนส่ง พัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ดีขึ้น นโยบายนี้มันมีข้อเสียอันนึงที่ทำให้นโยบายนี้มันมีแต่ผลเสียก็คือระยะเวลาในการยื่นขอเงินคืน ทำให้คนที่ยังไม่พร้อมต้องกัดฟันจองปีนี้ ใครที่ยังไม่พร้อมก็ต้องเอาไว้ก่อน  :( ความสะดวกสะบายใครก็อยากมีอยากได้ เข้าใจ แต่มันต้องไม่เป็นภาระของตนหรือคนอื่นด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Disk™ ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:17:42
ปัญหาโลกแตก 555+

สงสัยอย่างนึงว่า ถ้าดี แล้วประเทศอื่นเขาทำกันหรือเปล่า แล้วทำไมไม่ทำต่อไปเรื่อยๆ

แล้วก็เรื่องงบประมาณขาดดุล นี่คือ เหมือนคนที่รายจ่ายมากกว่ารายรับแล้วก็ต้องกู้เงินมาโป๊ะเรื่อยๆหรือเปล่า ซักวันนึงก็ต้องล้มละลายหรือเปล่า ถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าจริงก็คงไม่เป็นไร หนี้ยังไม่เยอะ ไว้หนี้เยอะค่อยคิด?
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: balliblue ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:31:34
นโยบายที่เห็นชัดว่าไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศไทยเลยจริงๆ หาเสียง หากินกับกิเลศคนไทย รายได้น้อย หรือปานกลางที่อยากเป็นหนี้ ไปหลอกให้เค้าซื้อรถเพราะจะไ้ด้ลดตั้ง 1 แสน แต่ถ้าผ่อนไม่ไหว 5 ปี จะทำยังไงกันละ ทีนี้ละยุ่งเลย  

มลพิษก็เยอะ รถก็ติด สุขภาพกายและจิตเสื่อม หลายคนที่บอกคนจนไม่มีสิทธิมีรถขับเหรอ มีครับ แต่ไม่ควรจะไปสนับสนุนหรือเร่งให้เค้ามี ถ้าเค้าไม่กระเสือกกระสนจะมี และจากนโยบายนี้กว่าครึ่งครับ เป็นคนรวยซื้อรถให้ลูก ใช้ชื่อลูก ไม่ใช่คนจนซื้อรถคันแรกของครอบครัวครับ น้อยมาก  อย่างแถวบ้าน คนรู้จัก แถบจะทุกบ้่้าน
ถอยรถกันใหม่ให้ลูก ในปีนี้ทั้งนั้น  เช่น ซื้อให้เพราะเริ่มทำงาน  ไปเรียน ฯลฯ รวมทั้งให้ภรรยาไปจ่ายตลาด

น่าเบื่อนะเรื่องการเมือง แต่ก็ยังคาดหวังให้มันเปลี่ยนแปลงซะที  จิตสำนึกไม่เคยมีเลยนักการเมืองไทย   ไม่เข้าใจว่าเกิดเป็นคนได้อย่างไร เห็นแก่เรื่องผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น ไม่คิดบ้างว่าวันนึงลูกมันก็จะอยู่ในประเทศๆนึง ที่ต้องก้มหน้าอายประเทศอื่นที่เค้าพัฒนาไปไกล

พอละ ดราม่าแค่นี้แหละครับ 55
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:34:46
ผมว่าอะไรก็ตามที่มันไม่ได้เกิดจากอุปสงค์ อุปทานที่เป็นธรรมชาติ
แต่เกิดจากการเก็งกำไร การปั่นกระแส เห็นแก่ส่วนลด ไปเร่ง หรือไปชะลออย่างหนักๆๆ
มันทำให้เกิดการบิดเบี้ยว ระบบพื้นฐานของฝ่ายใดไม่แข็งแรง แข็งแกร่งพอ ก็เสียหายครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: HYDE-- ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:39:49
บ้านผม หลายๆคนก้พูดว่า นโยบาย ไม่ดข้าท่ายังงั้นยังงี้

แต่สุดท้ายก้ใช้สิทธิกันเปนแถว 555555555
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: ichok ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:50:54
บางอย่างไม่ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ ถ้ามองมุมเดียวมันก็จบ สำหรับผมคิดแค่ว่าคนที่จะซื้อรถยนต์ บางคนเค้าไม่ได้มีเงินมาก แต่ต้องใช้รถ ราคา4-5 แสน ต้องหันไปมองรถมือสอง ดอกเบี้ยจ่ายกันน้ำตาไหล แต่นี่สามารถซื้อมือหนึ่งและได้คืนเงิน บวกลบกันแล้วจะไปเอามือสองทำไม ผมว่าตรงนี้ที่ได้ประโยชน์ด้วย ส่วนที่แย่คือเต็นรถ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: GRIMDONUT ที่ ธันวาคม 23, 2012, 00:54:52
ผลเสียก็คงจะมีน่ะครับ แต่ผลดีที่ผมนึกออกคือวงจรธุระกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนตร์ทุกประเภทคงเติบโตมากพอสมควรครับเช่นบริษัทฟิมล์กรองแสง,ผ้ายางปูพื้น,คาร์แคร์(รองคิดเล่นๆว่าจะมีรถอีก1ล้านคันมาวิ่งบนถนน ตีสัก5-6แสนคันเพิ่มมาในกรุงเทพและรถใหม่ๆทุกๆคนก็คงรักษารถร้านคาร์แคร์หรือร้านล้างรถทั่วไปคงจะต้องรองรับลูกค้าอีกอย่างมากเลยทีเดียว),อื่นๆอีกคงเกิดเม็ดเงินโตขึ้นพอสมควร ส่วนปัญหาเรื่องซื้อแล้วผ่อนไม่ไหวมันน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคารผู้ปล่อยกู้ให้เช่าซื้อหนิครับว่าจะกลั่นกรองผู้เช้าซื้ออย่างไรให้ดีพอเพราะนโยบายนี่ก็ไม่ได้บังคับให้สินเชื่อต้องปล่อยกู้ให้กับทุกๆคนที่ต้องการเช่าซื้อหนิครับเห็นคนยื่นกู้ไม่ผ่านก็มากมาย ถ้าการปล่อยกู้ทำได้ง่ายๆจนผู้เช่าซื้อไม่มีกำลังจ่ายค่างวดก็ต้องเป็นเรื่องระหว่างผู้เช่าซื้อกับไฟแนนซ์น่าจะถูกต้องกว่าครับ *ส่วนถ้าไม่มีนโยบายพวกนี่ผู้ที่มีงบประมานแถวๆ4-5แสนแต่ก่อนก็คงต้องไปมองรถมือสองซึ่งดอกเบี้่ยจะแพงกว่ารถป้ายแดงมากและที่หลายๆท่านยังไม่ทราบคือการผ่อนรถมือสองจะต้องเสียVATอีก7%จากค่างวดด้วยน่ะคัรบ และถึงจะเป็นการซื้อรถมือสองก็ไม่ได้การันตีอยู่ดีว่าปัญหาคนผ่อนค่างวดไม่ไหวจนถูกยึดรถจะไม่เกิดขึ้นจริงมั้ยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: SitdownstrikE ที่ ธันวาคม 23, 2012, 01:31:28
ขอไม่เอ่ยถึงผลเสียสำหรับคนผ่อนไม่ไหวละกัน


แต่ผลเสียโดยรวมของประเทศ  เป็นที่แน่นอนว่า นโยบายนี้ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกับช่วยเหลือคนที่ต้องการซื้อรถคันแรก

ผมว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจคิดผิดมหันต์ เพราะเงินรั่วไหลออกไปให้เจ้าของบริษัทรถยนต์ไม่น้อยเลย
นโยบายนี้ -> เจ้าของบริษัทรถ ยุ่น, มะกัน รวยขึ้น, รัฐรวยขึ้น, ประชาชนหนึ่งล้านคนจนลง มีหนี้สิน มีภาระ
การกระตุ้นเศรษฐกิจของจริง -> ต้องทำให้ประชาชนรวยขึ้น ถึงจะหมุนเวียนได้ดี และทั่วถึง

ผมว่ามันค่อนข้างจะกลับทิศกันเลยนะครับ

ตอนนี้มองเห็นแค่รัฐได้ประโยชน์จากส่วยของบ.รถยนต์ และในเรื่องการใช้พลังงานในระยะสั้นอันใกล้นี้ แค่นี้เอง
(เป็นผลเสียต่อโลก และการจราจรอีกด้วย)
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: ssk30868 ที่ ธันวาคม 23, 2012, 01:45:45
ปีที่แล้วน้ำท่วม อุตสาหกรรมเสียหายหนัก คนต่ามข่าววงการรถยนตร์ก็เห็นๆรู้ๆกันอยู่
ผู้ผลิตชิ้นส่วนเสียหายหนัก ถ้าไม่มียอดสั่งซื้อมาก็ต้องปิดโรงงานกันเป็นแถบๆ พวกนี้มีทั้งเจ้าของคนไทย ทั้งญี่ปุ่น ลูกจ้างส่วนมากเป้นคนไทยล้วนๆ
หรือไม่ก็ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ รัฐก็ต้องเอาเงินไปโปะอยู่ดี ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ รัฐต้องควักเนื้อไปให้พวกนี้กู้เพื่อจะเปิดโรงงานได้ต่อ
มีนโยบายนี้ขึ้นมาแทนที่จะเจ๊งกัน กลับขายดี มีโบนัสแจกกันเป็นแถบๆทั้งคนขาย คนผลิต ชิ้นส่วนเล็กใหญ่ นี่คือข้อดี

ส่วนเงินรั่วใหลไปให้ญี่ปุ่นนี่มันก็ได้ตอบแทนมาจากการเก็บภาษีในรูปแบบปรกติ ทั้งจากผู้ผลิตในรูปแบบของภาษีรายได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
และภาษีที่จะได้รับเป็นเงินในระยะยาวจากผู้ใช้รถ ในรูปแบบของภาษีสรรพสามิต ของผู้ใช้น้ำมัน

อีกอย่างเขาไม่ได้ควักเงินไปจ่าย เขาใช้วิธีการคืนภาษีสรรพสามิต
วิธีการแบบ อัฐยายซื้อขนมยาย ไม่ใช่ควักเนื้อกรีดเลือดไปจ่าย อย่าเข้าใจผิด

ส่วนข้อตำหนิแบบ คนผ่อนไม่ใหวเยอะแยะ รถติดรู้ใหว อะไรพวกนี้อ่านแล้วเพลียแคมมากๆ

คนซื้อแล้วผ่อนไม่ใหวเป็นหนี้ มันก็เรื่องของเขากับไฟแนนซ์ ฝ่ายการเงินไฟแนนซ์ก็ต้องประเมินความเสี่ยง ให้ผ่านไม่ผ่าน มีหลักทรัพย์ มีคนค้ำใหม
การให้ไฟแนนซ์ ก็คือการลงทุนชนิดหนึ่งที่จะได้รับผลตอบแทนมาเป็นดอกเบี้ย หรือเบี้ยหัวแตก ไฟแนนซ์ไม่ได้โง่หรอกครับไม่งั้นแบงค์ไม่มีทางรวย
คนที่มันผ่อนไม่ใหวจริง แต่งสเตทเม็นท์มาหลอกไฟแนนซ์ พวกนี้เป็นความผิดของรัฐหรือ?

ผมว่านโยบายนี้ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แบบเฉียบพลัน ใช้บ่อยๆไม่ได้
แต่ใช้ครั้งนี้ถูกกับสถานการณ์แล้ว  

หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: tae23 ที่ ธันวาคม 23, 2012, 01:58:43
ปีที่แล้วน้ำท่วม อุตสาหกรรมเสียหายหนัก คนต่ามข่าววงการรถยนตร์ก็เห็นๆรู้ๆกันอยู่
ผู้ผลิตชิ้นส่วนเสียหายหนัก ถ้าไม่มียอดสั่งซื้อมาก็ต้องปิดโรงงานกันเป็นแถบๆ พวกนี้มีทั้งเจ้าของคนไทย ทั้งญี่ปุ่น ลูกจ้างส่วนมากเป้นคนไทยล้วนๆ
หรือไม่ก็ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ รัฐก็ต้องเอาเงินไปโปะอยู่ดี ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ รัฐต้องควักเนื้อไปให้พวกนี้กู้เพื่อจะเปิดโรงงานได้ต่อ
มีนโยบายนี้ขึ้นมาแทนที่จะเจ๊งกัน กลับขายดี มีโบนัสแจกกันเป็นแถบๆทั้งคนขาย คนผลิต ชิ้นส่วนเล็กใหญ่ นี่คือข้อดี

ส่วนเงินรั่วใหลไปให้ญี่ปุ่นนี่มันก็ได้ตอบแทนมาจากการเก็บภาษีในรูปแบบปรกติ ทั้งจากผู้ผลิตในรูปแบบของภาษีรายได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
และภาษีที่จะได้รับเป็นเงินในระยะยาวจากผู้ใช้รถ ในรูปแบบของภาษีสรรพสามิต ของผู้ใช้น้ำมัน

อีกอย่างเขาไม่ได้ควักเงินไปจ่าย เขาใช้วิธีการคืนภาษีสรรพสามิต
วิธีการแบบ อัฐยายซื้อขนมยาย ไม่ใช่ควักเนื้อกรีดเลือดไปจ่าย อย่าเข้าใจผิด

ส่วนข้อตำหนิแบบ คนผ่อนไม่ใหวเยอะแยะ รถติดรู้ใหว อะไรพวกนี้อ่านแล้วเพลียแคมมากๆ

คนซื้อแล้วผ่อนไม่ใหวเป็นหนี้ มันก็เรื่องของเขากับไฟแนนซ์ ฝ่ายการเงินไฟแนนซ์ก็ต้องประเมินความเสี่ยง ให้ผ่านไม่ผ่าน มีหลักทรัพย์ มีคนค้ำใหม
การให้ไฟแนนซ์ ก็คือการลงทุนชนิดหนึ่งที่จะได้รับผลตอบแทนมาเป็นดอกเบี้ย หรือเบี้ยหัวแตก ไฟแนนซ์ไม่ได้โง่หรอกครับไม่งั้นแบงค์ไม่มีทางรวย
คนที่มันผ่อนไม่ใหวจริง แต่งสเตทเม็นท์มาหลอกไฟแนนซ์ พวกนี้เป็นความผิดของรัฐหรือ?

ผมว่านโยบายนี้ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แบบเฉียบพลัน ใช้บ่อยๆไม่ได้
แต่ใช้ครั้งนี้ถูกกับสถานการณ์แล้ว  



เห็น ด้วยครับ  มองให้ลึกมองให้ยาว หลังน้ำท่วมใหญ่ จะมีคนตกงานขนาดไหน ผลกระทบอะไร บ้างคิดแล้วสยอง

นโยบายนี้ เหมือน คนกินไวอะกร้า  คึกตักสุดๆตอนได้ยา  แต่ไม่คงทน อิอิ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: honoiuiu ที่ ธันวาคม 23, 2012, 02:28:32
ผมว่ากลับกันนะโทษคนอย่างเดียวไม่ได้ต้องโทษรัฐ


ประเทศไทยยังมีคนโง่และคนคิดโง่ๆเยอะมากนะครับเยอะกว่าที่หลายๆคนรู้อีกเพราะงั้นต้องโทษคนที่ทำให้คนโง่มีช่องทางสิครับ


นโยบายดีไม่ดีก็มีวิเคราำะห์มาแล้วตั้งเยอะ ไทย ฝรั่ง ยุ่น คนที่ชอบคงเป็นคนที่หาเรื่องไม่ชอบฝั่งตรงข้ามตัวเองไม่ก็พวกเดียวกะที่ผมบอกอ่ะครับก็คือโง่ันั่นแหละอยากพูดให้เคลียร์ ;D
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Exeter ที่ ธันวาคม 23, 2012, 04:22:34
นโยบายรถคันแรก...ประชานิยมนี้ก็เหมือนซื้อเสียงดีๆนี่เองครับ แทนที่จะรณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน?? รถเพิ่มมาเจ็ดแปดแสนคัน?? ปัดโธ่  :-\
เงินไหลออกต่างชาติไปไม่รู้เท่าไร สู้เอาเงินมาพัฒนา public transportation ไม่ดีกว่าหรอ
ปล. ผมไม่ได้ใช้สิทธินี้นะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: nekoyaki ที่ ธันวาคม 23, 2012, 07:31:53
ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ครับ แต่ก็ใช้สิทธิ์ และก็ไม่คิดว่าจะเป็นความผิดร่วมของคนใช้สิทธิ์คนอื่นแต่อย่างใด แต่ละคนมีเหตุผลของตนเอง ซึ่งผมเคารพในเหตุผลของเขา

เหตุผลของนโยบายนี้ ผมก็เคารพ แต่ไม่เห็นด้วยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: myalexxp ที่ ธันวาคม 23, 2012, 07:35:40
ขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งนั้นครับ

 :D
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ ธันวาคม 23, 2012, 07:51:39
ผมว่า ถึงจะมีนโยบาย มาแต่ถ้า คนเราไม่ เกิดกิเลศเห็นแก่เงิน 1 แสน  ก็คงไม่ซื้อหรอกนะครับผมว่านะ
ปล. เป็นคำพูดของแม่ผมเอง  เพราะ บ้างคนสภาพทางการเงิน ไม่พร้อม แต่ก็ยังอย่างจะออก เพราะ เห็นแก่ เงิน 1 แสน

ถ้าทุกคนคิดได้แบบนี้ก็ดีสิครับ
แต่คำตอบนั่นคือทำไมยังมีคนเป็นหนี้บัตรเครดิต และคนเป็นหนี้ npl เป็นหนี้นอกระบบ

มองแบบด้านเดียวมันก็ถูก แต่มันไม่ใช่ความจริง เพราะเราคิดแบบที่แม่คุณว่าได้คือมองเราเป็นที่ตั้งก่อน แต่พอคิดกลับกันแล้วคนอื่นเค้าคิดได้แบบคุณแม่มั๊ย แล้วสัดส่วนแบบไหนมากกว่า เป็นกทม หรือคน ตจว  และจังหวัดโซนไหน ทุกอย่างมีผลหมด


สรุปคือต้องโทษนโยบาย   และเป็นนโยบายที่ไม่เป็นธรรมด้วย
แต่ผมรักษาสิทธ์นะ   ;D 
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Entropy ที่ ธันวาคม 23, 2012, 07:56:04
คนคิดเก่ง จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรดี แล้วอะไรที่ใครก็อยากมี..รถไง
พอคนซื้อรถ ก็เกิดการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ดี
ยางรถขายดี ยางพาราขายได้
การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น จนรถติด555
ทำให้คนขยันหางานทำ มาส่งหนี้รถมากขึ้น
แต่ปัญหาก็ตามมาอีกเยอะ รถติด มลพิษ .....เพี๊ยบ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kris-lack ที่ ธันวาคม 23, 2012, 09:00:43
ผมว่ากลับกันนะโทษคนอย่างเดียวไม่ได้ต้องโทษรัฐ


ประเทศไทยยังมีคนโง่และคนคิดโง่ๆเยอะมากนะครับเยอะกว่าที่หลายๆคนรู้อีกเพราะงั้นต้องโทษคนที่ทำให้คนโง่มีช่องทางสิครับ


นโยบายดีไม่ดีก็มีวิเคราำะห์มาแล้วตั้งเยอะ ไทย ฝรั่ง ยุ่น คนที่ชอบคงเป็นคนที่หาเรื่องไม่ชอบฝั่งตรงข้ามตัวเองไม่ก็พวกเดียวกะที่ผมบอกอ่ะครับก็คือโง่ันั่นแหละอยากพูดให้เคลียร์ ;D
เห็นด้วยค่ะ ถ้าเห็นแก่คนจนจริงต้องมีนโยบาย (ประชานิยม) ที่มีประโยชน์กับคนจนจริงๆ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Headman ที่ ธันวาคม 23, 2012, 09:24:17
ผมเห็นด้วยนะ กับนโยบาลนี้นะครับ
เห็นด้วย เพราะว่ามันสนับสนุนให้คนมีรถที่ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมใช้น่ะครับ

ไม่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอย่างแรง คือ ไอ้พวกที่บ้านมีรถอยู่แล้วหลายคันก็ ดันจะไปพยายามหาเอาชื่อคนที่ไม่เคยเป็น
เจ้าของรถมาเป็นเจ้าของไอ้เจ้ารถคันใหม่ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่สมควรเลย
ผมถือว่า น่าเกลียดมากครับ

อีกประเภทหนึ่งคือ...พวกไม่รู้ความสามารถของตนเอง
ซื้อเงินผ่อนมาเพราะเห็นว่าได้ส่วนลด
แต่ไม่ได้ดูกำลังตัวเองเลยว่ามีปัญญาผ่อนหรือเปล่า.....แบบนี้ก็ เกินพอไปนะครับ สุดท้ายไอ้รถพวกนี้ก็จะออกมาอยู่ตามเต็นมือ 2 มากมาย.....เห็นแล้ว เห้อออ

และอีกอย่างนึงก็คือ เค้าน่าจะจัดโครงการกันแค่ 2 หรือ 3 แสนคัน ไม่ใช่ให้ออกกันมาเกือบล้าน โอ้ แม่ เจ้า.....

ตอนนี้ใครอยู่ชลบุรี เย็นๆ เข้าเมืองไม่ต้องเอารถเข้าเลย จักรยานอย่างเดียว ดีที่สุด....รถเข้าไม่มีที่วิ่ง ไม่มีที่จอด.....
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kan.kom ที่ ธันวาคม 23, 2012, 09:30:30
ถ้าภาครัฐ สนับสนุนรถยี่ห้อคนไทย แล้วให้คืนภาษี 2 แสน ผมว่า ผมเห็นด้วย
ผมอยากเห็นโครงการรถแห่งชาติอะ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: boykung ที่ ธันวาคม 23, 2012, 09:45:28
มีคนรู้จัก ให้บริการรถเช่า เกณฑ์ญาติๆมาซื้อรถเพื่อเอาภาษีคืน

ได้ข่าวว่าล่าสุดออกรถไปแล้ว 20 คัน ได้คืนก็ 2ล้าน กำไรเห็นๆสำหรับธุรกิจแบบนี้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:04:34
นานาจิตตังครับ แต่เพื่อนมันก็บ่นนะว่าทำไมต้องนโยบายนี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหนเลย รถติดอีก ผมเลยบอกว่าจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษคนแห่ไปซื้อมากกว่า ที่ไปเนี่ยผมคิดว่าอยากได้ตังคืนมากกว่า แล้วบางครอบครัวหรือบางกลุ่มก็มีรถหลายคันอยู่แล้ว ไปซื้ออีก เดี๋ยวคอยดูยอดจองในงานมอเตอรฺโชว์ 80,000 คันอีก เป็นอีโค่คาร์ซะส่วนใหญ่ มาวิ่งกันรถติดอีก  ความคิดเห็นผมนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: beebird ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:31:46
พอดีว่าแฟนทำอยู่ที่ศูนย์รถแห่งนึง แต่ว่าไม่ได้เป็นเซลล์นะครับ ... เดินผ่านแผนกขาย คนแน่นตลอด โต๊ะแทบไม่มีนั่ง ลูกค้าที่เข้ามายืนๆดูวนๆรอบรถ เซลล์ยังไม่พอจะต้อนรับเลย บางคนมอเตอร์ไซค์มา เดินวนรอบรถ วนรอบรถอีก นัยน์ตาไม่ได้บ่งบอกว่าจะมีความสุข หลังจากการได้จองรถเลย มีแต่ความกังวลจะเอาดีไม่เอาดี เป็นแบบนี้หลายคู่มากครับ ... เหมือนความโลภ อยากได้สิทธิ์มาครอบงำ ไม่รู้ว่าคิดดีแล้วหรือยัง การใช้รถ 5 ปีเนี่ย นอกจากที่ผ่อนๆไปแต่ละเดือน ยังมีค่า น้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่ายาง ค่าประกันปีละหมื่นกว่าบาทอีกนะเออ ไม่รู้คิดกันมั่งป่าว 
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: popdemonic ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:36:58
เข้ามาตอบอีกทีว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ออกนโยบาย ผ่อนเมียคนแรก บ้างครับ ถ้ามีนะผมจะไปยื่นสิทธิ์คนแรกเลย  ;D
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: 12ay13an ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:45:23
บ้านผม หลายๆคนก้พูดว่า นโยบาย ไม่ดข้าท่ายังงั้นยังงี้

แต่สุดท้ายก้ใช้สิทธิกันเปนแถว 555555555

555 เหมือนกันเลยครับแถวบ้านผมก็บ่นกันท่าโน้นท่านี้มีมาได้ยังไงนโยบายแบบนี้ แต่ก็ใช้สิทธิกันเป็นแถว ผมว่าถูกต้องอย่าง จขกท. ว่าหละครับ จะโทษรัฐอย่าเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษคนที่ใช้สิทธิโดยไม่จำเป็นด้วย  แต่ก็ต้องเห็นใจคนที่เค้าต้องการใช้รถจริงๆนะครับ อย่างตามต่างจังหวัดนี่พวกเกษตรกรต้องการใช้รถก็เยอะเหมือนกันนะครับใช้ขนผลผลิตทางการเกษตร แถวจังหวัดผมก็เยอะนะครับซื้อมาเพื่อขนผลไม้จากสวนเพื่อมาขายจากมะก่อนใช้รถกระบะเก่าๆบางบ้านก็ใช้มอเตอร์ไซแบบลากพ่วงเอา หรือการเดินทางไปไหนมาไหนตามต่างจังหวัด ตามชนบทมันไม่ได้ง่ายดายเหมือน กทม. นะครับ  บางครอบครัวอาจจะซื้อรถอีกคันเพื่อให้แม่ขับไปส่งไปรับลูกที่โรงเรียน จากที่มะก่อนให้นั่งรถประจำทางเอาถ้าเกิดวันใดวันนึงมีงานกลุ่มทำที่บ้านเพื่อนหรือเรียนพิเศษกลับบ้านช้าหน่อยก็ตกรถประจำทางครับ  แล้วเด็กพวกนี้เค้าจะกลับบ้านยังไง ค่ำมืดตามต่างจังหวัดทางก็เปลี่ยวอันตรายครับ หรือว่าเวลามีวันหยุด วันปีใหม่ วันหยุดเทศกาลต่างๆเกิดอยากจะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดก็จะได้มีรถขับพาครอบครัวไปเที่ยวกันหาความสุขในวันหยุด คือ อยากให้เห็นใจคนที่อยู่ต่างจังหวัดด้วยครับ วิถีชีวิตมันไม่เหมือนกับคนกรุง  ผมว่านโยบายมันก็มีทั้งผลดีและผมเสีย ส่วนผลเสียมันก็มีส่วนมาจากคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก็มีครับ เพราะซื้อโดยไม่จำเป็น เพราะเพียงเห็นแก่ได้เงินคืน 100000
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: AIMU ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:46:09
คนส่วนใหญ่ตอบแบบคนอยู่ในกรุงเทพ
ลองมองภาพกว้างแบบบ้านนอก
บ้านอยู่ในหมู่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากหมู่บ้านมา 5 กิโลถึงถนนดำ ขี่รถไปอีก 15 กิโลถึงตัวอำเภอ ซื้อของชำ ใส่ถุงหิ้วขนาดใหญ่คล้องแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2  ข้างข้างหลังมีกล่องอีกใบมัดกับท้ายรถ คนนี้ขี่รถไปซื้อของอย่างนี้ทุกวันตอนตี 3 กลับมาตี 5 กลัวอยู่ทุกวันว่าจะมีรถพ่วงมาสอยไป
อีกคนทำงานในตัวจังหวัดขี่รถออกจากหมู่บ้าน 2 กิโลถึงถนนดำ ขี่เข้าเมืองอีก 10 กิโล เพื่อมาทำงานเป็น sales ขายรถ มองดูคนอื่นมาถอยรถใหม่ออกจากศูนย์ทุกวัน เลิกงาน รับลูก 2 คนจากโรงเรียน ซื้อข้าวแกง ซ้อนลูก 2 กลับบ้าน ขี่รถระวังเป็นห่วงลูกรักทั้ง 2 คน
คนพวกนี้เป็นคนที่เป็นจะเป็นฐานเสียงให้กับรัฐบาล เพราะนโยบายนี้ รัฐก็ใช้นโยบายรถคันแรกจูงใจเขา
ถามว่า 2 คนนี้อยากได้รถไหม เค้าได้ประโยชน์จากโครงการนี้จริงๆไหม เพราะระบบขนส่งมวลชนมันไม่ได้เอื้อกับการใช้ชีวิตของเขาใช่ไหม
แล้วคิดดูว่าคนบ้านนอก ถ้าสร้างบ้านปูนหลังใหญ่ มีรถยนต์ขับ มันเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะทางสังคมเค้าเหมือนกัน
ลองดูคนอีกคนอยู่กรุงเทพ พักอยู่คอนโดที่โฆษณาว่าเดิน 10 ก้าวถึงรถไฟฟ้า เดิน 3 นาที 5 นาที ถึงรถใต้ดิน ไปทำงานสีลม-สุขุมวิท แต่ออกรถคันแรกมาขับ ตื่นตี 5 ขับรถออกจากบ้าน 6 โมง ถึงที่ทำงาน 9 โมง ถามว่าคนนี้ควรขับรถไปทำงานหรือเปล่า แต่คนๆนี้ใช้ net มาด่ารัฐบาลเรื่องโครงการรถคันแรกทำรถติด
กลายเป็นเสียงคนหลังดังกว่า เหมือนกับคำที่ว่า คนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาล คนกรุงเทพล้มรัฐบาล
ถามผมว่าชอบไหม ผมตอบว่าถ้ากูได้ด้วยก็ชอบ แต่ถ้าผลในภาพรวมต้องว่าผู้ที่ได้ใช้ประโยชน์จริง คือได้เงินคืนกลายเป็นคนที่มี lifestyle ที่ไม่ต้องใช้รถก็ได้ แค่คำว่าเผื่อ
คนที่ต้องใช้จริงหลายคนยังไม่พร้อม ก็มานั่งกุมขมับเรื่องผ่อน มันกลายเป็นว่ามองเห็นคนที่ควรใช้ และได้ใช้เหลืออยู่ไม่กี่คนในโตรงการ ถ้าเข้าโครงการ 1 ล้านคัน แล้วได้ประโยชน์ซัก 1 แสน ก็เป็นว่าเราจ่ายให้คน 10 เพื่อให้คนที่ได้ประโยชน์แต่ 1 คน
ปล. ผมก็ว่าจะไปจอง vios รับรถซักปลายปีหน้า รับเงิน 1 แสน ซื้อเพราะความกิเลสล้วน อยากขี่เก๋ง ซื้อพี่โตเพราะเข้าconcept passion พี่โตเขา ตอนนี้ผมก็ใช้รถกระบะ 4 ประตู ที่จดในนามชื่อร้านผม ได้รถใหม่ก็ทำเป็นร้านขอเช่ารถผม ใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางร้านให้เสียภาษีน้อยลง(อย่าพูดดังเดียวสรรพากรรู้เข้าจะมารีดเลือดผม) แล้วเอาเงินมาผ่อนรถต่อ ผมนี้แหละคนที่ไม่สมควรใช้สิทธิ์โครงการนี้แต่ก็ใช้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: beebird ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:50:14
เข้ามาตอบอีกทีว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ออกนโยบาย ผ่อนเมียคนแรก บ้างครับ ถ้ามีนะผมจะไปยื่นสิทธิ์คนแรกเลย  ;D
เดี๋ยวมีคนที่สอง ที่สาม ตามมาแน่ๆ นำทางมาแบบนี้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: nogia ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:54:21
"บอกได้แค่...ติดมากมาย รถติดมากมาย ไม่มีใครช่วยได้หรอกรถติดนี้...
ติดอยู่บนถนน มันมากมาย เปิดเลนซ้ายมันทุกที...
ถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่จะติดทุกนาทีที่ขับออกไป..." - บี้ สแกมบุ  :)
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Nuzz ที่ ธันวาคม 23, 2012, 10:58:26
เคยมีคนบอกผมว่า ประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่ประเมศที่คนมีรายได้น้อยมีรถขับ แต่เป็นประเทศที่คนมีรายได้เยอะๆ ก็พอใจที่จะใช้ระบบขนส่งมวลชน ผมเห็นท่าว่าจะจริงแฮะ

หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: 12ay13an ที่ ธันวาคม 23, 2012, 11:06:19
ผมว่าผลที่ได้จากนโยบายนี้ อาจจะทำให้คนหันกลับมาใช้การขนส่งมวลชนมากขึ้นก็ได้ครับ ;D
หัวข้อ: เป็นกรรมจริง ๆ ที่เกิดมาเป็นคน ต้องใช้รถ
เริ่มหัวข้อโดย: xex ที่ ธันวาคม 23, 2012, 11:11:06
ผมไม่เขินอายที่จะบอกว่า ผมก็ฉกฉวยผลประโยชน์จากการคืนภาษีรถครั้งนี้เช่นกัน  ทั้งที่   ไม่เห็นด้วย  เพราะสุดท้ายมันก็ส่งผลเสียในอนาคตให้เราต้องปรับตัวมีมาตรฐานสังคมที่ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี เพื่อไม่ให้ตกยุค หรือราคารถขายต่อตกกระแทกพื้น   ชีวิต 5 ปีของผมต้องคอยเก็บเงินเพิ่มเติมในส่วนของ  "ค่าเปลี่ยนรถ"  ทั้ง ๆที่รถมันอยู่ได้ถึง 10 ปีชิว ๆ  ด้วยการไม่ขับซิ่ง มีความรักรถ ดูแลเอาใจใส่มันให้มันอยู่ไปนาน ๆ  ต่อไปนี้ความคิดแบบนี้จะเริ่มหมดไป  ออกรถมาก็กระทืบมันเข้าไป  5 ปีก็เปลี่ยนแล้ว ขายทิ้งก็ไม่ได้ราคาซะด้วย  แต่ถึงแม้ประชานิยมจะมีผลเสีย แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ มันมีความดีของมันคือ  มันจะนำไปสู่จุดจบ  ซึ่งตอนนั้นจะเป็นครูสอนใจคนให้ได้คิดได้และเริ่มปรับตัวใหม่  และปฏิเสธนโยบายประชานิยมได้ด้วยตัวเองไม่ต้องมีใครมาจูงความคิดให้เมื่อยปากอย่างทุกวันนี้  เรียกง่าย ๆ ก็คือ  "ไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตา"  ตอนนั้นสังคมจะดีขึ้นอยู่พักนึง  และก็กลับมาจุดมืดดำบอดอย่างเช่นทุกวันนี้อีก  มันจะวนเป็นอย่างนี้แหละ  แต่ในคนรุ่นที่ 4 จะนำบทเรียนนี้ไปใช้สอนกันในห้องเรียน  จะเกิดการพัฒนาทางความคิดขึ้น  คือ  ทำให้มนุษย์มีสติปัญญาสูงขึ้น  มองคนยุคเราเป็นพวกคนโง่ป่าเถื่อนที่นิยมพูดโกหกคำโตให้คนหมู่มากเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา เพียงเพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนดี   มีคนมากราบขอบคุณที่ให้โอกาสชีวิตที่ดีขึ้น(มันก็คือระบบทาสดี ๆ นี่เอง)  คนยุค ก่อน ร.5 ถ้าเราหลงไปยุคนั้นแล้วไปพูดว่าเรามีเสรี คนจะว่าบ้าเอา เพราะการมีเสรีก็คือ การออกไปอดตาย ไม่มีคนปกป้อง  โดนคนที่ชั่วยิ่งกว่าไล่จับไปเป็นทาส อยู่ดี  นี่คือวงเวียนแห่งระบบที่เราเกิดมาเป็นคนรู้ภาษาต้องเจอ  คนยุคนั้นคงมองว่าเรานักประชาธิปไตยนักรักเสรีภาพ เป็นพวกปัญญาอ่อนด้วยซ้ำไป  เพราะเขาอยู่กับความจริงที่ขมขื่นอันไม่ลวงหลอก เวลาคนพวกนี้ไปรบ ไปตายแทนคนอื่น เขาไม่รู้สึกเสียวเหมือนคนยุคนี้เลย  ความตายเป็นจุดหมายสูงสุดด้วยซ้ำ  ผิดกับคนยุคนี้ที่พอยัดเสรีภาพใส่สมองเข้าไป ก็รักตัวกลัวตายเห็นแก่ตัวอย่างสุดขีด  กลายเป็นภาวะแย่งกันกิน และไม่แบ่งให้ใคร  มือยาวสาวได้สาวเอา กวาดให้เรียบ  เร่งสร้างทายาทปั๊มออกมากินต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ  ไม่มีวันจบสิ้น  ซึ่งผมมองว่านี่คือ "การเป็นทาสอย่างสมบูรณ์แบบ"  นี่คือสิ่งที่นักคิดนักเขียนหรือผู้มีอำนาจและอยากมีอำนาจต้องการที่สุด 

ผมก็รู้ดี  แต่ก็คว้าโอกาสกำเงินแสนไว้ก่อน  และยังช่วยเร่งปฏิกิริยาฟองสบู่แตกให้เร็วขึ้น  ซึ่งผมก็หวังจะได้เห็นมันอีกเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ครั้งแรกนั้นประเทศนี้มันรอดมาได้อย่างหวุดหวิดด้วยการที่ประชาชนช่วยกันปิดไฟ...! 


เมื่อพูดถึงผลดีจากการที่ผมได้ประโยชน์จากการคืนภาษีหรือนโยบายประชานิยม ก็มาพูดถึงผลกระทบเชิงผลเสียกับประชาชนคนใช้รถตัวจริงบ้างว่าเป็นยังไง

รถมือสองราคาตกฮวบหายไปแสนห้า  เบนซ์คันละ 2 ล้าน ปีหน้าอาจได้เห็นราคาเหลือไม่ถึงแสน   และไม่ต้องคาดหวังว่า คนจนจะได้ประโยชน์รีบแห่ไปสอยมือสองมาใช้  ซึ่งคนจน(ผมก็จน)ซื้อกันไปหมดแล้วในปีนี้  คนมีเงินยังขี้เกียจไปสอยมาเก็บไว้บ้านเลยครับ เพราะปีต่อไปราคามันจะตายอยู่ที่หลักหมื่นด้วยซ้ำไปแล้วจะโง่ซื้อมาเป็นเศษเหล็กทำไมเล่า แค่คิดว่าจะใช้เป็นรถสำรองยังสิ้นคิดเลย  ปลายปีหน้าราคาEco Car สองแสนอาจได้เห็นกันแล้ว   ราคามือสองมันร่วงทั้งระบบ  คนที่ได้ประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่ประชาชนหรอกครับ   พ่อค้าเต๊นท์ทั้งนั้น  สามารถกำหนดราคาได้เลย เช่น รถตลาดอย่างวีออส โฉมแรก ก็กดมันซะ แสนต้น ๆ คนที่เอารถมาขายก็ต้องยอมแล้วละครับ เพราะต้องไปรวมเงินก้อนนำไปวางดาวน์เอารถใหม่  สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อไปกับประชาชน ในอนาคตยังไง  ผมมองยาวไปอีกสองปี สามปีนี้  คนไทยจะอยู่ในสภาพแบบผู้เจริญแล้วทำกัน(ผมยังขอเป็นคนเถื่อนต่อดีกว่า)  คือ     "ต้องเตรียมเก็บ - หาเงินเปลี่ยนรถทุก 5 ปีให้สัมพันธ์กับราคาตก"  ผู้ผลิตรถหรือจะเรียกว่าพ่อค้าใส่สูทขายเทคโนโลยีราคาสูงแต่รถ ก..ก  ก็ได้ประโยชน์เต็ม ๆ อีกแล้ว ขายรถได้ง่าย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วก็จี้ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ  ร่างกฎหมายห้ามใช้รถเกิน 5 ปีวิ่งบนถนนในเมืองหลวงก่อนก็แล้วกัน   ผมคิดออกเลยว่า ยุคนั้นจะเป็นอย่างไร  ในขณะที่ผมยังจนอยู่เลย   คนในระบบ หรือเรียกให้ชื่อสวยหรูก็คือ ประชาชน มันก็เหมือนทาสทางระบบ  มันเป็นระบบ ที่ใช้ควบคุมอีกระบบ วนลูบอยู่อย่างนี้ไม่มีทางหลีกได้ ยกเว้นคนมันไม่มีเงินจะใช้จ่ายแล้วนั่นแหละ  ระบบพ่อค้าถึงจะล่มสลายลงได้  แต่ก็ชั่วคราว  พอฟื้นฟูกลับมาได้  คนก็จะ"เริงตัว" กลับมาทำอย่างนี้อีกไม่รู้จักจบจักสิ้น 
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ ธันวาคม 23, 2012, 11:17:37
เข้ามาตอบอีกทีว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ออกนโยบาย ผ่อนเมียคนแรก บ้างครับ ถ้ามีนะผมจะไปยื่นสิทธิ์คนแรกเลย  ;D

เกรงว่าจะไม่ได้ครับท่านเพราะส่วนใหญ่ถือคติ   เมียเงินสด รถเงินผ่อน  ซื้อเพิ่มไม่ได้ ตีเทิร์นก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Pasakorndvm ที่ ธันวาคม 23, 2012, 11:37:01
เข้ามาตอบอีกทีว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ออกนโยบาย ผ่อนเมียคนแรก บ้างครับ ถ้ามีนะผมจะไปยื่นสิทธิ์คนแรกเลย  ;D

เกรงว่าจะไม่ได้ครับท่านเพราะส่วนใหญ่ถือคติ   เมียเงินสด รถเงินผ่อน  ซื้อเพิ่มไม่ได้ ตีเทิร์นก็ไม่ได้

แต่แปลกดูแลดียังไงก็เก่าไว พอเก่ามาก ๆ ไม่ค่อยได้ขับเก็บไว้บูชา นั่งมองรถรุ่นใหม่ ๆ ด้วยใจละห้อย
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Nut_K ที่ ธันวาคม 23, 2012, 11:54:52
ผมเป็นคนอีกคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ แต่ก็ใช้สิทธิ์เหมือนกันครับ ถึงไม่มีนโยบายนี้ผมก็ออกรถอยู่ดี

แต่คนที่ผมรู้จักอีกหลายคนที่ไม่จำเป็นต้องออก เพราะที่บ้านรถหลายคันแล้วก็ใช้สิทธิ์เช่นกัน รวมๆแล้วใช้สิทธิ์กันไปเกือบ 10 คันได้

สรุปคือนโยบายนี้ถามดีไหม ผมว่าดีสำหรับคนต่างจังหวัดที่อยู่ไกลๆ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้คือเอาเงินก้อนนี้ไปทำประโยชน์เรื่องระบบขนส่งมวลชนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่จะดีกว่าครับ

ผลเสียที่ตามมาในอนาคตเริ่มมาแล้วนะครับคือ รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางที่จะสามารถเรียกเก็บเงินเข้ากระเป๋าให้ได้มากที่สุดเพื่อชดเชยกับเงินที่ต้องจ่ายไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท ( ยอด ณ ตอนนี้ )
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ ธันวาคม 23, 2012, 12:07:06
ลืมบอกครับ บ้าน ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ(หนองคาย) แต่ก่อนตอนไม่มีนโยบาย นี้ ในเมืองรถก็ไม่ค่อยติดมากเท่าไหร่ นะครับ  แต่ตอนนี้ แบบว่า รถเยอะมากๆ  แต่ก็ยังไม่เท่ากรุงเทพหรอกครับ
คิดไปคิดแล้วสงสาร คนกรุงเทพ อ่ะครับ  ขับรถ 15 กม. ใช้เวลาตั้ง 4 ชม. (อันนี้เจอมากับตัวเลย) :(
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: holahola66 ที่ ธันวาคม 23, 2012, 13:33:11
น่าจะมองเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกันบ้างนะครับ. อย่างน้อยก้อทำให้เกิดการจ้างงานที่มากขึ้น  อุตสาหกรรมใหญ่ดี พวกกิจการเล็กๆ SME อย่างผม ก้อมีผลพลอยได้.  คิดดูซิครับ รถคันนึงประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

-ยาง ขายดีขึ้นตามรถ ชาวสวนยางขาดยางได้มากขึ้น แรงงานต้องจ้างมากขึ้น
- อะไหล่ต่างๆที่ผลิตในประเทศ ก้อขายดีขึ้น จ้างคนเพิ่ม. โบนัสเพิ่ม
คนได้เงินมากขึ้น ก้อกิน ใช้ มากขึ้น รายได้มันก้อกระจายๆไปทั่วทุกทาง.   

ตำรวจจราจร ยังหาตังได้มากขึ้นกะมือใหม่ทั้งหลายด้วยนะเออ 5555

ผมว่าเราด่าตามๆกันมากไปป่าว
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: holahola66 ที่ ธันวาคม 23, 2012, 13:34:59
ผลเสียก็คงจะมีน่ะครับ แต่ผลดีที่ผมนึกออกคือวงจรธุระกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนตร์ทุกประเภทคงเติบโตมากพอสมควรครับเช่นบริษัทฟิมล์กรองแสง,ผ้ายางปูพื้น,คาร์แคร์(รองคิดเล่นๆว่าจะมีรถอีก1ล้านคันมาวิ่งบนถนน ตีสัก5-6แสนคันเพิ่มมาในกรุงเทพและรถใหม่ๆทุกๆคนก็คงรักษารถร้านคาร์แคร์หรือร้านล้างรถทั่วไปคงจะต้องรองรับลูกค้าอีกอย่างมากเลยทีเดียว),อื่นๆอีกคงเกิดเม็ดเงินโตขึ้นพอสมควร ส่วนปัญหาเรื่องซื้อแล้วผ่อนไม่ไหวมันน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคารผู้ปล่อยกู้ให้เช่าซื้อหนิครับว่าจะกลั่นกรองผู้เช้าซื้ออย่างไรให้ดีพอเพราะนโยบายนี่ก็ไม่ได้บังคับให้สินเชื่อต้องปล่อยกู้ให้กับทุกๆคนที่ต้องการเช่าซื้อหนิครับเห็นคนยื่นกู้ไม่ผ่านก็มากมาย ถ้าการปล่อยกู้ทำได้ง่ายๆจนผู้เช่าซื้อไม่มีกำลังจ่ายค่างวดก็ต้องเป็นเรื่องระหว่างผู้เช่าซื้อกับไฟแนนซ์น่าจะถูกต้องกว่าครับ *ส่วนถ้าไม่มีนโยบายพวกนี่ผู้ที่มีงบประมานแถวๆ4-5แสนแต่ก่อนก็คงต้องไปมองรถมือสองซึ่งดอกเบี้่ยจะแพงกว่ารถป้ายแดงมากและที่หลายๆท่านยังไม่ทราบคือการผ่อนรถมือสองจะต้องเสียVATอีก7%จากค่างวดด้วยน่ะคัรบ และถึงจะเป็นการซื้อรถมือสองก็ไม่ได้การันตีอยู่ดีว่าปัญหาคนผ่อนค่างวดไม่ไหวจนถูกยึดรถจะไม่เกิดขึ้นจริงมั้ยครับ

อื่มมม ใช่ๆๆๆ ถวดต้องครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ ธันวาคม 23, 2012, 14:21:33
น่าจะมองเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกันบ้างนะครับ. อย่างน้อยก้อทำให้เกิดการจ้างงานที่มากขึ้น  อุตสาหกรรมใหญ่ดี พวกกิจการเล็กๆ SME อย่างผม ก้อมีผลพลอยได้.  คิดดูซิครับ รถคันนึงประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

-ยาง ขายดีขึ้นตามรถ ชาวสวนยางขาดยางได้มากขึ้น แรงงานต้องจ้างมากขึ้น
- อะไหล่ต่างๆที่ผลิตในประเทศ ก้อขายดีขึ้น จ้างคนเพิ่ม. โบนัสเพิ่ม
คนได้เงินมากขึ้น ก้อกิน ใช้ มากขึ้น รายได้มันก้อกระจายๆไปทั่วทุกทาง.   

ตำรวจจราจร ยังหาตังได้มากขึ้นกะมือใหม่ทั้งหลายด้วยนะเออ 5555

ผมว่าเราด่าตามๆกันมากไปป่าว

การกระจายรายได้ ไม่ใช่การทำให้คนที่อยู่ในแวดวงแวดวงนึงดีเท่านั้นนะครับ    เมื่อคนเอาเงินไปใช้ ก็มีคนเอาเงินไปเก็บ ส่วนคนที่ใช้เงินก็จะทะยอยเดือดร้อนถ้าคิดไม่เป็น

การที่ทำให้ ศก ดี คือการทำให้ทุกคนหาเงินง่าย จ่ายเงินคล่อง

คือไม่ใช่การด่าตามๆกันหรอกครับ แต่เพราะยังมีคนที่เค้าได้รับผลกระทบเห็นๆอยู่
แล้วถ้าเมื่อนโยบายนี้หายไป  จะมีคนตกงานอีกเท่าไหร่  จ้างได้ก็ปลดได้ครับ

ปล. ตอนนี้ไม่เห็นราคายางจะดีเลยครับ  ถ้าราคายางรถยนต์น่ะอาจจะใช่ ซึ่งมันจะส่งกลับไปญี่ปุ่นส่วนนึง ตอนนี้ราคายางแผ่นดิบไม่ถึงหรือเกือบแตะร้อยเลยแม้แต่น้อย
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: i-din ที่ ธันวาคม 23, 2012, 15:05:54
คนส่วนใหญ่ตอบแบบคนอยู่ในกรุงเทพ
ลองมองภาพกว้างแบบบ้านนอก
บ้านอยู่ในหมู่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากหมู่บ้านมา 5 กิโลถึงถนนดำ ขี่รถไปอีก 15 กิโลถึงตัวอำเภอ ซื้อของชำ ใส่ถุงหิ้วขนาดใหญ่คล้องแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2  ข้างข้างหลังมีกล่องอีกใบมัดกับท้ายรถ คนนี้ขี่รถไปซื้อของอย่างนี้ทุกวันตอนตี 3 กลับมาตี 5 กลัวอยู่ทุกวันว่าจะมีรถพ่วงมาสอยไป
อีกคนทำงานในตัวจังหวัดขี่รถออกจากหมู่บ้าน 2 กิโลถึงถนนดำ ขี่เข้าเมืองอีก 10 กิโล เพื่อมาทำงานเป็น sales ขายรถ มองดูคนอื่นมาถอยรถใหม่ออกจากศูนย์ทุกวัน เลิกงาน รับลูก 2 คนจากโรงเรียน ซื้อข้าวแกง ซ้อนลูก 2 กลับบ้าน ขี่รถระวังเป็นห่วงลูกรักทั้ง 2 คน
คนพวกนี้เป็นคนที่เป็นจะเป็นฐานเสียงให้กับรัฐบาล เพราะนโยบายนี้ รัฐก็ใช้นโยบายรถคันแรกจูงใจเขา
ถามว่า 2 คนนี้อยากได้รถไหม เค้าได้ประโยชน์จากโครงการนี้จริงๆไหม เพราะระบบขนส่งมวลชนมันไม่ได้เอื้อกับการใช้ชีวิตของเขาใช่ไหม
แล้วคิดดูว่าคนบ้านนอก ถ้าสร้างบ้านปูนหลังใหญ่ มีรถยนต์ขับ มันเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะทางสังคมเค้าเหมือนกัน
ลองดูคนอีกคนอยู่กรุงเทพ พักอยู่คอนโดที่โฆษณาว่าเดิน 10 ก้าวถึงรถไฟฟ้า เดิน 3 นาที 5 นาที ถึงรถใต้ดิน ไปทำงานสีลม-สุขุมวิท แต่ออกรถคันแรกมาขับ ตื่นตี 5 ขับรถออกจากบ้าน 6 โมง ถึงที่ทำงาน 9 โมง ถามว่าคนนี้ควรขับรถไปทำงานหรือเปล่า แต่คนๆนี้ใช้ net มาด่ารัฐบาลเรื่องโครงการรถคันแรกทำรถติด
กลายเป็นเสียงคนหลังดังกว่า เหมือนกับคำที่ว่า คนต่างจังหวัดเลือกรัฐบาล คนกรุงเทพล้มรัฐบาล
ถามผมว่าชอบไหม ผมตอบว่าถ้ากูได้ด้วยก็ชอบ แต่ถ้าผลในภาพรวมต้องว่าผู้ที่ได้ใช้ประโยชน์จริง คือได้เงินคืนกลายเป็นคนที่มี lifestyle ที่ไม่ต้องใช้รถก็ได้ แค่คำว่าเผื่อ
คนที่ต้องใช้จริงหลายคนยังไม่พร้อม ก็มานั่งกุมขมับเรื่องผ่อน มันกลายเป็นว่ามองเห็นคนที่ควรใช้ และได้ใช้เหลืออยู่ไม่กี่คนในโตรงการ ถ้าเข้าโครงการ 1 ล้านคัน แล้วได้ประโยชน์ซัก 1 แสน ก็เป็นว่าเราจ่ายให้คน 10 เพื่อให้คนที่ได้ประโยชน์แต่ 1 คน
ปล. ผมก็ว่าจะไปจอง vios รับรถซักปลายปีหน้า รับเงิน 1 แสน ซื้อเพราะความกิเลสล้วน อยากขี่เก๋ง ซื้อพี่โตเพราะเข้าconcept passion พี่โตเขา ตอนนี้ผมก็ใช้รถกระบะ 4 ประตู ที่จดในนามชื่อร้านผม ได้รถใหม่ก็ทำเป็นร้านขอเช่ารถผม ใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางร้านให้เสียภาษีน้อยลง(อย่าพูดดังเดียวสรรพากรรู้เข้าจะมารีดเลือดผม) แล้วเอาเงินมาผ่อนรถต่อ ผมนี้แหละคนที่ไม่สมควรใช้สิทธิ์โครงการนี้แต่ก็ใช้

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ คห นี้นะครับ เพราะสมัยเด็กๆ บ้านผมเป็นแบบนี้เลย คน 4 คน นั่งมอไซด์ไปทำงานกัน พ่อขับ ผมซ้อนท้าย น้องคนรอง นั่งกลาง คนเล็กนั่งที่แฮนด์ แต่นั่นสมัยเมื่อ เกือบ 40 ปีก่อน เชื่อหรือเปล่าครับ วา ปัจจุบัน สภาพนี้ยังพอเห็นได้ทั่วไป แต่คนเมือง ไม่ได้เห็นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: sidlv ที่ ธันวาคม 23, 2012, 15:49:36

ปีหน้าเราจะมีโครงการ รถ(มือสอง)คันแรก ด้วยครับ รอสอยดีกว่า  ;D 
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kapi_joe ที่ ธันวาคม 23, 2012, 17:31:15
ประชานิยมชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ ว่าเอาประชาชนเป็นหลัก จริง ๆ ข้อดีของประชานิยมคือการกระตุ้นการใช้เงิน การผลักเงินจากการจับจ่ายใช้สอยให้เข้าไปหมุนในระบบมาก ๆ และรัฐบาลก็กินภาษีจากระบบที่มันขยายตัวจากการบริโภคมากขึ้น แต่การใช้ประชานิยมทุกวันนี้มันกลายเป็นการมอมเมาด้วยวัตถุนิยม จนไม่สนวินัยหรือสถานะทางการเงินของประเทศ อันนีน่ากลัวครับ เพราะเท่ากับว่าคุณกำลังทำลายประชาชนคนรากหญ้าในระยะราวด้วยการสร้างหนี้ และที่ผมมองว่าร้ายยิ่งกว่าคือคุณกำลังทำลายชนชั้นกลางที่จ่ายภาษีให้รัฐ เพราะรัฐเอาเงินไปอุดหนุนสิ่งฟุ่มเฟือยแบบนี้ แล้วอีกหน่อยจะเอาภาษีจากไหนครับ เพราะง่อยเปลี้ยเสียขากันหมดแล้ว จริง ๆ ผมมองว่าบ้านหลังแรกยังน่าจะดีกว่าเพราะยังไงบ้านก็ยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่จำเป็นกว่ารถนะครับ  แต่เอาหล่ะถ้ารถคือสิ่งจำเป็นที่ต้องยอมรับว่าต้องมี นโยบายนี้ก็จำเป็นสำหรับคนที่มีครอบครัวที่ต้องการซื้อรถ หรือคนอื่น ๆ ด้วยเหตุผลใดก็ตามไม่ว่ากัน แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการที่รัฐบาลไม่คิดจะควบคุมการใช้นโยบายนี้ ปล่อยให้สถาบันทางการเงินปล่อยกู้กันแบบไม่มียั้ง ไม่ดูว่าใครสมควรได้หรือไม่ได้ คุณภาพของผู้กู้ซื้อรถมีไหม ผ่อนได้ไหม สุดท้ายมันกลายเป็นการก่อหนี้ของผู้ที่ยังไม่พร้อมจะเป็นหนี้ แล้วผลที่ตามมายังต้องตามล้างกันอีกเท่าไร  นโยบายเหล่านี้ไม่ได้แย่ซะทีเดียว แต่มันจะแย่ถ้าจะเอาแต่คะแนนเสียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Dr.Pop ที่ ธันวาคม 23, 2012, 18:36:47
ดู Nation คุณกนก บอกว่าไปสัมภาษณ์ผู้บริหารเงินที่เกี่ยวข้อง

เค้าบอกว่า โครงการรถคันแรก ทำให้คนขยันทำงานมากขึ้น เพื่อหาตังมาผ่อนรถ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ ธันวาคม 23, 2012, 19:14:10
ผมมองแบ่งสองประเด็นครับ

ประเด็นแรก ผมเห็นด้วยหรือไม่ ต้องบอกว่า 50-50 ครับ

1. เห็นด้วย เพราะผมคิดว่าการส่งเสริมให้คนมีรถ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดถูกต้องแล้ว เพราะขนส่งมวลชนบ้านเราไม่ดี
2. ไม่เห็นด้วย เพราะ ผมไม่ชอบนโยบายสนับสนุนให้คนก่อหนี้ เพราะผมว่าคนไทยเราชอบมองเกมสั้นๆ ไม่มองภาพรวมของการเงินตัวเองในระยะยาว

ส่วนถ้าถามว่าผมว่าจะใช้สิทธิ์หรือไม่ ผมไม่มีสิทธิ์ครับ แต่น้องผมมี และถอย City มาแล้ว

ผมไม่อายปากหรอกครับ ที่จะพูดว่า ผมจะใช้สิทธิ์โดยไม่ลังเลครับ ถ้าผมมั่นใจว่าผ่อนไหว เพราะยังไงเสียนโยบายออกมาแล้ว ถ้าไม่ใช้สิทธิ์ยังไงหนี้ที่รัฐก่อขึ้น ก็จะถูกหารกลับมาหาพวกเราเองอยู่ดี หมายความว่าคนไม่ใช้สิทธิ์ ต้องรับภาระหนี้ที่เกิดจากคนใช้สิทธิ์ ดังนั้นทำไมผมจะไม่ใช้สิทธิ์ละครับ?
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ ธันวาคม 23, 2012, 20:02:08
ดู Nation คุณกนก บอกว่าไปสัมภาษณ์ผู้บริหารเงินที่เกี่ยวข้อง

เค้าบอกว่า โครงการรถคันแรก ทำให้คนขยันทำงานมากขึ้น เพื่อหาตังมาผ่อนรถ

ถ้าขยันในทางที่ถูกก็ดีครับ  สิ้นคิดนายจ้างปวดหัว
เห็นเงินคือพระเจ้าจนลืมคุณงามความดี และจรรยาบรรณ
ผมกำลังประสบปัญหาอยู่  ไม่ใช่เพราะรถคันแรก  แต่ก็เพราะรถยนต์ต้นเหตุ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: Appenzell Swiss ที่ ธันวาคม 23, 2012, 21:01:05
เนื่องจากผลกระทบเรื่องน้ำท่วม ผมเลยมองว่าค่อนข้างมีประโยชน์ครับ สำหรับเศรษฐกิจระดับมหภาคนะครับ

หนี้เสียของสินเชื่อรถยนต์ เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นก็ถือว่าน้อย ทั้งธุรกิจ-อุตสาหกรรมเกี่ยวกับรถยนต์  สถาบันการเงิน ประชาชน ก็ได้รับประโยชน์ตรงนี้ร่วมกัน

แนวโน้มในอนาคตฐานการผลิตรถยนต์จะขยายขึ้นอีก เป็นรายได้หลักของประเทศ และระบบการขนส่งมวลชนคงยังต้องใช้เวลาพัฒนาอีกมาก ไม่สามารถทำให้ดีได้ในเร็ววันแน่ๆครับ

รัฐเพียงแต่เสียรายได้ ไม่ได้เสียงบประมาณจากนโยบายนี้ ก็สมเหตุสมผลดีครับถ้ามองระดับมหภาค

ส่วนปัญหารายบุคคล ก็ว่ากันไปแต่ละเคสครับ ถ้าใช้อคติ ปัญหาเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: superden ที่ ธันวาคม 23, 2012, 22:58:35
ผมคิดมาตลอดว่าไม่ใช่นโยบายที่ดี ถ้าอยากให้คนซื้อรถจริง ควรเป็นการช่วยให้เกิดภาพลักษณ์ดีๆ เช่น เปลี่ยนรถเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อม หรือ มีรถเพื่อความจำเป็นในถิ่นกันดาร ไม่มีรถไปไหนไม่ได้ ไปไหนลำบาก อะไรแบบนี้มากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยั่วกิเลสผมสำเร็จจนได้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: holahola66 ที่ ธันวาคม 23, 2012, 23:15:45
น่าจะมองเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกันบ้างนะครับ. อย่างน้อยก้อทำให้เกิดการจ้างงานที่มากขึ้น  อุตสาหกรรมใหญ่ดี พวกกิจการเล็กๆ SME อย่างผม ก้อมีผลพลอยได้.  คิดดูซิครับ รถคันนึงประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

-ยาง ขายดีขึ้นตามรถ ชาวสวนยางขาดยางได้มากขึ้น แรงงานต้องจ้างมากขึ้น
- อะไหล่ต่างๆที่ผลิตในประเทศ ก้อขายดีขึ้น จ้างคนเพิ่ม. โบนัสเพิ่ม
คนได้เงินมากขึ้น ก้อกิน ใช้ มากขึ้น รายได้มันก้อกระจายๆไปทั่วทุกทาง.   

ตำรวจจราจร ยังหาตังได้มากขึ้นกะมือใหม่ทั้งหลายด้วยนะเออ 5555

ผมว่าเราด่าตามๆกันมากไปป่าว

การกระจายรายได้ ไม่ใช่การทำให้คนที่อยู่ในแวดวงแวดวงนึงดีเท่านั้นนะครับ    เมื่อคนเอาเงินไปใช้ ก็มีคนเอาเงินไปเก็บ ส่วนคนที่ใช้เงินก็จะทะยอยเดือดร้อนถ้าคิดไม่เป็น

การที่ทำให้ ศก ดี คือการทำให้ทุกคนหาเงินง่าย จ่ายเงินคล่อง

คือไม่ใช่การด่าตามๆกันหรอกครับ แต่เพราะยังมีคนที่เค้าได้รับผลกระทบเห็นๆอยู่
แล้วถ้าเมื่อนโยบายนี้หายไป  จะมีคนตกงานอีกเท่าไหร่  จ้างได้ก็ปลดได้ครับ

ปล. ตอนนี้ไม่เห็นราคายางจะดีเลยครับ  ถ้าราคายางรถยนต์น่ะอาจจะใช่ ซึ่งมันจะส่งกลับไปญี่ปุ่นส่วนนึง ตอนนี้ราคายางแผ่นดิบไม่ถึงหรือเกือบแตะร้อยเลยแม้แต่น้อย
[/quote

อื่มม อย่างน้อยก้อเป็นการเพิ่มเงินในระบบeconomic นะครับ  ผมอยากมองในมุมดีๆครับ.  ช่างผมเถอะ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: nirvanapoint ที่ ธันวาคม 24, 2012, 00:16:28
ความเห็นของผม
ผมว่า ส่วนดีมันก็มีครับ คนซื้อได้เงินคืน เท่ากับซื้อรถได้ถูกลง
ทำให้เปิดโอกาสให้คนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น
แต่ผลเสียก็ตามมาเยอะมากครับ คนเจอราคามายั่วแบบนี้ก็จองกันเป็นแถว
ทุกคนอยากมีรถขับเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นแหละครับ รถเยอะขึ้นมาก รถก็ยิ่งติดมาก
ถนนในเมืองไทยเรา พูดจริงๆไม่พอให้รถวิ่งแล้วทุกวันนี้ ถ้าพัฒนาการคมนาคมตามไปได้ทันด้วย จะดีมากๆ
นโยบายไม่ได้ช่วยคนจนเลย คนจนไม่มีปัญญามาดาวน์รถ
ผ่อนรถหรอก คนใกล้ตัวผม บ้านนึงซื้อกันที 2-3 คัน รายได้ของเค้าเดือนนึงหลายแสน
เหมือนกับเสียดายเงินที่จะได้คืนเลยซื้อ คนซื้อเห็นส่วนใหญ่มีตังค์กันทั้งนั้น
คนที่ประเมินตัวเองพลาดไปซื้อรถมาผ่อนไม่ไหว ปัญหาหนี้ การเงิน ลามไปถึงครอบครัวอีก ไม่รู้จะมี
ปัญหาอะไรตามมาอีก เหอๆ
ส่วนเซลล์ขายรถ ดิลเลอร์รถ รวยกันเป็นแถวครับ งานนี้

ผมไม่ได้การเมืองนะครับ แต่อยากแสดงความเห็นว่า
เสียมากกว่าได้ แน่ๆ หุหุ ประเทศไทย  :-[
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: vigg ที่ ธันวาคม 24, 2012, 00:31:34
รัฐบาล ต้องการคะแนนเสียงจากประชานิยม

ส่วนคนที่ซื้อ ต้องการส่วนลดเงินสด ฟุ้งเฟ้อ ต้องการความสะดวก และ
ไม่สามารถพึ่งพากับบรรดา รถบริการสาธารณะทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: LimitedEdition ที่ ธันวาคม 24, 2012, 08:54:00
ผมไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ครับ

เห็นด้วยว่าคนต่างจังหวัดอยู่ลำบาก ถ้าไม่มีรถยนต์ใช้ และถ้านั่นคือจุดประสงค์หลักของนโยบาย
ผมว่าลองวัดประสิทธิผลดูก็คงดีเหมือนกันครับ ว่าผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรก
กี่ % เป็นคนที่อาศัยในต่างจังหวัด และอีกกี่ % ที่อาศัยอยู่ในกทม. สามารถใช้ขนส่งมวลชนได้

สืบเนื่องต่อจากเรื่องแรก ผู้ที่มาใช้สิทธิรถคันแรก มีกี่คนที่มีรายได้เพียงพอจะผ่อนได้
ไม่เกิดหนี้เสียในภายหลัง หกเดือน หนึ่งปี เป็นต้นไป ที่จะทำให้เศรษฐกิจเราพังทลายอีกครั้งหนึ่ง

ผมคิดว่านโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่
ตราบใดที่ไม่ใช่เอื้อให้แก่พวกพ้องของตัวเอง เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นครับ แต่การจะออกนโยบายอะไรออกมา
ต้องรัดกุม คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นรอบด้าน มิฉะนั้นก็จะออกมาเป็นแบบนี้ครับ

นโยบายรถคันแรก ผมมองว่าเป็นการช่วยคนรวย แต่ทำคนจนติดหนี้ซ้ำซากหนักขึ้นอีก
ถ้ารัฐออกนโยบายที่รัดกุมกว่านี้ และให้รายละเอียด ข้อคิดและสังเกตุชัดเจนกว่านี้
ผมว่าจะมีคนอีกจำนวนมากที่ตัดสินใจไม่ใช้สิทธิ เพราะรายได้ไม่เพียงพอที่จะมาดูแลรถยนต์ครับ

ถามว่า แล้วทางเลือกของคนต่างจังหวัดคืออะไร ผมคงแนะนำว่าแทนที่จะติดหนี้ 4 แสนบาท เพื่อเอาเงินคืน 1 แสน
มาถอย Honda Brio ป้ายแดงสักคัน เปลี่ยนเป็นการเอาเงินสัก 2.5-3 แสน ไปออกวีออสมือสองสภาพดีมา
ติดหนี้น้อยกว่า ผ่อนสบายกว่า จะดีกว่าหรือไม่ ทางเลือกจริงจริงมีอีกเยอะครับ ถ้าเรามองว่าพาหนะคือสิ่งจำเป็น
แต่ผมมองว่ามันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นป้ายแดงเสมอไป

รัฐฯ ควรจะออกนโยบายที่เอื้อให้เกิดการลงทุนโดยธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเอื้อให้ภาคกสิกรรมของเรา
มีเงินทุนสำรองไปหมุนเวียนในกิจการที่ขึ้นกับดินฟ้าอากาศเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตผล เพิ่มรายได้ เพื่อให้คนใช้จ่ายเพิ่ม
ไม่ใช่ออกโครงการเพื่อสร้างหนี้ให้กับประชาชน เงินรายได้ที่มีอยู่น้อยนิดก็ต้องมาผ่อนหนี้ผ่อนสินอีก
Disposable income ก็เหลือน้อยลง ใช้จ่ายน้อยลง สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องยอมให้รถถูกยึด เกิดหนี้เสีย
แล้วรถคันแรกจำนวน 900,000 คัน ถ้าหนี้เสียไปสัก 50% ธนาคารที่ปล่อยกู้ง่ายง่ายเยอะเยอะ จะทำอย่างไรครับ

อีกเรื่องนึง บางท่านบอกว่าเป็นการเอาเงินที่เราจ่ายภาษีไปให้ก่อน คืนเรากลับมา ผมว่าตรงนี้ไม่ใช่นะครับ
ภาษีของทุกท่านนะครับที่จ่ายไปทุกเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา
แต่ถูกนำไปกระจายให้คนที่ใช้สิทธิรถคันแรกจำนวน 900,000 คน จากประชากร 60 ล้าน ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะไม่ยุติธรรม

ถ้าเรามองดู เงิน 80,000 ล้านบาท นำไปสร้างระบบสาธารณูปโภคให้ชนบท สร้างเรือนกระจกให้เกษตรกร
เพื่อจะได้ไม่ต้องทำธุรกิจโดยขึ้นกับดินฟ้าอากาศ สร้างระบบประปาและไฟฟ้า ระบบการสื่อสาร ถนนหนทาง
เพื่อให้การเดินทางสะดวก ตั้งศูนย์อบรมให้ความรู้เกษตรกรฟรี เรื่องการทำเกษตรแบบประยุกต์เพิ่มรายได้
ผมคิดว่าน่าจะทำได้หลายตำบล หลายจังหวัด และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนกว่า

ผมไม่อยากให้ไทยกลับไปปี 2540 ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จำนวนมากต้องล้ม เพราะหนี้เสียในระบบจากการปล่อยกู้อีก
ใครที่เกิดมาและอายุพอพอกับผมคงทราบดี ว่าตอนนั้นเราลำบากกันขนาดไหนครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kukonba ที่ ธันวาคม 24, 2012, 08:54:56
จากใจจริงของผมคิดว่าเป็นนโยบายที่ดีสำหรับประชาชนที่ต้องการมีรถโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
แต่ผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางการคืนเงิน 1 แสนบาทเลยทันที มันน่าจะหักดอกเบี้ยออกจากในค่า
งวดรถดีกว่า เพื่อป้องกันคนหรือกลุ่มคนที่เอาเงินเล็กน้อยมาดาวด์รถแล้วรับเงินแสนไปหลังจากนั้น
แล้วอาจจะไม่มีเงินหรือช๊อตหรือตั้งใจไม่ส่งค่างวดยอมให้ยึดรถตามมาจนกลายเป็นปัญหา NPL หรือเปล่า ?

หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: nirvanapoint ที่ ธันวาคม 24, 2012, 10:17:06
ผมไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ครับ

เห็นด้วยว่าคนต่างจังหวัดอยู่ลำบาก ถ้าไม่มีรถยนต์ใช้ และถ้านั่นคือจุดประสงค์หลักของนโยบาย
ผมว่าลองวัดประสิทธิผลดูก็คงดีเหมือนกันครับ ว่าผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรก
กี่ % เป็นคนที่อาศัยในต่างจังหวัด และอีกกี่ % ที่อาศัยอยู่ในกทม. สามารถใช้ขนส่งมวลชนได้

สืบเนื่องต่อจากเรื่องแรก ผู้ที่มาใช้สิทธิรถคันแรก มีกี่คนที่มีรายได้เพียงพอจะผ่อนได้
ไม่เกิดหนี้เสียในภายหลัง หกเดือน หนึ่งปี เป็นต้นไป ที่จะทำให้เศรษฐกิจเราพังทลายอีกครั้งหนึ่ง

ผมคิดว่านโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่
ตราบใดที่ไม่ใช่เอื้อให้แก่พวกพ้องของตัวเอง เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นครับ แต่การจะออกนโยบายอะไรออกมา
ต้องรัดกุม คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นรอบด้าน มิฉะนั้นก็จะออกมาเป็นแบบนี้ครับ

นโยบายรถคันแรก ผมมองว่าเป็นการช่วยคนรวย แต่ทำคนจนติดหนี้ซ้ำซากหนักขึ้นอีก
ถ้ารัฐออกนโยบายที่รัดกุมกว่านี้ และให้รายละเอียด ข้อคิดและสังเกตุชัดเจนกว่านี้
ผมว่าจะมีคนอีกจำนวนมากที่ตัดสินใจไม่ใช้สิทธิ เพราะรายได้ไม่เพียงพอที่จะมาดูแลรถยนต์ครับ

ถามว่า แล้วทางเลือกของคนต่างจังหวัดคืออะไร ผมคงแนะนำว่าแทนที่จะติดหนี้ 4 แสนบาท เพื่อเอาเงินคืน 1 แสน
มาถอย Honda Brio ป้ายแดงสักคัน เปลี่ยนเป็นการเอาเงินสัก 2.5-3 แสน ไปออกวีออสมือสองสภาพดีมา
ติดหนี้น้อยกว่า ผ่อนสบายกว่า จะดีกว่าหรือไม่ ทางเลือกจริงจริงมีอีกเยอะครับ ถ้าเรามองว่าพาหนะคือสิ่งจำเป็น
แต่ผมมองว่ามันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นป้ายแดงเสมอไป

รัฐฯ ควรจะออกนโยบายที่เอื้อให้เกิดการลงทุนโดยธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเอื้อให้ภาคกสิกรรมของเรา
มีเงินทุนสำรองไปหมุนเวียนในกิจการที่ขึ้นกับดินฟ้าอากาศเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มผลิตผล เพิ่มรายได้ เพื่อให้คนใช้จ่ายเพิ่ม
ไม่ใช่ออกโครงการเพื่อสร้างหนี้ให้กับประชาชน เงินรายได้ที่มีอยู่น้อยนิดก็ต้องมาผ่อนหนี้ผ่อนสินอีก
Disposable income ก็เหลือน้อยลง ใช้จ่ายน้อยลง สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องยอมให้รถถูกยึด เกิดหนี้เสีย
แล้วรถคันแรกจำนวน 900,000 คัน ถ้าหนี้เสียไปสัก 50% ธนาคารที่ปล่อยกู้ง่ายง่ายเยอะเยอะ จะทำอย่างไรครับ

อีกเรื่องนึง บางท่านบอกว่าเป็นการเอาเงินที่เราจ่ายภาษีไปให้ก่อน คืนเรากลับมา ผมว่าตรงนี้ไม่ใช่นะครับ
ภาษีของทุกท่านนะครับที่จ่ายไปทุกเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา
แต่ถูกนำไปกระจายให้คนที่ใช้สิทธิรถคันแรกจำนวน 900,000 คน จากประชากร 60 ล้าน ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะไม่ยุติธรรม

ถ้าเรามองดู เงิน 80,000 ล้านบาท นำไปสร้างระบบสาธารณูปโภคให้ชนบท สร้างเรือนกระจกให้เกษตรกร
เพื่อจะได้ไม่ต้องทำธุรกิจโดยขึ้นกับดินฟ้าอากาศ สร้างระบบประปาและไฟฟ้า ระบบการสื่อสาร ถนนหนทาง
เพื่อให้การเดินทางสะดวก ตั้งศูนย์อบรมให้ความรู้เกษตรกรฟรี เรื่องการทำเกษตรแบบประยุกต์เพิ่มรายได้
ผมคิดว่าน่าจะทำได้หลายตำบล หลายจังหวัด และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนกว่า

ผมไม่อยากให้ไทยกลับไปปี 2540 ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จำนวนมากต้องล้ม เพราะหนี้เสียในระบบจากการปล่อยกู้อีก
ใครที่เกิดมาและอายุพอพอกับผมคงทราบดี ว่าตอนนั้นเราลำบากกันขนาดไหนครับ

ความรับผิดชอบอยู่ที่รัฐบาลเต็มๆครับ
ซึ่งผมดูแล้วคงจะรับผิดชอบไม่ไหว
ผมก็เสียวๆอยู่ว่าเศรฐกิจของประเทศจะกระทบแค่ไหน
ธุรกิจของผมจะแย่ไหมเนี่ย คงต้องเตรียมรับมือไว้บ้าง
เหอๆๆ ประชาชนก็คงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกันเองครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: takzakub ที่ ธันวาคม 24, 2012, 13:09:10
ทุกอย่างในประเทศนี้  ใีครได้ประโยชน์ เค้าก็ไม่พูดละจบ

เค้าจะไม่มาคิดแล้วว่าควรหรือไม่
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: golf8023 ที่ ธันวาคม 24, 2012, 20:02:06
รัฐบาลไม่ได้ ไม่เสียอะไร อืม
ผมว่าได้ทางอ้อมมั๊ง คิดเอาเองนะ
รถเยอะก็ต้องเติมน้ำมันเยอะขึ้น ถ้ามีนโยบายเก็บภาษีที่จอด คงได้อีกบานเลย  ;D

ถ้าอยากให้คนไม่มีรถ คนรากหญ้า คนรายได้น้อย มีรถใช้ น่าจะกรองผู้มีสิทธิ์ในรถคันแรกให้ละเอียดกว่านี้
พวกคนชั้นกลาง มีฐานะหน่อย พลอยได้ประโยชน์ด้วย อย่างซื้อรถคันแรกให้ลูกขับไปเรียนมหาลัย จำเป็นมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kengheng ที่ ธันวาคม 24, 2012, 21:28:08
ถ้าไม่มี 1 แสนมายั่วความอยาก ก็ไม่เห็นยอดจองมากมายขนาดนี้ครับ

ไม่โทษรัฐก็คงไม่ได้ละครับ
แน่นอนคนจองที่ไม่พร้อมก็ผิดด้วย
แต่นะคนไทยมีซักกี่%รู้จักวินัยทางการเงิน

อืมพูดแล้วดูดีขึ้นน่ะครับแบบนี้
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: kengheng ที่ ธันวาคม 24, 2012, 21:35:44
ทำไมชอบคิดกันเองล่ะครับว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีวินัยทางการเงิน
ทำไมชอบคิดกันเองล่ะครับว่าเค้าจะผ่อนไม่ได้
ไม่เห็นด้วยก็แค่ยกเหตุผลอื่นครับ แต่อย่าไปคิดแทนคนอื่น...
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: LimitedEdition ที่ ธันวาคม 25, 2012, 09:15:28
ผมไม่ทราบว่าคุณ kengheng ถามผมหรือเปล่า ถ้าใช่ผมขออธิบายดังนี้ครับ

1. ผมไม่ได้บอกนะครับ ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวินัยทางการเงิน เรื่องนั้นผมไม่มีข้อมูลรองรับครับ

2. ผมไม่ได้คิดเองครับว่าจะผ่อนไม่ได้ อันนี้คงเป็นสองประเด็น
    2.1 คนที่ใช้สิทธิโดยมีเงินออกรถได้อยู่แล้ว - พวกนี้ไม่มีปัญหาเรื่องผ่อนครับ ตัดไปได้เลย
    2.2 คนที่ใช้สิทธิโดยที่เงินไม่พอผ่อน - คนเหล่านี้แหละครับ ที่อาจจะอยากได้รถแล้วรีบหยิบโอกาสที่รัฐยื่นให้ เพราะได้ส่วนลดตั้ง 1 แสนบาท
          หรือคนที่ไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ คิดเพียงแต่ว่าได้เงินแสนจากรัฐ แต่ลืมไปว่าเงินก้อนนั้นมากับหนี้ก้อนโต ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นแล้วทึกทักเอาเอง
          ผมเห็นมากับตา คนรอบข้างก็เอามาพูด ข่าวก็เริ่มออกครับ ว่าปีหน้าน่าจะมี NPL จากการกู้ไปซื้อรถโครงการคันแรกเยอะ

อันที่จริงแล้ว เรื่องนโยบายรถคันแรกไม่เกี่ยวกับเรืองความสามารถในการผ่อนรถเลยครับ
เวลาจะกู้ ก็กู้เต็มจำนวนอยู่แล้ว สิทธิภาษีไปรับคืนเอาทีหลังจากรัฐฯ ยอดผ่อนต่อเดือนเท่าเดิมครับ
ดังนั้น คนที่จะใช้สิทธิโครงการนี้ได้ ก็คือคนที่มีรายได้มากพอ ที่จะผ่อนรถได้โดยปกติอยู่แล้ว
ส่วนคนที่ผ่อนไม่ไหวเพราะรายได้ไม่พอ ก็เหมือนเดิมครับ ซื้อไม่ได้ หรือซื้อไปแล้วก็ถูกยึด

ผมคิดว่าที่พูดมานี่คือเหตุผลนะ ไม่ได้ไปนึกแทนคนอื่นครับ
หัวข้อ: Re: มีใครคิดเหมือนผม มั้ย ว่า เรื่อง นโยบาย "รถคันแรกจะโทษรัฐอย่างเดียวก็ไม่ได้"
เริ่มหัวข้อโดย: chaiz ที่ ธันวาคม 25, 2012, 14:42:11
ผมเป็นคนนึงที่ใช้สิทธิ์ในนโยบายนี้ครับ
เรื่องเห็นด้วยมั้ย มันก้ำกึ่งนะ

สำหรับ ตจว. มันก็ดูเป็นนโยบายที่ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถ ได้ตัดสินใจง่ายขึ้น มีโอกาสมากขึ้นในการใช้รถ
เพราะ ขนส่งสาธารณะตาม ตจว. ไม่ค่อยมี หรือมีแต่ราคาเทียบกับคุณภาพไม่ได้เลย

ส่วนคนในเมืองกรุง ที่บ้านไม่ติด รถไฟฟ้าMRT หรืออยู่ตาม หมู่บ้านจัดสรรชานเมืองที่ผุดมากขึ้นเป็นดอกเห็ด ก็ยังมีมาก การมีรถทำให้มีความสะดวกสบายในการเดินทาง อย่างน้อยก็ไม่ต้องดมควันพิษ ได้นั่งรถติดอยู่ในแอร์เย็นๆ

ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้คือ การให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ ให้เข้าใจง่าย และครบถ้วน
บางคนจนถึงตอนนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเงื่อนไขการเข้าโครงการ เงื่อนไขการรับเงิน การปรับเงินคืน เป็นยังไงบ้าง

รัฐโฆษณาโครงการนี้ในแง่ "ซื้อรถ ได้เงินแสน" มากไปครับ ซึ่งจริงๆแล้ว มันคือการ "ลดราคารถ"
เพราะคุณต้องจ่ายเงินรวมๆแล้ว หลายแสน เพื่อที่จะได้เงินมา 1 แสน แถมเงินนี้ เอาจริงๆ ถ้าซื้อรถเงินผ่อน ก็ไม่ควรใช้เงินนี้ ถ้าไม่มั่นใจว่าจะผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะถ้าทำตามเงื่อนไขไม่ได้ เงินแสนก็ต้องคืน แล้วถ้าเอาไปใช้แล้ว จะเอาที่ไหนคืน?

ผมเลยคิดว่า ถ้าได้เงินคืนภาษีมา เอาไปลงทุนพวกกองทุน LTF  หรือซื้อทองเก็บไว้ จะปลอดภัยต่อการเงินของเรามากกว่านะ เห็นบางคน(ซื้อเงินผ่อน) แต่รอเงินก้อนนี้จะเอาไปทำนู่นทำนี่ ถ้าผิดแผนขึ้นมาไม่มีเงินไปคืนรัฐคงจุก(ยกเว้นซื้อสดนะ อันน้นลอยตัวไปละ แค่อย่าขาย อย่าโอนสิทธิ์เป็นพอ)

จริงๆ ราคารถมันก็ screen คนซื้ออยู่แล้วระดับนึง แต่โครงการนี้ ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของการ screen นั้น เพราะธนาคาร ไฟแนนซ์ ก็จัดแคมเปญดาวน์น้อยผ่อนนาน (แต่แฝงดอกเบี้ยแพงระยับ) ไว้ ทำให้คนที่ก่อนนี้กู้ไม่ได้ กลับกู้ได้ ซึ่งทำให้ต่อมาผ่อน+จ่ายค่าดูแล + ค่าน้ำมัน ไม่ไหว ตามมา จอดรถไว้เฉยๆ เป็นของแต่งบ้าน พอผ่อนของแต่งบ้านเรือนแสน ก็คิดว่า เปลืองจัง อยากขาย