Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Narong Lith ที่ พฤศจิกายน 14, 2017, 11:00:51
-
ไม่ว่าจะเป็นรถที่ผลิตในประเทศ หรือนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้อัตราภาษีต่ำอยู่แล้ว แต่ราคาตัวรถก็ยังแพงหูดับตับไหม้อยู่ดี
ดูอย่าง CX-5 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว, 2.2 AWD ขายที่อังกฤษ 31,395ปอนด์ ซึ่งก็ราวๆ 1.35ล้าน แต่บ้านเราเปิดตัวปาเข้าไปเกือบ 1.8ล้าน (ทอน 3หมื่น) ส่วนต่าง 4แสนนี่เพราะบ้านเราเป็นประเทศที่สามหรือยังไง?
เพราะค่ายรถอยากตั้งราคาอย่างไรก็ได้โดยไม่มีการควบคุมหรือเปล่าครับ?
-
ภาษีสรรพสามิตไงครับที่ทำให้รถแพง
แต่ก็แลกมากับภาษีรายปีที่จ่ายถูก
พี่ลองเทียบภาษีรายปีของประเทศที่ขายรถถูกดูสิครับ
-
ภาษี ซ้ำซ้อน
-
เมืองนอกรถถูก แต่ภาษีรายปี ค่าแรงช่าง ค่าที่จอด ค่าปรับ ค่าโน่นนี่นั่น แพงนะครับ
ราคาในไทย มีแต่คนบ่นแพงๆๆๆ แต่รถก็เต็มถนน มีกันแทบทุกบ้านอ่ะครับ
-
การควบคุมราคาทำได้โดยผู้บริโภคครับ ถ้าคนไม่ซื้อเค้าก็ขายไม่แพง
แต่บริษัทรถต้องทำกำไรครับ
-
คนรวยเยอะไป 5555
-
ภาษีบ้านเรามันเยอะ ครับและซ้ำซ้อนหลายรายการ
-
บริษัทรถต่างๆก็อยากขายของได้กำไร กันทั้งนั้นละครับ ภาษีจะตั้งมายังไง สุดท้ายมาบริษัทรถต่างๆ ตั้งราคามาสูงอยู่ดี
เดียวก็หาข้ออ้างอื่นๆ ในการขึ้นราคาสินค้า จนได้ละครับ
-
ภาษีสรรพสามิตไงครับที่ทำให้รถแพง
แต่ก็แลกมากับภาษีรายปีที่จ่ายถูก
พี่ลองเทียบภาษีรายปีของประเทศที่ขายรถถูกดูสิครับ
ผมว่ามันแลกกันไม่ได้น่ะครับ ภาษีรายปีเราจ่ายให้รัฐบาล ไม่ได้เกี่ยวกับราคาตัวรถ
และไอ้ที่ภาษีสรรพามิตแพง ก็เพราะคิดจากราคาตัวรถที่ตั้งมาสูง ไม่ใช่หรือครับ?
-
ภาษีสรรพสามิต+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+ภาษีชิ้นส่วนนำเข้า ไม่แปลกใจทำไมรถยนต์เมืองไทยมันจะแพงถ้าลองเอาภาษีสรรพสามิตออกไปสิ ราคาไม่หนีจากญี่ปุ่นเท่าไรหรอกครับ
-
เมืองนอกรถถูก แต่ภาษีรายปี ค่าแรงช่าง ค่าที่จอด ค่าปรับ ค่าโน่นนี่นั่น แพงนะครับ
ราคาในไทย มีแต่คนบ่นแพงๆๆๆ แต่รถก็เต็มถนน มีกันแทบทุกบ้านอ่ะครับ
ผมว่าไม่เกี่ยวกันน่ะครับ ภาษีรายปีเราจ่ายให้รัฐบาล ค่าแรงเราจ่ายให้ช่าง ค่าปรับเราจ่ายตำรวจ ที่จอดเราก็จ่ายให้ผู้ประกอบการนั้นๆ ก็ไม่เกี่ยวกับบริษัทรถตั้งราคาตัวรถอยู่ดี
-
ภาษีสรรพสามิต+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+ภาษีชิ้นส่วนนำเข้า ไม่แปลกใจทำไมรถยนต์เมืองไทยมันจะแพงถ้าลองเอาภาษีสรรพสามิตออกไปสิ ราคาไม่หนีจากญี่ปุ่นเท่าไรหรอกครับ
ถึงภาษีจะแพงยังไง แต่ผมว่าคงไม่เข้าใกล้ตัวเลข 4แสนแน่ๆครับ
-
ภาษีสรรพสามิต+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+ภาษีชิ้นส่วนนำเข้า ไม่แปลกใจทำไมรถยนต์เมืองไทยมันจะแพงถ้าลองเอาภาษีสรรพสามิตออกไปสิ ราคาไม่หนีจากญี่ปุ่นเท่าไรหรอกครับ
แต่ภาษีสรรพสามิตก็คิดมาจากมูลค่าของตัวรถ(ตามอัตราการปล่อยไอเสีย)นี่ครับ ซึ่งราคาตัวรถที่สูง ค่าภาษีก็สูงตาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่น่าจะเข้าใกล้ตัวเลข 4แสน
-
บริษัทรถต่างๆก็อยากขายของได้กำไร กันทั้งนั้นละครับ ภาษีจะตั้งมายังไง สุดท้ายมาบริษัทรถต่างๆ ตั้งราคามาสูงอยู่ดี
เดียวก็หาข้ออ้างอื่นๆ ในการขึ้นราคาสินค้า จนได้ละครับ
แล้วกระทรวงพานิชย์ไม่มีการควบคุมราคาเหมือนสินค้าอื่นๆหรือครับ?
-
แพง แต่ดันซื้อง่าย .......
ไม่ด้องดาวน์ ไม่ต้องค้ำ ติดบูโรก็ซื้อได้ ...
มันซื้อง่าย คนเข้าถึงง่าย เค้าก็ขายแพงหน่อย เอากำไร .. เพราะแพงแค่ไหนคนไทยก็ซื้อ เพราะการขับตัว TOP มันดูรวย ....
รถเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะ รถราคาเป็นล้าน ดูรวย ECOcar รถคนจน รากหญ้า ...
รถแบรนด์ยุโรป option ไม่มีอะไรเลย แพงแต่อยู่ในความฝันของใครหลายๆคน ...
ภาษีฯสูงสุด สำหรับรถที่ประกอบในประเทศคือ 30% ... อยากรู้ราคารถที่แท้จริงก้ลบ 30% ไป หรือถ้าเป็น ecocar ก็ 12% เอาไปลบดู ไปหาเรทภาษีฯได้ในกูเกิลนะ ...
ต่างประเทศ ไม่รวยจริง เครดิตไม่ดีจริง ซื้อไม่ได้ครับ ......
-
ต่อให้ลดภาษี ราคารถ ก็ไม่มีวันลดลง ดูอัตรา ภาษีใหม่เทียบกะรุ่นรถ เห็นมีแต่แพงเอาๆ :-[
-
ภาษีล้วนๆครับ
CX5 ยังน้อยไปครับ จขกท ลองดูนี่ครับ
Camry V6 3.5L เมืองนอก เช่น อเมริกา,เกาหลีใต้,อังกฤษ ฯลฯ ขาย 1.1-1.2 ล้าน (คำนวนเป็นเงินไทย)
มาอยู่เมืองไทย ขาย 2,750,000 บาท
BMW 530i m sport G30 อเมริกา,เกาหลีใต้,อังกฤษ ฯลฯ ขาย 2 - 2.2 ล้าน (คำนวนเป็นเงินไทย)
มาอยู่เมืองไทย ขาย 4,399,000 บาท
โอ้ววว สงสัยคันที่ส่งมาขายเมืองไทยนี่ฝังเพชรมาด้วยแน่ๆ อิๆ
-
บางรุ่นถูกคนก็ไม่ซื้อครับ ก็เพราะมันถูก มันดูไม่แพง ครับ
-
ภาษีสรรพสามิต+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+ภาษีชิ้นส่วนนำเข้า ไม่แปลกใจทำไมรถยนต์เมืองไทยมันจะแพงถ้าลองเอาภาษีสรรพสามิตออกไปสิ ราคาไม่หนีจากญี่ปุ่นเท่าไรหรอกครับ
ถึงภาษีจะแพงยังไง แต่ผมว่าคงไม่เข้าใกล้ตัวเลข 4แสนแน่ๆครับ
ภาษีสรรสามิตนี่ 10-25% แล้วแต่รุ่นรถนะครับจากนั้น ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นำราคารถยนต์+ภาษีสรรสามิตมาคิดอีกทีสุมมุติรถยนต์ราคา 500000 ภาษีภาษีสรรสามิตนี่รุ่นนี้เก็บ 10 % 50000 ก็ให้เอา 550000 มาคิด vat อีก คือไหนจะค่าภาษีสิ้นส่วนนำเข้าอีก ซึ่งเราไม่รู้ว่ารถยนต์คันนึงใช้ชิ้นส่วนนำเข้าแค่ไหน และเสียภาษีขนาดไหน
-
ราคารถหลักๆมันมาจาก 2-3 ปัจจัยครับ คือภาษี ส่วนต่างกำไร และค่าการตลาด
ที่ราคา CX-5 มันโดดไปขนาดนั้น ผมมองว่าหลักๆมันมาจากเรื่องค่าการตลาดนี่ล่ะครับ ทางผู้ขายเองคงมองว่าตั้งราคาขนาดนี้ยังไงก็มีคนซื้อ....จะขายได้แค่ไหนก็อีกเรื่อง
สำหรับผู้บริโภคอย่างเราที่จะต่อกรกับค่ายรถเหล่านี้ได้ ... ก็คงทำได้แค่ว่าใครขายแพงเกินจริงก็ไม่ต้องไปซื้อ ไปหารถเจ้าอื่นแทน ให้กลไกการตลาดในการแข่งขันด้านราคามันได้ทำงานของมันไป
ส่วนเรื่องการควบคุมราคาสินค้าหรือการปกป้องผู้บริโภคผมไม่ขอพูดถึง.....
เพราะถ้าจะให้พูดกันตรงๆจริงๆมันจะลากไปถึงเรื่องการเมืองได้...ซึ่งคงไม่เหมาะที่จะมาพูดถึงกันในนี้ครับ
-
ผม copy ข้อมูลมาจากที่อื่น
กรมศุลกากรก็จะมีวิธีการคำนวณและหลักเกณฑ์ในการประเมินภาษีของรถนำเข้าแต่ละคันไว้
ที่ส่งสัยกันมากมายว่าทำไมถึงแพงนักลองไปดูกันว่ารถนำเข้า 1 คันจะต้องเสียภาษีกี่ด่านอะไรบ้าง
โดยใช้เกณฑ์การประเมินราคา CIF (ราคา + ค่าประกันภัย + ค่าขนส่ง) เป็นฐานการประเมินอากรขาเข้า
ราคา CIF (ราคา + ค่าประกันภัย + ค่าขนส่ง)
ภาษีอากรขาเข้า 80% ของราคา CIF
ภาษีสรรพสามิต = (C.I.F. + ภาษีขาเข้า + ภาษีค่าธรรมเนียมอื่นไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) x อัตราภาษี / 1 ( 1.1 x อัตราภาษี )
*( อัตราภาษี 2,500 c.c 3,000 c.c. = 40%, > 3,000 c.c. = 50% )
ภาษีกระทรวงมหาดไทย = 10% ของภาษีสรรพสามิต
VAT 7% ของราคา CIF + ภาษีขาเข้า + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีกระทรวงมหาดไทย
ถ้ารถนำเข้า เท่าที่ดูจากข้อมูลตัวแปรหลักเลยคือ ภาษีอาการขาเข้า 80% ครับ
-
จขกท ลองตามไปดูครับ
https://www.lta.gov.sg/content/ltaweb/en/roads-and-motoring/owning-a-vehicle/costs-of-owning-a-vehicle/tax-structure-for-cars.html (https://www.lta.gov.sg/content/ltaweb/en/roads-and-motoring/owning-a-vehicle/costs-of-owning-a-vehicle/tax-structure-for-cars.html)
https://suponchai.com/2015/04/17/เชื่อไหม-คันนี้-2-3-ล้านบาท/ (https://suponchai.com/2015/04/17/เชื่อไหม-คันนี้-2-3-ล้านบาท/)
-
มันเป็น Demand & Supply
เพียงแต่ Demand บ้านเรามันเกิดจากพฤติกรรม พวก อวดมั่งอวดมี โอ้อวด ตามกระแส และ รักสบายกันเกินไป เหนื่อยนิด ร้อนหน่อย ก็บ่น อะไรแบบนี้นะครบั
ไม่ค่อยได้เป็น พื้นฐาน Demand บนความพอเพียงเท่าที่ควรนะครับ
Demand ส่วนนี้เลย เจ้าขอผลิตภัณฑ์ เลยปั่นใช้สื่อต่างๆ สร้างทำให้เกิดกระแส demand ที่เกินความจำเป็นขึ้นมานะ และหากินกับความอยาก ของคนในสังคมไทยนี้แหละครับ
-
ภาษีสรรพสามิตไงครับที่ทำให้รถแพง
แต่ก็แลกมากับภาษีรายปีที่จ่ายถูก
พี่ลองเทียบภาษีรายปีของประเทศที่ขายรถถูกดูสิครับ
ผมว่ามันแลกกันไม่ได้น่ะครับ ภาษีรายปีเราจ่ายให้รัฐบาล ไม่ได้เกี่ยวกับราคาตัวรถ
และไอ้ที่ภาษีสรรพามิตแพง ก็เพราะคิดจากราคาตัวรถที่ตั้งมาสูง ไม่ใช่หรือครับ?
แหม่... จะภาษีอะไรก็จ่ายให้รัฐทั้งนั้นล่ะพี่
แล้วภาษีสรรพสามิตเนี่ย 30-40% นะฮะ (ตามเงื่อนไข)
แต่ก็เถอะ ผมยังไม่เคยเห็นประเทศไหนเลยที่การมีรถจะมี
ค่าใช้จ่ายถูก ส่วนใหญ่แล้วที่เห็นจะเปน pattern เหล่านี้
1. ถ้าซื้อถูก แต่ค่า running cost จะแพง (รวมภาษีรายปีด้วย)
2. ซื้อแพง แต่ running cost ถูก
3. ซื้อแพง, running cost แพง
บ้านเราเป็นแบบ 2 ฮะ แต่ประเทศที่เรามองมักเป็นแบบที่ 1
-
นายช่างที่สิงคโปร์ และเซลที่อยู่ฮ่องกงที่เป็น supplier ให้บริษัทที่ผมทำงานอยู่บอกว่า
การมีรถในประเทศไทยง่ายมากๆ เค้ายังบอกอีกว่า
ถ้าเค้าต้องมาทำงานปีนึง เค้าจะซื้อรถขับแน่นอน
ตอนกลับค่อยขาย เค้ายังไม่เสียดายเงินเลย
ผมควรภูมิใจดีมั๊ยครับนั่น ว่าขนาดมีคนบอกว่าแพงๆๆๆ(ส่วนตัวก็ว่าแพงนะ) แต่เพื่อนบ้านเราบอกว่าถูกแสนถูก
-
ผมก็สงสัยเหมือน จขกท นะครับ ไม่ว่าจะคิดรวมภาษีไปแล้ว ยังไงก็แพงไปมากกว่าที่ควรจะเป็นอยู่ดี ถ้าไม่ใช่แพงเพราะด้านภาษีทั้งหมด แสดงว่าค่าการตลาดรถยนต์ของไทยสูงมาก มีเหตุผลอะไรที่ต้องสูงขนาดนี้ น่าจะมีหน่วยงานรัฐมาช่วยควบคุมตรงนี้ รถหรูยิ่งตัวดีเลยแอบบวกค่าความหรูตลาดเมืองไทยไว้สูงมาก
คิดๆแล้วก็เซ็ง รถที่ผลิตในไทย ส่งข้ามไปขายอีกซีกโลก แล้วยังขายถูกกว่าที่ขายในไทยมาก หากมองในด้านภาษี รัฐมีเหตุผลอะไรที่มาเก็บภาษีรถแพงขนาดนี้ ทั้งที่รัฐปล่อยทิ้งขว้างระบบขนส่งมวลชล โดยเฉพาะต่างจังหวัด ถ้าไม่มีรถนี้คือลำบากสุดๆ เก็บภาษีแพงไม่ว่าแต่ต้องสนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งมวลชนให้ประชาชนด้วย
-
TAX ล้วน ๆ
เมืองไทยคนเสียภาษีเงินได้มีแค่ 5-10 % ของจำนวนประชากร ดังนั้นก็เลยต้องรีดภาษีพวกสรรพสามิต หรืออีกสารพัดนี่แหละ อีกอันก็คือนโยบายปกป้องผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนในประเทศ
......
ต่างประเทศราคารถถูกจริง แต่ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแพงนะครับ อย่างเช่นค่าที่จอดรถ แบบพวกญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงค์โปร์ หรือบางประเทศก็ VAT กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแพงแบบในยุโรป
-
เมืองนอกรถถูก แต่ค่าจ่อทะเบียนอะไรแพงนะครับ
ทำใบขับขี่ก็ยาก แถมแพงมากในด้านค่าใช้จ่าย เพื่อกรองคนขับรถและออกรถ
แถมบางประเทศ ไม่มีที่จอดรถในบ้าน ในที่ทำงานห้ามซื้อรถ เมืองไทยหรอ ที่จอดไม่มี ซื้อไปเถอะ3-4 คัน จอดขวางไปทั่ว ไม่สนใจใคร
ขนาดรถที่จขกท บอกแพง คนยังออกรถได้มากมาย จนถนนไม่พอกับรถแล้ว รถติดมหาศาล ภาษีที่ได้จากราคารถ มาสร้างถนน ทางด่วนไม่ไหวแล้ว ต้องสร้างรถไฟฟ้า เพื่อแก้ปัญหารถติด
แล้วต่างประเทศที่ผลิตรถไม่ได้เค้าต้องตั้งกำแพงภาษีไว้ เพื่อช่วยผู้ผลิตในประเทศอีก (แม้จะตั้งโรงงานและผลิตในประเทศ)
-
ไม่ใช่ภาษีเสมอไป
รถยุโรปประกอบในประเทศ แต่ตั้งราคาแพงเวอร์
-
นายช่างที่สิงคโปร์ และเซลที่อยู่ฮ่องกงที่เป็น supplier ให้บริษัทที่ผมทำงานอยู่บอกว่า
การมีรถในประเทศไทยง่ายมากๆ เค้ายังบอกอีกว่า
ถ้าเค้าต้องมาทำงานปีนึง เค้าจะซื้อรถขับแน่นอน
ตอนกลับค่อยขาย เค้ายังไม่เสียดายเงินเลย
ผมควรภูมิใจดีมั๊ยครับนั่น ว่าขนาดมีคนบอกว่าแพงๆๆๆ(ส่วนตัวก็ว่าแพงนะ) แต่เพื่อนบ้านเราบอกว่าถูกแสนถูก
ถ้าเทียบกับบางประเทศเช่่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ลาว เวียดนาม ผมว่าบ้านเราราคารถถูกกว่าครับ
แต่ถ้าเทียบที่อื่นมันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะอย่างรถยนต์ Mazda 2 Honda City Nissan March ที่ประกอบบ้านเราส่งกลับไปขายญี่ปุ่น ราคามันก็ไม่ได้แพงกว่ารถที่ขายบ้านเราเลยนะ แถมอ๊อพชั่นมากกว่าด้วย คุณภาพก็มากกว่าแน่นอน
ผมก็มองแบบนั้นละ ว่าแท้จริงแล้วภาษีบ้านเราแพง แถมมีเก็บซ้ำซ้อน
-
ราคารถหลักๆมันมาจาก 2-3 ปัจจัยครับ คือภาษี ส่วนต่างกำไร และค่าการตลาด
ที่ราคา CX-5 มันโดดไปขนาดนั้น ผมมองว่าหลักๆมันมาจากเรื่องค่าการตลาดนี่ล่ะครับ ทางผู้ขายเองคงมองว่าตั้งราคาขนาดนี้ยังไงก็มีคนซื้อ....จะขายได้แค่ไหนก็อีกเรื่อง
สำหรับผู้บริโภคอย่างเราที่จะต่อกรกับค่ายรถเหล่านี้ได้ ... ก็คงทำได้แค่ว่าใครขายแพงเกินจริงก็ไม่ต้องไปซื้อ ไปหารถเจ้าอื่นแทน ให้กลไกการตลาดในการแข่งขันด้านราคามันได้ทำงานของมันไป
ส่วนเรื่องการควบคุมราคาสินค้าหรือการปกป้องผู้บริโภคผมไม่ขอพูดถึง.....
เพราะถ้าจะให้พูดกันตรงๆจริงๆมันจะลากไปถึงเรื่องการเมืองได้...ซึ่งคงไม่เหมาะที่จะมาพูดถึงกันในนี้ครับ
cx 5 ใหม่นี่จริงๆ ผมว่าราคามันต้องถูกกว่าเดิมด้วยซ้ำ นำเข้าจากมาเล ค่าเงินริงกิตสมัยก่อน 10 บาท/1ริงกิต มายาวนาน
ตอนนี้ 7 บาทปลายๆ หายไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในเมื่อราคาตั้งต้นมันหายไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์
แต่ราคาตั้งขายในประเทศไทยกลับสูงขึ้น ก็อยู่ที่กำไรล้วนๆเเหละครับ
-
ราคารถหลักๆมันมาจาก 2-3 ปัจจัยครับ คือภาษี ส่วนต่างกำไร และค่าการตลาด
ที่ราคา CX-5 มันโดดไปขนาดนั้น ผมมองว่าหลักๆมันมาจากเรื่องค่าการตลาดนี่ล่ะครับ ทางผู้ขายเองคงมองว่าตั้งราคาขนาดนี้ยังไงก็มีคนซื้อ....จะขายได้แค่ไหนก็อีกเรื่อง
สำหรับผู้บริโภคอย่างเราที่จะต่อกรกับค่ายรถเหล่านี้ได้ ... ก็คงทำได้แค่ว่าใครขายแพงเกินจริงก็ไม่ต้องไปซื้อ ไปหารถเจ้าอื่นแทน ให้กลไกการตลาดในการแข่งขันด้านราคามันได้ทำงานของมันไป
ส่วนเรื่องการควบคุมราคาสินค้าหรือการปกป้องผู้บริโภคผมไม่ขอพูดถึง.....
เพราะถ้าจะให้พูดกันตรงๆจริงๆมันจะลากไปถึงเรื่องการเมืองได้...ซึ่งคงไม่เหมาะที่จะมาพูดถึงกันในนี้ครับ
cx 5 ใหม่นี่จริงๆ ผมว่าราคามันต้องถูกกว่าเดิมด้วยซ้ำ นำเข้าจากมาเล ค่าเงินริงกิตสมัยก่อน 10 บาท/1ริงกิต มายาวนาน
ตอนนี้ 7 บาทปลายๆ หายไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในเมื่อราคาตั้งต้นมันหายไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์
แต่ราคาตั้งขายในประเทศไทยกลับสูงขึ้น ก็อยู่ที่กำไรล้วนๆเเหละครับ
แล้วค่าการตลาดนี่มันเกี่ยวกับราคาอะไหล่ Mazda ด้วยหรือเปล่า ที่ทำให้ราคาอะไหล่แพงขนาดนั้น โดยเฉพาะอะไหล่ CX5 ที่แพงมาก มันทำให้หลายคนเงิบไปเลย
-
นายช่างที่สิงคโปร์ และเซลที่อยู่ฮ่องกงที่เป็น supplier ให้บริษัทที่ผมทำงานอยู่บอกว่า
การมีรถในประเทศไทยง่ายมากๆ เค้ายังบอกอีกว่า
ถ้าเค้าต้องมาทำงานปีนึง เค้าจะซื้อรถขับแน่นอน
ตอนกลับค่อยขาย เค้ายังไม่เสียดายเงินเลย
ผมควรภูมิใจดีมั๊ยครับนั่น ว่าขนาดมีคนบอกว่าแพงๆๆๆ(ส่วนตัวก็ว่าแพงนะ) แต่เพื่อนบ้านเราบอกว่าถูกแสนถูก
ถ้าเทียบกับบางประเทศเช่่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ลาว เวียดนาม ผมว่าบ้านเราราคารถถูกกว่าครับ
แต่ถ้าเทียบที่อื่นมันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะอย่างรถยนต์ Mazda 2 Honda City Nissan March ที่ประกอบบ้านเราส่งกลับไปขายญี่ปุ่น ราคามันก็ไม่ได้แพงกว่ารถที่ขายบ้านเราเลยนะ แถมอ๊อพชั่นมากกว่าด้วย คุณภาพก็มากกว่าแน่นอน
ผมก็มองแบบนั้นละ ว่าแท้จริงแล้วภาษีบ้านเราแพง แถมมีเก็บซ้ำซ้อน
ถ้าผมมีเงินพอซื้อรถได้ 1 คันในเมืองไทย
กับมีเงินซื้อรถ ได้ 1 คันที่เมืองนอก(เอาเป็น mazda 2 เหมือนกันนะครับ)
แต่เมืองนอก ผมต้องหาเงินก้อนใหญ่ๆเพื่อมาซื้อที่จอด
ถ้าไม่มีที่จอดก็ห้ามซื้อ แบบนี้แปลว่าผมจะเอาค่าที่จอดมารวมกับค่ารถ เพื่อให้ได้รถมาหนึ่งคันได้มั๊ยครับ
-
เมืองนอกรถถูก แต่ภาษีรายปี ค่าแรงช่าง ค่าที่จอด ค่าปรับ ค่าโน่นนี่นั่น แพงนะครับ
ราคาในไทย มีแต่คนบ่นแพงๆๆๆ แต่รถก็เต็มถนน มีกันแทบทุกบ้านอ่ะครับ
ผมว่าไม่เกี่ยวกันน่ะครับ ภาษีรายปีเราจ่ายให้รัฐบาล ค่าแรงเราจ่ายให้ช่าง ค่าปรับเราจ่ายตำรวจ ที่จอดเราก็จ่ายให้ผู้ประกอบการนั้นๆ ก็ไม่เกี่ยวกับบริษัทรถตั้งราคาตัวรถอยู่ดี
ภาษีรายปี เงินเข้ารัฐ
ค่าแรงจ่ายให้ช่าง แต่ภาษีเงินได้ของช่าง ช่างจ่ายภาษีเงินได้ให้รัฐสูง เงินเข้ารัฐ
ค่าปรับจ่ายตำรวจ ตำรวจส่งเข้ารัฐ. เงินเข้ารัฐ
ค่าที่จอด ผู้ประกอบการมีรายได้ ก็จ่ายภาษีเข้ารัฐ เงินเข้ารัฐ
ต่างชาติเขาเข้มงวดในการจ่ายภาษีมากกว่าบ้านเรานะครับ เพราะเขาเก็บภาษีได้มาก สวัสดิการต่างๆจึงส่งถึงประชาชนของเขาได้มากครับ
เมืองไทยเราเก็บภาษีเงินได้ ภาษีอื่นๆได้น้อย ก็เรียกภาษีรวมกันเข้าไปเยอะๆเลยในราคารถ ทั้งสรรพสามิต ทั้ง vat จิปาถะครับ
นอกจากพวกภาษีต่างๆแล้วที่รถบ้านเราแพง ก็กำไรของบริษัทด้วยแหละครับ
แต่รถ คือสินค้าฟุ่มเฟือย รัฐไม่สามารถแทรงแซงเพื่อควบคุมราคาสินค้าได้
ไม่เหมือนสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ ที่รัฐต้องเข้ามาควบคุมครับ
อนึ่ง สมัยโครงการรถคันแรก รัฐเขาก็คืนภาษีให้ สูงสุดถึง 100,000 แต่คนไทยกลุ่มใหญ่ๆก็ไม่ชอบอ่ะครับ
ออกมาด่ากันเต็มเลย สรุปแพงก็ด่า พอเขาออกมาตรการมาช่วยก็ด่า
-
รถญี่ปุ่นยังดี แต่ะวกรถพรีเมี่ยม นี่นอกจากภาษีสูงแล้ว ยังมีการตั้งราคาเผื่อลดเผื่อต่อด้วย คนไทยชอบต่อราคา คนขายมันรู้เลยตั้งราคารอลดล่วงหน้า
เลย
เทียบกับเมืองนอก ส่วนลดของแถมอะไรนี่แทบไม่มีตลอดการขายรุ่นนั้นๆ
ดูอย่าง 520d ลดไปแล้ว5 แสนกว่า ทั้งที่เพิ่งเปิดตัว ถ้าไม่ลดเลยนี่กำไรจะขนาดไหน
-
ประเทศไทยแค่จะขึ้นซัก1%คนด่าขรมทั้งประเทศ มันก็ต้องมาลงกัยอย่างอื่นแทนล่ะครับ เยอรมัน Vat 21% นะ ให้ถอดภาษีสรรพสามิต,ภาษีอื่นๆก็ได้แต่จ่าย Vat21% โอเคมั้ย ทุกเรื่องมันมีเหตุและผลของมันอยู่ ผมคุยกับฝรั่งเค้าก็บอกรถมันแพงเพราะการจัดเก็บภาษีนั้นมันไม่เหมือนกัน
-
ภาษีครับ หลักๆไว้กีดกันรถผลิตในประเทศ แต่ดูเหมือนเป็นเหตุผลที่งี่เง่ามาก ในเมื่อผลิตในประเทสแล้วก็ยังแพงอยู่ดี
ผมไปเทียบราคา Discovory Sport ตัวใหม่ HSE Luxury ของเกาหลีใต้ ราคา 1.8 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่เกาหลีใต้เค้าก็ตั้งภาษีกันรถผลิตในประเทศ
แต่ไทยกลับทำตัวยังกะเป็นประเทศที่คิดค้นรถยนต์ รถในไทยออฟชั่นล้นโลก ผลิตในประเทศราคายังแพงแต่ออฟชั่นรถยนต์ไม่ได้มีให้เยอะแยะเลย
พึ่งมาเพิ่มเอาตอนหลัง แล้วก่อนหน้านั้นคืออะไร
อยากเก็บภาษีก็ควรสร้างถนนแล้วให้คนจ่ายภาษีถนนสิ กรมทางจะได้สร้างถนนและบำรุงถนนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอะอะรองบ แบบนี้ถนนพังไปเรื่อย
ภ้าอยู่ได้แบบมอเตอร์เวย์เองแบบนี้สิดี รถซื้อมาเลย แต่ต้องมีเงินจ่ายภาษีถนนนะ ใครไม่จ่ายยึดรถจนกว่าจะมาจ่าย ครั้งแรกบวกค่าปรับไปไม่ค้องแพง แต่ครั้งสองเอาให้หนัก
-
เมืองนอกรถถูก แต่ภาษีรายปี ค่าแรงช่าง ค่าที่จอด ค่าปรับ ค่าโน่นนี่นั่น แพงนะครับ
ราคาในไทย มีแต่คนบ่นแพงๆๆๆ แต่รถก็เต็มถนน มีกันแทบทุกบ้านอ่ะครับ
ผมว่าไม่เกี่ยวกันน่ะครับ ภาษีรายปีเราจ่ายให้รัฐบาล ค่าแรงเราจ่ายให้ช่าง ค่าปรับเราจ่ายตำรวจ ที่จอดเราก็จ่ายให้ผู้ประกอบการนั้นๆ ก็ไม่เกี่ยวกับบริษัทรถตั้งราคาตัวรถอยู่ดี
หลักการพื้นฐานล้วนมาจากเรื่องdemand&supplyครับ ความต้องการสูงย่อมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับราคาสินค้าอยู่แล้ว แต่มันมีเรื่องอื่นๆเป็นปัจจัยแฝงผลักให้demandมันเพิ่มสูงขึ้นไปอีก อย่างที่พี่เจ้าของคอมเมนต์เขาตอบมานั่นถูกแล้วครับเพราะถ้าค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในเมืองไทยมันถูกคนก็มีความต้องการซื้อรถมากขึ้นเพราะคิดว่าจ่ายได้ บริษัทรถยนต์ก็สามารถขายได้ที่ราคาสูงๆต่อไป
ทีนี้ผมจะยกตัวอย่างปัจจัยอื่นๆที่ทำให้รถยนต์มีdemandสูงขึ้นให้อ่านนะครับแล้วท่านจขกท.ลองคิดดูว่าจริงมั๊ย
- บริการขนส่งมวลชนห่วยและไม่ครอบคลุม ราคาแพง แถมอันตราย
- ราคาน้ำมันถูกในสายตาผู้ใช้รถ
- รายได้คนมากขึ้น
- ค่าจอดรถถูกหรือไม่ต้องจ่าย
- อากาศร้อนขึ้นทุกวัน
- ค่านิยมการมีรถยนต์แล้วดูมีฐานะ
สิ่งที่ท่านจขกท.ว่ามานั่นเข้าใจผิดหมดเลยครับ ลองหาหนังสือเศรษฐศาสตร์พื้นฐานมาอ่านดูครับ ไม่กี่หน้าก็เข้าใจแล้ว
ส่วนใครบอกแพงเพราะต้นทุนสูงบราๆเวลาตั้งราคาเขาไม่ได้เอาต้นทุนมาเป็นฐานในการคำนวณทุกรุ่นนะครับ รถตลาดทั่วไปเขาใช้demandเป็นตัวกำหนดทั้งนั้นรุ่นไหนฮอตฮิตก็ตั้งแพงไปออฟชั่นไม่ต้องเยอะ รุ่นไหนอยากเพิ่มส่วนแบ่งตลาดก็ถูกหน่อย(หน่อยเดียวจริงๆ)แล้วเพิ่มออฟชั่นเข้าไปสู้เอา รถน้อยรุ่นครับที่จะเอาต้นทุนมาคิดจะมีบ้างก็พวกรถนำเข้าขายราคาตลาดจะขาดทุนเอา
-
ราคา CX-5 ที่มาเล (ไม่รวมค่าประกัน)
134,205-160,996 ริงกิต สำหรับตัวเบนซิน (2.0/2.5)
164,179-175,179 ริงกิต สำหรับตัวเบนซิน (2.2)
ค่าเงินตอนนี้ตีไปกลมๆ 8 บาทต่อ 1 ริงกิต ราคาก็จะอยู่ระหว่าง 1,073,XXX - 1,401,XXX บาท
ซึ่งถูกกว่าไทยพอสมควรโดยตัวดีเซลท๊อป พอเข้ามาไทยก็คงโดนภาษีโน่นนี่นั่น + กำไร + ค่า Marketing เข้าไปเลย ออกมาเป็นราคาที่เราเห็นกัน
ตราบใดที่ยังขายได้ เค้าก็เพิ่มราคาไปเรื่อยๆแหละครับ คนไทยยิ่งวัตถุนิยมอยู่
อ้อ ลืมบอกไป ที่นั่นค่าประกันภัยรถโหดมากนะครับ มีแต่ประกันชั้น 1 อย่างเดียว (เท่าที่ทราบนะ) ปีนึงจ่าย 3-4 หมื่นบาทนะครับ
-
ภาษี
-
บอกว่าต่างประเทศแพงๆๆๆ
แต่อย่าลืมนะครับ เงินเดือนเขามากกว่าเราไม่รู้กี่เท่า
ฉนั้นที่เราว่าแพงๆๆๆๆ เนี่ย เขาว่าถูกๆๆๆ เลยหละครับ (แต่เขาก็ยังคิดว่าแพงอยู่ดี)
ฉนั้นเมื่อ เอามาคิดให้ดีๆแล้ว รถเขาก็ถูกกว่าเรา ประกัน หรือค่าต่างๆ เขาก็ถูกกว่าเราอยู่ดี (คิดเทียบเป็นสัดส่วนจากเงินเดือน)
ฉนั้น บอกได้ตรงๆเลยว่า รถเมืองไทยโคดแพงครับ แพงจากทั้งTax และ กำไรผู้ผลิตนั้นแหละ
-
บอกว่ารถเมืองนอกถูก เคยไปอยู่ 5 ปีขึ้นไป มีรถขับ แล้วเมนเทนแนนซ์เอง เติมน้ำมันเอง หรือยัง
มันอาจจะมีปัจจัยอื่นที่ไม่เหมือนกัน ทำไมมองแต่ประเทศที่ถูกกว่าทำไมไม่มองว่ามีประเทศที่แพงกว่าบ้าง
หรือต้องถูกที่สุดในโลก
-
จริงๆแล้วรถจะไม่แพงเลย ถ้าหากขึ้นเงินเดือนของประชากร
ผมว่าปัจจุบันรถยนต์ในบ้านเราเป็นอะไรที่เอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น ทั้งรถญี่ปุ่น และ รถยุโรป
ในขณะที่ระดับรายได้และเงินเดือนของประชากรยังไม่สอดคล้องกับราคาสินค้า และค่าครองชีพ
-
ก็พวกชาวไทยอย่างเรายอมซื้อไงครับ. คิดดูเวลารุ่นใหนขายไม่ออก ลด แลก แจก แถม. ลงที่เป็นแสน. เค้ายอมขาดทุนกำไรได้ แสดงว่ากำไรเยอะอยู่ครับ.
-
ภาษีแพง ใช่ครับ
แต่ลองดูตอนรถจะเปลี่ยนโฉมลดกันหลายแสน ทั้งญี่ปุ่นยุโรป
ผมไม่เชื่อว่าเค้าจะขายขาดทุนครับ.
แต่เดี๋ยวนี้นิยมเปิดตัวรถราคาแพงๆ. ขายได้ก็เนียนไป ถ้าขายไม่ได้
ค่อยใส่ส่วนลดเยอะๆ เอาครับ
-
รัฐบาลไทย ง้อนักลงทุนต่างชาติครับ