Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: martens ที่ สิงหาคม 15, 2013, 13:56:13
-
รบกวนสอบถามเรื่อง 525i e60 M-Sport ปี 09 วิ่งประมาณแสนสอง-แสนสาม ยังน่าเล่นอยู่ไหมครับ
ส่วนตัวไม่เคยเล่นรถมือสองและไม่เคยเล่นรถยุโรปเลยครับ ถ้าไม่แนะนำให้เล่นจะหันไปจับ Teana แทนครับ
ขอบคุณครับ
(http://image.ohozaa.com/i/76e/jm2lMP.jpg)
-
ทำไมช่วงนี้คนเล่น BMW เยอะจังเลยครับ สังเกตดูหนาตามากขึ้นจริงๆ
โดยเฉพาะ E60
-
e 60 body สวยครับ ถ้ามีรถหลักซักคันแล้ว น่าซื้อมือสองมาขับเล่น แต่ผมไม่ชอบภายในมันเลย เห็นราคามือสองค่อนข้างถูกเพียบเลย
-
รุ่นนี้ราคามือสอง เหลือล้านต้นๆ ครับ ราคาลดลงเยอะ
บางคันถ้าปี 08 หมด BSI แล้ว แต่ถ้า ปี 09 น่าจะยังเหลือ BSI 1-4 ปีครับ
ผมก็ชอบนะ ตัว E60 โฉมมันยังดูทันสมัยอยู่เหรอ คนทั่วไปถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รุ้ว่า ตัวนี้ จะ 5 ปีแล้ว
-
รุ่นนี้ราคามือสอง เหลือล้านต้นๆ ครับ ราคาลดลงเยอะ
บางคันถ้าปี 08 หมด BSI แล้ว แต่ถ้า ปี 09 น่าจะยังเหลือ BSI 1-4 ปีครับ
ผมก็ชอบนะ ตัว E60 โฉมมันยังดูทันสมัยอยู่เหรอ คนทั่วไปถ้าไม่สังเกตดีๆ จะไม่รุ้ว่า ตัวนี้ จะ 5 ปีแล้ว
วิ่งแสนสอง หมดBSI แล้ว ล้านเจ็ดถึอว่าสูงไปไหมครับ ราคาควรจะได้ที่เท่าไรครับ
-
ถ้ายอมรับ คอมแอร์ แสนกว่า แรคแสนกว่า เกียร์ 2 แสนกว่าได้ถอยเลยคับ เสียทุกคัน ถ้ามี. BSI เหลือสอยเลยคับ
-
E60 บอกตรงๆว่าจุกจิกน่าดูครับ ผมว่าเล่นญี่ปุ่นมือหนุ่งสบายใจกว่าเยอะ
แต่ถ้า BSI เหลือสักเกือบๆสองปี ราคาได้สักล้านห้าก็พอได้อยู่นะครับ
(แต่กินหนักนะครับ ค่าเลี้ยงดูโหดเอาการเลย)
-
1.7 ผมว่าแพงไปเยอะเลยครับ ถึงแม้ปีจะดูใหม่ เพราะวิ่งมาแสนสองแล้ว
ถ้า 1.7 น่าขยับไปดีเซลมากกว่าครับ น่าจะทนกว่าเบนซิน E60 เบนซินนี่ค่าซ่อมหนักมากนะครับ
-
520d น่าใช้ครับ ตอนนี้หมด BSI ไปเกือบปีแล้ว ยังไม่มีอะไรเสีย
น่าจะมีปัญหาน้อย จุกจิกน้อยกว่าเบนซิน
-
แพงไปนะในความเห็นผม และวิ่งมาเยอะด้วย ราคานี้ควรไปจบที่ e60 520d สภาพสวยๆมากกว่า
ยกเว้นว่ารังเกียจดีเซล ก็ค่อยว่ากัน
e60 ในความเห็นผมไม่ใช่รถที่อะไหล่แพงแบบเวอร์ และบางตัวก็ถูกกว่าที่คิดไว้ซะอีก โดยเฉพาะพวกอะไหล่สึกหรอ
แต่ต้องเป็นอู่นอกเท่านั้น
ไอ้แรคพวงมาลัยก็เห็นเริ่มมีซ่อมกันได้ อะไหล่ช่วงล่างก็ไม่ได้ราคาแพงมาก ระบบไฟก็ไม่ค่อยรวน
ไฟโชว์ก็ไม่ซี้ซั้วโชว์
ผมซื้อมือสองมา ตอนซื้อมี bsi เหลือแค่เดือนเดียว
ปัจจุบันใช้มา 2 ปีกว่า อยู่กับมันมาแบบปกติสุขตลอด จัดเป็นรถที่ไม่จุกจิกซักนิด สตาร์ทกดปุ่มจึกเดียวติดตลอด
เสียงช่วงล่างกวนใจก็ไม่มี ใช้มาห้าหมื่นโล ตอนนี้ 1.3 แสนโล เรียกว่าพอใจเลย
เมื่อเทียบราคาที่ซื้อมา ผมว่าคุ้มสุดๆ ครับ ;)
-
ถ้ายอมรับ คอมแอร์ แสนกว่า แรคแสนกว่า เกียร์ 2 แสนกว่าได้ถอยเลยคับ เสียทุกคัน ถ้ามี. BSI เหลือสอยเลยคับ
คอมแอร์ ไม่ใช่ แสนกว่านะครับ 4 หมื่นกว่าก็ซ่อมจบแล้วครับ (เปลี่ยนยกชุด)
โดยส่วนตัวนะครับ
ผมใช้ 525ise E60 ปี 2004 ปีนี้ครบ 9 ปีแล้ว ยังไม่เคยซ่อมหนัก นอกจากเปลี่ยนคอมฯแอร์ เอง เพราะรถผม ไม่มี BSI ตั้งแต่ซื้อ(เนื่องจากซื้อเร็วไป - -" )
ผมมี 520i ปี 2012 และ 525d ปี 2011 F10 ทั้งคู่ แต่
ผมชอบการบังคับรถของ E60 มากกว่าครับ ขับคล่องตัวกว่าเยอะมากกกกครับ
;D ;D ;D
-
ถ้ายอมรับ คอมแอร์ แสนกว่า แรคแสนกว่า เกียร์ 2 แสนกว่าได้ถอยเลยคับ เสียทุกคัน ถ้ามี. BSI เหลือสอยเลยคับ
คอมแอร์ ไม่ใช่ แสนกว่านะครับ 4 หมื่นกว่าก็ซ่อมจบแล้วครับ (เปลี่ยนยกชุด)
โดยส่วนตัวนะครับ
ผมใช้ 525ise E60 ปี 2004 ปีนี้ครบ 9 ปีแล้ว ยังไม่เคยซ่อมหนัก นอกจากเปลี่ยนคอมฯแอร์ เอง เพราะรถผม ไม่มี BSI ตั้งแต่ซื้อ(เนื่องจากซื้อเร็วไป - -" )
ผมมี 520i ปี 2012 และ 525d ปี 2011 F10 ทั้งคู่ แต่
ผมชอบการบังคับรถของ E60 มากกว่าครับ ขับคล่องตัวกว่าเยอะมากกกกครับ
;D ;D ;D
ระบบแอร์ยกชุด ไม่ใช่เฉพาะคอมแอร์ แต่รวมถึงตู้แอร์ ไดรเออร์ และอะไหล่จุกจิกต่างๆ จบไม่เกิน 4หมื่นครับ ใช้มา 2 ปีแล้วไม่มีปัญหาอะไร
แลคพวงมาลัย เปลี่ยนมือสองมา 6หมื่น ใช้มา 2 ปีแล้วยังไม่มีปัญหา มือหนึ่ง แสนสองครับ
เกียร์ โอเวอร์ฮอล์ จบ แสนสาม ยังไม่ได้ทำนะครับแต่ถามไว้ก่อน รถผมวิ่งแสนเจ็ดเกียร์ยังปกติดีครับ ไม่เคยถ่ายน้ำมันเกียร์ครับ
ราคานี้อู่นอกชื่อดังงานดีนะครับ ถ้าเข้าศูนย์ทุกรายการคูณสองครับ
-
E60เวลาเสีย ยังมีทางเลือกครับ เพียงแต่ต้องเข้าใจว่ารถเก่าก็เหมือนคนสูงอายุมีเจ็บป่วยบ้างครับ
สำหรับผมนาทีนี้E60น่าเล่นและไม่น่ากลัวครับ ซีรี่ย์3 5 ของบีเอ็มขายดีทุกโมเดลคร้บ ถ้าเป็นผม
ผมกล้าเล่นครับ ไม่กังวลด้วย ถ้าอะไหล่บ้านเราแพงมากชิปจากเมืองนอกโลดเลยครับ แต่ผมว่า
E60คงหาอะไหล่บ้านเราได้สบายๆครับ
-
520d น่าใช้ครับ ตอนนี้หมด BSI ไปเกือบปีแล้ว ยังไม่มีอะไรเสีย
น่าจะมีปัญหาน้อย จุกจิกน้อยกว่าเบนซิน
เชียร์ตัวนี้เช่นกัน ประหยัดด้วย :)
-
ยืนยัน ได้รถดีซ่อมจบทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายมากน้อยอยู่ที่อู่ และแหล่งของอะไหล่ครับ
-
หากใจรัก มีอู่นอกรู้จัก BMW ซ่อมจบครับ ยืนยันมาหลายคนแล้ว หาข้อมูลใน web club ก็เยอะครับ อู่นอกดีๆ
จากมือสองของ BMW ตอนนี้ทั้งหมด E60 น่าใช้สุด แต่ผมจะมองแค่ 2 ตัว
1. E60 525iSE รุ่นปี 06-10 ได้หมด เป็น 6 สูบรุ่นสุดท้าย เครื่องแรง ทนนะ เสียงเพราะ แต่กินน้ำมันมากพอควร แต่วิ่งดีๆ เลย หมด BSI เคยเห็นล้านเดียวเอง
2. E60 520d รุ่นสุดท้าย แบบปี 2010 ขึ้นไป ได้ ปี 2011 ยิ่งดี เพราะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ 177 แรงม้าแล้ว เกียร์ joystick แล้ว น่าใช้ ยังมี BSI แต่ราคายังแรงอยู่พอควร น่าจะสองต้น
แต่ จขกท เป็นยุโรปคันแรก หากไม่มีรถหลัก ผมกลัวว่าจะไม่ค่อยเหมาะนะ ควรมีอีกสักคันหนะ
-
มันจะกินน้ำมันกว่าเทียน่าหรือเปล่าครับ
-
ผมใช้ 525iSE ตัวที่เลื่องลือกันนักหนาว่า ป่วนระดับพระกาฬ
อยู่กับผมมา9เดือน ไม่เป็นไรซักอย่าง ยกเว้น
1.ไฟพวงมาลัยโชว์ ต้องดูเป็นเคสๆไป เคสผมซ่อมโซลินอยแร็คไป 3พันบาทหายสนิท ,
ของผมถ้าบิดเยอะเช่นถอยเข้าจอด หรือถนนขรุขระก่อนดับเครื่อง พอสตาทแล้วไฟโชว์ แต่วิ่งซักพัก100-200เมตรก็หายเอง แต่ถ้าพวงมาลัยเบี้ยวต้องหมุนซ้ายสุด ขวาสุด ดับ-ติดเครื่อง อันนั้นอาการหนักแล้ววว
2.เกียร์ที่ร่ำลือกันว่าหลายแสน ผมยังไม่เป็น และชิงถ่ายน้ำมันเกียร์ไปแล้ว และขอถาวนาอย่าให้มันเป็น ,
3.ระบบแอร์ อันนี้อู่นอกเกรด A+ ทุกอย่างจบไม่เกิน5หมื่น เปลี่ยนใหม่ทุกชิ้น
รถรุ่นนี้เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างทำให้มันน่ากลัวมาก แต่จริงๆแล้วไม่เลย
ผมผ่าน e39 523 sport 2คัน , e46 330i 1คัน 39 มีจุดให้ซ่อม ทั้งต้องทำไม่งั้นขับไม่ได้ และ จุดชวนปวดหัว พวงเสียงดังต่างในรถ มากกกกกมายมหาศาลกว่า E60 เยอะคับ E60 เป็นรถที่ดีรุ่นหนึ่งเลยนะคับ
แต่ในรุ่นปีใหม่ที่เป็นเครื่อง N5x อาจจะมีปัญหาในพวกชุด Valvetronic บ้างเช่นเสียง แต๊กๆๆๆ บางที หรือValvetronic เสีย ซึ่งแพงอยู่ แต่ปัญหาแร็คพวงมาลัยอาจจะดีขึ้น แต่เกียร์ แสบพอๆกัน BMW ยุค 6 สปีดนี่น่ากลัวจริงๆ >:( ผมเห็น e90 e60 e66 เกียร์พังกันเยอะมาก บางคัน6-7หมื่นกิโลก็จอดซ่อมเกียร์กันแล้ว บางคัน 2แสนโลยังไม่พังก็มี ส่วนมากที่พังรถวิ่งในเมืองทั้งนั้น
พังเยอะกว่าสมัย 5สปีด กับ 8สปีดเยอะเลยคับ พวก5สปีด เครื่องพังกันแล้วเกียร์ยังดีอยู่ก็มี
อ่อ แล้วเรื่องสำคัญ ถ้ารถนั่งหลายคน หรือทีคนนั่งเบาะหลัง ให้ลองนั่งดีๆก่อนนะคับ เพื่อนผมญาติผมทุกคนเจอเบาะหลัง e60 ปวดเศียรเวียนเกล้ากันทุกคน ไม่มีไครอยากนั่งแล้วคับ แต่เบาะหน้าตัว 525SE มันปรับได้เยอะมาก นั่งสบายสุด ผิดกับเบาะหลังแบบ หน้ามือ หลังเท้าเลย
-
ผมใช้ 525iSE ตัวที่เลื่องลือกันนักหนาว่า ป่วนระดับพระกาฬ
อยู่กับผมมา9เดือน ไม่เป็นไรซักอย่าง ยกเว้น
1.ไฟพวงมาลัยโชว์ ต้องดูเป็นเคสๆไป เคสผมซ่อมโซลินอยแร็คไป 3พันบาทหายสนิท ,
ของผมถ้าบิดเยอะเช่นถอยเข้าจอด หรือถนนขรุขระก่อนดับเครื่อง พอสตาทแล้วไฟโชว์ แต่วิ่งซักพัก100-200เมตรก็หายเอง แต่ถ้าพวงมาลัยเบี้ยวต้องหมุนซ้ายสุด ขวาสุด ดับ-ติดเครื่อง อันนั้นอาการหนักแล้ววว
2.เกียร์ที่ร่ำลือกันว่าหลายแสน ผมยังไม่เป็น และชิงถ่ายน้ำมันเกียร์ไปแล้ว และขอถาวนาอย่าให้มันเป็น ,
3.ระบบแอร์ อันนี้อู่นอกเกรด A+ ทุกอย่างจบไม่เกิน5หมื่น เปลี่ยนใหม่ทุกชิ้น
รถรุ่นนี้เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างทำให้มันน่ากลัวมาก แต่จริงๆแล้วไม่เลย
ผมผ่าน e39 523 sport 2คัน , e46 330i 1คัน 39 มีจุดให้ซ่อม ทั้งต้องทำไม่งั้นขับไม่ได้ และ จุดชวนปวดหัว พวงเสียงดังต่างในรถ มากกกกกมายมหาศาลกว่า E60 เยอะคับ E60 เป็นรถที่ดีรุ่นหนึ่งเลยนะคับ
แต่ในรุ่นปีใหม่ที่เป็นเครื่อง N5x อาจจะมีปัญหาในพวกชุด Valvetronic บ้างเช่นเสียง แต๊กๆๆๆ บางที หรือValvetronic เสีย ซึ่งแพงอยู่ แต่ปัญหาแร็คพวงมาลัยอาจจะดีขึ้น แต่เกียร์ แสบพอๆกัน BMW ยุค 6 สปีดนี่น่ากลัวจริงๆ >:( ผมเห็น e90 e60 e66 เกียร์พังกันเยอะมาก บางคัน6-7หมื่นกิโลก็จอดซ่อมเกียร์กันแล้ว บางคัน 2แสนโลยังไม่พังก็มี ส่วนมากที่พังรถวิ่งในเมืองทั้งนั้น
พังเยอะกว่าสมัย 5สปีด กับ 8สปีดเยอะเลยคับ พวก5สปีด เครื่องพังกันแล้วเกียร์ยังดีอยู่ก็มี
อ่อ แล้วเรื่องสำคัญ ถ้ารถนั่งหลายคน หรือทีคนนั่งเบาะหลัง ให้ลองนั่งดีๆก่อนนะคับ เพื่อนผมญาติผมทุกคนเจอเบาะหลัง e60 ปวดเศียรเวียนเกล้ากันทุกคน ไม่มีไครอยากนั่งแล้วคับ แต่เบาะหน้าตัว 525SE มันปรับได้เยอะมาก นั่งสบายสุด ผิดกับเบาะหลังแบบ หน้ามือ หลังเท้าเลย
เรื่องเกียร์ เหมือนผมเคยอ่านเจอคือเรื่องน้ำมันเกียร์ เพราะ BMW ไม่ค่อยเปลี่ยนให้ แต่หากเรายืนยันจ่ายเพิ่มเอง เปลี่ยนทุก 50000 จะยืดอายุได้เยอะมากมาย (ไม่แน่ใจว่า 2 หรือ 5 หมื่นอะครับ เดี๋ยวไปหาข้อมูลเพิ่ม)
ส่วนเบาะหลังได้ยินเหมือนกัน เพื่อนผมอีกคน ก็ขายทิ้งไปบอก ลูกนั่งแล้วเวียนหัว ไปออก x3 แทน บอกดีกว่าเยอะมาก
-
จุกจิกรุ่นนี้น้อยลงเยอะคับ แต่ถ้ามันจะพังแต่ละที ของแพงมหาโหดทั้งนั้น
ดูสภาพให้ดีๆนะคับ บีเอ็มนี่สำคัญมากถ้าดูแลมาดี ไม่มีป่วนซักคัน และ เป็นรถที่ใช้ทางยาวอุ่นใจมาก ผมขับจากพิษโลก ลงหาดใหญ่รวดเดียว ทั้งทริปเกือบ3พันกิโลภายใน5-6วัน ขึ้นเขาลงห้วยมันไปไหนไปกัน พอกลับบ้านมาได้2วัน ท่อน้ำรั่ว :'( เข้าศูนย์เปลี่ยนท่อเล็กๆบนหม้อน้ำไป ช่างทำให้ฟรี คิดแต่ค่าแรงตรวจ(เพราะเปิดจ็อบไปแล้ว)
ตั้งแต่ผมได้มาค่าซ่อมมี ค่าเทปกาวแปะรอบขอบประตูแก้เสียงออดแอดๆรอบคับ 2500 , สมองแอร์แบ็คที่ประตู3พัน , เซนเซอร์ใต้เบาะ 6000 กว่าๆ ไม่งั้นไม่เตือนเวลาคนนั่งไม่รัดเข็มขัด จริงๆปิดทิ้งไปก็ได้ไม่เสียตังแต่ผมจะทำให้ครบฟังก์ชั่นเลยย่อมจ่าย กับ , Valve DISA 11000 สายพาน+ลูกรอกหน้าเครื่องทั้งหมดที่ศูนย์ 15000 ถ้าข้างนอก 5พันมีทอน :'( , เข้าศูนย์ programming ซอฟท์แวร์รถทั้งคัน 8000 :'( :'( :'(
-
ความเห็นของคนใช้จริงกับคนไม่ได้ใช้ต่างกันราวฟ้ากับเหวนะครับ อิๆ
รถไม่ได้จุกจิก ไม่ได้ซ่อมแพงอย่างที่ลือหรอกครับ คอมแอร์ที่เค้าว่าแสนกว่า
เอาจริงๆใส่ denzo หมื่นต้นๆจบ สเปคเดียวกัน
รถน่าใช้ครับ แต่ถ้าจะเล่น 525 n52 แล้วล่ะก้อ แนะนำไปเอา 530 ไปเลยครับ
หกสูบใหญ่ 250 กว่าม้า รับรองจะติดใจ ปราบ 525d f10 ได้สบาย
-
ผมใช้ 525iSE ตัวที่เลื่องลือกันนักหนาว่า ป่วนระดับพระกาฬ
อยู่กับผมมา9เดือน ไม่เป็นไรซักอย่าง ยกเว้น
1.ไฟพวงมาลัยโชว์ ต้องดูเป็นเคสๆไป เคสผมซ่อมโซลินอยแร็คไป 3พันบาทหายสนิท ,
ของผมถ้าบิดเยอะเช่นถอยเข้าจอด หรือถนนขรุขระก่อนดับเครื่อง พอสตาทแล้วไฟโชว์ แต่วิ่งซักพัก100-200เมตรก็หายเอง แต่ถ้าพวงมาลัยเบี้ยวต้องหมุนซ้ายสุด ขวาสุด ดับ-ติดเครื่อง อันนั้นอาการหนักแล้ววว
2.เกียร์ที่ร่ำลือกันว่าหลายแสน ผมยังไม่เป็น และชิงถ่ายน้ำมันเกียร์ไปแล้ว และขอถาวนาอย่าให้มันเป็น ,
3.ระบบแอร์ อันนี้อู่นอกเกรด A+ ทุกอย่างจบไม่เกิน5หมื่น เปลี่ยนใหม่ทุกชิ้น
รถรุ่นนี้เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างทำให้มันน่ากลัวมาก แต่จริงๆแล้วไม่เลย
ผมผ่าน e39 523 sport 2คัน , e46 330i 1คัน 39 มีจุดให้ซ่อม ทั้งต้องทำไม่งั้นขับไม่ได้ และ จุดชวนปวดหัว พวงเสียงดังต่างในรถ มากกกกกมายมหาศาลกว่า E60 เยอะคับ E60 เป็นรถที่ดีรุ่นหนึ่งเลยนะคับ
แต่ในรุ่นปีใหม่ที่เป็นเครื่อง N5x อาจจะมีปัญหาในพวกชุด Valvetronic บ้างเช่นเสียง แต๊กๆๆๆ บางที หรือValvetronic เสีย ซึ่งแพงอยู่ แต่ปัญหาแร็คพวงมาลัยอาจจะดีขึ้น แต่เกียร์ แสบพอๆกัน BMW ยุค 6 สปีดนี่น่ากลัวจริงๆ >:( ผมเห็น e90 e60 e66 เกียร์พังกันเยอะมาก บางคัน6-7หมื่นกิโลก็จอดซ่อมเกียร์กันแล้ว บางคัน 2แสนโลยังไม่พังก็มี ส่วนมากที่พังรถวิ่งในเมืองทั้งนั้น
พังเยอะกว่าสมัย 5สปีด กับ 8สปีดเยอะเลยคับ พวก5สปีด เครื่องพังกันแล้วเกียร์ยังดีอยู่ก็มี
อ่อ แล้วเรื่องสำคัญ ถ้ารถนั่งหลายคน หรือทีคนนั่งเบาะหลัง ให้ลองนั่งดีๆก่อนนะคับ เพื่อนผมญาติผมทุกคนเจอเบาะหลัง e60 ปวดเศียรเวียนเกล้ากันทุกคน ไม่มีไครอยากนั่งแล้วคับ แต่เบาะหน้าตัว 525SE มันปรับได้เยอะมาก นั่งสบายสุด ผิดกับเบาะหลังแบบ หน้ามือ หลังเท้าเลย
เรื่องเกียร์ เหมือนผมเคยอ่านเจอคือเรื่องน้ำมันเกียร์ เพราะ BMW ไม่ค่อยเปลี่ยนให้ แต่หากเรายืนยันจ่ายเพิ่มเอง เปลี่ยนทุก 50000 จะยืดอายุได้เยอะมากมาย (ไม่แน่ใจว่า 2 หรือ 5 หมื่นอะครับ เดี๋ยวไปหาข้อมูลเพิ่ม)
ส่วนเบาะหลังได้ยินเหมือนกัน เพื่อนผมอีกคน ก็ขายทิ้งไปบอก ลูกนั่งแล้วเวียนหัว ไปออก x3 แทน บอกดีกว่าเยอะมาก
น้ำมันเกียร์ ศูนย์จะบอกว่าเป็น lifetime คือไม่ต้องเปลี่ยนเลย จึงไม่อยู่ใน bsi ครับ
แต่แม้แต่ในคู่มือซ่อมยังบอกว่าควรเปลี่ยนที่แสนสองหมื่นโล
แต่ถ้าเป็นคนขับแบบ ลากเกียร์โหดๆเปลี่ยนที่ประมาน 8 หมื่นถึง แสนกิโลปลอดภัยครับ
นี่เป็นที่มาของกิตติศัพท์ ทำไมบีเอ็มเกียร์พังทุกคัน 90% ใช้มาทะลุ แสนโลสองแสนกว่าโลไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
แล้วก็โทษว่าบีเอ็มเกียพัง รถจุกจิกส่วนมากจุกจิกเพราะคนขับ ขับอย่างเดียวไม่ดูแลมากกว่าครับ
-
อ่อ แปดหมื่นโล อิอิ ผมจำผิดเอง แต่คนที่ใช้ BMW มานานๆ ทุกคนจะรู้ แล้วก็ไปเปลี่ยนเอง ไม่กี่พัน สบายใจ
แต่ผมแปลกใจว่า น้ำมันอะไรมันจะ lifelong ได้หว่า ยังไงมันก็ต้องเสื่อม ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วจากที่สังเกตุ BMW หากคนใช้จริง ก็เห็นใช้กัน 2-3 แสนโลขึ้นไป มันเลยต้องพังกันสักครั้งนะครับ แม่ผมก็จะสามแสนโลแล้ว แต่เข้าอู่นอก เปลี่ยนพวกน้ำมันต่างๆ ตามระยะตลอด ใช้ยาวดีจริง
-
ผมคิดส่าถ้าไม่ใช่รถคันเดียวน่าเล่นครับ แต่ถ้าสู้ค่าซ่อมไม่ไหวก็ teana เลยครับ ว่าแต่ teana นี้ตัวเก่าหรือใหม่ครับ แต่ e60 นี้สวยจริงๆนะเหมือนใช่รถ สมัยก่อนเลย
-
จากตัวผมเองที่ใช้นะครับ
คันแรกวิ่ง 206,000 โล เกียร์พัง (เปลี่ยน นมก ตอนแสนโลแล้ว ตอนนี้จอดทำที่พรหมประสิทธิ์ 120,000 บาท แต่อาจมีเพิ่มถ้าตัวอื่นเสียอีก)
คันสอง 160,000 โล เกียร์เริ่มมีอาการ ไม่เคยเปลี่ยน นมก ว่าจะลองสักรอบ
ตัวที่เจอบ่อย แร็คผมซ่อม 6,500 บาท จบ บางอู่บอกต้องเปลี่ยนครับ
อีกตัวเซ็นเซอร์จอด เซ็นเซอร์แอร์แบคใต้เบาะ
ที่หนักๆมี ตัวควบตุมแอร์ 34,000 บาท ตัวนี้เสียแอร์ปรับไม่ได้
ไดสตาร์ท 12,500 หม้อน้ำ 10,500
นอกนั้นราคาหลักพันครับ แต่รวมๆ จากแสนโลมาถึงสองแสนโลซ่อมไป 400,000 ละครับ เหลือพวกไดชาร์จ พัดลมหม้อน้ำ