Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: cloud ที่ พฤศจิกายน 07, 2013, 15:06:43
-
คำถามผมอาจจะโง่ๆนะครับ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องซิ่งๆเลย ขอรบกวนนักซิ่งผู้รู้หน่อยครับ
เสปคของมันคือ 204แรงม้าที่4,200 แรงบิด500ที่1,600-1,800
1.ทีนี้ผมลองเหยียบเบาๆแต่รอบเกิน2,000ไปแล้วทำไมไม่เห็นดึงเลย
และผมก็ลองเหยียบเบาๆเกิน4,200รอบไม่เห็นแรงถึง204แรงม้าเลย
หรือว่าถ้าจะเหยียบให้ได้ตัวเลขตามเสปคต้องเหยียบมิดจาก0หรือป่าว ห้ามเหยียบเบาๆป้ะครับ
2.และอีกคำถาม500นิวตันที่1,600-1,800 คือทุกๆเกียร์ที่รอบขึ้น1,600ผมก็จะได้ใช้แรงบิด500นิวตันรึป่าวครับ
เช่นเกียร์1มาที่500นิวตันพอเลย1,800แรงบิดค่อยๆลดลงไป พอเกียร์2ก็มา500อีกแล้วลดลง เกียร์3ก็มา500 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆรึป่าวคับ
-
มันอยู่ที่การเซทติ้งช่วงล่างและฟีลลิ่งการขับขี่โดยรวมครับ ถ้าเอาความรู้สึกไปจับแรงม้ารถหลายคันก็ไม่รู้สึกว่ามันแรงหรอก แบบนี้ต้องจับเวลา
ส่วนเรื่องแรงบิดเข้าใจถูกต้องครับ
-
ไม่ได้พูดถึง C250 cdi คันนี้นะครับเพราะไม่เคยขับ แต่รถสมัยนี้เป็นระบบคันเร่งไฟฟ้ารถบางรุ่นเขาสามารถเซ็ต curf การตอบสนองให้นิ่มนวลไม่กระชากได้และเพื่อเน้นประหยัดน้ำมันด้วยส่วนนึง ก็เลยทำให้รู้สึกว่ารถไม่แรงต้องเหยียบลึกๆถึงจะทำงานเต็มที่ครับ
-
จากประสบการณ์ที่ใช้มานะครับ รถดีเซลจะเริ่มดึงไวแต่จะหมดไวเหมือนกันเพราะรอบที่แรงม้าสูงสุดจะค่อนข้างต่ำไม่เหมือนเครื่องเบนซินที่ลากรอบได้ยาวกว่า ส่วนที่คุณว่าเกิน4200รอบ/นาทีแล้วไม่ค่อยดึงต้องไปดูกราฟครับซึ่งเครื่องตัวนี้รอบสูงสุดก็แค่นั้น ถ้าลากมากกว่านั้นทั้งแรงม้าและแรงบิดก็หัวหักลงแล้วครับ
-
จากประสบการณ์ที่ใช้มานะครับ รถดีเซลจะเริ่มดึงไวแต่จะหมดไวเหมือนกันเพราะรอบที่แรงม้าสูงสุดจะค่อนข้างต่ำไม่เหมือนเครื่องเบนซินที่ลากรอบได้ยาวกว่า ส่วนที่คุณว่าเกิน4200รอบ/นาทีแล้วไม่ค่อยดึงต้องไปดูกราฟครับซึ่งเครื่องตัวนี้รอบสูงสุดก็แค่นั้น ถ้าลากมากกว่านั้นทั้งแรงม้าและแรงบิดก็หัวหักลงแล้วครับ
อ่อคือว่าผมตั้งใจแกล้งเหยียบเบาๆเองครับ แต่ที่ผมสงสัยคือผมแกล้งเหยียบเลย1800 ทำไมแรงบิดมันน้อยมาก (เทียบกับตอนเหยียบมิดดึงแรงมาก)
ยังงี้แสดงว่าผมต้องเหยียบมิด ถึงจะได้แรงม้าแรงบิดตามเสปคป่าวครับ
-
จากประสบการณ์ที่ใช้มานะครับ รถดีเซลจะเริ่มดึงไวแต่จะหมดไวเหมือนกันเพราะรอบที่แรงม้าสูงสุดจะค่อนข้างต่ำไม่เหมือนเครื่องเบนซินที่ลากรอบได้ยาวกว่า ส่วนที่คุณว่าเกิน4200รอบ/นาทีแล้วไม่ค่อยดึงต้องไปดูกราฟครับซึ่งเครื่องตัวนี้รอบสูงสุดก็แค่นั้น ถ้าลากมากกว่านั้นทั้งแรงม้าและแรงบิดก็หัวหักลงแล้วครับ
อ่อคือว่าผมตั้งใจแกล้งเหยียบเบาๆเองครับ แต่ที่ผมสงสัยคือผมแกล้งเหยียบเลย1800 ทำไมแรงบิดมันน้อยมาก (เทียบกับตอนเหยียบมิดดึงแรงมาก)
ยังงี้แสดงว่าผมต้องเหยียบมิด ถึงจะได้แรงม้าแรงบิดตามเสปคป่าวครับ
อ้าวแหงสิครับ คันเร่งไปเปิดปีกผีเสื้อ ปีกผีเสื้อสั่งอากาศเข้าจุดระเบิดในห้องเครื่อง ถ้าเหยียบน้อยก็มีอากาศเข้าห้องเครื่องได้น้อยมันก็จุดระเบิดได้แรงน้อยไปด้วย
-
จากประสบการณ์ที่ใช้มานะครับ รถดีเซลจะเริ่มดึงไวแต่จะหมดไวเหมือนกันเพราะรอบที่แรงม้าสูงสุดจะค่อนข้างต่ำไม่เหมือนเครื่องเบนซินที่ลากรอบได้ยาวกว่า ส่วนที่คุณว่าเกิน4200รอบ/นาทีแล้วไม่ค่อยดึงต้องไปดูกราฟครับซึ่งเครื่องตัวนี้รอบสูงสุดก็แค่นั้น ถ้าลากมากกว่านั้นทั้งแรงม้าและแรงบิดก็หัวหักลงแล้วครับ
อ่อคือว่าผมตั้งใจแกล้งเหยียบเบาๆเองครับ แต่ที่ผมสงสัยคือผมแกล้งเหยียบเลย1800 ทำไมแรงบิดมันน้อยมาก (เทียบกับตอนเหยียบมิดดึงแรงมาก)
ยังงี้แสดงว่าผมต้องเหยียบมิด ถึงจะได้แรงม้าแรงบิดตามเสปคป่าวครับ
อ้าวแหงสิครับ คันเร่งไปเปิดปีกผีเสื้อ ปีกผีเสื้อสั่งอากาศเข้าจุดระเบิดในห้องเครื่อง ถ้าเหยียบน้อยก็มีอากาศเข้าห้องเครื่องได้น้อยมันก็จุดระเบิดได้แรงน้อยไปด้วย
ขอบคุณครับคุณHแล้วคำถามขัอ2ช่วยตอบหน่อยได้มั้ยครับ อยากรู้จริงๆ
-
คำถามข้อที่ 2 เข้าใจถูกต้องแล้วนะครับ ไม่มีอันหยังจะอธิบายเพิ่มเน้อ
แต่...รอบที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ใช่ว่ากราฟมันจะปักหัวลงทันทีนะครับ รถบางคันที่ Power Band กว้าง ต่อให้เลยรอบที่ว่าแล้วก็ยังอยู่ในจุดแรงบิดสูงสุดอยู่ซักพักนึง
-
เลข500 คือแรงบิดสูงสุด แต่พอไปดูกราฟ มันจะลดลงเรื่องเลยไม่ใช่แบบ flat toque แบบเครื่องทั่วๆไป และที่แปลกอีกอย่างคือมาสุดในรอบต้นแล้วค่อยแผ่ว ในขณะที่เครื่องทั่วไป มันจะเรื่มจากน้อยแล้วเพิ่มสูงไปเรื่อยๆตามรอบ
มันก็คล้ายๆกับยืนให้คนถีบกับยืนให้คนดึง
-
500นั่นมันแรงบิดที่เครื่องผลิต แต่แรงบิดที่ลงล้อแต่ละช่วงเวลามันต้องผ่านอีกหลายตัวแปร เอาง่ายๆสมมุติขับความเร็วคงที่60กม/ชม รอบเครื่อง1800ได้แรงบิดจากเครื่อง500แต่รถไม่ได้เพิ่มความเร็ว เราก็ไม่รู้สึกถึงแรงดึงอยู่แล้วเพราะมันไม่มีความเร่งมาเกี่ยวข้อง อยากให้ดึงก็ลองกระทืบคันเร่งจาก0ดู
-
แรงบิดก็คือแรงบิด
อาการดึงก็คืออาการดึง
แรงบิดคือแรงหมุนของเพลาที่เครื่องยนต์สร้างออกมาได้ที่รอบนั้นๆ
แรงบิดที่ล้อก็จะแปรผันตามอัดตราทดเกียร์
อาการดึงก็คืออาการที่เกิดมาจากแรงบิดที่เครื่องยนต์สร้างออกมาถ่ายกำลังผ่านเกียร์ไปลงที่ล้อที่รอบนั้นๆ มีมากกว่าแรงเสียดทานการหมุนของล้อและแรงต้านอากาศขณะนั้นมากๆ
ยิ่งมากกว่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดึงเท่านั้น
การที่คุณกดคันเร่งเบาๆ ลิ้นปีกฝีเสือขยับนิดเดียว มันไม่ได้สร้างความต่างให้แรงที่ผมว่ามากเท่าไหร่ ก็เลยไม่รู้สึกดึง
ไม่ลองกระทืบคันเร่งดูล่ะครับ
500 นิวตันเมตรเนี่ย กระทืบแล้วไม่ดึงผมว่าเกียร์มีปัญหาแล้วล่ะ
-
มันอยู่ที่เกียร์ด้วยครับ เค้าอาจเซ็ตมาให้มันไม่กระชาก สไตล์รถเบนซ์ทำมาไว้นั่งไม่ได้ทำมาไว้ซิ่งครับ
-
คำถามผมอาจจะโง่ๆนะครับ แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องซิ่งๆเลย ขอรบกวนนักซิ่งผู้รู้หน่อยครับ
เสปคของมันคือ 204แรงม้าที่4,200 แรงบิด500ที่1,600-1,800
1.ทีนี้ผมลองเหยียบเบาๆแต่รอบเกิน2,000ไปแล้วทำไมไม่เห็นดึงเลย
และผมก็ลองเหยียบเบาๆเกิน4,200รอบไม่เห็นแรงถึง204แรงม้าเลย
หรือว่าถ้าจะเหยียบให้ได้ตัวเลขตามเสปคต้องเหยียบมิดจาก0หรือป่าว ห้ามเหยียบเบาๆป้ะครับ
(http://www.po-40.com/Pajero/om651_01.jpg)
- กราฟแรงม้าแรงบิดสูงสุดที่เห็น ถ้ากดไม่เต็ม กราฟไม่ใช่รูปนี้จะเป็นรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกันนี้ แต่ค่าหดต่ำลง เหี่ยวเร็วกว่า
แต่แนวโน้มของแรงบิดช่่วงใกล้ๆ 1600-1800 รอบ ที่ % คันเร่งต่างๆกัน ก็จะยังคงมีแนวโน้มที่สูงอยู่
คือมีแรงดีในรอบต่ำๆ กดในช่วงรอบเครื่องต่ำๆนี้ ก็จะมีแรงบิดมาใช้แล้ว ไม่ต้องค่อยๆรอลากรอบแล้วมาดึงที่รอบปลาย
แต่ในเมื่อเจ้าของรถเหยียบน้อย แรงก็ออกมาน้อย มันก็ต้องไม่ดึงเป็นธรรมดาครับ
2.และอีกคำถาม500นิวตันที่1,600-1,800 คือทุกๆเกียร์ที่รอบขึ้น1,600ผมก็จะได้ใช้แรงบิด500นิวตันรึป่าวครับ
เช่นเกียร์1มาที่500นิวตันพอเลย1,800แรงบิดค่อยๆลดลงไป พอเกียร์2ก็มา500อีกแล้วลดลง เกียร์3ก็มา500 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆรึป่าวคับ
- ทุกๆเกียร์ที่รอบ 1600-1800 ควรจะได้รับสิทธิ์ใช้แรงบิด 500 Nm ที่่ว่านี้ก็จริง ถ้าเครื่องทำงานเต็มที่
แต่ถ้ากดไม่เต็ม ที่รอบเครื่องที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ 500 Nm ครับ
ต้องน้อยกว่านี้ กราฟก็หน้าตาคล้ายคลึงกัน
แต่ต้องรูปร่างเตี้ยกว่าตอนเครื่องทำงานเต็มที่
แต่ถ้ามันเป็ํนเกียร์ออโต้ ถ้ากดเต็มที่ยังไงมันก็สั่งลดเกียร์แน่นอน ดังนั้นหลังจากเีกียร์ 1 แล้ว
ยังมองไม่เห็นกรณีไหนที่ได้ใช้แรงบิด 500 Nm เต็มๆเลย
แม้ในตำแหน่งเกียร์ 1 เองถ้าเบิดแทรคชั่นคอนโทรลไว้ ก็ไม่ได้ใช้ 500 Nm เหมือนกัน
เพราะถ้ากดเต็มออกเกียร์ 1 ล้อจะฟรีแทรคชั่นคอนโทรลเ้ข้ามาจัดการแทบทุกครั้่ง
จริงๆแล้วแรงบิดที่เครื่องเท่าไหร่ก็ตาม ยังไงก็ต้องผ่านอัตราทดเกียร์ก่อน
ออกมาเป็นแรงบิดที่ขับล้อจริงๆ เครื่องเบนซินแรงบิดน้อยกว่า แต่พอผ่านอัตราทดเกียร์ เฟืองท้าย
แล้วได้แรงบิดที่ล้อออกมาพอๆกันเลยครับ กราฟแทบจะซ้อนทับกันเลยที่รอบปลายๆ
แรงบิด 500 Nm แต่อยู่ในรอบต่ำๆ มันก็จะดีในช่วงรอบต่ำๆนี้ กดไม่มากนัก แต่พุ่งค่อนข้างมาก
แต่ก็ไม่ได้ให้ผลเหมือนกับแรงบิด 500 Nm แต่อยู่ในรอบสูงๆ ในตอนที่เราจะซิ่ง
(แต่แน่นอนว่าโยกแรงบิดสูงๆไปอยู่ในรอบสูงได้ แรงม้าต้องได้เยอะกว่านี้)
รูปข้างล่างนี้ เอามาผ่านอัตราทดเกียร์ เฟืองท้ายออกมาเป็นแรงบิดที่ล้อที่ความเร็วต่างๆ คิดแบบหยาบๆไม่ได้คิดแรงต้านอะไรเลย
(http://www.po-40.com/Pajero/bg_01.jpg)
ถ้ากดเต็มตั้งแต่ออกตัว แล้วล้อไม่ฟรีเลย มันจะวิ่งด้วยแรงบิดเส้นสีดำ
จะเห็นเลยว่ากรณีนี้ กราฟแรงบิดที่ปูดๆตอนรอบ ต่ำไม่ได้ใช้งานเลยหลังผ่านเกียร์ 1 ไป
ส่วน flat torque หรือไม่ อยากจะให้ดูค่าของมันประ่กอบ เพราะว่าแม้ว่าแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำ
แล้วแผ่วลงตลอด แต่ถ้าดูค่าดีๆที่รอบเครื่อง 4000 rpm ยังมีแรงบิดเหลืออยู่ 350 Nm อยู่เลยนะครับ
สมมุติว่าเครื่องอีกตัวมีแรงบิดเป็น flat torque แต่ค่าต่ำกว่านี้ คิดเป็นแรงบิดที่ออกมาล้อก็อาจน้อยกว่านี้ก็ได้
(http://www.po-40.com/Pajero/bg_06.jpg)
ใน C ไม่รู้ว่าอาการคันเร่งจะหน่วงแบบ E ไหมนะครับ
ถ้าใน E ถ้าอยู่ๆกดคันเร่งสุดแบบเฉียบพลัน
มันจะหน่วงนิดนึงแล้วถึงจะเริ่มไป
และบางครั้่ง(ไม่ใช่ทุกครั้ง)
กดคันเร่งแล้ว พ้นช่วงหน่วงแล้ว แต่ก็ยังเหมือนมาไม่เต็ม รอบยังกวาดไปแบบหนืดๆ
ต้องรอสับขึ้นเกียร์ถัดไปทีนี้ถึงจะดึงแรง
(ทั้งๆที่คิดแรงบิดที่ล้อ @รอบปลายของเกียร์ต่ำก่อนสับขึ้นไปเีกียร์ถัดไป ยังมากกว่าแรงบิดรอบต่ำลงของเกียร์ถัดไป)
ก็ยังงงๆอาการของมันอยู่เหมือนกันครับ ทำให้บางทีขับแล้วกดลึกๆช่วงเวลาสั้นๆแป๊บเดียวเหมือนไม่แรง
แต่ถ้ากดยาวๆ อย่างน้อยๆพอได้สับขึ้นเกียร์ถัดไป ไล่ไปเรื่อยๆ อารมณ์ที่รู้สึุกได้ ไม่แย่ไปกว่ารถอื่น 200 ม้าแน่ๆครับ
-
กราฟข้างบนที่เป็น แรงบิด กับความเร็วในแต่ละเกียร์นี่ได้มายังไงครับ? น่าสนใจมากครับ
-
กราฟข้างบนที่เป็น แรงบิด กับความเร็วในแต่ละเกียร์นี่ได้มายังไงครับ? น่าสนใจมากครับ
ผมใช้ค่าจากกราฟแรงม้าแรงบิดในรูปแรกนะครับ แต่เอามาคิดแบบหยาบๆ
เอามาใ้ช้เพื่อดูแนวโน้มนะครับ ไม่ได้นำเรื่องแรงต้านต่างๆมาิคิด (และไม่น่าจะหาข้อมูลได้)
ทำคล้ายก็ตอนที่เราทำแลป วิชาวิทยาศาสตร์
ผมทำแบบหยาบๆนะครับ เพราะรูปกราฟมันไม่ซับซ้อน
ตีเส้นแนวดิ่งซอย ทุกๆ 250 รอบ เพื่อลงจุดวัดค่าแรงบิดที่รอบเครื่องต่างๆ
ตั้งแต่ 1000 , 1250 , 1500, ... , 4500
ค่า แรงบิด vs รอบเครื่อง
เอามาคำนวณ ผ่านอัตราทดเกียร์ อัตราทดเฟืองท้าย ขนาดของล้อ
โดยที่รอบเครื่องค่าหนึ่ง
แรงบิดที่ล้อ @ รอบเครื่องนั้น = แรงบิดที่รอบเครื่องนั้น x อัตราทดเกียร์ x อัตราทดเฟืองท้่าย
ความเร็วล้อ @ รอบเครื่องนั้น [Km/H] = RPM x 60 x เส้นรอบวงล้อ / (อัตราทดเกียร์ x อัตราทดเฟืองท้าย)
ข้อมูลอัตราทดเกียร์ เฟืองท้าย และขนาดล้อ ผมเอามาจากในรีวิวคุณจิมมี่เลยครับ
ทีนี้ก็จากข้อมูล แรงบิด VS รอบเครื่อง เราก็จะได้ชุดข้อมูล แรงบิดล้อ VS ความเร็ว ของแต่ละเกียร์
เอาค่าแรงบิด(แกน Y) และค่าความเร็วล้อ (แกน X) ของทุกๆเกียร์มารวมกันในกราฟเดียว
จริงๆน่าจะมีวิธีหรือโปรแกรมอื่นที่ดีและง่ายกว่านี้นะครับ
แต่ผมใช้ Excel ทำเพราะใ้ช้เป็นแต่โปรแกรมนี้ :P
ลองเทียบดูกับตอนที่รถวิ่งจริงมันก็สับเกียร์ ตรงตำแหน่งความเร็วใกล้เคียง กับรูปที่ 3 นะครับ
-
โหไม่ผิดหวังเลยครับที่มาถาม ขอบคุณจากใจจริงครับ มันค้างคาใจผมมาตั้งแต่ออกรถมาปีครึ่งแล้ว ขอบคุณมากๆครับคุณTorque
-
คุณ torque ใส่รายละเอียดมากระจ่างจริงๆ :o เครื่องดีเซลในยี่ห้ออื่นๆก็เป็นนะครับ ถ้าเหยียบไม่เต็มที่รือรอบสูงเลยช่วงแรงบิดสูงสุดไปแล้วจะรู้สึกว่าทำไมมันไม่แรงเท่าทึ่เคยเหยียบ คำตอบอยู่ที่นึ่เอง :-*
-
ข้างบนอธิบายละเอียดแล้ว ผมขอเพิ่มอีกหน่อย
รถเทอร์โบ ถ้าเหยียบน้อย เทอร์โบยังไม่บูสต์ครับ ต่อให้ขับไป4,000รอบ แต่เดินคันเร่งครึ่งเดียวเทอร์โบก็ยังไม่บูสต์ ขอยกตัวอย่างเช่น
กดครึ่งคันเร่ง บูสต์มารอที่0
กด3/4บูสต์0.5บาร์
กดมิดเต็มบูสต์
ถ้ามีบูสต์มิเตอร์จะดีมากครับ ไว้ดูบูสต์มากแรง บูสต์น้อยประหยัดน้ำมัน
รถเทอร์โบถ้าไม่มีบูสต์นี่ อัตราเร่งจะเหี่ยวมากครับ ช่วงไม่มีบูสต์ก็คือช่วงเทอร์โบแล็ค(รอรอบ)
รอให้ไอเสียมากพอที่จะไปปั่นเทอโบ กดคันเร่งมากไอเสียมาก
กดคันเร่งเบารถถึงไม่ดึงเพราะไอเสียไม่มากพอไปปั่นเทอร์โบครับ
-
ผมคิดว่าBenzเซ็ทคันเร่งไว้ให้นุ่มนวลเกินพอดีไปครับ ตอนนี้ขับAudiที่แรงม้าและแรงบิดพอๆกันแต่การตอบสนองคันเร่งไวกว่ามากๆเรียกว่ากดนิดเดียวรถก็จะพุ่งออกไปแทบจะทันทีเกือบเหมือนรถญี่ปุ่นเลยเชียวครับ