Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: whitebear ที่ พฤศจิกายน 10, 2017, 00:15:52
-
พอดีกำลังพิจารณา 330e เป็นหนึ่งในตัวเลือกน่ะครับ
คือไม่ได้สนใจเรื่องความประหยัดครับ สนใจเรื่องความแรงเมื่อเทียบกับ 320d และงบที่มี
แต่เท่าที่หาข้อมูลในเว็บนี้เหมือนคนไม่ค่อยเชียร์ 330e เท่าไร ยิ่งอ่านยิ่งกังวล เลยอยากจะถามดังนี้ครับ
1. รถ Hybrid ค่าบำรุงรักษามันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอครับ สมมุติใช้รถ 5-7 ปีจะต้องใช้เงินเท่าไรครับ
2. ขายต่อราคาตกเยอะ มันเยอะแค่ไหนครับ ถ้าคิดเป็นตัวเงินเทียบกับ 320d
3. ถ้าแบตไม่เต็ม 100% เช่นเหลือ 50% นี่จะได้แรงม้า 252 ตัวไหมครับ (เท่าที่อ่านรุสึกเหมือนว่ายิ่งแบตเหลือน้อยกำลังก็จะน้อยลงตาม)
4. ถ้าใช้ Mode Auto eDrive วิ่งออกต่างจังหวัดยาวๆ นี่แบตมันจะหมดช้าหรือเร็วแค่ไหนครับ (คือตอนแรกเข้าใจว่าวิ่งต่างจังหวัดแบตน่าจะแทบไม่ลด เพราะรถมีการวิ่งอยู่ตลอดเวลาเลยชาร์จไฟเข้าแบตได้ตลอด ซึ่งถ้าแบตแทบไม่ลดก็เท่ากับว่าเครื่องก็จะแรงอยู่ตลอดเวลา แต่หาข้อมูลไปมาเริ่มสับสนว่าตกลงเข้าใจถูกหรือเปล่า)
-
1 รถมันพึ่งออกมาไม่ถึง 2 ปีใครจะไปตอบได้ครับ
2 ตามข้อ 1 รถมันพึ่งออกมาจะขายกันซะแล้ว
3 ผมว่าคุณไปทำความเข้าใจคำว่าแรงม้ามาเต็มใหม่ดีกว่า ต่อให้แบตมาเต็มร้อยแต่คุณไม่เหยียบม้ามันก็ไม่มีทางมาเต็มได้ อย่าง bmw มีหน้าจอแสดง performance ว่าขณะนี้แรงมากี่ม้ากี่แรงบิด ลองดูหน้าจอนั้นจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
4 รถมันก็มีการชาจน์ขณะต้องเบรคและให้พลังตอนเร่งแต่มันก็ไม่มีทางเต็มร้อยได้หรอก ทั้งนี้เพื่อเซฟแบต ใช้งานทั่วไปมันก็ป้วนเปี้ยนไปเรื่อยๆ ถ้าคิกดาวน์แยอะ แบตมันก็ลดไว ขึ้นอยู่กับการขับขี่
-
ไม่ได้ใช้bmw แต่ใช้รถphevของbenz ที่ระบบน่าจะคล้ายๆกัน แจ่จะต่างกันที่ ของ เบนซ์ มี 4 Mode ของ bmw จะมี 3 Mode โดยรวมโหมด carge กะ e-save ไว้ด้วยกัน ขอตอบตามนี้
1. อันนี้ไม่แน่ใจในส่วนของ bmw แต่benz นี่ 60,000 โลก็มีinverter เสีย air ไม่เย็น ซึ่งต้องซ่อมเป็นเดือนเพราะรอเคลมอะไหล่ จากเยรมัน ยังไงรอคนใช้330eมาตอบอีกที
2. Phevยังมีราคามือสองไม่ชัด แต่ active hybrid 2013 มือหนึ่ง 4.6 ล้าน ตอนนี้ขายกัน 2.2ล้าน เหลือมูลค่า 47% ในขณะที่ 320 d ปีเดียวกัน ราคาขาย 1.4-1.5 ล้าน เหลือมูลค่า 60%
3. ถ้าแบตเหลือ50% ได้ม้าครบยาวๆแน่นอน แต่ประเด็นคือ ถ้า ออกจากบ้านชาร์จเต็ม รถมันจะพยายามใช้แบตเต็มที่จน เหลือ 10-20% ภายใน 20-40 กม แรก โดยเฉพาะถ้ารถติดแบตจะหมดไว ซึ่งถ้าแบตเหลือน้อย เวลาอัดหรือขับเร็วๆแบตมันจะช่วยไม่เต็มที่ คือช่วยได้แป๊ปเดียว เช่น ตอนเหยียบคันเร่งช่วงแรกๆ แล้วมันจะช่วยน้อยลง คล้ายๆ e-save mode ดังนั้น ถ้าจะออกจากบ้าน ควรวางแผนดีๆ เช่น อาจใช้ e-save โหมด ตอนวิ่งนอกเมือง พอมาในเมือง ค่อยใช้hybrid ธรรมดา เพื่อความประหยัดเป็นต้น หรือถ้าจะหวด ก็ให้แบตมันเหลือซัก 30%กำลังดีมันจะอัดฉีดกำลังยาวๆ และแนะนำว่าถ้าจะหวดต้องเปลี่ยนเป็นโหมดsก่อนเสมอ มันแรงต่างกันเยอะ
4. วิ่งต่างจังหวัดถ้าไม่ใช้e save modeนี่ยิ่งกินแบตครับ คือถ้าขับไม่เกิน120 พอความเร็วคงที่ เครื่องจะดับ และใช้ไฟฟ้าเพื่อรักษาความเร็ว และทำให้แบตลดลงไปเรื่อยๆ จนเหลือแค่ 15-20% ถึงแม้การขับมันจะมีเบรคเพื่อชาร์จบ้างตอนเบรคกับตอนถอนคันเร่ง แต่ถ้าใช้โหมด auto e driveธรรมดา มันจะเสียพลังงานมากกกว่าที่ชาร์จเข้าไปใหม่เพราะวิ่งธรรมดาช่วงเครื่องติดมันจะไม่ชาร์จกลับเข้าไปเลยยกเว้นตอนเบรคเพื่อความประหยัดครับ พอ แบตเหลือน้อย มันจะเข้าโหมด e-save อัตโนมัติ คือ แบตช่วยนิดเดียว ขับ 120 เท่าเดิมเครื่องแต่ติดตลอด และระดับ แบตจะถูกรักษาอยู่ที่ 10-20% ตลอดครับ
โดยสรุปคือ ถ้าแบตเต็มแล้วไม่ทำอะไรเลยauto e drive มันจะใช้แบตเต็มที่เพื่อความประหยัด จนแบตเหลือน้อย แล้วตัดเข้าe-save อัตโนมัติ ซึ่งตอนe -save มันจะไม่ค่อยมีพลังงานจากแบตมาช่วย แต่ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการใช้โหมด e-save เพื่อรักษาพลังงานไว้ ใช้ในช่วงที่เราต้องการใช้พลังจากแบตจริงๆเช่นซิ่ง หรือ ช่วงที่รถติดมากๆในเมืองครับ (ถ้าขับคลานๆในเมืองใช้แบตอย่างเดียว ขับแล้วมันฟินกว่า)
อีกหมายเหตุนึง คือถ้าเราจะใช้โหมดชาร์จ เพื่อให้แบตมันเต็ม มันจะกินน้ำมันมากกว่า ใช้โหมดhybrid ธรรมดายาวๆครับ เหมาะกับ บางประเทศที่เมืองคุมมลพิษมากๆ เตรียมจะซิ่ง หรือ ต้องขับในเมืองในอนาคตข้างหน้า แล้วไม่อยากให้เครื่องติดเท่านั้นเอง
ทั้งหมดที่ว่าคือ โหมด ของ benz แต่ของ bmw มันจะมีโหมด save ซึ่งจะรวมการชาร์จไปด้วย รอเจ้าของ 330 e มาตอบอีกทีครับ
-
ขอตอบในฐานะผู้ใช้ 330e นะคับ
1.เรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่ทราบคับเพราะว่า รถพึ่งเปิดตัวมาไม่นาน ในกลุ่มก็ไม่ได้มีใคร complaint เรื่องนี้ครับ
2.ราคาตกมากมั้ย มีคนในกรุ๊ปออกรถมา 1 เดือนใช้ไป 1000 km รุ่น 330e M sport ศุนย์ ตีราคา 1,700,000 แต่เซลล์แจ้งว่า 5 ปี ราคารถ จะเหลือประมาณ 30%
3. แบตต้องต่ำกว่า ประมาณ 15 เปอร์เซนครับ แรงม้า แรงบิดถึงจะตกลง โดยส่วนใหญ่ ถ้าซิ่งตลอด แบตไม่ค่อยหายครับ เครื่องจะพยายาม ชาร์ทไฟเข้าเสมอ
4. Auto e drive แบต จะลดจนหมดเลยครับ เพราะเครื่องยนต์ จะพยายามใช้ไฟฟ้าก่อนเพื่อความประหยัด แนะนำว่าให้ใช้ Save mode เวลาขับออก ต่างจังหวัดแล้วไม่มีที่ชาร์ทไฟ แบตจะคงที่อยู่ที่ 90% แต่ค่อนข้างกินน้ำมันครับ รถรุ่นนี้ใช้ในเมือง ไปกลับไม่เกิน 30 km ประหยัดที่สุดครับ นอกเมือง สู้ 320d ไม่ได้
ปล. 330e แรงมากคับแรงต่างจาก 320d ชัดเจนมากๆ ลองแล้วจะติดใจครับ
-
รถมันหนักนะครับ บางทีอาจจะเด่นแค่ทางตรง ทางโค้งอาจจะไม่โอเคเท่า 320d
-
ลองหาข้อมูลน้ำหนักรถเอาแรงม้าหาร จะทราบคร่าวๆว่าใครแรงกว่ากัน
คู่นี้เป็นผมคงเล่น 320D เพราะดูคนรอบตัวที่ใช้แล้วยังไม่มีอะไรน่ากังวล ยังไม่มีใครอยู่บนยานแม่ :-*
-
ตามหลักการ รถแรงไม่แรงดูที่แรงบิด ส่วนtop speed มากน้อยดูที่แรงม้า จะเร็วจะแรงเมื่อไหร่นานแค่ใหนดูที่รอบการตอบสนองและแบต 320d แรงบิด 400์ N.m 330e แรงบิด 420์N.m ต่างกันมากน้อยแค่ใหนไม่แน่ใจว่าเปรียบเทียบถุกหรือเปล่าก็ประมาณว่าคนหนัก 42kg กับ 40kg ขับรถคันเดียวกัน ต่างกันแค่ 2กิโลเอง ดูแล้วแทบไม่มีผล น้ำหนักแบตกับมอเตอร์ใน 330e ยังจะมีผลมากกว่า ดูๆตามสเปกแล้ว 320d น่าจะแรงกว่าด้วยซ้ำ แต่หลายคนก็บอกว่า 330e แรงกว่าครับทั้งที่หนักมากกว่าแต่แรงบิดแทบไม่ต่าง ผมไม่เคยลอง 330e ครับ แต่คิดว่าที่หลายคนๆบอกว่าแรง อาจจะเป็นที่รูปแบบการตอบสนองของ 330e มาตั้งแต่ต้นยันปลายมากกว่า ขณะที่ 320d สัก 3000รอบ หรือประมาณครึ่งทางก้ตัดแล้ว ส่วนเรื่องแรงม้าที่ต่างกัน 60 กว่าตัวถ้าไม่ได้ขับ top speedบ่อยๆไปทำงานหรือแข่งกับใครไม่ต้องไปดุหรอกครับ สำหรับผมถ้าถามว่า 320d เพียงพอใหม เหลือๆด้วยซ้ำ หลังจากที่ใช้มา 30,000โล ก่อนจองก้กลัวๆ กลัวว่าจะขับไม่มันส์ แต่พอลองแล้วก้ชอบ อย่าลืมนะขับรถขับแล้วชอบขับแล้วมันส์ไม่ได้อยู่ที่เครื่องอย่างเดียวนะครับ มันต้องมีเกียร์ ช่วงล่างและอื่นๆ เป็นส่วนผสมด้วยนะครับ เรียนรู้นิสัยรถและใช้มันใหุ้ถูกเวลา ถุกต้อง ถ้าจะให้เลือก 330e เพราะว่ามันแรงกว่า 320d ผมว่าผมไป active hb.3 ดีกว่า อันนั้น หอดสาด
ปล.ผิดถูกประการใดขอภัยน้อมรับกับชี้แนะครับ
-
แบตไฮบริดมันลูกละเท่าไหร่อ่ะครับ แพงเหมือน Volvo มั๊ยครับ (ลูกละเกือบห้าแสน)... รถ class ใกล้ๆ กัน อยากรู้เป็น idea
-
320D แรงม้า 190 แรงบิด 400 วิ่ง 0-100 7.2 วิ (ตาม Spec Sheet)
330E แรงม้า 252 แรงบิด 420 วิ่ง 0-100 6.1 วิ (ตาม Spec Sheet)
ถ้าพูดถึงความแรง ผมยังงงว่าทำไมยังมีคนเอาน้ำหนักรถ มาพูดทำเป็นว่าแรงพอๆ กันกับ 320D อยู่อีก
ค่าบำรุงรักษาตอนซื้อผมไม่ได้เทียบกับ 320d นะครับ
ผมเทียบกับ 350e นู้น ของ MB จุกจิกกว่าเยอะมาก ระบบช่วงล่าง Airmatic ยุบกับสนุกสนาน
เทียบกับฝั่ง 330e ในคลับ ปัญหาน้อยกว่าเยอะ แถมไม่ค่อยมีจุกจิก
ราคาขายต่อถึงวันนั้นมี C350e มาเป็นเพือนแน่นอนครับ แถมทางนั้นน่ากังวลกว่าทาง BMW ซะอีก
เพราะปัญหาจุกจิกมาตั้งแต่ต้น
ผมเลยไม่ค่อยกังวล
-
สงสัย 330e จะขายดีครับ
เพราะตั้งแต่เปิดตัวมา มีหลายกระทู้มากเลย
จะเป็นพระเอกทางตรงหรือพระเอกทางโค้ง ก็ต้องเลือกเอาหน่อยนะครับ
-
สงสัย 330e จะขายดีครับ
เพราะตั้งแต่เปิดตัวมา มีหลายกระทู้มากเลย
จะเป็นพระเอกทางตรงหรือพระเอกทางโค้ง ก็ต้องเลือกเอาหน่อยนะครับ
ถ้าบ้านเราประกอบ 330i เหมือนอินโดฯก็จบละครับ เป็นพระเอกทั้งทางตรง และทางโค้งเลยครับ (เครื่องเบากว่า 20d แต่แรงกว่า) ;D
นี่ดันเป็น 330e vs 320d ซ่ะปวดหัวเลย
-
ขอตอบในฐานะผู้ใช้ 330e นะคับ
1.เรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่ทราบคับเพราะว่า รถพึ่งเปิดตัวมาไม่นาน ในกลุ่มก็ไม่ได้มีใคร complaint เรื่องนี้ครับ
2.ราคาตกมากมั้ย มีคนในกรุ๊ปออกรถมา 1 เดือนใช้ไป 1000 km รุ่น 330e M sport ศุนย์ ตีราคา 1,700,000 แต่เซลล์แจ้งว่า 5 ปี ราคารถ จะเหลือประมาณ 30%
3. แบตต้องต่ำกว่า ประมาณ 15 เปอร์เซนครับ แรงม้า แรงบิดถึงจะตกลง โดยส่วนใหญ่ ถ้าซิ่งตลอด แบตไม่ค่อยหายครับ เครื่องจะพยายาม ชาร์ทไฟเข้าเสมอ
4. Auto e drive แบต จะลดจนหมดเลยครับ เพราะเครื่องยนต์ จะพยายามใช้ไฟฟ้าก่อนเพื่อความประหยัด แนะนำว่าให้ใช้ Save mode เวลาขับออก ต่างจังหวัดแล้วไม่มีที่ชาร์ทไฟ แบตจะคงที่อยู่ที่ 90% แต่ค่อนข้างกินน้ำมันครับ รถรุ่นนี้ใช้ในเมือง ไปกลับไม่เกิน 30 km ประหยัดที่สุดครับ นอกเมือง สู้ 320d ไม่ได้
ปล. 330e แรงมากคับแรงต่างจาก 320d ชัดเจนมากๆ ลองแล้วจะติดใจครับ
โอ้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมเองก็พึ่งเข้าใจโหมดsaveของ bm
เท่าที่ดูๆ bm น่าจะจุกจิกน้อยกว่าเบนซ์นะครับ เคยได้ยินข่าวว่สเอาเทคโนโลยีโตโยต้ามาน่าจะทนถึกอยู่
สงสัย 330e จะขายดีครับ
เพราะตั้งแต่เปิดตัวมา มีหลายกระทู้มากเลย
จะเป็นพระเอกทางตรงหรือพระเอกทางโค้ง ก็ต้องเลือกเอาหน่อยนะครับ
ถ้าบ้านเราประกอบ 330i เหมือนอินโดฯก็จบละครับ เป็นพระเอกทั้งทางตรง และทางโค้งเลยครับ (เครื่องเบากว่า 20d แต่แรงกว่า) ;D
นี่ดันเป็น 330e vs 320d ซ่ะปวดหัวเลย
อย่างงี้ต้องจัด330i coupe โลดครับ อิอิ
-
320D แรงม้า 190 แรงบิด 400 วิ่ง 0-100 7.2 วิ (ตาม Spec Sheet)
330E แรงม้า 252 แรงบิด 420 วิ่ง 0-100 6.1 วิ (ตาม Spec Sheet)
ถ้าพูดถึงความแรง ผมยังงงว่าทำไมยังมีคนเอาน้ำหนักรถ มาพูดทำเป็นว่าแรงพอๆ กันกับ 320D อยู่อีก
ค่าบำรุงรักษาตอนซื้อผมไม่ได้เทียบกับ 320d นะครับ
ผมเทียบกับ 350e นู้น ของ MB จุกจิกกว่าเยอะมาก ระบบช่วงล่าง Airmatic ยุบกับสนุกสนาน
เทียบกับฝั่ง 330e ในคลับ ปัญหาน้อยกว่าเยอะ แถมไม่ค่อยมีจุกจิก
ราคาขายต่อถึงวันนั้นมี C350e มาเป็นเพือนแน่นอนครับ แถมทางนั้นน่ากังวลกว่าทาง BMW ซะอีก
เพราะปัญหาจุกจิกมาตั้งแต่ต้น
ผมเลยไม่ค่อยกังวล
ผมก็เข้าใจเหมือนคุณ TONYP ครับว่ายังไง 330e น่าจะแรงกว่า 320d โดยไม่ต้องดูเรื่องแรงบิด/แรงม้าเพราะอัตราเร่ง 0-100 มันบอกชัดเจน
เพียงแต่ที่สงสัยคือ ไอ้ที่ว่าแรงกว่านี่มันจะแรงกว่าได้นานแค่ไหนครับเวลาขับขี่ทางไกล
ไม่ใช่ว่าอัดแปปๆ แบตหมด เหลือแต่เครื่องยนต์ล้วนๆทำงาน แล้วยังต้องมาแบกมอเตอร์ไฟฟ้าอีกก็จะกลายเป็นว่าอืดกว่า
แต่ถ้าอ่านจากที่คุณ namepr ให้ความเห็น ถ้าเข้าใจไม่ผิดเหมือนว่าไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดเร็วขนาดนั้น แค่เลือกโหมดให้ถูก อยากแรงก็ยอมเปลืองน้ำมันหน่อยเปิดหมด SAVE BATT ก็จะใช้การทำงานเครื่องยนต์เป็นหลัก แบตเป็นตัวเสริมเมื่อเติมคันเร่ง (ไม่รู้เข้าใจถูกไหม)
ปล. อ่านความเห็นของหลายๆ ท่านแล้วได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณมากครับ
-
320D แรงม้า 190 แรงบิด 400 วิ่ง 0-100 7.2 วิ (ตาม Spec Sheet)
330E แรงม้า 252 แรงบิด 420 วิ่ง 0-100 6.1 วิ (ตาม Spec Sheet)
ถ้าพูดถึงความแรง ผมยังงงว่าทำไมยังมีคนเอาน้ำหนักรถ มาพูดทำเป็นว่าแรงพอๆ กันกับ 320D อยู่อีก
ค่าบำรุงรักษาตอนซื้อผมไม่ได้เทียบกับ 320d นะครับ
ผมเทียบกับ 350e นู้น ของ MB จุกจิกกว่าเยอะมาก ระบบช่วงล่าง Airmatic ยุบกับสนุกสนาน
เทียบกับฝั่ง 330e ในคลับ ปัญหาน้อยกว่าเยอะ แถมไม่ค่อยมีจุกจิก
ราคาขายต่อถึงวันนั้นมี C350e มาเป็นเพือนแน่นอนครับ แถมทางนั้นน่ากังวลกว่าทาง BMW ซะอีก
เพราะปัญหาจุกจิกมาตั้งแต่ต้น
ผมเลยไม่ค่อยกังวล
ผมก็เข้าใจเหมือนคุณ TONYP ครับว่ายังไง 330e น่าจะแรงกว่า 320d โดยไม่ต้องดูเรื่องแรงบิด/แรงม้าเพราะอัตราเร่ง 0-100 มันบอกชัดเจน
เพียงแต่ที่สงสัยคือ ไอ้ที่ว่าแรงกว่านี่มันจะแรงกว่าได้นานแค่ไหนครับเวลาขับขี่ทางไกล
ไม่ใช่ว่าอัดแปปๆ แบตหมด เหลือแต่เครื่องยนต์ล้วนๆทำงาน แล้วยังต้องมาแบกมอเตอร์ไฟฟ้าอีกก็จะกลายเป็นว่าอืดกว่า
แต่ถ้าอ่านจากที่คุณ namepr ให้ความเห็น ถ้าเข้าใจไม่ผิดเหมือนว่าไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดเร็วขนาดนั้น แค่เลือกโหมดให้ถูก อยากแรงก็ยอมเปลืองน้ำมันหน่อยเปิดหมด SAVE BATT ก็จะใช้การทำงานเครื่องยนต์เป็นหลัก แบตเป็นตัวเสริมเมื่อเติมคันเร่ง (ไม่รู้เข้าใจถูกไหม)
ปล. อ่านความเห็นของหลายๆ ท่านแล้วได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณมากครับ
ใช่ครับ มอเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นแค่ตัวช่วยเร่งเฉยๆ เครื่องยนต์จะทำงานเป็นหลัก ขับ sport mode อัดตลอด ถ้าเร่งๆ เบรคๆ สลับกัน ไฟฟ้าไม่หมดแน่นอนครับ
ส่วนถ้าเป็น Max e drive ส่วนใหญ่ไว้ขับ ใกล้ๆ แล้วมีที่ชาร์ทคับ(เช่นไปกลับที่ทำงาน) เทียบกับค่าน้ำมัน กับค่าไฟ เป็น กิโล/บาท ถูกกว่าเกือบ 3 เท่า (เติม PTT เบนซิน 95)
-
งั้นต้องเอา 330e ดึงปลั๊กจากแบตออก แล้วดูว่าจะแรงกว่า 320d ไหม ;D ;D ;D
ขำขำน่ะครับ มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้มีอัตราเร่งดีกว่าเครื่องสันดาปล้วนๆจริงๆครับ ;)
-
ถ้าห่วงเรื่องค่าบำรุงรักษา กับราคาขายต่อ ยังไงก็ต้อง 320d ครับ
ส่วนตัวใช้ 330e ก็ชอบครับ
-
ใช้c350eอยู่ครับ มาตอบว่าถ้าอยู่โหมดsportหรือsport+จะใช้เครื่องยนตร์เป็นหลัก
กดคันเร่งแซง มอเตอร์จะค่อยมาผสมครับ อยู่โหมดนี้ แบตแทบไม่ลดเลย ขับดีๆชาร์ตไฟได้ด้วย
คิดว่าถ้าขับ320Dแล้วเซี่ยนๆหาเรื่อง อยากเล่นกับ330e
...คิดผิดคิดใหม่ได้ครับ สมมุติแบตเขา30%แล้วอยู่sportโหมดยังไง320dก็ไม่ทันครับ
330e มันไม่มีโหมดชาร์ตเพียวๆแบบc350e ทำให้คนขับพยายามเซฟคันเร่งเซฟแบต
...ที่เห็นเขาขับย่องๆ น่ารักๆ อย่าไปแหย่เขาครับ
PHVไม่ได้มาแค่ขำๆ 8)
-
ใช้c350eอยู่ครับ มาตอบว่าถ้าอยู่โหมดsportหรือsport+จะใช้เครื่องยนตร์เป็นหลัก
กดคันเร่งแซง มอเตอร์จะค่อยมาผสมครับ อยู่โหมดนี้ แบตแทบไม่ลดเลย ขับดีๆชาร์ตไฟได้ด้วย
คิดว่าถ้าขับ320Dแล้วเซี่ยนๆหาเรื่อง อยากเล่นกับ330e
...คิดผิดคิดใหม่ได้ครับ สมมุติแบตเขา30%แล้วอยู่sportโหมดยังไง320dก็ไม่ทันครับ
330e มันไม่มีโหมดชาร์ตเพียวๆแบบc350e ทำให้คนขับพยายามเซฟคันเร่งเซฟแบต
...ที่เห็นเขาขับย่องๆ น่ารักๆ อย่าไปแหย่เขาครับ
PHVไม่ได้มาแค่ขำๆ 8)
330e มีโหมด eDrive Save Battery ที่จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอร่ครับ
-
อ้างอิงจากกระทู้ของคุณ MoO Cnoe
สเป็คของ 330e
"...เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. Twin Power Turbo
กำลังสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 - 6,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 1,350 - 4,250 รอบ/นาที
...
มอเตอร์ไฟฟ้า synchronous electric motor ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า (PS)
ที่ 2,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 0-2,500 รอบ/นาที..."
ส่วน สเป็ค 320d
กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์/แรงม้า/รอบต่อนาที) 140 / 190 / 4,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) 400 / 1,750-2,500
นั่นแปลว่าถ้ารถสองคันนี้ออกตัวพร้อมกันที่รอบเดินเบา (รอบเดินเบาของเครื่องยนต์สี่สูบปกติอยู่ที่ 700-750 rpm)
330e มีแรงบิด 250 Nm เต็มจากมอเตอร์+แรงบิดจากเครื่องยนต์ที่ค่อยค่อยเพิ่มขึ้น จนรอบเครื่องถึง 1,350 ก็จะได้แรงบิดเต็มทั้งจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ จนกระทั่งถึง 2,500 rpm แรงบิดจากมอเตอร์เร่ิมตกหรือไม่มีหรือตัดการทำงาน แต่แรงบิดจากเครื่องยนต์ยังเต็ม 290Nm อยู่จนถึง 4,250 rpm แล้วแรงบิดจากเครื่องยนต์เริ่มตกลง ถ้าเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้้น รอบก็ตก วนลูปใหม่ แล้วแต่อัตราทดเกียร์ แต่พอเกียร์สูงขึ้น อัตราทดน้อยลง แรงบิดที่ล้อก็จะลดลง จะเห็นได้ว่า 330e มีแรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องกว้างมาก คนขับจึงรู้สึกว่าแรงมาก 0-100 km/h จึงเร็ว
ในขณะที่ 320d หลังจากออกตัว ถึงแม้ว่าแรงบิดจะค่อยๆเพิ่มขึ้น แต่ก็เริ่มที่ค่อนข้างสูง เพราะเป็นเครื่องดีเซลเทอร์โบ จนรอบเครื่องถึง 1750 rpm ก็จะได้แรงบิดเต็ม 400 Nm พอถึง 2500 rpm แรงบิดก็จะค่อยๆตกลง ถ้าเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้้น รอบก็ตก วนลูปใหม่ แล้วแต่อัตราทดเกียร์ แต่พอเกียร์สูงขึ้น อัตราทดน้อยลง แรงบิดที่ล้อก็จะลดลง
-
ส่วนคำถามที่ว่า
"3. ถ้าแบตไม่เต็ม 100% เช่นเหลือ 50% นี่จะได้แรงม้า 252 ตัวไหมครับ (เท่าที่อ่านรุสึกเหมือนว่ายิ่งแบตเหลือน้อยกำลังก็จะน้อยลงตาม)"
ขออธิบายดังนี้นะครับ
330e มีสิ่งที่่ใช้ขับเคลื่อนรถ 2 อย่าง คือ เครื่องยนต์ กับ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์ใช้พลังงานจากน้ำมัน ส่วนมอเตอร์ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ตราบใดที่ยังมีน้ำมัน และแบตเตอรี่มีไฟ ก็ทำงานได้เต็มที่ทั้ง 2 อย่าง แต่มียกเว้นว่าแบต ถ้าเหลือต่ำกว่ากี่% จะตัดการทำงานเพื่อเซฟแบตเตอรี่
ส่วนแรงม้ารวม 252 hp เค้าไม่ได้ระบุมาว่าที่รอบเครื่องเท่าไหร่ จะได้ใช้เต็มก็ต้องเหยียบให้ได้ตามรอบนั้นครับ ซึ่งถ้าปกติไม่ได้ลากรอบหรือไม่ได้ขับความเร็วระดับ top speed ม้าก็มาไม่เต็มหรอกครับ เพราะรอบเครื่องไม่ถึง
-
1. บำรุงรักษา มี 2 กรณี 1) พวกเซอร์วิสตามระยะ 12,000 โล ไม่เสียตังค์ เพราะ BSI คุ้มครองอยู่ 2) อะไหล่เสีย อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันตัวรถ (3 ปี, 5 ปี, 6 ปี แล้วแต่ที่คุณได้) ไม่เสียตังค์เช่นกัน อีกอย่าง แบตไฮบริดรับประกัน 10 ปี หรือ 150,000 โล น่าจะอุ่นใจได้ระดับนึงครับ หลังจากนั้น เปลี่ยนลูกละ 30,000 บาทมั้งครับ มี 5 ลูกแยกกัน เปลี่ยนแยกกันได้อิสระ ไม่เจ็บตัวก้อนใหญ่
2. รถซื้อมาใช้ครับ ราคาตกอยู่แล้ว อย่าไปคิดมากครับ ถ้าอยากขาดทุนน้อย ซื้อ city car ครับ จำนวนเงินขาดทุนน้อยที่สุด
3. 252 ม้า กับ 420 Nm มีให้คุณใช้ตลอด ไม่เกี่ยวกับปริมาณแบตครับ ขอให้มีแบต คุณกดคันเร่งสุด ได้ตามนั้นตลอดครับ
4. วิ่ง auto eDrive ทางไกล มอเตอร์จะจ่ายกำลังมาช่วยเครื่องตลอดเวลาครับ 100 Nm ทำให้เครื่องมีภาระน้อยลง ประหยัดน้ำมันขึ้น ลองดูอัตราสิ้นเปลือง realtime จะเห็นว่าวิ่ง 100 kph กินน้ำมันแค่ 22-25 กิโลต่อลิตรครับ แต่เท่ากับคุณใช้แบตไปเรื่อยๆ พอถึง 6-7% มันก็จะหยุดจ่ายไฟครับ ก็คือวิ่งเครื่องล้วนๆเหมือน 320i แต่ถ้าคุณอยากเซฟแบตไว้ ให้ใช้ Save mode ครับ แบตจะถูกชาร์จกลับมาที่ 90% (software ล่าสุด) แล้วค้างไว้แบบนั้น ถ้าคุณ kickdown มอเตอร์ก็จะเข้ามาช่วยให้คุณได้ 252 ม้า ปกติ พอผ่อน รถก็ชาร์จกลับมา 90% อีก ประมาณนี้
อีกอย่าง 330e แรงกว่า 320d ทุกช่วงความเร็วตั้งแต่ 0-225 kph ครับ จะออกตัวจากหยุดนิ่ง จะ rolling start จะยังไงก็แล้วแต่ 320d เดิมๆไม่มีทางตามทันครับ แต่พอพ้น 225 kph (หน้าปัดขึ้น 235) แล้วตัวใครตัวมัน เพราะ 330e มันโดนล็อคความเร็วไว้แค่นั้นครับ 320d อาจจะปลายเร็วกว่า อย่าง 320i ก็ปลาย 240 สุดท้ายก็แซง 330e ในที่สุด แต่ถามว่าคุณจะมีโอกาสแช่ Max speed สักกี่ครั้งในชีวิตครับ? แช่ได้นานเท่าไหร่? บ้านเราไม่มี autobahn ครับ ฉะนั้น 330e ขับมันส์กว่า 320d หรือ 320i ทุกกรณี ยกเว้นมีแผนจะ remap stage 1 stage 2 อันนั้นอย่ามาสายไฮบริดครับ โมยากกว่ากันเยอะ
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
-
1. บำรุงรักษา มี 2 กรณี 1) พวกเซอร์วิสตามระยะ 12,000 โล ไม่เสียตังค์ เพราะ BSI คุ้มครองอยู่ 2) อะไหล่เสีย อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันตัวรถ (3 ปี, 5 ปี, 6 ปี แล้วแต่ที่คุณได้) ไม่เสียตังค์เช่นกัน อีกอย่าง แบตไฮบริดรับประกัน 10 ปี หรือ 150,000 โล น่าจะอุ่นใจได้ระดับนึงครับ หลังจากนั้น เปลี่ยนลูกละ 30,000 บาทมั้งครับ มี 5 ลูกแยกกัน เปลี่ยนแยกกันได้อิสระ ไม่เจ็บตัวก้อนใหญ่
2. รถซื้อมาใช้ครับ ราคาตกอยู่แล้ว อย่าไปคิดมากครับ ถ้าอยากขาดทุนน้อย ซื้อ city car ครับ จำนวนเงินขาดทุนน้อยที่สุด
3. 252 ม้า กับ 420 Nm มีให้คุณใช้ตลอด ไม่เกี่ยวกับปริมาณแบตครับ ขอให้มีแบต คุณกดคันเร่งสุด ได้ตามนั้นตลอดครับ
4. วิ่ง auto eDrive ทางไกล มอเตอร์จะจ่ายกำลังมาช่วยเครื่องตลอดเวลาครับ 100 Nm ทำให้เครื่องมีภาระน้อยลง ประหยัดน้ำมันขึ้น ลองดูอัตราสิ้นเปลือง realtime จะเห็นว่าวิ่ง 100 kph กินน้ำมันแค่ 22-25 กิโลต่อลิตรครับ แต่เท่ากับคุณใช้แบตไปเรื่อยๆ พอถึง 6-7% มันก็จะหยุดจ่ายไฟครับ ก็คือวิ่งเครื่องล้วนๆเหมือน 320i แต่ถ้าคุณอยากเซฟแบตไว้ ให้ใช้ Save mode ครับ แบตจะถูกชาร์จกลับมาที่ 90% (software ล่าสุด) แล้วค้างไว้แบบนั้น ถ้าคุณ kickdown มอเตอร์ก็จะเข้ามาช่วยให้คุณได้ 252 ม้า ปกติ พอผ่อน รถก็ชาร์จกลับมา 90% อีก ประมาณนี้
อีกอย่าง 330e แรงกว่า 320d ทุกช่วงความเร็วตั้งแต่ 0-225 kph ครับ จะออกตัวจากหยุดนิ่ง จะ rolling start จะยังไงก็แล้วแต่ 320d เดิมๆไม่มีทางตามทันครับ แต่พอพ้น 225 kph (หน้าปัดขึ้น 235) แล้วตัวใครตัวมัน เพราะ 330e มันโดนล็อคความเร็วไว้แค่นั้นครับ 320d อาจจะปลายเร็วกว่า อย่าง 320i ก็ปลาย 240 สุดท้ายก็แซง 330e ในที่สุด แต่ถามว่าคุณจะมีโอกาสแช่ Max speed สักกี่ครั้งในชีวิตครับ? แช่ได้นานเท่าไหร่? บ้านเราไม่มี autobahn ครับ ฉะนั้น 330e ขับมันส์กว่า 320d หรือ 320i ทุกกรณี ยกเว้นมีแผนจะ remap stage 1 stage 2 อันนั้นอย่ามาสายไฮบริดครับ โมยากกว่ากันเยอะ
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
แล้วถ้าเอา 330e ไป Remap จะได้ไหมครับ
-
1. บำรุงรักษา มี 2 กรณี 1) พวกเซอร์วิสตามระยะ 12,000 โล ไม่เสียตังค์ เพราะ BSI คุ้มครองอยู่ 2) อะไหล่เสีย อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันตัวรถ (3 ปี, 5 ปี, 6 ปี แล้วแต่ที่คุณได้) ไม่เสียตังค์เช่นกัน อีกอย่าง แบตไฮบริดรับประกัน 10 ปี หรือ 150,000 โล น่าจะอุ่นใจได้ระดับนึงครับ หลังจากนั้น เปลี่ยนลูกละ 30,000 บาทมั้งครับ มี 5 ลูกแยกกัน เปลี่ยนแยกกันได้อิสระ ไม่เจ็บตัวก้อนใหญ่
2. รถซื้อมาใช้ครับ ราคาตกอยู่แล้ว อย่าไปคิดมากครับ ถ้าอยากขาดทุนน้อย ซื้อ city car ครับ จำนวนเงินขาดทุนน้อยที่สุด
3. 252 ม้า กับ 420 Nm มีให้คุณใช้ตลอด ไม่เกี่ยวกับปริมาณแบตครับ ขอให้มีแบต คุณกดคันเร่งสุด ได้ตามนั้นตลอดครับ
4. วิ่ง auto eDrive ทางไกล มอเตอร์จะจ่ายกำลังมาช่วยเครื่องตลอดเวลาครับ 100 Nm ทำให้เครื่องมีภาระน้อยลง ประหยัดน้ำมันขึ้น ลองดูอัตราสิ้นเปลือง realtime จะเห็นว่าวิ่ง 100 kph กินน้ำมันแค่ 22-25 กิโลต่อลิตรครับ แต่เท่ากับคุณใช้แบตไปเรื่อยๆ พอถึง 6-7% มันก็จะหยุดจ่ายไฟครับ ก็คือวิ่งเครื่องล้วนๆเหมือน 320i แต่ถ้าคุณอยากเซฟแบตไว้ ให้ใช้ Save mode ครับ แบตจะถูกชาร์จกลับมาที่ 90% (software ล่าสุด) แล้วค้างไว้แบบนั้น ถ้าคุณ kickdown มอเตอร์ก็จะเข้ามาช่วยให้คุณได้ 252 ม้า ปกติ พอผ่อน รถก็ชาร์จกลับมา 90% อีก ประมาณนี้
อีกอย่าง 330e แรงกว่า 320d ทุกช่วงความเร็วตั้งแต่ 0-225 kph ครับ จะออกตัวจากหยุดนิ่ง จะ rolling start จะยังไงก็แล้วแต่ 320d เดิมๆไม่มีทางตามทันครับ แต่พอพ้น 225 kph (หน้าปัดขึ้น 235) แล้วตัวใครตัวมัน เพราะ 330e มันโดนล็อคความเร็วไว้แค่นั้นครับ 320d อาจจะปลายเร็วกว่า อย่าง 320i ก็ปลาย 240 สุดท้ายก็แซง 330e ในที่สุด แต่ถามว่าคุณจะมีโอกาสแช่ Max speed สักกี่ครั้งในชีวิตครับ? แช่ได้นานเท่าไหร่? บ้านเราไม่มี autobahn ครับ ฉะนั้น 330e ขับมันส์กว่า 320d หรือ 320i ทุกกรณี ยกเว้นมีแผนจะ remap stage 1 stage 2 อันนั้นอย่ามาสายไฮบริดครับ โมยากกว่ากันเยอะ
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
49:51 ครับ คือหนักหลัง ถ้า 50:50 จะเป็นพวกเครื่องน้ำมันล้วนๆครับ พวกรหัส e วืศวกรพยายามทำเต็มที่แล้วก็ทำได้แค่นั้นครับ
การบังคับควบคุมจะไม่คมไม่แม่นไม่ปราดเปรียวเท่าพวกรุ่นที่เป็นเครื่องน้ำมันล้วนๆ แต่ก็อย่างที่ท่านว่า ถ้าขับแบบชาวบ้านๆ
ทางตรงๆคงไม่มีผลอะไรมากครับ
อันนี้แหล่งรีวิวไว้อ้างอิงครับ เดี๋ยวหาว่าผมมโนข้อมูลขึ้นมาเอง ฮร่าๆ
https://www.autoblog.com/2016/01/28/2016-bmw-330e-plug-in-hybrid-first-drive-review/
ผมก๊อปใจความสำคัญมาให้ตรงนี้ล่ะกันครับ
While punching in a straight line is always good, and sipping fuel like it's being rationed is nice, the key part to the 330e is that still handles like a 3 Series should every time you arrive at that one fun corner. It won't quite manage the precision of a normal 3 Series because it's 353 pounds heavier, but it's not far off. BMW has buried the 7.6-kWh lithium-ion battery pack beneath the cargo floor, while the electric motor resides up front, so the weight distribution moves from 50:50 to 49:51, leaving it a touch heavier in the back. Effectively, it's a 3 Series with the 320i's 2.0-liter, four-cylinder gasoline powertrain, the standard eight-speed automatic transmission, and an electric motor sandwiched in between to create a hybrid.
ทุกสำนักก็พูดแนวๆเดียวกันแบบนี้หมดครับ
-
1. บำรุงรักษา มี 2 กรณี 1) พวกเซอร์วิสตามระยะ 12,000 โล ไม่เสียตังค์ เพราะ BSI คุ้มครองอยู่ 2) อะไหล่เสีย อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันตัวรถ (3 ปี, 5 ปี, 6 ปี แล้วแต่ที่คุณได้) ไม่เสียตังค์เช่นกัน อีกอย่าง แบตไฮบริดรับประกัน 10 ปี หรือ 150,000 โล น่าจะอุ่นใจได้ระดับนึงครับ หลังจากนั้น เปลี่ยนลูกละ 30,000 บาทมั้งครับ มี 5 ลูกแยกกัน เปลี่ยนแยกกันได้อิสระ ไม่เจ็บตัวก้อนใหญ่
2. รถซื้อมาใช้ครับ ราคาตกอยู่แล้ว อย่าไปคิดมากครับ ถ้าอยากขาดทุนน้อย ซื้อ city car ครับ จำนวนเงินขาดทุนน้อยที่สุด
3. 252 ม้า กับ 420 Nm มีให้คุณใช้ตลอด ไม่เกี่ยวกับปริมาณแบตครับ ขอให้มีแบต คุณกดคันเร่งสุด ได้ตามนั้นตลอดครับ
4. วิ่ง auto eDrive ทางไกล มอเตอร์จะจ่ายกำลังมาช่วยเครื่องตลอดเวลาครับ 100 Nm ทำให้เครื่องมีภาระน้อยลง ประหยัดน้ำมันขึ้น ลองดูอัตราสิ้นเปลือง realtime จะเห็นว่าวิ่ง 100 kph กินน้ำมันแค่ 22-25 กิโลต่อลิตรครับ แต่เท่ากับคุณใช้แบตไปเรื่อยๆ พอถึง 6-7% มันก็จะหยุดจ่ายไฟครับ ก็คือวิ่งเครื่องล้วนๆเหมือน 320i แต่ถ้าคุณอยากเซฟแบตไว้ ให้ใช้ Save mode ครับ แบตจะถูกชาร์จกลับมาที่ 90% (software ล่าสุด) แล้วค้างไว้แบบนั้น ถ้าคุณ kickdown มอเตอร์ก็จะเข้ามาช่วยให้คุณได้ 252 ม้า ปกติ พอผ่อน รถก็ชาร์จกลับมา 90% อีก ประมาณนี้
อีกอย่าง 330e แรงกว่า 320d ทุกช่วงความเร็วตั้งแต่ 0-225 kph ครับ จะออกตัวจากหยุดนิ่ง จะ rolling start จะยังไงก็แล้วแต่ 320d เดิมๆไม่มีทางตามทันครับ แต่พอพ้น 225 kph (หน้าปัดขึ้น 235) แล้วตัวใครตัวมัน เพราะ 330e มันโดนล็อคความเร็วไว้แค่นั้นครับ 320d อาจจะปลายเร็วกว่า อย่าง 320i ก็ปลาย 240 สุดท้ายก็แซง 330e ในที่สุด แต่ถามว่าคุณจะมีโอกาสแช่ Max speed สักกี่ครั้งในชีวิตครับ? แช่ได้นานเท่าไหร่? บ้านเราไม่มี autobahn ครับ ฉะนั้น 330e ขับมันส์กว่า 320d หรือ 320i ทุกกรณี ยกเว้นมีแผนจะ remap stage 1 stage 2 อันนั้นอย่ามาสายไฮบริดครับ โมยากกว่ากันเยอะ
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
แล้วถ้าเอา 330e ไป Remap จะได้ไหมครับ
เมืองไทยยังไม่แน่ใจ แต่ ตปท. เอาไป Remap ได้ 290 กว่าแรงม้า 505Nm ครับ
-
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
ที่มันเข้าโค้งได้ขนาดนั้นเพราะคนขับครับ ลองเอาสนามเดียวกันแต่ลองเป็นรถเครื่องเพียวๆอย่าง 330i ที่เคยมีขายมันย่อมจะไปได้เร็วกว่านี้อีก
ลองไปขับแล้วจะเข้าใจ- ก็ไปขับมาแล้ว ขับจนทำเวลาได้ดีที่สุดได้ถ้วยกลับมา อย่างนี้เรียกว่าไม่เข้าใจหรอครับ
-
มีคนคอมเมนท์ว่ารถหนัก เข้าโค้งไม่ดี คุณต้องลองไปนั่ง hot lap ใน BMW Driving Experience ครับ เค้าเอานักแข่งมาขับให้คุณนั่ง แล้วคุณจะงงว่ารถหนัก 1.7 ตัน วิ่งแบบนั้นได้ยังไง เชื่อผมเถอะ สมรรถนะบีเอ็มมันสุดยอดอยู่แล้วครับ คุณไม่มีทางขับถึง limit มันบนถนนได้หรอกครับ อีกอย่าง 330e มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังใกล้ๆ 50:50 นะครับ จำเป๊ะๆไม่ได้ละ ไม่ใช่ว่าเอาแบต 100-200 โลใส่ท้ายรถแล้วจบเลย เค้าดีไซน์มาให้อย่างดีแล้วครับ ลองไปขับดูเถอะแล้วจะเข้าใจครับ
ที่มันเข้าโค้งได้ขนาดนั้นเพราะคนขับครับ ลองเอาสนามเดียวกันแต่ลองเป็นรถเครื่องเพียวๆอย่าง 330i ที่เคยมีขายมันย่อมจะไปได้เร็วกว่านี้อีก
ลองไปขับแล้วจะเข้าใจ- ก็ไปขับมาแล้ว ขับจนทำเวลาได้ดีที่สุดได้ถ้วยกลับมา อย่างนี้เรียกว่าไม่เข้าใจหรอครับ
330e วิ่งพีระ ประมาณ 1นาทีเท่าไหร่ครับ
-
330e เหมือนแบตมันเปลี่ยนเป็นเซลล์ได้ ถ้าเสีย ไม่ต้องเปลี่ยนยกโมดูล
แบตเซลล์ล่ะ 2 หมื่น และก็ไม่ได้เสียทุกเซลล์