Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: SM. ที่ สิงหาคม 10, 2016, 12:08:25
-
ข้องใจว่ารถแพงๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็น เค้าทำตลาดกันยังไง เดือนนึงขายไม่กี่คัน ทำไมอยู่ได้ ไหนจะค่าจ้างเงินเดือนพนักงานต่างๆ พอจ่ายได้ยังไงครับ
-
คันนึง ไม่รู้ มาร์จิ้น ของดีลเลอร์ กี่บาท อิๆ 8) 8) 8)
-
ก็คงบวกไปเยอะๆอ่ะครับถึงอยู่ได้
ไหนจะหลังการขายอีก
ดูอย่างยนตกิจเป็นต้นครับ เข้าศูนย์ที.... :'(
-
คงเริ่มจากการรุ้จักกลุ่มเป้าหมายดีพอ
ผมเชื่อ ว่ากลุ่มลุกค้ากลุ่มนี้มีroyalty สุง และต้องการความเนี่ยบ ทั้งคุณภาพรถ และการบริกรา
ดูอย่างAston Martin เป็นต้น
ทั้งนี้ โจทย์กำปั้นทุปดิน. ทำไงให้ลุกค้าพอใจ
ทำรถให้สวยงาม มีเอกลักษณ์ และมีสมรถถนะดี ทนทาน มีการรับประกันนานๆเป็นต้น
งานdefect หรือลุกค้าร้องเรียนมีให้น้อยที่สุด
-
รถพวกนี้ ส่วนนึงผมคิดว่า มันขายตัวมันเองได้อยู่แล้ว คนซื้อก็มีเงินเหลือๆกัน ผู้ที่นำเข้ามา คงไม่ได้ไปทำอะไรกับตัวรถ เพราะคงนำเข้ามาทั้งคัน
โจทย์คือว่า ทำยังไงให้คนมีตังค์ทั้งหลาย มาซื้อรถพวกนี้ไป พวกรถ sport พอเข้าใจได้ว่าตัวเลือกไม่มาก แต่พวกจากัวร์ / Landrover ที่มีคู่แข่งอย่าง Benz /BMW นี่สิครับ
ถ้าเป็นผม ผมคงซื้อ S-Class / 7-series มากกว่าไปซื้อ XJ / Panamera ไหนจะราคาถูกกว่า ศูนย์บริการมากกว่าอีก
-
dealer กำไรคันเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มีคนรู้จักเคยได้ส่วนลด W221 มา 6 แสนบาทครับ
-
ผมก็อยากรุ้เหมือนกัน อย่างจากัวส์ ลอมโบกินี่ เฟอร์รารี่ เขาอยู่กันได้ยังไง ? ยอดขายก็ใช่ว่าจะเยอะอะไรมากมาย
(ผมขอตัดBENZ-BMW-VOLVO ออกไปก่อนนะคับ ขอเน้นแบรนด์แพงๆ แต่ยอดขายไม่มาก ก่อนนะครับ สงสัยเหมือนกัน)
-
รถพวกนี้ ส่วนนึงผมคิดว่า มันขายตัวมันเองได้อยู่แล้ว คนซื้อก็มีเงินเหลือๆกัน ผู้ที่นำเข้ามา คงไม่ได้ไปทำอะไรกับตัวรถ เพราะคงนำเข้ามาทั้งคัน
โจทย์คือว่า ทำยังไงให้คนมีตังค์ทั้งหลาย มาซื้อรถพวกนี้ไป พวกรถ sport พอเข้าใจได้ว่าตัวเลือกไม่มาก แต่พวกจากัวร์ / Landrover ที่มีคู่แข่งอย่าง Benz /BMW นี่สิครับ
ถ้าเป็นผม ผมคงซื้อ S-Class / 7-series มากกว่าไปซื้อ XJ / Panamera ไหนจะราคาถูกกว่า ศูนย์บริการมากกว่าอีก
อธิบายยากครับ บางทีเป็น brand loyalty ครับ และอารมณ์ประมาณว่า คันก่อนใช้ XJ แล้วดี คันใหม่ก้ยังมอง XJ ถ้าเปลี่ยนมาแทน position เดิม ก็ยังคงจะเป็น XJ ประมาณนี้ครับ
ปล.จริงๆแล้ว XJ ดูจะแพงกว่า แต่ถ้าลองเทียบๆดู ส่วนต่างราคาก็ไม่หนีกับ S, 7 มากจนเกินไปนะครับ
-
รถแพงเวอร์ส่วนใหญ่เจ๊ง ต้องเปลี่ยนมือไปหานายทุนหน้าใหม่
ส่วนที่ขายได้ คือ เจ้าของอยู่ในวงการรถแข่ง หรือกลุ่มไฮโซเป็นทุนเดิม
งานรถยนต์เมืองนอก ไม่ใช่งานขายรถแบบบ้านเรา เป็นงานแสดงรถจริงๆ
ใครมีเงินเช่าพื้นที่ก็ไปโชว์รถได้ อย่างโคนิคเซค เจ้าของไม่ใช่วิศวกรหรืออยู่วงการแข่ง
แต่ไปขายฝันให้กับนายทุนที่ไม่เจ้ากี้เจ้าการกับรถ ถึงเปิดโรงงานได้ และกม.รถไม่ได้เข้มแบบสมัยนี้
ปากานี่ก็มีจุดเริ่มต้นไม่ต่างกันมาก คนทำรถรุ่นใหม่ไม่เสี่ยงมากแบบไปซื้อกระทิงมาปั้น
เพราะขายแพงมาก รถสั่งทำพวกนี้ถึงมีที่ยืนในตลาดได้บ้าง
ของยุ่นมีทอมมี่ ไกร่า ขนาดขายไม่แพงยังอยู่ไม่ได้ คนรักรถขนาดสั่งทำมีไม่มากเท่า
คนซื้อรถไปอวดกัน หรือเชื่อโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อต่างๆ ทั้งที่ชีวิตจริงรถพวกนั้นขับยากมาก
จะว่าเป็นของเล่นคนรวยไหวอวดกันก็ได้ จึงเกิดช่องว่างให้รถแรง ขับได้ทุกวัน สั่งทำเกิดได้
สมัยก่อนตระเวนออกงานโชว์รถตามประเทศที่มีคนรวย รสนิยมเริ่ด ลงโฆษณาในนิตรยสารรถ
หรือปกที่บรรดาไฮโซอ่าน จากนั้นไปทดสอบที่ขนาดแข่งเพื่อสร้างชื่อ ถ้าทดสอบผ่าน
จะมีตัวแทนที่อังกฤษมาขอจัดจำหน่าย เพราะชาตินี้นิยมรถแรง ซ่อมยาก เสียง่ายไม่ใช่ประเด็น
รถหรูเริ่ด แพงเวอร์ แรงระห่ำ ขับยาก เกิดจากที่นี้เยอะพอรวนมากๆก็เจ๊ง เพราะรถเมืองเบียร์ดีกว่า
ทนกว่า ซ่อมง่ายกว่า แรงไม่ต่างกันมาก แต่เน้นขายเยอะ ขายน้อยไม่นิยมทำ
ขนาดมีรุ่นแรงพิเศษ เมืองเบียร์ก็ไม่เน้นมาก มีประดับไว้บ้างว่าทำได้ เพราะแข่งf1ทีก็อยู่กลุ่มต้นตลอด
ต่างจากพวกมอนซ่าที่ทำรถแข่ง มาไว้ตามบ้าน เอาไว้อวดกันว่าสายพันธุ์จากสนามแข่ง แต่ขับยากมาก
เจอขับง่าย ขายถูก ซ่อมสบาย เกียร์ออโต้ เลยต้องปรับปรุงขนาดใหญ่ ไม่งั้นเจ๊ง
ส่วนรถหรูเริ่ดอยู่เกาะเอาเข้าจริง แถบไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย ซื้อเขามาประกอบทั้งนั้น
สมัยตั้งบ.ใหม่ยังทำเอง ทน ถึก อึด จ่ายแพงแต่จบ พอยี่ห้ออื่นทำแข่งเหนือกว่า
ก็เริ่มใช้ของนำเข้า ตัวถังยังออกแบบทำเองหนัก 2.5ตัน เป็นเอกลักษณ์ที่รักษาจนถึงวันนี้
ชาวบ้านตัวเบาเป็นชาติแล้ว แต่ขายถูกกว่าและได้เยอะกว่าด้วย ชื่อชั้นจริงๆไม่ต่างกัน
วิศวกรรมก็ดีกว่า แต่เวลาเกทับกันจะอวยกว่าเหนือกว่า น่าแปลกหลายประเทศไม่สั่งซื้อไปให้ประมุขนั่ง
เพราะรถจุกจิก กินจุ ต่างจากยี่ห้ออื่นที่ทนกว่า ถูกกว่า เก่าหน่อยซื้อใหม่ แต่นี้ต้องทนใช้ทนซ่อม
ยังดีที่ทำรถเผื่อให้ซ่อม เพราะเปลี่ยนแบบช้ามาก 20-30ถึงเปลี่ยน รูปทรงก็ดูเด่น
-
ผมก็อยากรุ้เหมือนกัน อย่างจากัวส์ ลอมโบกินี่ เฟอร์รารี่ เขาอยู่กันได้ยังไง ? ยอดขายก็ใช่ว่าจะเยอะอะไรมากมาย
(ผมขอตัดBENZ-BMW-VOLVO ออกไปก่อนนะคับ ขอเน้นแบรนด์แพงๆ แต่ยอดขายไม่มาก ก่อนนะครับ สงสัยเหมือนกัน)
ผมมองส่วนตัวผมนะครับ รถสปอร์ตระดับนี้กำไรคันนึงก็น่าจะหลายล้านอยู่นิครับ ปีนึงขายก็หลายคันเขามีกลุ่มคนซื้อของเขาที่ติดตาม อีกทั้งรถก็ถูกซื้อตามใบสั่งด้วยบางคนรอกันนานหลายเดือนเลยแต่ใจรักพอรถมาก็มารับ และลูกค้าหลงใหลในรถพวกนี้อยู่แล้ว รุ่นใหม่ ๆที่เปิดตัวกันจากเมืองนอกก็ถูกสั่งจองล่วงหน้าจากลูกค้ามาอยู่แล้ว รถโควต้าว่าได้กี่คันก็นำเข้ามาตามเวลาพอมาถึงก็บอกมีคนซื้อแล้วหรือถูกจับจองแล้ว Sold อย่างที่เห็น
อีกทั้งผมว่าส่วนนึงเจ้าของผู้นำเข้า ลัมโบ และเฟอร์รารี่ ค่อนข้างรวยอันดับต้น ๆ เมืองไทยทั้งนั้น การมาเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเนื่องจากหลงใหลในแบรนด์รถยนต์ยี่ห้อนี้ จึงยื่นข้อเสนอขอเป็นดีลเลอร์เองเลย ทำเพื่อใจรักคงไม่ได้หวังกำไรมากมายด้วยพื้นฐานผู้นำเข้าแข็งแกร่งเรื่องเงินมากเป็นแค่ธุรกิจเสริมหรือเป็นหน้าตาอีกธุรกิจนึงมากกว่า แต่ได้เจอเพื่อนฝูงคอเดียวกันมาพบปะพูดคุยสังสรรกัน รวมถึงปรึกษาต่อยอดธุรกิจกัน
-
ที่ จขกท ถาม น่าจะ เรื่องว่า กำไรมันพอค่าดำเนินการหรือเปล่าใช่ไหมครับ
เช่น Ferrari ถ้า Dealer ไทย ได้กำไรขั้นต้นคันละ 1ล้าน ปีนึงขายได้แค่ 50คัน ก็50ล้าน
หักค่าดำเนินการ ทั้งปีไป มันจะเหลือกำไรจริงๆเท่าไหร่ (แบบนี้คงแทบไม่เหลือ)
ผมก็อยากรู้เหมือนกัน เคยคิดเล่นๆว่า อย่างพวกระดับ Fer กำไรคันนึงน่าจะมีแถวๆ 3-5ล้าน
มองจากว่า ขนาดรถราคา 5ล้านของ Grey ยังมีกำไรเกินคันละ 5แสน ทั้งๆที่ขายถูกกว่า AD มากๆ
-
ของเล่นคนขายและคนซื้อฐานะร่ำรวยครับ คนขายไม่ได้กำไรจากตัวเงิน แต่มันไปต่อยอดเรื่องอื่น ทั้งหน้าตา และ connection ครับ
การที่ได้ขายรถแบรนด์ระดับนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้วเพราะไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถึงเจ๊งก็ยังได้ชื่อว่าเคยทำ
-
ฟันกำไรจากค่าบริการหลังการขาย + มาร์จิ้นตอนขายครั้งแรก
รถพวกนี้กำไรหลายล้านครับ
ขายได้เดือนละคันก็น่าจะอยู่ได้ ไหนจะค่าบำรุงรักษา บางทีมันต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ
ล้อ ยาง หาไม่ได้ตามร้านทั่วๆไป ฟันกำไรจากมาร์จิ้นได้
-
อย่างคนซื้อ เช่นเพื่อนผมเป็นลูกเจ้าของโรงแรมก็ซื้อคันละ 20 ล้าน (ซื้อในนามของโรงแรม )
...ของแบบนี้มันมีช่องทาง ทั้งคืนซื้อและคนขาย
-
คนรวยมาก บ้านเราเยอะครับ
และคนรวยมาก ก็ซื้อรถเพื่อสนอง ความต้องการ และ เข้าใจว่าเปลี่ยนบ่อยๆ เช่นกัน
ถึงยอดขาย จะน้อย แต่ + กำไรไว้ มหาศาลครับ รถบางคัน ตั้งราคา มาอลังการ เพื่อผลประโยชน์ ด้านภาพลักษณ์ ถูกใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
-
คิดเหมือนกันครับว่า กำไรตอนแรกอาจจะไม่เยอะมาก สำหรับพวกที่ไม่ใช่รถ sport ให้ส่วนลดทีก็เยอะอยู่ น่าจะเอากำไรตอนรถกลับมาเข้าศูนย์มากกว่า เพราะรถอย่าง จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ คงไปเข้าอู่นอกลำบากอยู่
ถ้าอนาคต จากัวร์ ขายดีๆ ไม่แน่นะครับ น่าจะมีอู่เก่งๆ แบบที่คนใช้ ปอเช่ เค้ามีกัน
-
มันขายตัวมันมากกว่าเน้นการตลาดจ๋า แบบรถตลาด
-
รถยังถูกใช้เป็นเครื่องแสดงฐานะ
เพื่อให้สมกับฐานะ และ Image ต้องสรรหารถแพงกว่ารถตลาด
แม้จะไม่ทน ดูแล ยาก ไม่เป็นไร แต่เจ้าของแบรนด์ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้สังคมรับรู้ให้ได้ว่าเป็นของแพง