Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซวEจsิJลิJเปulnw ที่ กันยายน 20, 2017, 11:34:50
-
ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ
เมื่อก่อนก็ขับ เต็มที่ 120 ปกติ
ตอนนี้รู้สึกว่าเปลี่ยนไป ขับเร็วหลายกรณีดังนี้ครับ
1.ถ้าเส้นไหนไม่จับความเร็ว
ทางด่วนโล่งๆ ก้จะยืนพื้นประมาณ 140 ไม่เบรค เปลี่ยนเลนตามช่องไปเรื่อยๆ
2.ถ้าเส้นไหนจับความเร็ว (motor way chonburi/Buraphawitee/Kanchana)
จะขับ 120 พยายามวิ่งเลนกลาง/ซ้าย
ขับไม่แช่ขวา แซงปุ๊ปเข้าซ้ายตลอด
แต่ถ้าวิ่งขวาเร็วๆตามๆกันยาวๆ เพราะแทบไม่มีจังหวะเข้าซ้าย
แล้วมีคนมาตามจี้ ตบไฟ
ผมจะกดหนีและมุดอย่างเดียวเลย
ประมาณว่า ก็เห็นว่ามันไปไม่ได้ จี้ดีนัก ตามให้ทันก็แล้วกัน
เร็วแค่ไหนก็ ขับตามสภาพรถเลยครับ
รถยิ่งนิ่งยิ่งขับไว
คันใช้ประจำ Mazda 2 SkyD ก็วิ่งไป 170-180
ยิ่งวันไหนเอา 325i coupe ที่บ้านมา กดไป 200+ ตลอดเลยครับ TT
ที่ความเร็วขนาดนั้นสะกิดนิดเดียวนี่แย่เลย
รู้ตัวว่าอันตรายมาก ไม่อยากขับแบบนั้นแล้ว
มีวิธีเตือนสติตัวเองยังไงบ้างครับ
-
พลาดสักครั้งก็จะขับช้าลงเองครับ หรืออาจจะไม่ได้ขับอีกตลอดช่ีวิต
-
cruise control ครับ 8)
-
เอารูปแฟน รูปลูก รูปพ่อแม่ มาแปะหรือตั้งไว้ที่หน้ากระจก คอยเตือนใจ
แต่ของผมใช้ GPS ของ iGO โดยใช้เสียงน้องพลอย ตั้งค่าเตือนความเร็ว
เสียงประมาณ "...คุณพ่อขา ขับช้าลงหน่อยคะ..." ทำให้เตือนสติได้ดีเลยครับ
::)
-
cruise control ครับ 8)
รถที่ขับประจำ ไม่มีระบบนี้หนะสิครับ
ไม่แน่ใจว่าเอาไปติดเพิ่มได้รึเปล่า
Masda 2 SkyD
-
คิดถึงคนรอบข้างเยอะครับ
ผมคิดว่าถ้าเราพลาดขึ้นมาแล้วไปโดนเพื่อนร่วมทาง แล้วสูญเสียถึงชีวิตผมคงรับผิดชอบไม่ไหวครับ
ทุกวันนี้ขับไม่เคยเกิน120เลยครับ
-
เอารูป คนที่รักเรา และ คนที่เรารักเขา มาติด ก่อนออกรถทุกครั้งมองดูรูป คิดเอาไว้ เตือนตัวเองว่า เราจะไม่ทำให้เขาต้องเป็นห่วง ไม่เป็นภาระ และ ไม่ทำให้เขาต้องเสียใจที่สุด
-
ขับเร็วเหมือนเดิมก็ได้ครับ แต่คุณต้องดูแลรถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์100%
มีสติตอนขับมากๆ คาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นตอนขับ200km/hให้ดีๆ เช่นคันหน้าจะเปลี่ยนเลนป่าววะ ต้องคิดไวทำไว
แล้วก็ไปหาคอสเรียนเรื่องการควบคุมรถหรือการฝึกเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ
อุบัติเหตุจะไม่เกิดถ้ามีรถดี คุณมีฝีมือจริงและคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้อย่างถูกต้อง
ที่สำคัญขับ200ได้ ถ้าคุณมีสติตลอดเวลา ไม่ใช้ความคึกคะนองในการขับ
-
ลองเซ็ตช่วงล่างนุ่มๆ ใช้ยางแก้มหนาๆ อย่างเวลาผมขับดีแม็กซ์ก้ไม่กล้าเกิน 120 นะ มันโคลงทั้งช่วงล่าง+พวงมาลัยโหวงเหวง แต่พอขับพวกกระบะขายช่วงล่างแบบ BT-50 กลายเป็นว่า เฮ้ย!! เผลอๆนี่ 140 แล้วเหรอ ?!
พลาดสักครั้งก็จะขับช้าลงเองครับ หรืออาจจะไม่ได้ขับอีกตลอดช่ีวิต
คนที่พูดแบบนี้เชื่อว่าต้องเคยผ่านมาแล้ว
-
ตั้งเป้าหมายเป็นการประหยัดน้ำมันครับ
ท้ายทายตนเองด้วยตัวเลขประหยัดน้ำมันสวย ๆ
ตอนนี้ผมพยายามทำอยู่ โดยใช้ APP Torque ช่วย
คอยสังเกตุ % การเปิดของ Throttle ไม่ให้สูงเกิน 30
ซึ่งผมก็ยังขับความเร็วเท่าเดิม ประมาณ 90 - 110
แต่เปลี่ยนมาเป็นไต่ความเร็วขึ้นอย่างเหมาะสม ไม่เร็วไปช้าไป
ทำยากมาก และสนุกมากครับ
-
ดูคลิปพวกอุบัติเหตุบ่อยๆ เพื่อเตือนสติครับ
-
https://www.youtube.com/watch?v=cu7E5D8aHfs (https://www.youtube.com/watch?v=cu7E5D8aHfs)
-
เอาแบบผมไปใช้ก็ได้ ได้ผลดีเชียวละ ...........แค่..........ขยับเบาะออกให้เท้าห่างจากคันเร่งเยอะหน่อย เอาให้พอตึงๆเท้าพอเบรคได้ พอเท้าไม่ค่อยถึงมันก็เหยียบได้ไม่จมคันเร่ง ได้ผลดีนะ ::) พอเหยียดมากๆขักเริ่มเมื่อยมันก็จะแค่แตะๆคันเร่งไปเนิบๆ :-X
-
เปิดบทสวดมนต์ แทนการฟังเพลงครับ
ใจจะสงบขึ้น
-
ผมก็สังเกตุตัวเองเหมือนกันครับ ถ้าขับคันเกียร์ATจะขับช้ามาก เต็มที่ยืนพื้นสายเอเชีย110
แต่พอขับคันที่เป็นเกียร์MTจะขับเร็วมาก 140ยืนพื้นเลย
พยายามหลายครั้งมากๆ ที่จะขับช้าๆลง นึกในใจเสมอกินน้ำมันๆ
-
เมื่อก่อนผมก็ติดขับเร็ว
วันไหนอากาศดีๆไม่ร้อน รถไม่ติด เลยเปิดกระจกขับรถ
เพราะเวลาเปิดกระจกผมจะขับช้ากว่าเดิมอัตโนมัติเลยครับ
-
ส่วนตัวผมก็คิดว่าตัวเองก็เคยเป็นแบบ เจ้าของกระทู้นะครับ พอเริ่มมีลูก คนแรกตอนนี้ห้าขวบกว่า คนที่สองจะสองขอบ ตอนนี้ผมอายุจะสามสิบแปด อันดับแรกเลยครับ อย่าเข้าเลนขวาเด็ดขาดครับ ติดไฟแดงก็เช่นกันเพื่อลดความคิดว่าคันอื่นมาจี้เรา ลองมาเลนกลางหรือเลนช้ายดูครับ แล้วเราจะได้จักคำว่ารอครับ หรือขับตามคันหน้าแบบเว้นระยะห่างแบบพอดีครับ หรือเขาขับช้าเกินไปแล้วค่อยแชงไปอยู่ที่ความเร็วที่เหมาะสมครับ ส่วนมากคนขับรถเร็วมักจะอยู่เลนขวาครับ แต่พวกขับช้าแช่ขวาก็มีเช่นกันครับ555 แล้วจะทำไห้ท่านเสียอารมณ์ด้วย (สรุปตอนนี้ผมเป็นคนขับรถช้าไปแล้วครับ....แบบพอดีนะครับไม่เกิน120)
-
เมื่อก่อนก็ขับรถพอๆกับ จขกท.นั้นละ
แต่พอนึกถึงหน้าที่การงาน ภาระหนี้สิน ต้องดูแลพ่อแม่ แถมแฟนก็ยังสาวสวยหมวยอึ๋ม
ความเร็วก็ลดลงมาครับ จากเดิม 160+++ ก็อยู่ 100 - 110 กม/ชม
ใครจะเร็วก็ปล่อยเค้าไป
-
cruise control ครับ 8)
รถที่ขับประจำ ไม่มีระบบนี้หนะสิครับ
ไม่แน่ใจว่าเอาไปติดเพิ่มได้รึเปล่า
Masda 2 SkyD
ติดเพิ่มได้ไม่กี่พัน cruise control + Speed limit
-
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ใจของเราเอง ต้องสั่งตัวเองได้ ไม่ใช่ทำอะไรตามใจไปซะหมด
เหมือนคนอ้วนนั่นแหละ หยุดกินก็คือหยุดอ้วน ต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ แค่นั้นเอง
-
เท่าที่อ่าน ตกลงปัญหามีแค่เวลาคนมาจี้ท้าย ตบไฟ แล้วอารมณ์เตลิด..
ก็แค่หลบซ้ายให้ก็จบ แต่ถ้าไม่สะใจก็จี้ท้ายคืนแล้วตบไฟ แบบนี้ก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อคนที่เราไม่ชอบ
ปล. ใช้ฟิล์มมืดไปมั้ย เค้าเลยมองไม่เห็นว่าด้านหน้ามีรถขวางเราอยู่
-
เปลี่ยนรถครับ เช่นพวกมินิแวน หรือ eco car รุ่นอืดๆ หน่อย เมื่อก่อนใช้สีออส05 เกียร์ธรรมดา ถือว่าเป็นรถที่ช่วงล่างดี พวงมาลัยดี เร่งดี ในยุคนั้น ทางไกลก็ 130 up ในเมืองมุดได้สบายๆ พอเปลี่ยนมาเป็น sienta เท่านั้นแหละครับ ทางไกลขับ 110 ไม่กล้าขับเกินนี้ ในเมืองก็ไม่ค่อยมุดละ เลนซ้ายลซะส่วนใหญ่
-
คิดถึงคนข้างหลังเรา คนใช้ถนนร่วมกับเราให้มากๆครับ
อีกอย่างนึงต้องแหกโค้งลงข้างทางซักทีครับ ไม่ได้กวนนะพูดจริงๆ
-
พลาดสักครั้งก็จะขับช้าลงเองครับ หรืออาจจะไม่ได้ขับอีกตลอดช่ีวิต
จะ comment ตามนี้ครับ แต่กลัวแรงไป แต่ก็เป็นเรื่องจริงครับ (ส่วนตัวเจอ อาการหลุดแต่ไม่รุนแรงมาก ลงข้างทางแต่ขึ้นมาได้)
ส่วนวิธีที่ตอนนี้ใช้อยู่ เอา OBD2 ที่มีตัวเตือนความเร็วครับ ตั้งไว้ 140 แล้วให้มันเตือน พอช่วยได้เวลาขับเพลินๆ โล่งๆ (ตั้ง 120 ไม่ไหว เตือน ติ๊ดๆๆๆ ตลอดทาง)
-
ผมก็ขับเร็วแต่หลังๆเบาลงได้เยอะ ไม่ค่อยเกิน 120
ส่วนใหญ่ที่ขับเร็วมักจะมีจังหวะที่เริ่มหงุดหงิดรถคันอื่น ทำให้แซงๆให้พ้นๆแล้วมันจะเร็วไปเองยาวๆ วิธีแก้คือลดหงุดหงิดให้ได้สำหรับผม
-
จขกท อายุเท่าไหร่ครับ
สมัยก่อนผมเองช่วง18-25 ก็เร็วไม่ต่างครับ แต่หลังจากที่เจอประสบการณ์
1. ชนหมาตาย1ครั้ง
2. รถหลุดโค้ง หล่มศัก เพชรบูรณ์ พร้อมเพื่อน4คนในรถ ดีที่มีแผงกั้น ไม่งั้นก็ตายยกคัน
หลังจากนั้น ขับยาวๆเร็วๆ ไม่เกิน150ครับ เฉลี่ยที่ 130-140 กลัวตายครับ คิดว่าโลกยังมีสิ่งดีๆให้หาให้เจอมากกว่ามาตายบนท้องถนนครับ 8)
-
ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ
เมื่อก่อนก็ขับ เต็มที่ 120 ปกติ
ตอนนี้รู้สึกว่าเปลี่ยนไป ขับเร็วหลายกรณีดังนี้ครับ
1.ถ้าเส้นไหนไม่จับความเร็ว
ทางด่วนโล่งๆ ก้จะยืนพื้นประมาณ 140 ไม่เบรค เปลี่ยนเลนตามช่องไปเรื่อยๆ
2.ถ้าเส้นไหนจับความเร็ว (motor way chonburi/Buraphawitee/Kanchana)
จะขับ 120 พยายามวิ่งเลนกลาง/ซ้าย
ขับไม่แช่ขวา แซงปุ๊ปเข้าซ้ายตลอด
แต่ถ้าวิ่งขวาเร็วๆตามๆกันยาวๆ เพราะแทบไม่มีจังหวะเข้าซ้าย
แล้วมีคนมาตามจี้ ตบไฟ
ผมจะกดหนีและมุดอย่างเดียวเลย
ประมาณว่า ก็เห็นว่ามันไปไม่ได้ จี้ดีนัก ตามให้ทันก็แล้วกัน
เร็วแค่ไหนก็ ขับตามสภาพรถเลยครับ
รถยิ่งนิ่งยิ่งขับไว
คันใช้ประจำ Mazda 2 SkyD ก็วิ่งไป 170-180
ยิ่งวันไหนเอา 325i coupe ที่บ้านมา กดไป 200+ ตลอดเลยครับ TT
ที่ความเร็วขนาดนั้นสะกิดนิดเดียวนี่แย่เลย
รู้ตัวว่าอันตรายมาก ไม่อยากขับแบบนั้นแล้ว
มีวิธีเตือนสติตัวเองยังไงบ้างครับ
สมัครไปเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยในหน่วยเวชศาสตร์ฟื้นฟู จะได้คลุกคลีแลกเปลี่ยนจากคนที่เขาพลาดมาแล้ว ไปแค่วันเดียวเท่านั้นแล้วคุณจะรู้ว่าความประมาทแค่เสี่ยวนาที มันทำให้คุณต้องจ่ายแพงขนาดไหน
-ยังหนุ่ม หน้าตาดี แต่พิการเดินไม่ได้ ขี้เอง เยี่ยวเองไม่ได้ ต้องมีคนล้างก้นให้
-ยังหนุ่ม แต่แขนาขาด ขาขาด
-มีครอบครัว มีภาระ แต่ดีนมาพิการ หรือเดินไม่ได้
ฯลฯ
โอกาศดีๆ สิ่งดี คนที่คุณรัก และอื่นๆ มันจะหายไปในพริบตา
-
ถ้ายังขับเร็วอยู่ควรมีคติยึดเหนี่ยวบ้าง
ของผมคือ "รีบได้ แต่อย่าแข่ง" น๊อตกรา..เอ้ย น๊อตหลุดก็ลืมๆคู่แข่งไปซะ
ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ รีบบึ่งไปหากาแฟ รึอะไรกินดีกว่า :P
อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแข่ง เพราะสมาธิเราจะหลุดไปอยู่กับคู่แข่ง
ทำให้การประเมินแวดล้อมลดลง
-------
บางทีก็ต้องเจออะไรที่ตอกลิ่มตัวเองบ้างถึงจะยอมเปลี่ยนเรื่องขับเร็ว
แล้วแต่คน บางคนก็
1.มีครอบครัว คือมีจิตสำนึกต่อตนเองและคนอื่นเพิ่ม ก็จะลดความคึกคะนอง
2.เล่นเกมประหยัด เหยียบกับไม่เหยียบมาก ถ้าขับไกลๆถึงที่หมายต่างกัน 1 ชม.
แต่ได้ประหยัดตังมากินรึใช้อะไร ทำบ่อยๆก็ชิน
3.โดนใบสั่งลวงตาบ่อยๆ บางที่เห็นป้ายก็ชลอ แต่ถ้าไม่เห็นป้าย เจอซุ่มเอา ;D
โดนบ่อยๆ ก็จะเพลาๆขึ้นบ้าง
4.เจออุบัติเหตุสักครั้ง อันนี้คือตามหลายๆท่านว่า เจอเบาก็โชคดีไป
โดยส่วนตัวอยากให้ จขกท ปรับได้ก่อนจะเจอข้อนี้
ฯลฯ
-
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
จากที่อ่านๆดู
โดยสรุปน่าจะต้อง
คุมสติตัวเองให้มากขึ้น นึกถึงคนข้างหลัง หาเมียสวยๆอึ๋มๆ 555
พยายามขับแบบประหยัดน้ำมัน คิดถึงค่าน้ำมันเป็นหลัก เอารถไปติด Cruise control
-
เติมน้ำมันเท่าที่จะใช้ ได้ผลสำหรับผม เพราะกลัวมันหมด
-
เมื่อก่อนผมก็ตีนผีคนนึงเลยล่ะครับ
มีลูกมีเมียแล้วทุกวันนี้ ยืนพื้น 100-110 แซงบ้าง 120
-
ให้แฟนขับครับ ::) ::) ::)
จริงๆ อยากให้ไปขับพวก ECO CAR ดูครับ รถมันมีผลจริงๆ
มันขับเบื่อ ขับอืด พาลทำให้รู้สึก .. ไม่รู้จะรีบไปทำไม
ส่วนตัวผมว่าแก้ยากครับ มันเป็นจิตสำนึกของแต่ละคน ไม่ได้แก้กันง่ายๆ คนขับเร็วอยู่แล้ว จะมาปลูกฝังสำนึกกันตอนโตมันดัดกันยาก ต่อให้ลูก เมียนั่งด้วยก็ไม่ค่อยอยากจะคิดกันเท่าไหร่ ขับเอามันส์ ไม่สนว่าถือพวงมาลัยต้องรับผิดชอบชีวิตครอบครัว หรือเพื่อนร่วมถนนด้วย
เมืองนอกเค้าก็ดัดสันดานโดยปรับโหดๆนี่ละ ถ้าปล่อยๆแบบบ้านเรา พวกตีนผีก็เยอะไม่ต่างกัน (ยกเว้นชาติวินัยสูงอย่างเยอรมันประเทศเดียว ที่ไม่มีปัญหา แม้ไม่ได้จำกัดความเร็วบน Autobahn)
เอาจริงๆ คนรอบตัวข้างๆผมก็เป็นแบบนี้กันเยอะนะ มันก็นิสัยดีแหละ แต่พอจับพวงมาลัยแล้วคือ .....
https://www.youtube.com/watch?v=Oo_FoKctn-M
-
ถ้าเอาจริงแต่กลัวใจ ล็อคความเร็วที่ดล่องเลยครับ (ถ้าทำได้)
-
ติดHUD OBD2ครับ แล้วตั้งเตือนความเร็วไว้ พอเสียงเตือนเราก็จะผ่อนเอง
ใช้ดูอุณหภูมิcoolantได้อีกประโยชน์นึงครับ
-
ตรงข้ามกับผมนะ ปกติขับไม่เกิน120 แต่ถ้าช่วงไหนครึ้มอกครึ้มใจแล้วถนนว่างยาวๆ ก็จะลองกดซักปื้ดนึง หายอยากก็กลับมาขับเรื่อยๆเหมือนเดิม :)
-
www.youtube.com/watch?v=zVAazld1jmc
-
นิสัยเดียวกัน ผมขับ 3 sky ยืนพื้น 140 ถ้ามีคนมากวนก็มิดไมล์หนีเลย
แต่พอวันนึงเข้าโค้งเกินลิมิตรถ คือเข้าโค้งที่ 140 ไม่ตัดโค้งเล่นไลน์แบบที่เคยทำ ยางร้องเอี้ยดๆๆๆ รถแถบานออกโค้ง จากนั้นมา ยืน 120 พอ เข้าสบายทุกโค้ง เดินทางสบายใจ ประหยัดเงินด้วย เพราะถ้าพลาดนี่ถ้าไม่ตายก็พิการ เงินล้านหายวับ
-
โดนจี้ท้ายเลนขวาถ้าเข้าซ้ายให้ไม่ได้ทำไมคุณต้องไปมุดหนีเสี่ยงตาย ??
วิ่งตามๆคันหน้าไป เดี๋ยวคันหลังมันก็มุดหนีไปเอง งงเปป สมมุติทางด่วนสามเลน
มีไหล่ทางซ้ายให้มุดได้ ถ้าคุณมุดไหล่ทางหนี คันที่ตามจี้คุณจากเลนขวาสุดก็จะมุดตาม
เสมือนคุณเป็นผู้เบิกทางมุดไหล่ทางเส้นทึบ ซึ่งตำรวจสามารถเอาผิดคุณได้เต็มๆ
ยังไม่รวมมุดไหล่ทางแล้วเข้าโค้งขวา ในโค้งมีรถพ่วงจอดเสียอยู่ไหล่ทาง ตายห่ากันมาเยอะแล้วครับ
ส่วนจะเลิกนิสัยขับเร็วยังไง ก็ง่ายนิดเดียว ออกจากบ้านตั้งมั่นวันนี้จะขับช้าเรื่อยๆเปื่อยๆ ง่ายมาก ง่ายขั้นสุด
8) 8) 8) เลิกขับเร็วมันไม่ยากขนาดนั้น
-
นั่งสมาธิบ่อยๆครับ ที่ขับรถเร็วเพราะใจร้อน หงุดหงิด เมื่อก่อนผมเป็นบ่อย
ลองขับแบบใจเย็น คันหน้าช้าก็ค่อยแซงไปสบายๆ แล้วจะรู้สึกไม่เครียดครับ
ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนครับว่าใจเย็น แซงมุดคันสองคัน บางทีไม่ต่างกับขับ
ตามทางปกติแล้วโล่งยาวๆค่อยแซง พอทำไปได้ซักเดือนก็จะเริ่มติดเป็นนิสัยแหละครับ
คล้ายๆกับการลดน้ำหนัก ถ้าตั้งใจยังไงก็ลด
-
เปิดหน้าจออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงค้างไว้ครับ สำหรับผม ได้ผลชะงัด
-
ตั้งแต่มีลูก ผมเลิกขับเร็วและขับระวังมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเดินทางแล้วลูกไปด้วย ก็จะระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้กำลังคิดเรื่องเปลี่ยนรถที่มีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าที่ใช้อยู่ด้วยครับ
-
พลาดสักครั้งก็จะขับช้าลงเองครับ หรืออาจจะไม่ได้ขับอีกตลอดช่ีวิต
จะ comment ตามนี้ครับ แต่กลัวแรงไป แต่ก็เป็นเรื่องจริงครับ (ส่วนตัวเจอ อาการหลุดแต่ไม่รุนแรงมาก ลงข้างทางแต่ขึ้นมาได้)
ส่วนวิธีที่ตอนนี้ใช้อยู่ เอา OBD2 ที่มีตัวเตือนความเร็วครับ ตั้งไว้ 140 แล้วให้มันเตือน พอช่วยได้เวลาขับเพลินๆ โล่งๆ (ตั้ง 120 ไม่ไหว เตือน ติ๊ดๆๆๆ ตลอดทาง)
ของผมตอนรุ่นๆ 150-190 ตลอด
เจอรถหมุนฝาดกำแพงไป 2 รอบ
หลังจากนั้นมามตรฐานที่ 120 ตลอด
-
เปิดหน้าจออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงค้างไว้ครับ สำหรับผม ได้ผลชะงัด
สำหรับวัยรุ่นสร้างตัวอย่างผมได้ผลเช่นกันครับ
-
คิดถึงพ่อแม่ ภรรยา ลูกครับ
แล้วจะขับรถช้าลง
-
ลองสนุกกับการทำสถิติขับประหยัดน้ำมันดูครับ มันก็ช้าลงเองนะครับ แบบคราวที่แล้วได้เท่าไหร่ คราวนี้ตูจะเอามากกว่านั้น ไรงี้ ใครอยากดัน เรื่องของมัน แซงได้แซงไปเลย(แต่ก็ไม่ใช่แช่ขวายาวๆ) ;) ;) ;)
-
นึกถึงหากดวงซวย. ไปชนคนอื่นตาย
-
แก้ไม่ได้ครับ
ได้แต่พูดแบบพอลวอลคเกอร์ "วันนึงถ้าผมจากไป อยากให้รู้ไว้ ว่าผมยิ้มอยู่"
-
อยู่ที่คุณอย่างเดียวเลยครับ
พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก เมีย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เกี่ยวเลย (อาจจะใช้ได้กับบางคน)
เพราะบางคน มีครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก เมีย ถ้าจะขับเร็วซะอย่าง เขาไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว
แต่บางคน ตัวคนเดียว ครอบครับยังไม่มี เขาก็ขับปกติได้ อาจะเกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ก็ไม่ได้มากเกิน เช่น 110-120 เป็นบางช่วง หรือ บางเวลา แต่คือโดยส่วนมาก จะขับ 80-110 โดยประมาณ ก็มี
ผมเองก็เป็นขับรถ ออกต่างจังหวัด ใช้ความเร็วประมาณ 120-160 ประมาณนี้ ซึ่งผมคำนึงถึง สภาพถนน สภาพจราจร และ เพื่อร่วมทาง เสมอ และมีสติ
-
8) 8) 8)
(https://www.uppic.org/image-E957_56BCBF1B.jpg)
-
สำหรับผมนะ
1.นึกถึงครอบครัวพ่อแม่ลูกเมีย
2.เตือนตัวเองเสมอว่าขับเร็วตามสภาพการจราจรได้แต่ไม่เกิน 150 และไม่แข่งเด็ดขาด
3.หากยังอยากขับเร็วหาความตื่นเต้นผมจะเล่น drive sim.ครับ เชื่อไหมครับมันทำเอาเหงื่อตกตื่นเต้นได้เลย แล้วสำหรับผมพอกลับไปขับรถจริงๆจะขับสบายๆช้าลงไปพักนึงเลย ก็แปลกดีครับ
-
ทำใจให้เย็นๆครับ ขับชิลๆ เน้นฟังเพลงเรื่อยๆ คิดบ่อยๆเปลืองน้ำมัน( อย่าแอบคิดว่ามีเงินเติมนะครับ ไม่งั้นจะไม่สนใจ จะเหยียบๆอย่างเดียว)
-
เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกันครับ เหมือนความเคยชินที่ขับรถต้องไปที่ความเร็วขนาดนั้นตลอด
เรื่องมุดนี่จริง เรามุดไปเลนไหน เกินครึ่งจะต้องมุดตามมาไม่รู้มันเป็นยังไง
ต้องปล่อยลงแหละ ศักดิ์ศรีไม่มีหรอกครับบนท้องถนน มีแต่ถึงกับไม่ถึงแค่นั้นเอง
แต่ก็อย่างที่หลายๆความเห็นว่าครับ โลกนี้ยังมีอะไรๆให้ชมอีกเยอะ
หาเมียอึ๋มๆ ผมเคยนะ แต่มีมางี่เง่าใส่ตอนเราขับรถนี่จะยิ่งหงุดหงิด เคยขับแย่ๆไปตอนเธอนั่งมาด้วยครั้งนึง พอจอดถึงที่สรุปเขาปน้ำตาไหลเลยครับ
เลยเลิกทำแบบนั้นตั้งแต่วันนั้น .. ก็ หลายสิบปีแล้วล่ะ
-
หาคันข้างหน้าที่ขับไม่เร็วเกินไป แล้วขับตามไปเรื่อยๆ ถ้าเจอคันช้าเข้าเลนขวาแซง ถ้าโดนจี้ตีไฟเลี้ยวซ้ายแล้วข้างหลังจะรอให้เราหลบ แล้วเราก็หลบเมื่อเข้าซ้ายได้ ระหว่างนี้ถ้าดูกระจกหลังแล้วเหมือนโดนกดดันให้เลิกมองระหว่างถูกจี้(ช่างหัวคันหลังไปก่อน ก็เราเข้าซ้ายยังไม่ได้) แล้วพอจะเข้าซ้ายให้มองกระจกซ้ายก่อนเข้า
ล่าสุดเจอมาสดๆร้อนๆ อัลติสสีขาว TRD หรือแต่งเองไม่แน่ใจ ขับแช่ขวาไม่เร็วแต่ไม่สนใจโลก แม้กระทั่งรถพยาบาลก็ไม่หลบ แถมมีช่วงนึงข้างหน้าเค้าโล่งๆแต่จู่ๆก็หักออกเลนซ้ายทั้งๆที่มีรถบรรทุกอยู่ระยะใกล้มากๆ ดีที่มันหักกลับทันไม่งั้นเละ
-
เตือนสติก็ตามความเห็นบนๆ ผมว่าครบแล้วล่ะครับ
ปล.Mazda 2 ไปถึง 180 นี่ช่วงล่างยังสบายเอาอยู่จริงๆ หรือแค่พอเกาะไปตามสมควร?
Mazda 2, CX3 สองรุ่นนี้ผมเจอแต่ละคันขับกันแบบมั่นหน้า มั่นรถ มั่นเบ้าโช้คมากจริงๆ
-
8) 8) 8)
(https://www.uppic.org/image-E957_56BCBF1B.jpg)
เห็น ด้วย กับ ความ เห็น นี้ เคยเห็นmazda3ไปใส่ครูช มันจะมีเปิดฟังชั่นlimitได้ด้วยคิดว่าmazda2ก็น่าจะทำได้
-
ถ้าเราชินกับการขับเร็ว แล้วเปลี่ยนมาขับช้าๆ บางทีก็อันตรายเหมือนกันนะครับ เอาที่เหมาะกับเราดีกว่า
-
ปกติขับแต่รถติดๆ ผมเลยไม่ค่อยห่วงเรื่องขับเร็วเท่าไหร่ แต่ถ้าขึ้นทางด่วนหรือออก ตจว. ผมทำ 2 วิธี ครับ
1. ตั้ง เกจ์ OBD2 ให้เตือนเมื่อความเร็วถึง 120
2. ตั้ง Cruise Control ซึ่งปกติผมไม่กล้าตั้งเกิน 110 ครับ
อีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผมขับรถช้าลงคือ ผมชอบให้ Eco Coaching ที่มาตรวัด ขึ้นเป็นสีเขียว รู้ว่ามันประหยัดดี
ข้อเสียที่รู้สึกว่าแก้ไม่หายคือ เวลาหงุดหงิด โมโห หรือรำคาญ หมดความอดทน ผมจะขับรถไม่ค่อยเรียบร้อย บางทีก็แอบน่ากลัวนิด แต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อนเสมอ
-
แต่ถ้าวิ่งขวาเร็วๆตามๆกันยาวๆ เพราะแทบไม่มีจังหวะเข้าซ้าย
แล้วมีคนมาตามจี้ ตบไฟ
ผมจะกดหนีและมุดอย่างเดียวเลย
ประมาณว่า ก็เห็นว่ามันไปไม่ได้ จี้ดีนัก ตามให้ทันก็แล้วกัน
เป็นเหมือนกันครับ ไม่ชอบเลย ก็เห็นอยู่ข้างหน้าก็มีรถ เข้าซ้ายแล้วขับตีคู่คันหน้าเลย อยากแซงไปตบไฟใส่เลนขวานู้น ไม่รู้จะตบไฟใส่เพื่ออะไร
วิธีแก้ขับเร็วผมไปซื้อพวกเกจ์รถซิ่งมาติด มันตั้งความเร็วได้ว่า ให้เตือนตอนความเร็วเท่าไหร่ ตั้งไว้พอความเร็วถึงแล้วเตือนแบบน่ารำคาญมาก 5555 เราก็จะลดความเร็วเอง
-
ถือว่า จขกท. ยังโชคดีครับ ที่รู้จักคิดได้ เพื่อนรุ่นพี่ได้บทเรียนชีวิตกันไปหลายคนแล้ว อยากให้ลองไปเป็นอาสาสมัครกู้ภัยดูสักเดือนนึง ไปดูรถที่เกิดอุบัติเหตุ ไปดูคนบาดเจ็บ คนเสียชีวิต ไปเห็นคนที่พิการ ไปเห็นน้ำตาของคนที่สูญเสีย ไปเห็นความลำบากในการทำงานของพี่ ๆ กู้ภัย ที่จะต้องทำงานช่วยชีวิตแข่งกับเวลา ทีมแพทย์ที่ต้องผ่าตัดด่วน ไปฟังเสียงร้องไห้ที่โหยหวนใน รพ. เมื่อรู้ว่า คนที่รักจากไปเพราะอุบัติเหตุ ฯลฯ แล้วไปคุยกับผู้รอดชีวิต ไปดูว่ามุมมองชีวิตของเขาหลังเกิดอุบัติเหตุเปลี่ยนไปไหม ? ไปดูคนที่ต้องขึ้นศาล เพราะประมาท ขับรถทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ว่าเขาจะเครียดขนาดไหน ฯลฯ
เมื่อ จขกท.ได้เห็นภาพ เข้าใจถึงความเสี่ยง ความสูญเสีย ปัญหาที่ตามมา เชื่อว่า ความคิดและมุมมองชีวิตเปลี่ยน แล้ววิธีการขับรถก็จะเปลี่ยนไปเอง สติจะมามากขึ้น จะระวังมากขึ้น ใจก็จะเย็นลง พอเราทำบ่อย ๆ เข้าก็จะกลายเป็นความเคยชิน ความเร็วก็จะลดลง ความระวังจะมีมากขึ้น แล้วจากความเคยชิน จะกลายเป็นนิสัยการขับรถ และเป็นนิสัยที่ดีครับ
เอาใจช่วยให้ จขกท. มีกำลังใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถเร็วให้ได้ครับ
-
ผมว่าขึ้นอยู่กับรถด้วยครับ
ตอนผมใช้ มาร์ช วิ่งแค่ 120 ก็ไม่ไปแล้วครับ
พอเปลี่ยนมาเป็น Ativ รถมันเร็วกว่าก็ไปถึง 140 ได้
ทางแก้ คือ อย่าซื้อรถแรงมากเกินไปครับ
:)
-
ส่วนตัวตอนวัยรุ่นกว่านี้ ก็ขับรถเร็วครับ 140 ยืนพื้นเลย ให้ใครแซงไม่ได้ ถ้าโดนตบไฟใส่ ขับจี้ จะเหยียบหนี พอมานึกย้อนหลังก็งงตัวเอง ว่าทำไปทำไม 555+
ปัจจุบันวัยรุ่นตอนปลาย ก็เบาลงเยอะครับ ไม่เกิน 120 ยอมรับว่ากลัวครับ ชีวิตยังอีกยาวไกล ใช้วิธีดูแถบประหยัดน้ำมันในหน้าปัทม์ ตัวเลขเฉลี่ยอัตราการกินน้ำมัน ยุคนี้ข้าวยากหมากแพง ประหยัดดีกว่าครับ ถึงที่หมายช้าลงหน่อย แต่ก็ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้น่าจะดีกว่านะครับ
ปล.บางคนก็เปลี่ยนนิสัยการขับไม่ได้จริงๆครับ พ่อผมปีนี้จะเกษียณละ ขับรถอย่างกับเด็กวัยรุ่นไม่มีผิด ปาดซ้ายปาดขวา ออกตัวเหยียบมิด โดนสะกิดนิดหน่อย หัวร้อนเลยครับ ตอนนี้ที่บ้านถ้าพ่อขับ ไม่มีใครไปด้วยเลย
-
เอาแบบผมไปใช้ก็ได้ ได้ผลดีเชียวละ ...........แค่..........ขยับเบาะออกให้เท้าห่างจากคันเร่งเยอะหน่อย เอาให้พอตึงๆเท้าพอเบรคได้ พอเท้าไม่ค่อยถึงมันก็เหยียบได้ไม่จมคันเร่ง ได้ผลดีนะ ::) พอเหยียดมากๆขักเริ่มเมื่อยมันก็จะแค่แตะๆคันเร่งไปเนิบๆ :-X
อันตรายมาก ใครสั่งสอนให้นั่งแบบนี้ เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาต้องเหยียบเบรคได้เต็มเท้า ไม่ใช่แค่ตึงๆ และการนั่งห่างออกมามันไม่ได้กระทบแค่เท้า มันกระทบไปถึงแขนด้วย ทำให้ไม่สามารถหมุนพวงมาลัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการโดนชนท้ายท่านั่งแบบนี้มีโอกาส whiplash effect สูงมาก
ปรับเปลี่ยนด่วนนะครับ ถ้าปรับไม่ได้ก็อย่าชักจูงให้คนอื่นทำตาม มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
-
ผมก็ขับเร็วแต่หลังๆเบาลงได้เยอะ ไม่ค่อยเกิน 120
ส่วนใหญ่ที่ขับเร็วมักจะมีจังหวะที่เริ่มหงุดหงิดรถคันอื่น ทำให้แซงๆให้พ้นๆแล้วมันจะเร็วไปเองยาวๆ วิธีแก้คือลดหงุดหงิดให้ได้สำหรับผม
ผมว่าอันนี้สาเหตุหลักเลยครับ เจอทุกวัน แต่ก็ทำใจไม่ได้ครับ
- ขับช้าแช่ขวา
- หยุดให้รถเลี้ยวออกซอยทุกคัน
- อยู่ lane เลี้ยวดันตรง
-
ส่วนตัวผม พออายุมากขึ้น มันก็ค่อยๆ ช้าลงเอง ตอนเรียน ป ตรี ขับ 140-180 ทุกวัน เส้นอุดรรัตยา แต่เดี๋ยวนี้ ยืนพื้น 110-120 เต็มที่ไม่เกิน 130 มีบ้างที่จะกระทืบคันเร่งแรงๆ หมดไมล์ แต่น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นตอนหลังเที่ยงคืน
ผมไปอยู่อังกฤษมา 1 ปี ได้ขับรถทั้งในอังกฤษ และในประเทศแถบยุโรป จึงคิดได้ว่า เอ้อ บ้านเขานี่ขับรถเป็นระเบียบดีแฮะ ไม่ค่อยมีคนขับปาด ให้ทางก่อนเสมอ ขับในเมืองไม่เร็ว และแน่นอนว่าไม่มีคนขับช้าแช่ขวา/ซ้าย (ต่อให้ขับเท่า หรือเกิน Speed Limit แล้ว ถ้ารถหลังจี้มา เขาจะหลบให้ทันที) พอเห็นเขาขับรถใจเย็น ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจว่า อยากจะขับใจเย็นแบบเขาบ้าง
-
ผมเล่าเคสผมให้ฟังล่ะกันครับ ที่เลิกขับรถเร็ว(แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดว่ามันเร็วอะไรน่ะครับ ไม่เคยเกิน 140 แต่จะยืนพื้นที่100-120 ตลอด
จริงๆผมก็ไม่อยากคิดถึงมันอีกเลยน่ะให้ตายสิ 555
3 ปีก่อน ผมเกิดอุบัติเหตุคับ รถหลุดโค้ง ผมจำได้แม่นผมขับ 90 (รถกระบะ+ฝนตก) โดยปกติผมจะขับสลับเก๋ง กับ กระบะ ตอนนั้นผมคงลืม
คิดถึงลิมิตของรถกระบะไปมั่ง อันนี้ช่างมัน! จุดที่เกิดเหตุผมใช้เส้นทางนี้แทบทุกวัน ซึ่งคนทั่วไปถ้าใช้เส้นทางเดิมๆมันต้องชำนาญเส้นทาง ถูกต้องไหมฮ่ะ (ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น)
แต่เหตุมันเกิดครับ รถหลุดโค้ง ไปฟาดกับมอไซย์ รถผมหงายอยู่กลางถนน ส่วนคนขับมอไซย์ขาไปสีกับแผงกั้นเหล็กข้างทาง ชิ้นเนื้อหลุดจำนวนหนึ่ง เส้นเอ็นขาขาด ไม่สามารถรักษาใดๆได้ คู่กรณีโดนตัดขาครับ!!!
พอถึงตรงๆนี้ พี่ๆสมาชิกหลายคน คงเดาเหตุการณ์ในชีวิตของผมต่อจากนี้ได้ไม่ยากใช่ไหมครับ ว่ามันต้องเจออะไรบ้าง
อุบัติเหตุครั้งนี้ของผมมันเหมือนฝันร้ายครับ แต่เป็นฝันที่ไม่มีวันตื่น ซึ่งผมไม่อยากให้ใครในนี้ต้องเจอแบบผม
ผมเป็นคนชอบขับรถครับ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับแล้วพาครอบครัวไปเที่ยว
แต่บางที หากเกิดอุบัติเหตุแค่ครั้งเดียว มันจะพลากทุกอย่างไปจากเราได้เลยน่ะครับ
ทุกวันนี้เวลาขับรถไปไหน เจอคนที่ขับรถเร็วๆ ก็คิดในใจทุกครั้งว่าขอให้เขาโชคดี อย่าโชคร้ายแบบผมเลย มันไม่สนุกเหมือนตอนอยู่หลังพวงมาลัยเลยน่ะจะบอกให้!!
-
ผมว่านะตอนวัยรุ่น ก็ขับเร็วกันทุกคนแหละ
ผมนี่ชนเละ'ทุกคัน' มาวันนี้บอกเลย เสียดายมาก รถเก่าๆสวยงาม ไม่น่าทำร้ายมันเลย
การโตขึ้นความรับผิดชอบต่อตัวเอง และครอบครัวมันเพิ่มขึ้น
รักรถ ชอบรถเหมือนเดิม มีแต่จะมากขึ้นด้วยซ้ำ
กลายเป็นคนกลัวรถชน กลัวรถมีรอย กลัวค่าซ่อมบำรุง 555 อัดรถหนักๆ ก็ต้องดูแลหนักตาม
ถ้ารักรถ ชอบรถ ดูแลมันดีๆดีกว่าครับ
ขับเร็วมันก็มันส์จริงๆแหละ แต่เกิดอะไรขึ้นมาที ชีวิตเปลี่ยนเลย
ผมไม่โอเค
ผมจึงเลิกขับเร็ว
-
ผมเล่าเคสผมให้ฟังล่ะกันครับ ที่เลิกขับรถเร็ว(แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดว่ามันเร็วอะไรน่ะครับ ไม่เคยเกิน 140 แต่จะยืนพื้นที่100-120 ตลอด
จริงๆผมก็ไม่อยากคิดถึงมันอีกเลยน่ะให้ตายสิ 555
3 ปีก่อน ผมเกิดอุบัติเหตุคับ รถหลุดโค้ง ผมจำได้แม่นผมขับ 90 (รถกระบะ+ฝนตก) โดยปกติผมจะขับสลับเก๋ง กับ กระบะ ตอนนั้นผมคงลืม
คิดถึงลิมิตของรถกระบะไปมั่ง อันนี้ช่างมัน! จุดที่เกิดเหตุผมใช้เส้นทางนี้แทบทุกวัน ซึ่งคนทั่วไปถ้าใช้เส้นทางเดิมๆมันต้องชำนาญเส้นทาง ถูกต้องไหมฮ่ะ (ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น)
แต่เหตุมันเกิดครับ รถหลุดโค้ง ไปฟาดกับมอไซย์ รถผมหงายอยู่กลางถนน ส่วนคนขับมอไซย์ขาไปสีกับแผงกั้นเหล็กข้างทาง ชิ้นเนื้อหลุดจำนวนหนึ่ง เส้นเอ็นขาขาด ไม่สามารถรักษาใดๆได้ คู่กรณีโดนตัดขาครับ!!!
พอถึงตรงๆนี้ พี่ๆสมาชิกหลายคน คงเดาเหตุการณ์ในชีวิตของผมต่อจากนี้ได้ไม่ยากใช่ไหมครับ ว่ามันต้องเจออะไรบ้าง
อุบัติเหตุครั้งนี้ของผมมันเหมือนฝันร้ายครับ แต่เป็นฝันที่ไม่มีวันตื่น ซึ่งผมไม่อยากให้ใครในนี้ต้องเจอแบบผม
ผมเป็นคนชอบขับรถครับ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับแล้วพาครอบครัวไปเที่ยว
แต่บางที หากเกิดอุบัติเหตุแค่ครั้งเดียว มันจะพลากทุกอย่างไปจากเราได้เลยน่ะครับ
ทุกวันนี้เวลาขับรถไปไหน เจอคนที่ขับรถเร็วๆ ก็คิดในใจทุกครั้งว่าขอให้เขาโชคดี อย่าโชคร้ายแบบผมเลย มันไม่สนุกเหมือนตอนอยู่หลังพวงมาลัยเลยน่ะจะบอกให้!!
อ่านแล้วรู้สึกวว่าช่วยดึงสติได้มากจริงๆ ขอบคุณที่แชร์บนเรียนในครั้งนี้ให้นะครับ
-
ผมว่าถ้าเริ่มรู้สึกได้แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีก็แล้วกันครับ
ลองวิธีที่ผมเคยใช้ดูละกันนะครับเผื่อเป็นประโยชน์นะครับ ถือว่าแชร์กัน
---ก่อนออกถนน ตั้งใจไว้ครับว่า จะพยายามเปลี่ยนเลนให้น้อยครั้งที่่สุด ทำเท่าที่จำเป็น และจะพยายามไม่ปาด ไม่เบียดให้ได้มากที่สุด ยอมได้ยอม
---ก่อนออกถนน คิดและตั้งสติ บอกกับตัวเองว่า เราเป็นจุดเล็กๆบนโลกนี้ ทุกอย่างไม่ได้หมุนรอบตัวเรา
---ก่อนออกถนน วางแผน และกะเวลาให้เหมาะสม เผื่อเหลือไว้ อย่าเผื่อขาด แล้วลองเปรียบเทียบเส้นทาง และช่วงเวลาเดียวกัน แต่ขับแบบเดิมเหมือน
ก่อนหน้าที่เคยขับ แล้วเปรียบเทียบดูครับว่า เวลาที่ใช้น้อยลง ซึ่งเราอยากได้มาก จนยอมทำทุกอย่างแย่ๆบนถนน เพื่อให้ได้มาอาจจะ 10-20 นาที
บางครั้ง 1-2 นาที ซึ่งหลายครั้งมันไม่สร้างความต่างอะไร ที่เป็นประโยชน์กับเราเลยด้วยซ้ำ ............แต่ เราต้องแลกมันมากับ อารมณ์ที่ขุ่นมัว
การทะเลาะ เบาะเเว้ง ต้องเอาเปรียบผู้อืนอีกมากมายบนถนน เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการจากอารมณ์ล้วนๆดู ว่ามันคุ้มกันมั๊ย เรามีความสุขสมหวัง
โดยได้สิ่งเหล่านั้นมาจากการเบียดเบียน เรามีความสุขกับมันจริงหรือ???
ผมก็เคยเป็นครับ คันอื่นบนถนน ขับผิดหมด แท๊กซี่ 3 ล้อ มอไซ รถเมล์.............เราถูกอยู่คนเดียว
ถึงวันนี้ ก็ยังต้องพยายามอยู่นะครับ ทำมานานจนชินชา ผมพบว่า ถ้าเราตั้งใจตั้งแต่ก่อนจะขับ มันจะช่วยได้มาก เตือนสติตัวเองไว้
ลองดูครับ คนอื่นไม่ทำ เพราะเค้าอาจจะยังคิดไม่ได้ ไหนๆเราคิดได้แล้ว พบทางที่สว่างกว่าแล้ว จะมัวไปติดอยู่ในหลุมดำของอารมณ์โกรธเหล่านั้นบนท้องถนน ไปอีกทำไมครับ
ลองดูนะครับ อยากให้ทำได้กันเยอะๆ จะพบครับว่า คนอื่นขับรถแย่ หรือไม่ดี เราก็อยู่กับมันได้ ถ้าใจเราโอเคนะครับ
-
ไม่ยากไม่ง่าย
ถ้ารู้ว่าทำแล้วไม่มีประโยชน์ก็อย่าไปทำครับ
-
ของผม ตัว 1.3G ตั้งเป๋า ไว้ 20km/l (E20) ก็ช่วยได้ ครับเพราะประหยัดเงินในกระเป๋าได้พอสมควร 100-120 ส่วน ตัว D คงได้ 25km/l แหละ
-
มีสติตลอดเวลา ระลึกไว้เสมอว่าจะไม่ขับเร็วครับ ไม่งั้นใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผล
เมื่อถึงเวลาได้เปลี่ยนรถ ก็เอารถที่อืดกว่าเดิม ช่วงล่างแย่กว่าเดิม
-
ซื้อ GPS ของ garmin ติดรถไว้สิครับ พอความเร็วเกินมันจะส่งสัญญาณเตือน เพราะรถสมัยใหม่ เครื่องแรง ห้องโดยสารเก็บเสียงดี บางทีก็ความเร็วเกินโดยไม่ตั้งใจ
-
ขออภัยนะครับถ้าภาษาไม่สวย
คุณมีลูกมีเมียรึยังครับ?? หรือยังเด็กอยู่
มีลูกมีเมียเมื่อไหร่ หลายๆคนเปลี่ยนนะ
อย่างผมคนนึงละ ต้องคิดเสมอว่าลูกอยู่ในรถ
สุดท้ายกลายเป็นคนกลัวการขับรถเร็วไปเลย
ตอนนี้ขับอยู่ไม่เกิน 120 เกินบ้างถ้าจำเป็น
-
ผมจะบอกว่า ตัวเองขับเร็วขึ้น ขณะที่ความรู้สึกว่ามันเร็วเท่าเดิม
สาเหตุเพราะรถสมัยนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก
เช่น การสั่นสะเทือน การเก็บเสียง กำลังเครื่องยนต์(สมัยนี้ B-seg กระบะ Commonrail ถ้าปลดล๊อค ผมว่ามีแตะ 200 กันได้สบายๆ)
มันทำให้รถนิ่งขึ้น ตอบสนองดีขึ้น เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเร็ว มันยังไปได้อีก
ขณะที่ มังกรทองผม วิ่ง 100 รอบเครื่องปาไปเกือบ 3000 ร้องครางปานใจจะขาด
นี่คือความต่าง รถสมัยนี้ 120-140 นี่ไหลๆ เดินทางสบายๆ
-
ผมใช้ วิธี เปิดเพลงครับ แต่ต้องหาเพลงช้าๆ หรือเพลงที่เน้นเสียงร้องนะ ช่วยให้ใจเย็นได้เยอะเลย
หรือไม่ก็ลองเปิดหน้าต่างขับ พอเร็วแล้วเสียงจะดัง จนอยากขับช้าลง