Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ เมษายน 30, 2016, 13:31:14
-
ผมสังเกตว่า Nissan Xtrail Hybrid ขายดีมาก เพราะคนซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่า ราคาไม่แพง ไม่กลัวเรื่องราคาตกหรือจุกจิก ต่างจาก Prius ที่ขายแพงมากๆ จนไม่คุ้มที่จะต้องจ่ายค่าระบบไฮบริด รวมถึงพวก Civic Hybrid ที่ไม่ใช่ Full hybrid ด้วยซ้ำแต่ราคาพอๆ กับตัวท็อป 2.0 จนไม่รู้ว่าจะซื้อไปให้ประหยัดหรือเปลืองดี
พวก D-segment Hybrid ก็ขายแพงจนราคาแตะๆ รถยุโรป แถมราคาก็ร่วงกราวอีกต่างหาก
ทั้งหมดนี้ทำให้คนมองว่าระบบ Hybrid นั้นเป็นระบบที่สิ้นเปลือง ได้ไม่คุ้มเสีย ลองมองย้อนกลับไป ถ้าเกิดว่า Toyota เปิดตัว Prius ซัก 7-8 แสน อาจจะทำให้รถยนต์ Hybrid ในบ้านเราขายดีกว่าในปัจจุบันรึเปล่าครับ
-
มันหลายอย่างรวมๆกันแหละครับ ขายแพงเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลมาก
คือคนซื้อ hybrid ทั่วไปคงหวังความประหยัดน้ำมันจากมัน ไม่ได้ซื้อมาขับเพื่อรักษ์โลก
ซึ่งมันคือความย้อนแย้งที่อยากได้รถประหยัดน้ำมัน แต่ต้องซื้อรถมาในราคาแพงมาก และยังต้องเป็นห่วงเรื่องบำรุงรักษากับราคาขายต่ออีก
สู้ซื้อตัวถูกเอาส่วนต่างไปเติมน้ำมันได้ยันขายรถ แถมไม่ต้องห่วงเรื่องบำรุงรักษาด้วย
ถ้าราคามันมาแบบสมเหตุสมผลมันก็ช่วยให้เอาไปหักลบกับความกังวลอื่นๆและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
-
ราคาขายมันไม้ไ่ด้แพงไปหรอกครับ แต่ที่เขามองว่าแพงคือค่าซ่อมส่วนควบอะไหล่อื่นที่ไม่ใช่แบตเตอรี่มันแพงทุกรายการเลยมากกว่ารถปกติ แล้วก็แบตเตอรี่ไฮบริดที่ทาง TOYOTA รับประกันว่าไม่เสียตลอดอายุการใช้งานเอาเข้าจริงในเวลาประกัน 10 ปีมันก็มีเสียให้เห็น ถ้าเกิน 10 ปีไปแล้วก็ไม่มีใครรับผิดชอบเปลี่ยนให้ฟรีอีกต้องจ่ายเองซึ่งต้องเตรียมเงิน 1 แสนนิด ๆ รวมเปลี่ยน ยังไงก็เสียช้าเร็วก็เสีย คนซื้อมือ 2 หรือคนใช้รถเกิน 10 ปีเขารับไม่ไ่ด้ต่างหาก
-
ถ้าราคาค่าซ่อมอะไหล่ชิ้นส่วน Hybrid มัน ถูกๆ น่ะ
ราคารถ Hybrid จะไม่แพงเลยครับ แต่เพราะค่าซ่อมมันแพง
อะไหล่แต่ละตัวก็แพง เวลามีปัญหาค่าซ่อมแพงมาก
มันเลยทำให้ตัวรถที่ซื้อมาแพงเพื่อหวังการประหยัด
แต่มาเจอค่าซ่อมแพงๆ มันเลยไม่คุ้มไปโดนปริยายครับ
นี่ไม่นับรวมตอนขายรถที่โดนโขกสับกดราคาแบบน่าเกลียดอีกนะครับ
ส่วนตัวผม เลิกใช้ Hybrid อีกตลอดชีวิตครับ ไม่เอาอีกแล้ว
-
ราคาขายแพง ราคาขายต่อตก กลัวแบตต้องเปลี่ยน
-
ตัวราคารถไม่ได้สูงไปหรอกครับ แต่มันเป็นที่อะไหล่และราคาขายต่อนี่แหละ
-
ราคารถยุโรปลดลงมาในขณะที่ D-Seg ญี่ปุ่นแพงขึ้นจน D-Seg ญี่ปุ่นตัวบนๆราคาเข้าไปใกล้รถยุโรปมากๆ ทำให้ส่วนนึงไปออกรถยุโรปแทน
และอีกส่วนคือคนที่ต้องการรถญี่ปุ่นที่มีข้อดีตรงค่าบำรุงรักษาไม่แพง แต่เครื่องยนต์ไฮบริดมันสวนทางกับรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปปกติ นอกจากจะเสี่ยงต่อราคาอะไหล่ที่แพงในส่วนของไฮบริดแล้วคนที่จะซื้อมือสองเขาก็ไม่อยากรับซื้อไปแล้วแจ็กพอตซ่อมทีเป็นแสน เลยทำให้ราคามือสองตกหนักอีกต่อนึง
สรุปคือมันก็หลายๆอย่างรวมๆกันครับ
ถ้าถามว่าไฮบริดตัวท็อปกดราคามาพอๆกับ 2.5 คืออยู่ที่ 1.6m คนจะซื้อเยอะขึ้นมั้ย คำตอบคือ ผมคิดว่าใช่ น่าจะเยอะกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด
-
คุณนิยาม คำว่าประหยัดยังไงบ้าง
ถ้าเกิดมีรถ 2 คัน
คันหนึ่ง เครื่อง 1.8 เบนซินธรรมดา ราคา 8 แสน
คันหนึ่ง เครื่อง 1.8 Hybrid ราคา 1.2 ล้าน
ส่วนต่าง 4 แสน สามารถเติมน้ำมันไปได้กี่ปี คนเลยไม่ค่อยนิยม Hybrid ไงครับ
-
ผมว่าถ้าเรามองค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง เหมือนจ่ายค่าเช่ารถรายเดือน
ใช้รถ 5 ปีแลัวขายเป็นซากทิ้ง ค่าใช้จ่ายรายเดือนเท่าไหรที่เรารับได้
ผมว่าถ้าเป็นอย่างนั้นรถที่เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำๆ และประหยัดน้ำมันก็อาจจะเกิดได้อย่างในต่างประเทศครับ
ผมว่าพวกเขา (คนต่างประเทศ) ไม่ได้คิดถึงการซ่อมหลัง 5 ปี หรือราคาขายต่อหรือเปล่าครับ
และผมไปที่ยุโรปก็ไม่ค่อยเห็นศูนย์บริการรถยนต์มากมายเหมือนที่ประเทศไทย
-
8) ดูจากเหตุผลต่างๆที่แต่ละท่านให้ข้อมูลมา ดูแล้วรถ Hybrid ดูไม่น่ามีอนาคตที่ดีเลย แต่ก็น่าแปลกใจว่าทำไมดูค่ายรถต่างๆก็ยังดูพัฒนา และ มีรถ Hybrid ออกมาขายเรื่อยๆและส่วนมากจะเป็นรุ่นที่ Options เยอะด้วย
-
กลัวแบตพั ท่านลองพิจารณาดูแล้วกันว่าถ่านไฟฉาย หรือแบตรถธรรมดาๆ หรือแบตมือถือ แบตโน๊ตบุ้ค มันเคยราคาลงบ้างมั๊ย
-
ความจริงของชีวิตมีมากกว่าโฆษณาว่าประหยัดน้ำมัน
ค่าใช้จ่ายเพื่อเมนทีแนนซ์ ที่เป็นเหมือนเงา
ทำให้มันไม่เป็นที่นิยม
-
เจ้าของกระทู้คิดเหมือนผมเลย ถ้าตอนเปิดตัว พรีอุส ขาย ประมาณ อัลติส คงขายระเบิดไปแล้ว ทั้งๆที่รถดีมาก น่าเสียดายที่ไม่นำตัวใหม่เข้ามา
-
หมดยุคน้ำมันแพงแล้ว รถไฮบริดก็หมดอนาคตตามราคาน้ำมัน อนาคตคือรถไฟฟ้าแล้วหล่ะครับ
-
ปัญหาผมว่ามันไม่ได้อยู่ที่ราคาเปิดตัวแพงอย่างเดียวครับ
อย่างกรณีของพรีอุส
เรื่องราคาเปิดผมว่าก็ไม่แรงมากนะครับเพราะยังไงก็ต้องวางตำแหน่งการตลาดระหว่าง altis กับ cmary แล้วราคามันก็อยู่ช่วงนั้นพอดี
สมัยแรกๆ ผมว่ารุ่นนี้มันวางตัวให้เป็นรถสำหรับคนทันสมัย รักษ์โลก ภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่รายได้ดีประมาณนึง
ซึ่งก็ได้ผลผมก็ไปสอยมาคันนึง ตอนนั้นผมเป็น graphic designer ก็เข้ากับภาพลักษณ์พอดีเลย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแลเข้าศูนย์รอบละ 3-4 พันผมว่าก็น่าจะอยู่ในเรทปกติ แต่ที่มีปัญหามากๆ คือค่าอะไหล่ต่างๆ มันแพงจนคนพูดถึงกันทั่วครับ
ประกอบกับความกังวงเรื่องอะไหล่หลัง warranty แม้จะรับประกันแบต 10 ปี (ผมไม่แน่ใจว่าinverter รับประกันแค่ไหนนะครับ) แต่ส่วนอื่นเช่นแอร์ เบรค เกียร์ มันมีโอกาสพังได้ตลอดและราคามันก็แรงมาก
ทำให้คนที่จะซื้อมือสองกลัวครับ ส่วนใหญ่คนเล่นรถมือสองก็น่าจะมองความคุ้มค่า และค่าซ่อมต้องถูก อะไหล่ต้องถูกมาเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว เจอแบบนี้ก็เลยทำให้ราคามือสองมันตกมาก
แม้ตัวรถมันจะดีแค่ไหนก็ตาม ซึ่งผมใช้มา 4 ปีแสนกว่าโลก็ยอมรับว่ามันเป็นรถที่ดีมากๆ คันนึงเลย แต่เมื่อมันเก่าลงไปตามเวลาความกังวงเรื่องค่าซ่อมก็เพิ่มขึ้นครับ
ขนาดผมใช้มามือเดียวตั้งแต่ป้ายแดงตอนนี้ยังเสียวๆ เลยครับ
-
ผมว่ามีส่วนเยอะในเรื่องของราคา เพราะ Camry Accord HV อยู่ในตัวบนๆและเป็นตัวท็อปทั้งหมด ออฟชั่นล้น
ผิดกับX-trail เปิดราคาได้ดีมากๆ แต่ก็ตัดออฟชั่นออกไปเยอะเหมือนกัน+เทรนSUVกำลังมา ผมว่ามันก็เมคเซ้นนะ
-
เรื่องรับประกันต่างๆ คงถูกบวกเข้าไปในราคารถแล้วด้วยแหละครับ ราคาขายถึงสูง แถมเวลาซ่อมสูงอีก กลายเป็นจ่ายแพงไปกันหมด ทำให้พอเป็นมือสอง คนกลัว รถจึงขายยาก เต็นท์ซื้อเข้า จึงต้องกดราคาลงมา
มันกระทบกันไปทั้งระบบแหละครับ
ยังไม่รวมเรื่อง ซื้อแพงกว่า รถที่ไม่มี hybrid นะครับ ส่วนต่างราคา เติมน้ำมันไปได้อีกเป็นปีเลย
-
รถญี่ปุ่นราคาซ่อมเท่ารถยุโรป ใครๆก็ส่ายหน้ากันทั้งนั้นแหละครับ
-
ราคาขายมันไม้ไ่ด้แพงไปหรอกครับ แต่ที่เขามองว่าแพงคือค่าซ่อมส่วนควบอะไหล่อื่นที่ไม่ใช่แบตเตอรี่มันแพงทุกรายการเลยมากกว่ารถปกติ แล้วก็แบตเตอรี่ไฮบริดที่ทาง TOYOTA รับประกันว่าไม่เสียตลอดอายุการใช้งานเอาเข้าจริงในเวลาประกัน 10 ปีมันก็มีเสียให้เห็น ถ้าเกิน 10 ปีไปแล้วก็ไม่มีใครรับผิดชอบเปลี่ยนให้ฟรีอีกต้องจ่ายเองซึ่งต้องเตรียมเงิน 1 แสนนิด ๆ รวมเปลี่ยน ยังไงก็เสียช้าเร็วก็เสีย คนซื้อมือ 2 หรือคนใช้รถเกิน 10 ปีเขารับไม่ไ่ด้ต่างหาก
+1 จริงแท้แน่นอน เห็นด้วยครับผม
ต่อให้ราคาแพงกว่า4-5แสน แต่อะไหล่และราคาขายต่อไม่น่าเกียจจนเกินไป ผมเชื่อว่าผู้คนจะให้ความสนใจมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
-
เพราะไม่รู้จะซื้อมาทำไมในเมื่อไม่มีสิทธิ์ประโยชน์ใดๆ อย่างในต่างประเทศรถยนต์ hybrid หรือปล่อยมลพิษต่ำๆ จะเสียถาษีประจำปีถูก รวมทั้งในบางประเทศที่มีเก็บค่าเข้าเมืองรถยนต์พวกนี้ก็จะได้รับการยกเว้นอีกด้วย
-
เห็น Accord ลดเป็นแสนก็ขายไม่ค่อยออกเหมือนเดิม
อาจไม่ใช่แค่ ราคามั้งครับ
-
ผมว่าคนที่มีฐานะดีที่สามารถซื้อ D-seg Hybrid ได้ เขาหวังอัตราเร่ง กับภาพลักษณ์ ความหรู นั่งสบายมากกว่านะ
จุดเเข็งของ Hybrid คือ อัตราเร่งดีมาก เร่งแซงสบาย นิ่ม เงียบ ขับแล้วไม่เครียด
คนที่ซื้อรถราคาเหยียบ 2 ล้านได้ ค่าน้ำมันคงไม่มีผลเท่าไหร่
-
ผมว่าคนที่มีฐานะดีที่สามารถซื้อ D-seg Hybrid ได้ เขาหวังอัตราเร่ง กับภาพลักษณ์ ความหรู นั่งสบายมากกว่านะ
จุดเเข็งของ Hybrid คือ อัตราเร่งดีมาก เร่งแซงสบาย นิ่ม เงียบ ขับแล้วไม่เครียด
คนที่ซื้อรถราคาเหยียบ 2 ล้านได้ ค่าน้ำมันคงไม่มีผลเท่าไหร่
นี่คือคำตอบส่วนหนึ่งครับ
-
รถญี่ปุ่นราคาซ่อมเท่ารถยุโรป ใครๆก็ส่ายหน้ากันทั้งนั้นแหละครับ
ผมไม่คิดงั้นนะ จะญี่ปุ่นจะยุโรปมันก็ต้องว่าตามคุณภาพอีกที
ยุโรปก็มีรถ eco ผลิตมาขายถูกๆนะครับ คุณภาพก็ไปตามนั้น volkswagen up/polo/golf/passat ไทยอาจจะมีแค่ golf กับ passat ที่คนเชิดชูเกินราคา
เห็นด้วยกับราคาเปิดขายนะครับ x-trail ดูน่าซื้อกว่าสมัย prius
ไม่ได้ส่ายหน้าเพราะเหตุผลที่บอก แต่แค่คิดว่ายังขับรถไม่เยอะพอที่จะใช้ระบบไฮบริดได้คุ้มค่า
-
อะหลั่ยแพงครับ
เช่น แบตก้อนเล็กของพรีอุส ตอนนี้ราคาหนึ่งหมื่นบาทแล้วครับ เมื่อก่อนหกพัน
-
ที่ NYC รถแท็กซี่บนถนนของเค้า 90% เป็น Camry Hybrid กับ Escape Hybrid ทั้งนั้นครับ ถ้ามันไม่คุ้มจริง เขาคงไม่เอามาทำแท็กซี่หรอก
-
ผมว่าส่วนนึง แต่ส่วนที่สำคัญกว่าของคนไทยมากๆคือ"ราคาขายต่อ" ไม่เข้าใจว่าจะหวังอะไรกับรถ รถมันไม่ได้สร้างกำไรอะไรให้เรานี่คับ มีแต่มูลค่าลดลงเรื่อยๆ ยกเว้นพวกรถสะสม ระบบดีคับ ยิ่งถ้าเข้าใจการใช้ระบบ จะยิ่งสนุกและใช้ได้ประหยัด บางคนบอกติดแก๊ซไม่ดีกว่าหรอ ประหยัดกว่า แต่เรื่องการลดมลพิษเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าจิตสำนึกดี จะมองว่าเป็นเรื่องสมควร ถ้าไม่ใช่ก็ตรงกันข้าม จริงอยู่ที่ว่าเวลาใช้เครื่องยนต์มลพิษ"อาจ"สูงกว่ารถที่ใช้แก๊ซ แต่ช่วงที่ใช้ไฟฟ้ามันไม่ปล่อยมลพิษอะไรนี่ ลดได้นิดหน่อยยังดีกว่าไม่ลดเลย นิดๆ สะสมไปเรื่อยดีกว่าคับ ค่าดูแลรักษาแทบไม่ต่างจากรถทั่วไป จะมีแค่ชิ้นส่วนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบไฮบริดที่มันเพิ่มมาจากรถปกติแค่นั้นเองคับ เรื่องราคาขายต่อเละจริงๆ คับ มันทำให้คนที่ใช้หรือเคยใช้เข็ดไปตามๆ กัน แต่ส่วนตัวถามว่าผมเข็ดไหมจากการปล่อย Camry Hybrid ไป 2 คัน เหลือพรีอุสอีกคัน ไม่เข็ดคับ แต่เจ็บ 55555
-
สำหรับผมราคารถมันแพงจริงครับ สมัยนั้นน้ำมันแพง ถ้าซื้อมาใช้ก็ยังไม่คุ้มค่าน้ำมันเลยครับ
ยิ่งหลังๆได้ยินว่าราคาขายต่อตก อะไหล่แพง ก็ยิ่งไม่เอาเลย
prius ขายสัก1ล้านถ้วนผมว่ากำลังดีครับ คือแพงกว่าaltisนิดนึง แต่นี่ขายไป1ล้าน3แสน
-
Xtrailเองอะไหล่ก็ไม่น่าจะถูก
งงเล็กน้อยที่ขายดี อนาคตซ่อมหนักไม่แพ้เจ้าตลาดแหงๆ
-
เพราะเมืองไทยตัวเลือกพลังงานทางเลือก มันเยอะมากต่างหาก
ส่วนต่างเมือ่เทียบ กับตัวเลือกอื่นๆ มันเลยน้อยลงไป
เมืองไทยมี e20 e85 diesel Lpg ngv ซึ่งบางถ้าดูประเทศที่ขายดี เขาไม่มีพวกนี้กัน
-
เพราะเมืองไทยตัวเลือกพลังงานทางเลือก มันเยอะมากต่างหาก
ส่วนต่างเมือ่เทียบ กับตัวเลือกอื่นๆ มันเลยน้อยลงไป
เมืองไทยมี e20 e85 diesel Lpg ngv ซึ่งบางถ้าดูประเทศที่ขายดี เขาไม่มีพวกนี้กัน
อันนี้จริงครับ
ในสหรัฐ น้ำมันดีเซลเค้าแทบจะไม่มีจำหน่าย เพราะมันทำให้เกิดมลพิษมาก ยิ่งน้ำมันแพงๆ Prius เต็มถนนครับ แต่มันก็ประหยัดจริงๆ นะครับ เพราะค่าน้ำมันต่างกันรถปรกติถึงขั้น 3 ปีคืนส่วนต่างกันแล้ว
-
กลัวแบตพั ท่านลองพิจารณาดูแล้วกันว่าถ่านไฟฉาย หรือแบตรถธรรมดาๆ หรือแบตมือถือ แบตโน๊ตบุ้ค มันเคยราคาลงบ้างมั๊ย
ใช่แล้วครับ แบตเตอรี่รถ ที่มาจากจีนตอนนี้ราคาก็แทบไม่ได้ถูกลงมากนัก ผมให้เครดิตเต็มที่คือมันไม่ขึ้นราคาตามค่าแรงไปอย่างน้อยอีก 5 ปี รถที่บริษัทเอามาทดลองวิ่งด้วยรถพลังงานไฟฟ้าล้วน ค่าเปลี่ยนแบตครั้งนึงก็ไม่ถูกขนาดบริษัทนำเข้าโดยตรงจากจีนนะ ผมดูแล้วยากที่จะคุ้มค่าเพราะรถพลังงานไฟฟ้าหรือไฮบริดค่าแบตเตอรี่มันแพงมากจริง ๆ แถมรถที่เอามาทดลองพบ Defect เรื่องแบตก็มีแม้จะมีจำนวนน้อยก็ตาม ลูกค้าทั่วไปถ้าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันก็ร้องจ๊าก
อีกทั้งกระทู้ข้างบนบอกแบตเตอรี่ลูกเล็กในห้องโดยสารของ Prius เปลี่ยนราคาจาก 6 พันเป็น 10,000 แล้ว แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ TOYOTA เองอะไหล่รถไฮบริดไม่ได้มีราคาถูกนะครับ และแนวโน้มไม่ไ่ด้ถูกลงด้วย ค่ายอื่นไม่ต้องพูดถึง ผมเห็นหลายคนโพสต์กระทู้ที่นี้และที่อื่น รอให้แบตตอรี่มีราคาถูกลง จะรอไปถึงเมื่อไหร่ครับ ชาติหน้าหรือไงครับ
-
ผมว่าส่วนนึง แต่ส่วนที่สำคัญกว่าของคนไทยมากๆคือ"ราคาขายต่อ" ไม่เข้าใจว่าจะหวังอะไรกับรถ รถมันไม่ได้สร้างกำไรอะไรให้เรานี่คับ มีแต่มูลค่าลดลงเรื่อยๆ ยกเว้นพวกรถสะสม ระบบดีคับ ยิ่งถ้าเข้าใจการใช้ระบบ จะยิ่งสนุกและใช้ได้ประหยัด บางคนบอกติดแก๊ซไม่ดีกว่าหรอ ประหยัดกว่า แต่เรื่องการลดมลพิษเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าจิตสำนึกดี จะมองว่าเป็นเรื่องสมควร ถ้าไม่ใช่ก็ตรงกันข้าม จริงอยู่ที่ว่าเวลาใช้เครื่องยนต์มลพิษ"อาจ"สูงกว่ารถที่ใช้แก๊ซ แต่ช่วงที่ใช้ไฟฟ้ามันไม่ปล่อยมลพิษอะไรนี่ ลดได้นิดหน่อยยังดีกว่าไม่ลดเลย นิดๆ สะสมไปเรื่อยดีกว่าคับ ค่าดูแลรักษาแทบไม่ต่างจากรถทั่วไป จะมีแค่ชิ้นส่วนเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบไฮบริดที่มันเพิ่มมาจากรถปกติแค่นั้นเองคับ เรื่องราคาขายต่อเละจริงๆ คับ มันทำให้คนที่ใช้หรือเคยใช้เข็ดไปตามๆ กัน แต่ส่วนตัวถามว่าผมเข็ดไหมจากการปล่อย Camry Hybrid ไป 2 คัน เหลือพรีอุสอีกคัน ไม่เข็ดคับ แต่เจ็บ 55555
ค่าดูแลก็ทั่วไปนี่แหละไม่่ได้แพงกว่าเท่าไหร่หรอก เพราะมันยังไม่มีอะไรเสียแต่ถ้าลองมีอะไหล่เสียขึ้นมาจนต้องซ่อมหรือ ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เจอรายการราคาอะไหล่แล้วจะร้องจ๊าก อย่างเช่นคอมแอร์รถยนต์ทั่วไปของ TOYOTA 12,000 บาท แต่คอมแอร์พรีอุส 25,000-30,000 บาท แบตเตอรี่รถยนต์ลูกเล็กทั่วไป 1xxx กว่าบาท แต่ของพรีอุสต้องใช้ของเฉพาะเนื่องจากอยู่ในห้องโดยสาร ขายราคา 6พันบาท จากกระทู้ข้างบนขึ้นราคามา 1 หมื่นบาทแล้ว ราคาต่างกันขนาดนี้ลูกค้าคิดทั้งนั้นละทำไมแพงกว่าเยอะจัง
ลองเทียบรายการอื่นถ้าจ้องซ่อมดูสิ อู่ซ่อมประกันลิสต์รายการเวลาเกิดอุบัติเหตุ ค่าอะไหล่รถไฮบริดนี่ไม่ถูกเลย แพงกว่าทุกรายการ เห็นราคาอะไหล่แล้วทำให้ลูกค้าไม่อยากใช้ รถมันแทบจะกลายเป็นเศษเหล็กเมื่อถึงเวลานึงเพราะหาคนซื้อต่อไม่ไ่ด้
-
เพราะมือ2 ราคาตกตุ๊บ จนเจ้าของเจ็บเยอะมั้งครับ