Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: J@K ที่ กันยายน 23, 2014, 19:13:40
-
พอดีไปเห็น New Nissan Teana ราคาอยู่ในงบที่วางไว้คือไม่เกิน 1.4 ล้านบาท รุ่น 2.0 XL Navi สังเกตุดูรูปทรง ระบบต่างๆดูหรูหรามากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่พอมาเห็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว (13.5 - 14.0 km./L.) ต้องเปลี่ยนใจ เกิดความลังเล อยากจะขอคำแนะนำว่ามีตัวไหนที่ดูหรูหราประมาณนี้ ราคาไม่เกิน 1.4 ล้านบาท อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน มากกว่า 15.5 km./L. บ้างไม ครับ
-
15 km/l ไม่เกิน 1.4m ก็ต้อง camry hybrid ส่วนลดเยอะๆ น่าจะได้อยู่ครับ
หรือไม่ก็เอาไปติดแก็ส D seg หายากสุดๆประหยัดขนาดนั้น :-*
-
พอดีไปเห็น New Nissan Teana ราคาอยู่ในงบที่วางไว้คือไม่เกิน 1.4 ล้านบาท รุ่น 2.0 XL Navi สังเกตุดูรูปทรง ระบบต่างๆดูหรูหรามากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่พอมาเห็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว (13.5 - 14.0 km./L.) ต้องเปลี่ยนใจ เกิดความลังเล อยากจะขอคำแนะนำว่ามีตัวไหนที่ดูหรูหราประมาณนี้ ราคาไม่เกิน 1.4 ล้านบาท อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน มากกว่า 15.5 km./L. บ้างไม ครับ
1. ตัวนี้แหละ แล้วติดแก๊ส (ผมชอบL33นะ แต่ภรรยาคำสั่งให้เอา J32)
2. รอ Xtrail ตัวใหม่ปลายปีครับ เดี๋ยวมาว่ากัน
-
อัตราสิ้นเปลืองระดับ15.5km/L นี้รถn/a มันจะมีหรอครับ
-
งบนั้น กินน้ำมันเท่านั้น D segment ตอนนี้ไม่น่ามีนะครับ
นั่งเต็มรถขนของเต็มรถ camry hybrid ผมยังได้ 14-15 เอง
-
ไม่แน่ใจว่าใช้เส้นทางไหนเป็นหลักครับ เพราะตัวเลข 13.5-14 Km/L นี่ ต้องรถน้อยพอสมควร
ผมใช้ 2.5 อยู่ ได้ที่ 9-10 Km/L เท่านั้นเองครับ
-
ชอบคันนี้ก็เอาคันนี้แหละครับ เดี๋ยวจะไม่มีความสุขในการใช้รถครับ แต่ลองคำนวณดูว่าถ้าขับจิงๆมันกินสัก10 โล/ลิตร อยู่ในงบค่าน้ำมันต่อเดือนที่เราตั้งไว้ป่าว ถ้าจะเลือกแค่ประหยัดมากขึ้น เดี๋ยวประหยัดกว่านิดเดียว แต่ได้รถที่ไม่ชอบนะครับ
-
ไม่แน่ใจว่าใช้เส้นทางไหนเป็นหลักครับ เพราะตัวเลข 13.5-14 Km/L นี่ ต้องรถน้อยพอสมควร
ผมใช้ 2.5 อยู่ ได้ที่ 9-10 Km/L เท่านั้นเองครับ
ขับในเมืองป่าวครับ 9-10 KM/L
ผมขับเส้นมิตรภาพได้ 13-14 KM/L ตลอดครับ
อยากได้ 15+ ต้อง eco car , b-segment , c-segment น่าจะได้
-
Accord ใกล้เคียงที่สุดแล้ว แต่ต้องเติมเบนซิน 95 นะครับ
D-seg เครื่อง 2.0 อย่าไปถามหาความประหยัดมากครับ
-
ต้องขับนอกเมืองและรถไม่เยอะขับไม่เร็วเกินนะครับถึงจะได้ขนาดนั้น นี้ยังไม่พูดถึงว่าเป็นรถอะไรนะครับ
และไม่แน่ใจด้วยว่าขับในเมืองจะมีรถอะไรที่ได้เกิน 15 กิโล/ลิตรมั้ง
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
-
มากกว่า 15 เครื่องเบนซิน นึกไม่ออกเลยครับ แต่ถ้าเป็น segment ต่ำกว่านี้ได้ครับ
-
ถ้าใช้ในเมือง ย้ำในเมือง ตอนเลิกงาน ตามเส้นทางรถติด
ได้เห็น 6 กิโลลิตร แน่ๆ
ตัวเลข 13-14 km เป็นตัวเลขชวนฝัน ต้องวิ่งต่างจังหวัด แบบ วิ่งลอยตัว นานๆๆ แตะเบรคที และ ไม่ต้องลากรอบ
ซื้อตัว 2.0 รุ่นนี้ ตอนเบื่อแล้ว และ อยากจะขายทิ้ง อาจจะราคาตกเยอะ หรือ ขายยาก กว่า แบรนด์อืืนๆ เพราะ ใครๆ ก็รู้กันแล้วว่า รุ่นนี้ โครตกินน้ำมัน
ถ้าไม่แคร์เรื่องราคาขายต่อ เพื่อเอาเงินมาเติมซื้อคันใหม่ในอนาคต ก็น่าจะไม่แคร์เรื่องค่าน้ำมัน จัดเลยครับ ขับดีกว่า Accord แต่ขายไม่ดี
(ถ้าไม่นับ design รถเป็นปัจจัย)
ระหว่าง
รถขับดีมาก แต่กินน้ำมันมาก
กับ
รถขับดีพอใช้ แต่กินน้ำมันน้อยสุดในรุ่น
กับ
รถขับดีพอใช้ กินน้ำมันมาก แต่ไม่มากที่สุด แต่ขายต่อดีสุด
คนส่วนใหญ๋ จะเลือกแบบไหน ?
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่เสมอไปมั๊งครับ
-
ยากครับ งบ 1.4 ล้าน ได้เครื่อง NA ไม่ใช่ไฮบริทแน่นนอน
อัตราที่ทดสอบไม่ว่าจะของเว๊ปอื่น หรือของคุณจิมมี่ก็ไม่ได้เท่าใช้จริงหรอกครับ
เวลาเราใช้จริงมีช่วงติดไฟแดง ติดเครื่องให้แอร์เย็นแต่ลงไปซื้อของ. ฯลฯ
อย่าง camry. 2.0. ของผม ผลทดสอบได้ 11-12 km/l. ใช้จริงได้เกิน 10 km/l. นี่หรูแล้วครับ
เครื่อง 2.0 มันกินน้ำมันกว่าแน่นนอนครับ รถน้ำหนักเยอะแต่เครื่องสร้างแรงบิดได้น้อยการจะลากตัวถังหนักๆก็ต้องเหยียบคันเร่งมากกว่าเป็นธรรมดา
เอาเข้าจริงถ้าอยากได้ 15 km/l. รถ c-seg. NA ก็ทำได้ยากนะครับ เพราะฉนั้นต้องทำใจยอมรับเรื่องอัตราสิ้นเปลืองให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องติดแก๊สครับ
-
ถ้าใช้ในเมือง ย้ำในเมือง ตอนเลิกงาน ตามเส้นทางรถติด
ได้เห็น 6 กิโลลิตร แน่ๆ
ตัวเลข 13-14 km เป็นตัวเลขชวนฝัน ต้องวิ่งต่างจังหวัด แบบ วิ่งลอยตัว นานๆๆ แตะเบรคที และ ไม่ต้องลากรอบ
ซื้อตัว 2.0 รุ่นนี้ ตอนเบื่อแล้ว และ อยากจะขายทิ้ง อาจจะราคาตกเยอะ หรือ ขายยาก กว่า แบรนด์อืืนๆ เพราะ ใครๆ ก็รู้กันแล้วว่า รุ่นนี้ โครตกินน้ำมัน
ถ้าไม่แคร์เรื่องราคาขายต่อ เพื่อเอาเงินมาเติมซื้อคันใหม่ในอนาคต ก็น่าจะไม่แคร์เรื่องค่าน้ำมัน จัดเลยครับ ขับดีกว่า Accord แต่ขายไม่ดี
ระหว่าง
รถขับดีมาก แต่กินน้ำมันมาก
กับ
รถขับดีพอใช้ แต่กินน้ำมันน้อย
กับ
รถขับดี กินน้ำมันนิดๆ
คนส่วนใหญ๋ จะเลือกแบบไหน ?
เห็นด้วยเรื่องกินน้ำมันครับ รถ size นี้ เครื่องเท่านี้ เอามาขับใน กทม รถติดๆ ผมเดาว่าน่าจะ 6-7 km/L
ขนาด honda jazz GE เกียร์ auto ของที่บ้่าน ขับในเมืองรถติดๆ ยังได้แค่ 8-9 km/L
(แต่ขับแบบวัยรุ่น ไม่ eco นะครับ ) ;D ;D ;D
ปล ต่อให้รถดีแค่ไหน แต่ตอนเติมน้ำมัน คำนวณออกมาได้ km/L แบบเปลือง นี่มันช้ำใจจริงๆ ครับ :D
-
ใช้รถต่อเดือน ระยะทางมากน้อยแค่ไหน ถ้าปีละ ไม่เกิน 20000 กม ไม่น่าต้องกังวลค่าน้ำมัน เลือกคันที่ชอบที่สุดดีกว่า เวลาขับจะได้ รู้สึกดี ครับ
ค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นไม่มากจนต้องคิดมาก ส่วนตัวเลขที่ได้มา 13.5-14 km/l ถ้าขับในเมืองเป็นไปได้ยากนะ เกิน 10 ก็หรูแล้ว
แต่ถ้าวิ่งรถมาก และกังวลค่าน้ำมัน คงต้องเลือกคันอื่น
-
ถ้าปีนึงวิ่งไม่เยอะ เลือกรถที่ชอบดีกว่าครับ
ไม่งั้นก็ติดแก๊สไปเลย ในคลับก็ติดเยอะพอสมควร ปัญหาก็มีบ้าง
-
อัตรานั้น วีออส ยังทำยากนะครับ
ยิ่งถ้าในเมือง วิ่งแล้ว หยุดๆ ไม่ต้องถึง ดีเซกเมนต์หรอก
วีออส ซิตี้ ยังทำไม่ได้เลยนะครับ
-
ของผมใช้รุ่นเดิมก่อนเปลี่ยนโฉมเครื่อง 2.5 ใช้ในเมืองระหว่างพร้อมพงษ์กับพระราม 2 น้ำมันบริษัทออก บางวันมี 5 โลลิตรนะครับขอบอก แต่เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6 - 8 ครับสำหรับการเดินทาง 50 กิโล (ไปกลับ) และเวลาเดินทางรวมทั้งสองเที่ยวประมาณ 3 ชั่วโมงครับ ถ้าจะเอาจริงๆต้องดูว่าขับอยู่ช่วงไหนครับ การจราจรเป็นยังไงครับ
ถ้าคลานๆในเมืองอย่างผมนี่ เตรียมค่าน้ำมันไว้ 15,000 - 20,000 ต่อเดือนครับ แต่ถ้าจะติดแก๊สนั่นก็อีกเรื่องนึงคับ
อ้อ บางวันก็เอา Camry HV ACV 40 มาใช้ โดยรวมแล้วจะประหยัดกว่าครับ จะได้ที่ประมาณ 10 - 12.5 ถ้ารถติดสุดๆเลยก็ 9 ครับ
-
ถอยรถราคาเป็นล้าน คิดมากกับอัตราสิ้นเปลืองเกินไปหรือเปล่า รถติด ๆ อีโคคาร์ยังไม่ได้ถึง 15 km/l เลยครับ หาตัวเลือกเกิน 15 ผมว่าหายากพอสมควรคงต้องเป็นรถเฉพาะ ดูริวิวคุณjimmy แล้วจิ้มหาดูดีกว่า แต่การเลือกรถมันน่าจะมีปัจจัยอื่นมากกว่าการกินน้ำมัน
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
ค่อนข้างเห็นด้วยครับ
แฟนผมขับ City แต่เบิกค่าน้ำมันกับ บริษัทของลุงได้ น้ำมันซดแค่ไหนก็ไม้สะท้าน ขับแบบไม่สนความประหยัดเลย ขับแบบมีความสุขสุดๆ เดือนนึงค่าน้ำมันประมาณ 8-9 พัน (ขับไม่ค่อยเยอะ)
ส่วนผมขับ G9 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันเท่าไรครับ ส่งรถก็เดือนละ 23,xxx แล้ว แถมขับเดือนละ 8-9 พันโล ค่าน้ำมันปาไปเกือบเดือนละ 4 หมื่น รวมกินใช้ ไหนจะผ่อน ฯลฯ เงินเดือนแสนนึงยังอ่วมเลยครับ ฮ่าๆ
ก็เลยจับติดแก๊สซะ! ค่าแก๊ส+น้ำมันไว้สตาร์ทหรือแก๊สหมด เหลือเดือนละประมาณ 15,000 จาก 4 หมื่นกว่าๆ จากหน้าซีดๆเหลืองๆ ตอนนี้หน้าค่อยมีสง่าราศรี(เพราะมีตังค์ไปบำรุงหน้าบ้าง แถมเงินที่เหลือเลยไปสมัครฟิตเนสปั้นกล้ามซะเลย!)
อย่าง F30 ที่เลือกซื้อ ก็เพราะความประหยัดสุดๆนี่แหละครับ ถ้าทนขับ 120 ตลอดทางได้ ก็ไม่เคยเกิน 1.7 บาท/กม. (ถนนบ้านนอก) ไม่ต้องถวิลหาแก๊สเลย
คนเรากิเลศต่างกัน ปัจจัย 4 ไม่เท่ากัน มันก็พูดยากนะครับ
ส่วนตัวผมจะแคร์เรื่องค่าเชื้อเพลิงมาก ถ้าควักเอง แต่ถ้าวันไหนมีคนเติมให้ หรือเนียนๆไปเบิกค่าน้ำมันกับใครได้ วันนั้นผมไม่แคร์อัตราสิ้นเปลืองเลย แคร์ว่าจะมีใครแซงมากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนคำถามของพี่ จขกท.
ผมมีความเห็นว่า ซื้อ Teana ไปเลยครับ ถ้าชอบจริงๆ อัตราสิ้นเปลืองไม่หนีกันเท่าไรหรอกครับ ยกตัวอย่าง ถึง G9 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเท้าหนักๆ มันก็กินกว่า L33 ที่ขับแบบชิลๆ แน่นอน อยู่ที่พฤติกรรมการขับเป็นหลักด้วยนะผมว่า
ถ้าปรับที่ตัวรถไม่ได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าครับ แถมได้รถที่ชอบ ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ว่า รู้งี้....รูงั้น.....
สุดท้าย
ติดแก๊สเลยครับ 555
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
ค่อนข้างเห็นด้วยครับ
แฟนผมขับ City แต่เบิกค่าน้ำมันกับ บริษัทของลุงได้ น้ำมันซดแค่ไหนก็ไม้สะท้าน ขับแบบไม่สนความประหยัดเลย ขับแบบมีความสุขสุดๆ เดือนนึงค่าน้ำมันประมาณ 8-9 พัน (ขับไม่ค่อยเยอะ)
ส่วนผมขับ G9 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันเท่าไรครับ ส่งรถก็เดือนละ 23,xxx แล้ว แถมขับเดือนละ 8-9 พันโล ค่าน้ำมันปาไปเกือบเดือนละ 4 หมื่น รวมกินใช้ ไหนจะผ่อน ฯลฯ เงินเดือนแสนนึงยังอ่วมเลยครับ ฮ่าๆ
ก็เลยจับติดแก๊สซะ! ค่าแก๊ส+น้ำมันไว้สตาร์ทหรือแก๊สหมด เหลือเดือนละประมาณ 15,000 จาก 4 หมื่นกว่าๆ จากหน้าซีดๆเหลืองๆ ตอนนี้หน้าค่อยมีสง่าราศรี(เพราะมีตังค์ไปบำรุงหน้าบ้าง แถมเงินที่เหลือเลยไปสมัครฟิตเนสปั้นกล้ามซะเลย!)
อย่าง F30 ที่เลือกซื้อ ก็เพราะความประหยัดสุดๆนี่แหละครับ ถ้าทนขับ 120 ตลอดทางได้ ก็ไม่เคยเกิน 1.7 บาท/กม. (ถนนบ้านนอก) ไม่ต้องถวิลหาแก๊สเลย
คนเรากิเลศต่างกัน ปัจจัย 4 ไม่เท่ากัน มันก็พูดยากนะครับ
ส่วนตัวผมจะแคร์เรื่องค่าเชื้อเพลิงมาก ถ้าควักเอง แต่ถ้าวันไหนมีคนเติมให้ หรือเนียนๆไปเบิกค่าน้ำมันกับใครได้ วันนั้นผมไม่แคร์อัตราสิ้นเปลืองเลย แคร์ว่าจะมีใครแซงมากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนคำถามของพี่ จขกท.
ผมมีความเห็นว่า ซื้อ Teana ไปเลยครับ ถ้าชอบจริงๆ อัตราสิ้นเปลืองไม่หนีกันเท่าไรหรอกครับ ยกตัวอย่าง ถึง G9 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเท้าหนักๆ มันก็กินกว่า L33 ที่ขับแบบชิลๆ แน่นอน อยู่ที่พฤติกรรมการขับเป็นหลักด้วยนะผมว่า
ถ้าปรับที่ตัวรถไม่ได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าครับ แถมได้รถที่ชอบ ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ว่า รู้งี้....รูงั้น.....
สุดท้าย
ติดแก๊สเลยครับ 555
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ
ทำงานอะไรทำไมใช้รถเยอะมากๆเลยครับ เดือนละ 8-9 พันโล
แบบนี้ติดแก้สไม่เกิน 2 เดือนก็คืนทุนแล้ว เหลือเงินเที่ยวเพียบเลย ฮ่าๆ
-
ใช้ L33 อยู่ ครับ ขนาด ขับแค่ไปกลับ บ้าน-office วันนึง แค่ไม่เกิน 30 ก.ม ค่าน้ำมันยังเดือนละ 10000 เลย ถ้าห่วงเรื่องน้ำมัน แนะนำให้เลี่ยง D segment ครับ แต่ถ้าพูดถึงความ ลงตัวด้านอื่นๆ ถือว่า perfect ครับ
-
เบนซิน ในเมือง หาได้บอกผมด้วย
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
ค่อนข้างเห็นด้วยครับ
แฟนผมขับ City แต่เบิกค่าน้ำมันกับ บริษัทของลุงได้ น้ำมันซดแค่ไหนก็ไม้สะท้าน ขับแบบไม่สนความประหยัดเลย ขับแบบมีความสุขสุดๆ เดือนนึงค่าน้ำมันประมาณ 8-9 พัน (ขับไม่ค่อยเยอะ)
ส่วนผมขับ G9 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันเท่าไรครับ ส่งรถก็เดือนละ 23,xxx แล้ว แถมขับเดือนละ 8-9 พันโล ค่าน้ำมันปาไปเกือบเดือนละ 4 หมื่น รวมกินใช้ ไหนจะผ่อน ฯลฯ เงินเดือนแสนนึงยังอ่วมเลยครับ ฮ่าๆ
ก็เลยจับติดแก๊สซะ! ค่าแก๊ส+น้ำมันไว้สตาร์ทหรือแก๊สหมด เหลือเดือนละประมาณ 15,000 จาก 4 หมื่นกว่าๆ จากหน้าซีดๆเหลืองๆ ตอนนี้หน้าค่อยมีสง่าราศรี(เพราะมีตังค์ไปบำรุงหน้าบ้าง แถมเงินที่เหลือเลยไปสมัครฟิตเนสปั้นกล้ามซะเลย!)
อย่าง F30 ที่เลือกซื้อ ก็เพราะความประหยัดสุดๆนี่แหละครับ ถ้าทนขับ 120 ตลอดทางได้ ก็ไม่เคยเกิน 1.7 บาท/กม. (ถนนบ้านนอก) ไม่ต้องถวิลหาแก๊สเลย
คนเรากิเลศต่างกัน ปัจจัย 4 ไม่เท่ากัน มันก็พูดยากนะครับ
ส่วนตัวผมจะแคร์เรื่องค่าเชื้อเพลิงมาก ถ้าควักเอง แต่ถ้าวันไหนมีคนเติมให้ หรือเนียนๆไปเบิกค่าน้ำมันกับใครได้ วันนั้นผมไม่แคร์อัตราสิ้นเปลืองเลย แคร์ว่าจะมีใครแซงมากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนคำถามของพี่ จขกท.
ผมมีความเห็นว่า ซื้อ Teana ไปเลยครับ ถ้าชอบจริงๆ อัตราสิ้นเปลืองไม่หนีกันเท่าไรหรอกครับ ยกตัวอย่าง ถึง G9 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเท้าหนักๆ มันก็กินกว่า L33 ที่ขับแบบชิลๆ แน่นอน อยู่ที่พฤติกรรมการขับเป็นหลักด้วยนะผมว่า
ถ้าปรับที่ตัวรถไม่ได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าครับ แถมได้รถที่ชอบ ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ว่า รู้งี้....รูงั้น.....
สุดท้าย
ติดแก๊สเลยครับ 555
+1
-
ติดแก๊สจบเลยปัญหานี้ เดี๋ยวนี้รถกลุ่มนี้ติดกันเยอะแยะครับ
ไม่ก็รอ Teana Hybrid แต่ราคาคงเกินงบไปเยอะ
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
ค่อนข้างเห็นด้วยครับ
แฟนผมขับ City แต่เบิกค่าน้ำมันกับ บริษัทของลุงได้ น้ำมันซดแค่ไหนก็ไม้สะท้าน ขับแบบไม่สนความประหยัดเลย ขับแบบมีความสุขสุดๆ เดือนนึงค่าน้ำมันประมาณ 8-9 พัน (ขับไม่ค่อยเยอะ)
ส่วนผมขับ G9 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันเท่าไรครับ ส่งรถก็เดือนละ 23,xxx แล้ว แถมขับเดือนละ 8-9 พันโล ค่าน้ำมันปาไปเกือบเดือนละ 4 หมื่น รวมกินใช้ ไหนจะผ่อน ฯลฯ เงินเดือนแสนนึงยังอ่วมเลยครับ ฮ่าๆ
ก็เลยจับติดแก๊สซะ! ค่าแก๊ส+น้ำมันไว้สตาร์ทหรือแก๊สหมด เหลือเดือนละประมาณ 15,000 จาก 4 หมื่นกว่าๆ จากหน้าซีดๆเหลืองๆ ตอนนี้หน้าค่อยมีสง่าราศรี(เพราะมีตังค์ไปบำรุงหน้าบ้าง แถมเงินที่เหลือเลยไปสมัครฟิตเนสปั้นกล้ามซะเลย!)
อย่าง F30 ที่เลือกซื้อ ก็เพราะความประหยัดสุดๆนี่แหละครับ ถ้าทนขับ 120 ตลอดทางได้ ก็ไม่เคยเกิน 1.7 บาท/กม. (ถนนบ้านนอก) ไม่ต้องถวิลหาแก๊สเลย
คนเรากิเลศต่างกัน ปัจจัย 4 ไม่เท่ากัน มันก็พูดยากนะครับ
ส่วนตัวผมจะแคร์เรื่องค่าเชื้อเพลิงมาก ถ้าควักเอง แต่ถ้าวันไหนมีคนเติมให้ หรือเนียนๆไปเบิกค่าน้ำมันกับใครได้ วันนั้นผมไม่แคร์อัตราสิ้นเปลืองเลย แคร์ว่าจะมีใครแซงมากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนคำถามของพี่ จขกท.
ผมมีความเห็นว่า ซื้อ Teana ไปเลยครับ ถ้าชอบจริงๆ อัตราสิ้นเปลืองไม่หนีกันเท่าไรหรอกครับ ยกตัวอย่าง ถึง G9 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเท้าหนักๆ มันก็กินกว่า L33 ที่ขับแบบชิลๆ แน่นอน อยู่ที่พฤติกรรมการขับเป็นหลักด้วยนะผมว่า
ถ้าปรับที่ตัวรถไม่ได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าครับ แถมได้รถที่ชอบ ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ว่า รู้งี้....รูงั้น.....
สุดท้าย
ติดแก๊สเลยครับ 555
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ
ทำงานอะไรทำไมใช้รถเยอะมากๆเลยครับ เดือนละ 8-9 พันโล
แบบนี้ติดแก้สไม่เกิน 2 เดือนก็คืนทุนแล้ว เหลือเงินเที่ยวเพียบเลย ฮ่าๆ
ที่วิ่ง 8-9 พันต่อเดือน ไม่ได้วิ่งในงานเลยครับ
พอดีแฟนผมอยู่ปทุม ส่วนผมอยู่พิดโลก ไปกลับประมาณ 600 โล อาทิตนึงผมไปๆมา 2-3 ครั้ง เดือนนึงก็ราวๆ 10 ครั้ง ส-อ ก็เที่ยวทีนึงไม่ต่ำ 500 โล เพราะบ้านนอก แค่ขับไปในเมือง ไปกลับก็ 200 กว่าโลแล้ว
ยังไม่นับไปเที่ยวไกลๆ พอเฉลี่ยออกมา ก็ตกใจเหมือนกันครับ เหมือนขับรถวันละ 300 โล ทุกวัน
(บางวันขับพันกว่าโล บางวันก็ไม่ได้ไปไหน)
ตอนผมเอารถไปเช็คระยะ พนง.รับรถ ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า พึ่งเข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเองนี่ค่ะ แต่พอดูเลขไมล์ พนง.ก็ตกใจเบาๆ แล้วบอกว่ารถน้องใช้งานหนักมาก 2 เดือนขับไป 16,000 โล
(ผมลากเช็คระยะ)
คือบ้านผมเป็นท่าข้าว ช่วงไหนไม่มีข้าว ก็จะว่างลั๊นลาได้ครับ แต่ถ้าหน้าข้าวออก ก็คงไม่ขับเนอะขนาดนี้ ฮ่าๆ
ปล.ผมยังอยากเอา G9 ไปทำรถเช่า+คนขับ อยู่เลยครับ ขอค่าขับสักวันละ 700 พอ แก๊สจ่ายตามจริง
เพราะผมชอบขับรถมากๆ ใครจะไปไหนผมก็ชอบอาสาพาไป แต่ถ้ามันได้ตังด้วยก็น่าจะดี แต่ก็ยังคิดๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง + กลัวๆ ด้วย
-
รถ D-segment ที่ไม่ใช่ Hybrid ถ้าเน้นใช้งานในเมือง ทำใจเรื่องน้ำมันครับ ไม่ว่ายี่ห้อไหน
เพราะรถหนัก ถ้าเจอรถติดๆก็คงโดน 6-9 โลลิตร ไม่มีข้าม 10 ให้เห็นง่ายๆหรอกครับ แต่ก็ยังกินน้อยกว่ารถยุโรปเครื่อง 6 สูบ
L33 เครื่อง 2.0 ถ้าจำไม่ผิด เป็นเครื่องเดียวกับ J32 ซึ่งเครื่องตัวนี้ สามารถติดแก๊สได้ครับ
หรือถ้าไม่อยากติดแก๊ส ลองไปดู Camry HV CD ขอส่วนลดแบบที่ rep บนบอก
หรือจะไปเอา Accord G9 ก็ได้ เพราะเติม E85 หารออกมา คงประหยัดใช้ได้อยู่ น่าจะตกไม่เกิน 3.5 บาท/กม
ไม่งั้นก็ต้องเล่นพวก B/C Segment แล้ว
-
ถ้ามีเงินซื้อรถล้านกว่าน่าจะมีเงินเติมน้ำมันได้นะครับ
ไม่งั้นก็ลองมอง c seg ดู แล้วเก็บเงินที่เหลือไว้เติมน้ำมันครับ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เพราะเห็นรถสมัยนี้ราคา เกือบ 2m หรือ 2m+ ก็ชูจุดขายที่การประหยัดน้ำมันทั้งนั้น
เช่น Accord Hybird, Prius, Camry Hybrid, E200 NGT, F10 520d, 525d, F30 320d, 325d
พวกที่ไม่แคร์น้ำมันน่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเบิกค่าน้ำมันจากบริษัทได้ หรือรถวันหยุด
ขับอาทิตย์ละ 2-3 วัน
ปล. ผมว่าหมดยุครถแพงไม่แคร์ราคาน้ำมันแล้วนะครับสมัยนี้
ค่อนข้างเห็นด้วยครับ
แฟนผมขับ City แต่เบิกค่าน้ำมันกับ บริษัทของลุงได้ น้ำมันซดแค่ไหนก็ไม้สะท้าน ขับแบบไม่สนความประหยัดเลย ขับแบบมีความสุขสุดๆ เดือนนึงค่าน้ำมันประมาณ 8-9 พัน (ขับไม่ค่อยเยอะ)
ส่วนผมขับ G9 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยมีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันเท่าไรครับ ส่งรถก็เดือนละ 23,xxx แล้ว แถมขับเดือนละ 8-9 พันโล ค่าน้ำมันปาไปเกือบเดือนละ 4 หมื่น รวมกินใช้ ไหนจะผ่อน ฯลฯ เงินเดือนแสนนึงยังอ่วมเลยครับ ฮ่าๆ
ก็เลยจับติดแก๊สซะ! ค่าแก๊ส+น้ำมันไว้สตาร์ทหรือแก๊สหมด เหลือเดือนละประมาณ 15,000 จาก 4 หมื่นกว่าๆ จากหน้าซีดๆเหลืองๆ ตอนนี้หน้าค่อยมีสง่าราศรี(เพราะมีตังค์ไปบำรุงหน้าบ้าง แถมเงินที่เหลือเลยไปสมัครฟิตเนสปั้นกล้ามซะเลย!)
อย่าง F30 ที่เลือกซื้อ ก็เพราะความประหยัดสุดๆนี่แหละครับ ถ้าทนขับ 120 ตลอดทางได้ ก็ไม่เคยเกิน 1.7 บาท/กม. (ถนนบ้านนอก) ไม่ต้องถวิลหาแก๊สเลย
คนเรากิเลศต่างกัน ปัจจัย 4 ไม่เท่ากัน มันก็พูดยากนะครับ
ส่วนตัวผมจะแคร์เรื่องค่าเชื้อเพลิงมาก ถ้าควักเอง แต่ถ้าวันไหนมีคนเติมให้ หรือเนียนๆไปเบิกค่าน้ำมันกับใครได้ วันนั้นผมไม่แคร์อัตราสิ้นเปลืองเลย แคร์ว่าจะมีใครแซงมากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนคำถามของพี่ จขกท.
ผมมีความเห็นว่า ซื้อ Teana ไปเลยครับ ถ้าชอบจริงๆ อัตราสิ้นเปลืองไม่หนีกันเท่าไรหรอกครับ ยกตัวอย่าง ถึง G9 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเท้าหนักๆ มันก็กินกว่า L33 ที่ขับแบบชิลๆ แน่นอน อยู่ที่พฤติกรรมการขับเป็นหลักด้วยนะผมว่า
ถ้าปรับที่ตัวรถไม่ได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าครับ แถมได้รถที่ชอบ ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ว่า รู้งี้....รูงั้น.....
สุดท้าย
ติดแก๊สเลยครับ 555
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ
ทำงานอะไรทำไมใช้รถเยอะมากๆเลยครับ เดือนละ 8-9 พันโล
แบบนี้ติดแก้สไม่เกิน 2 เดือนก็คืนทุนแล้ว เหลือเงินเที่ยวเพียบเลย ฮ่าๆ
ที่วิ่ง 8-9 พันต่อเดือน ไม่ได้วิ่งในงานเลยครับ
พอดีแฟนผมอยู่ปทุม ส่วนผมอยู่พิดโลก ไปกลับประมาณ 600 โล อาทิตนึงผมไปๆมา 2-3 ครั้ง เดือนนึงก็ราวๆ 10 ครั้ง ส-อ ก็เที่ยวทีนึงไม่ต่ำ 500 โล เพราะบ้านนอก แค่ขับไปในเมือง ไปกลับก็ 200 กว่าโลแล้ว
ยังไม่นับไปเที่ยวไกลๆ พอเฉลี่ยออกมา ก็ตกใจเหมือนกันครับ เหมือนขับรถวันละ 300 โล ทุกวัน
(บางวันขับพันกว่าโล บางวันก็ไม่ได้ไปไหน)
ตอนผมเอารถไปเช็คระยะ พนง.รับรถ ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า พึ่งเข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเองนี่ค่ะ แต่พอดูเลขไมล์ พนง.ก็ตกใจเบาๆ แล้วบอกว่ารถน้องใช้งานหนักมาก 2 เดือนขับไป 16,000 โล
(ผมลากเช็คระยะ)
คือบ้านผมเป็นท่าข้าว ช่วงไหนไม่มีข้าว ก็จะว่างลั๊นลาได้ครับ แต่ถ้าหน้าข้าวออก ก็คงไม่ขับเนอะขนาดนี้ ฮ่าๆ
ปล.ผมยังอยากเอา G9 ไปทำรถเช่า+คนขับ อยู่เลยครับ ขอค่าขับสักวันละ 700 พอ แก๊สจ่ายตามจริง
เพราะผมชอบขับรถมากๆ ใครจะไปไหนผมก็ชอบอาสาพาไป แต่ถ้ามันได้ตังด้วยก็น่าจะดี แต่ก็ยังคิดๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง + กลัวๆ ด้วย
ตั้งเฟสบุ๊ด
รับส่ง กรุงเทพ- มอนอครับ
รับแต่นักศึกษาชาย อิอิอิ (รับหญิง คงโดนแฟนทิ้งแน่ๆ 555+) รับแค่ 4 คน ค่าโดยสารคนละ 300 บาทเท่ารถทัวร์ ก็ได้แล้วค่าน้ำมันรถไปกลับกรุงเทพ 555+
-
จากงบ จขกท. ถ้าเจาะจง d seg ก็จะได้เป็นเครื่อง 2.0 ธรรมดา
หากเน้นประหยัดจ๋า จากการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เห็นทีจะไม่มีคันไหนตอบโจทย์ได้แน่นอนล่ะครับ
แต่ถ้า จขกท. ใช้งานอยู่ ตจว. เป็นคนขับรถเรื่อยๆ เจ้า L33 2.0 ก็พอมีความประหยัดให้เห้นได้บ้างนะครับ :)
วันนี้ผมขับเจ้า L33 2.0 พะเยา-เชียงราย
ตัวเลขที่ได้ตามภาพครับ...
ภาพแรก 18.7km/l ที่ระยะทาง 100km พอดี
ภาพที่สอง ตอนกลับถึงบ้าน 17.3km/l ที่ระยะทาง 218km ขากลับ มีแวะธุระในตัวเมืองเชียงราย และเป็นช่วงเลิกงานพอดี รถเยอะหน่อย
ถ้าวิ่งในเมืองเต็มๆ ตัวเลขความสิ้นเปลือง มีหนาวครับ ;D
ปล. รถใช้ E20 ทางโล่งเปิด cruise วิ่่ง 100 ถ้าผ่านชุมชน หรือช่วงรถเยอะก็วิ่งไหลตามกันไปครับ
พะเยา-เชียงราย จะมีแยกไฟแดงเยอะหน่อย ไปกลับ น่าจะประมาณ 20+ จุดครับ