Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: @MIN ที่ ธันวาคม 20, 2018, 12:48:12
-
https://www.dailynews.co.th/bangkok/683401
เคาะแล้วบนด่วนวิ่งได้110กม./ชม. เลิกใช้ความเร็ว 80-90 กม./ชม.ตามกฎหมายเดิม สตช.ยอมแก้กฎหมายเพิ่มความเร็วรถ บังคับใช้เกือบ40ปีไม่สอดคล้องปัจจุบัน..
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา (รองผบช.ศ.) ในฐานะคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขกำหนดอัตราความเร็วรถในถนนระหว่างเมืองทางด่วนว่า ล่าสุดทางคณะทำงานแก้ไขกฎหมายของ สตช. ได้เห็นชอบหลักการในอัตราความเร็วรถที่เสนอไปแล้ว โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ปรับเพิ่มความเร็วรถในเส้นทางระหว่างเมืองถนนมอเตอร์เวย์อยู่ที่ประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมสามารถวิ่งได้ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนทางด่วนพิเศษทุกเส้นทาง อยู่ที่ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมวิ่งได้เพียง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (พื้นราบ) จากการพิจารณาพบว่า ไม่ควรจะเพิ่มอัตราความเร็วรถขึ้น แต่จะต้องพิจารณาลดอัตราความเร็วลดลงในบางจุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุโดยรายละเอียด ว่าจะลดในจุดใดนั้น จะต้องมีการศึกษาความเหมาะสมและนำมาหารือร่วมกันอีกครั้ง โดยจะมีการประชุมคณะทำงานอีกครั้งเพื่อสรุปรายละเอียดก่อนจะเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เห็นชอบและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พิจารณาตามขั้นตอนของการแก้ไขกฎหมาย...
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวต่อว่า กฎหมายความเร็วรถของเดิมที่ประเทศไทยใช้อยู่ได้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่พ.ค.2522 หรือเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งระบุความเร็วรถในเขตเทศบาลสามารถวิ่งได้ไม่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเส้นทางระหว่างเมือง และมอเตอร์เวย์วิ่งได้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้กำหนดความเร็วบนทางด่วนที่เกิดขึ้ันในกรุงเทพฯจึงต้องใช้ตามข้อกำหนดในเขตเทศบาลและระหว่างเมือง ซึ่งปัจจุบันสภาพแวดล้อมต่างๆเปลี่ยนไปเทคโนโลยีเปลี่ยนไป จำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาปรับความเร็วใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพถนน สภาพรถในปัจุบัน ส่วนกรณีที่เกรงว่าหากมีการเพิ่มอัตราความเร็วแล้วอาจจะส่งผลให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นนั้น ยืนยันว่าเมื่อมีการปรับแก้ไขกฎหมายแล้วตำรวจจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอัตราความเร็วที่เสนอปรับแก้นั้นถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมแล้วอย่างไรก็ตามขณะนี้อัตราความเร็วใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเห็นชอบ ดังนั้นประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังจะต้องใช้ความเร็วรถในอัตราเดิมอยู่ ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย. ...
-
ทุกวันนี้บนทางด่วนขั้นที่ 1 ผมว่าเขาก็อนุโลมแล้วนะครับ บอก 80Km/h ก็วิ่งกันเป็น 100+Km/h กันอยู่ละ
กลัวแต่ว่า พอเขาให้ 110Km/h แล้วถ้าเกินกว่านี้ จะไม่มีการอนุโลมแล้ว เกินปุ๊ปใบสั่งปั๊ป เลยนะซิ
-
รอมานาน ในที่สุดก็เคาะ คำว่า ทางหลวงระหว่างเมืองออกมาสักที
อย่างสายเอเชีย วิ่งขึ้นเหนือ สายอีสาน สายใต้ เนี่ย จริงๆมันต้องเป็นทางหลวงระหว่างเมืองตลอดสาย
แล้วก็ให้กำนดเส้นทางให้ชัดเจนเลยนะว่า อันไหน ทางหลวงระหว่างเมือง ไม่ใช่ทางหลวงระหว่างเมือง
ไม่ใช่แบบที่สายอีสาน ที่จับความเร็ว 90 บนถนนมิตรภาพ(รึ พหลโยธิน ป่ะ) หรือตรงวงแหวนตะวันตก ก็จับที่ 90 โคตรตลก
-
มันจะไปมีผลทางด้านข้อกฏหมาย เมื่อรถเราเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
-
เออผมคนบ้านนอก พอเข้า กทม.ขับรถขึ้นทางด่วนเจอป้ายจำกัดความเร็ว 80 ผมก็วิ่ง 80 แต่คันอื่นนี่วิ่งกันเร็วมาก ก็ได้แต่คิดในใจตูจะมาเสียเงินขึ้นมาวิ่ง 80 ทำไมวะ
-
เออผมคนบ้านนอก พอเข้า กทม.ขับรถขึ้นทางด่วนเจอป้ายจำกัดความเร็ว 80 ผมก็วิ่ง 80 แต่คันอื่นนี่วิ่งกันเร็วมาก ก็ได้แต่คิดในใจตูจะมาเสียเงินขึ้นมาวิ่ง 80 ทำไมวะ
น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นทางหวานเย็นน่ะครับ ไม่น่าใช้ชื่อว่าทางด่วน อิๆ
-
เออผมคนบ้านนอก พอเข้า กทม.ขับรถขึ้นทางด่วนเจอป้ายจำกัดความเร็ว 80 ผมก็วิ่ง 80 แต่คันอื่นนี่วิ่งกันเร็วมาก ก็ได้แต่คิดในใจตูจะมาเสียเงินขึ้นมาวิ่ง 80 ทำไมวะ
ก็ลงมาวิ่งรถติดๆ ข้างล่าง สัก 10 กม/ชม ดีไหมหล่ะครับ
-
ทุกวันนี้บนสงด่วนขั้นที่ 1 ผมว่าเขาก็อนุโลมแล้วนะครับ บอก 80Km/h ก็วิ่งกันเป็น 100+Km/h กันอยู่ละ
กลัวแต่ว่า พอเขาให้ 110Km/h แล้วถ้าเกินกว่านี้ จะไม่มีการอนุโลมแล้ว เกินปุ๊ปใบสั่งปั๊ป เลยนะซิ
แบบนี้ดีครับ ปรับหนักๆด้วย
-
รอมานาน ในที่สุดก็เคาะ คำว่า ทางหลวงระหว่างเมืองออกมาสักที
อย่างสายเอเชีย วิ่งขึ้นเหนือ สายอีสาน สายใต้ เนี่ย จริงๆมันต้องเป็นทางหลวงระหว่างเมืองตลอดสาย
แล้วก็ให้กำนดเส้นทางให้ชัดเจนเลยนะว่า อันไหน ทางหลวงระหว่างเมือง ไม่ใช่ทางหลวงระหว่างเมือง
ไม่ใช่แบบที่สายอีสาน ที่จับความเร็ว 90 บนถนนมิตรภาพ(รึ พหลโยธิน ป่ะ) หรือตรงวงแหวนตะวันตก ก็จับที่ 90 โคตรตลก
ในข่าวใช้คำว่า "ถนนระหว่างเมืองทางด่วน" ดังนั้นทางหลวงระหว่างเมือง ที่ไม่ได้เป็นทางด่วน ยังไม่ได้มีการนำเสนอให้ปรับความเร็วครับ
-
เอาจริง ๆ มันเปลี่ยนยากมากนะ เพราะการเปลี่ยน speed limit = เปลี่ยนส่วนอื่น ๆ ในวิศวกรรมจราจรทั้งหมด เช่น ขนาดป้าย ระยะการวางป้าย ขนาด font ระยะห่างทางแยก นุ้นนี่นั้นโน้น แต่คาดว่าถนนสไตล์ไทย ๆ ก็อาจไม่ได้มาตรฐานอะไรในเชิงวิศวกรรมจราจรซักเท่าไหร่ อย่างน้อยถ้าเปลี่ยนแล้วปชช สามารถทำได้ตามกฎหมายจริงๆ โดยไม่ต้องมาลุ้นว่าจ่าจะจับไหม มันก็ดีคับ
-
ขอให้พิจารณาผ่านครับ ยังมีกฎอีกหลายตัวที่ไม่ทันยุคสมัย
หวังว่ารัฐบาลใหม่ จะให้ความใส่ใจเรื่องนี้มากหน่อย
อัพเดตกฎหมายเก่าให้ทันยุค แล้วอย่าลืมอัพเดตบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนด้วย
-
เอาจริง ๆ มันเปลี่ยนยากมากนะ เพราะการเปลี่ยน speed limit = เปลี่ยนส่วนอื่น ๆ ในวิศวกรรมจราจรทั้งหมด เช่น ขนาดป้าย ระยะการวางป้าย ขนาด font ระยะห่างทางแยก นุ้นนี่นั้นโน้น แต่คาดว่าถนนสไตล์ไทย ๆ ก็อาจไม่ได้มาตรฐานอะไรในเชิงวิศวกรรมจราจรซักเท่าไหร่ อย่างน้อยถ้าเปลี่ยนแล้วปชช สามารถทำได้ตามกฎหมายจริงๆ โดยไม่ต้องมาลุ้นว่าจ่าจะจับไหม มันก็ดีคับ
ความเร็วบนทางด่วนที่เป็นระบบปิด ไม่มีทางแยกเข้าออกได้ แบบนั้นวิ่งได้เร็ว 110 กม/ชม. ถือว่าปลอดภัยครับ
แต่บนทางหลวงปกติ ที่มีทางเข้าออกได้ตลอดทาง มีชุมชน โรงเรียน แบบนั้น น่าจะต้องดูสภาพโดยรวมด้วย ตรงนี้น่าจะมีหน่วยงาน หรือ ผู้รู้ กำหนดให้เหมาะสมได้ครับ
อาจมีป้ายจำกัดความเร็วเป็นช่วงๆไปครับ ตามสภาพแวดล้อม
-
เห็นป้ายสีฟ้าข้างทางไม่เกิน 120 อันนั้นคือไม่ใช่หรอคับ
ปกติขึ้นมอเตอร์เวล็อกไว้แถวๆนั้นตลอด 555
ตายละ แล้วป้าย 120 นี่คือมาจากไหน
-
รอมานาน ในที่สุดก็เคาะ คำว่า ทางหลวงระหว่างเมืองออกมาสักที
อย่างสายเอเชีย วิ่งขึ้นเหนือ สายอีสาน สายใต้ เนี่ย จริงๆมันต้องเป็นทางหลวงระหว่างเมืองตลอดสาย
แล้วก็ให้กำนดเส้นทางให้ชัดเจนเลยนะว่า อันไหน ทางหลวงระหว่างเมือง ไม่ใช่ทางหลวงระหว่างเมือง
ไม่ใช่แบบที่สายอีสาน ที่จับความเร็ว 90 บนถนนมิตรภาพ(รึ พหลโยธิน ป่ะ) หรือตรงวงแหวนตะวันตก ก็จับที่ 90 โคตรตลก
ในข่าวใช้คำว่า "ถนนระหว่างเมืองทางด่วน" ดังนั้นทางหลวงระหว่างเมือง ที่ไม่ได้เป็นทางด่วน ยังไม่ได้มีการนำเสนอให้ปรับความเร็วครับ
เดี๋ยวรอดูตัวกม.จริงๆที่ปรับแก้อีกทีนะครัช
แต่ถ้าย้อนไปดูเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ข่าวลงไว้แบบนี้
http://www.nationtv.tv/main/content/378616132/
จากกรณีที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)เตรียมปรับแก้เนื้อหาในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจราจรทางบกปี 2522 ให้ผู้ใช้รถใช้ถนน สามารถขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วที่สูงขึ้นจากเดิม 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นมาตรการที่สวนทางกับสถานการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามท้องถนนที่เพิ่มขึ้น
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผบก.ส.3) ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจรา ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า แม้ว่าอุบัติเหตุจะมาจากการขับรถด้วยความเร็วสูง แต่ในการศึกษาของคณะทำงานพบว่า จากเดิมกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 เมื่อปี 2524 กำหนดความเร็วไว้ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มในเขตเทศบาล กำหนดความเร็วไว้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และ2.นอกเขตเทศบาล ไม่เกิน 90 กม./ชม.
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยังกล่าวว่า ถนนในประเทศไทย มีความเสียดทาน ความกว้างของถนน ตามมาตรฐานของสหรัฐ ซึ่งกำหนดความเร็วที่ 65 ไมล์/ชม. หรือประมาณ 105 กม./ชม. แต่ไม่ใช่ว่า ถนนทุกสายจะใช้ความเร็วระดับเดียวกัน เพียงแต่เฉพาะถนนในเส้นทางที่มีความพร้อมในการใช้ความเร็วนั้นๆ ได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดีคณะทำงานจำเป็นต้องหารือกับกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และประชาชนซึ่งต้องสามารถอธิบายได้ว่า การเพิ่มความเร็วระดับนี้จะปลอดภัยหรือไม่ อย่างไร
ส่วนการใช้ความเร็วในเส้นทางมอเตอร์เวย์ เป็นถนนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะมีการคำนวณความเร็วที่เหมาะสมและกำหนดไว้ในกฎหมายพิเศษแล้ว เช่น มอเตอร์เวย์ สายตะวันออก กำหนดไว้ที่ 120 กม./ชม.และยังมีกล้องตรวจจับความเร็วตลอดเส้นทาง ซึ่งจะพบได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเคารพกติกา นั่นแสดงว่า เป็นความเร็วที่เหมาะสมต่อการเดินทาง
ส่วนทางด่วนแต่กลับกำหนดความเร็วที่ 80 กม./ชม.สวนทางกับวัตถุประสงค์ของการใช้เส้นทางที่ต้องการความรวดเร็วแต่เนื่องจาก กฎกระทรวง ฉบับที่ 10 กำหนดไว้ให้ในเขตเทศบาล ต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข้อเสนอที่จะเพิ่มความเร็ว แต่ต้องเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เพื่อหารือถึงความเร็วที่เหมาะสมบนพื้นฐานของความปลอดภัยนั้นควรอยู่ในระดับใดต่อไป
ตัวเลขเบื้องต้นตั้งไว้ที่ประมาณ 105 - 110 กม./ชม.กับถนนที่อยู่นอกเขตเทศบาล ส่วนถนนในเขตชุมชนที่ความเร็ว 80 กม./ชม.นั้นเหมาะสมแล้ว แต่ในจุดที่ควรลดความเร็วลง เช่น หน้าโรงเรียน โรงพยาบาล จะกำหนดให้ลดลงโดยกำกับด้วยป้ายจราจร สำหรับทางหลวงระหว่างเมือง ในเส้นทางตรง ยาว โดยไม่มีจุดตัดจะประมาณ 105-110 กม./ ชม. แต่เมื่อถึงจุดตัด ทางแยก ทางเชื่อม ก็จะลดความเร็ว โดยใช้ป้ายจราจรแสดงกำกับไว้ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับต่างประเทศนำมาใช้ควบคุมการเดินทางของประชาชนได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยอย่างไรก็ดีคณะทำงานเตรียมประชุมหารือกันร่วมกับหน่วยงานที่เกียวข้องในช่วงหลังสงกรานต์คาดว่า จากนี้ไปอีกไม่เกิน 30 วันก็จะมีคำตอบให้ประชาชน
ตรงที่ขีดเส้นใต้ไว้นะครับ
ในเมื่อ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ มีกม.พิเศษเขียนกำหนดความเร็วไว้แล้ว ที่ 120 จะลดมาที่ 110 เพื่ออะไรครับ ผมว่าคงไม่ใช่แล้วล่ะ
กับการพิจารณาตรง ทางหลวงระหว่างเมือง ในเส้นทางตรง ยาว โดยไม่มีจุดตัด เขียนแยกไว้ชัดเจนว่าแยกพิจารณากับ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)
เดี๋ยวรอดูกม.จริงๆละกันครัช
-
เห็นป้ายสีฟ้าข้างทางไม่เกิน 120 อันนั้นคือไม่ใช่หรอคับ
ปกติขึ้นมอเตอร์เวล็อกไว้แถวๆนั้นตลอด 555
ตายละ แล้วป้าย 120 นี่คือมาจากไหน
สาย 7 หรือที่บ้านเราเรียก Moter way (ซึ่งจริงๆเรียกผิด) อันนั้นวิ่งได้ 120 ครับ (มีบางช่วง 90)
แต่ทางหลวงระหว่างเมือง (ซึ่งจริงๆเรียก Moter way ถูกแล้ว) ปัจจุบันวิ่งได้แค่ 90 ครับ แต่เขาจะปรับเป็น 100-110 (แล้วตกลงเท่าไหร่กันแน่)
-
เส้นตามตจว.ด้วยก็ดีนะครับ ไปรื้อกฎหมายเก่าๆดูหน่อย ถ้าล้าสมัยก็แก้ซะบ้าง อย่าคิดเอาแต่จะออกใบสั่งเลยมันไม่แฟร์กับประชาชน เรื่องห่วงชีวิตทุกคนก็รักชีวิตกันทั้งนั้นก็ระวังกันไป แต่บางเส้นทางนี่ควรแก้กฎหมายจริงๆ รถก็พัฒนาให้เร็วขึ้นแข่งกันทุกค่าย สุดท้ายขับได่แค่90 เอวัง!
-
เห็นป้ายสีฟ้าข้างทางไม่เกิน 120 อันนั้นคือไม่ใช่หรอคับ
ปกติขึ้นมอเตอร์เวล็อกไว้แถวๆนั้นตลอด 555
ตายละ แล้วป้าย 120 นี่คือมาจากไหน
สาย 7 หรือที่บ้านเราเรียก Moter way (ซึ่งจริงๆเรียกผิด) อันนั้นวิ่งได้ 120 ครับ (มีบางช่วง 90)
แต่ทางหลวงระหว่างเมือง (ซึ่งจริงๆเรียก Moter way ถูกแล้ว) ปัจจุบันวิ่งได้แค่ 90 ครับ แต่เขาจะปรับเป็น 100-110 (แล้วตกลงเท่าไหร่กันแน่)
ใช่มะ ผมก็เข้าใจตรงกัน ว่า ทางหลวงสาย 7 มันคือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง มันพิเศษตรงที่ เสียเงิน
อันนี้ มันกำหนดที่ 120 อยู่แล้ว
ดังนั้นทางหลวงระหว่างเมือง ในข่าว (ย้ำว่า ตามที่นักข่าวไปนั่งฟัง แล้วจดบันทึกมา) ไม่ใช่ตัวกม.ฉบับจริงๆที่จะออกมาใช้บังคับ
ผมว่าน่าจะหมายความถึง ทางหลวงระหว่างเมืองปกติ ที่ไม่ใช่ทางพิเศษ (ไม่เสียเงิน) เช่น วงแหวนตะวันตก ถนนมิตรภาพ ถนนสายเอเชีย(หมายเลข 32) ซึ่งมีลักษณะ เป็นทางตรง ยาว ไม่มีจุดตัด
น่าจะหมายถึงถนนจำพวกนี้มากกว่า
-
รอมานาน ในที่สุดก็เคาะ คำว่า ทางหลวงระหว่างเมืองออกมาสักที
อย่างสายเอเชีย วิ่งขึ้นเหนือ สายอีสาน สายใต้ เนี่ย จริงๆมันต้องเป็นทางหลวงระหว่างเมืองตลอดสาย
แล้วก็ให้กำนดเส้นทางให้ชัดเจนเลยนะว่า อันไหน ทางหลวงระหว่างเมือง ไม่ใช่ทางหลวงระหว่างเมือง
ไม่ใช่แบบที่สายอีสาน ที่จับความเร็ว 90 บนถนนมิตรภาพ(รึ พหลโยธิน ป่ะ) หรือตรงวงแหวนตะวันตก ก็จับที่ 90 โคตรตลก
ในข่าวใช้คำว่า "ถนนระหว่างเมืองทางด่วน" ดังนั้นทางหลวงระหว่างเมือง ที่ไม่ได้เป็นทางด่วน ยังไม่ได้มีการนำเสนอให้ปรับความเร็วครับ
เดี๋ยวรอดูตัวกม.จริงๆที่ปรับแก้อีกทีนะครัช
แต่ถ้าย้อนไปดูเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ข่าวลงไว้แบบนี้
http://www.nationtv.tv/main/content/378616132/
จากกรณีที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)เตรียมปรับแก้เนื้อหาในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจราจรทางบกปี 2522 ให้ผู้ใช้รถใช้ถนน สามารถขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วที่สูงขึ้นจากเดิม 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นมาตรการที่สวนทางกับสถานการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามท้องถนนที่เพิ่มขึ้น
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผบก.ส.3) ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจรา ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า แม้ว่าอุบัติเหตุจะมาจากการขับรถด้วยความเร็วสูง แต่ในการศึกษาของคณะทำงานพบว่า จากเดิมกฎกระทรวง ฉบับที่ 10 เมื่อปี 2524 กำหนดความเร็วไว้ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มในเขตเทศบาล กำหนดความเร็วไว้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และ2.นอกเขตเทศบาล ไม่เกิน 90 กม./ชม.
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยังกล่าวว่า ถนนในประเทศไทย มีความเสียดทาน ความกว้างของถนน ตามมาตรฐานของสหรัฐ ซึ่งกำหนดความเร็วที่ 65 ไมล์/ชม. หรือประมาณ 105 กม./ชม. แต่ไม่ใช่ว่า ถนนทุกสายจะใช้ความเร็วระดับเดียวกัน เพียงแต่เฉพาะถนนในเส้นทางที่มีความพร้อมในการใช้ความเร็วนั้นๆ ได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดีคณะทำงานจำเป็นต้องหารือกับกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และประชาชนซึ่งต้องสามารถอธิบายได้ว่า การเพิ่มความเร็วระดับนี้จะปลอดภัยหรือไม่ อย่างไร
ส่วนการใช้ความเร็วในเส้นทางมอเตอร์เวย์ เป็นถนนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะมีการคำนวณความเร็วที่เหมาะสมและกำหนดไว้ในกฎหมายพิเศษแล้ว เช่น มอเตอร์เวย์ สายตะวันออก กำหนดไว้ที่ 120 กม./ชม.และยังมีกล้องตรวจจับความเร็วตลอดเส้นทาง ซึ่งจะพบได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเคารพกติกา นั่นแสดงว่า เป็นความเร็วที่เหมาะสมต่อการเดินทาง
ส่วนทางด่วนแต่กลับกำหนดความเร็วที่ 80 กม./ชม.สวนทางกับวัตถุประสงค์ของการใช้เส้นทางที่ต้องการความรวดเร็วแต่เนื่องจาก กฎกระทรวง ฉบับที่ 10 กำหนดไว้ให้ในเขตเทศบาล ต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข้อเสนอที่จะเพิ่มความเร็ว แต่ต้องเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เพื่อหารือถึงความเร็วที่เหมาะสมบนพื้นฐานของความปลอดภัยนั้นควรอยู่ในระดับใดต่อไป
ตัวเลขเบื้องต้นตั้งไว้ที่ประมาณ 105 - 110 กม./ชม.กับถนนที่อยู่นอกเขตเทศบาล ส่วนถนนในเขตชุมชนที่ความเร็ว 80 กม./ชม.นั้นเหมาะสมแล้ว แต่ในจุดที่ควรลดความเร็วลง เช่น หน้าโรงเรียน โรงพยาบาล จะกำหนดให้ลดลงโดยกำกับด้วยป้ายจราจร สำหรับทางหลวงระหว่างเมือง ในเส้นทางตรง ยาว โดยไม่มีจุดตัดจะประมาณ 105-110 กม./ ชม. แต่เมื่อถึงจุดตัด ทางแยก ทางเชื่อม ก็จะลดความเร็ว โดยใช้ป้ายจราจรแสดงกำกับไว้ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับต่างประเทศนำมาใช้ควบคุมการเดินทางของประชาชนได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยอย่างไรก็ดีคณะทำงานเตรียมประชุมหารือกันร่วมกับหน่วยงานที่เกียวข้องในช่วงหลังสงกรานต์คาดว่า จากนี้ไปอีกไม่เกิน 30 วันก็จะมีคำตอบให้ประชาชน
ตรงที่ขีดเส้นใต้ไว้นะครับ
ในเมื่อ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ มีกม.พิเศษเขียนกำหนดความเร็วไว้แล้ว ที่ 120 จะลดมาที่ 110 เพื่ออะไรครับ ผมว่าคงไม่ใช่แล้วล่ะ
กับการพิจารณาตรง ทางหลวงระหว่างเมือง ในเส้นทางตรง ยาว โดยไม่มีจุดตัด เขียนแยกไว้ชัดเจนว่าแยกพิจารณากับ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)
เดี๋ยวรอดูกม.จริงๆละกันครัช
:-* ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ถ้าดูตามข่าว ผมคิดว่ามอเตอร์เวย์คงวิ่งไม่เกิน 120 เหมือนเดิม ทางด่วนเส้นอื่นปรับความเร็วขึ้นไม่เกิน 110 ทางหลวงระหว่างเมือง คงจะได้แค่ 90 เหมือนเดิม เพราะเห็นเริ่มสร้างทางหลวงพิเศษสายอีสาน จะแล้วเสร็จ ปี 2563 ซึ่งถ้าให้ทางหลวงปกติวิ่ง 110 เดี๋ยวกลัวประชาชนไม่ยอมขึ้นทางด่วน สรุป อยากเร็ว ต้องจ่ายตังค์เพื่อซื้อความเร็วเพิ่ม
-
มอเตอร์เวย์สายอีสาน ผมว่ามันมีลักษณะเดียวกับมอเตอร์เวย์ สาย 7 ทุกประการเลย
นอกจากนี้แล้ว มอเตอร์เวย์สายอีสาน มันมีเลขถนนคือ ทางหลวงหมายเลข 6
ผมว่า น่าจะใช้กฎหมายพิเศษแบบเดียวกัน หรือ ตัวเดียวกัน กับมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 เลย
ดังนั้น ผมว่า น่าจะได้ที่ 120 เท่ากันนะครับ
-
110 ถือว่าเป็นความเร็วที่เหมาะสมกับรถสมัยนี้แล้วครับ ถ้ารถสมัย 40 ปีก่อนการจะวิ่งเกิน 90 คงต้องเค้นกำลังกันขนาดหนัก ช่วงล่าง เบรก ก็ไม่รู้จะเอาอยู่รึเปล่า
-
8) 8) 8).....ควรเพิ่มความเร็วเป็น 120-130 กม./ชม. บนทางด่วนและทางหลวง 6 เลน สายหลักทั่วประเทศได้แล้วครับ เพราะทุกวันนี้ คนขับรถก็ขับเกิน 90 กม./ชม. เมื่อมีโอกาสทำได้กันอยู่ทุกคันอยู่แล้ว :-X
-
ผมกลับมองว่า 120 บนทางด่วนกำลังดีนะ (กรณีถนนโล่ง)
-
Motorway ในไทยจริงๆมันคือ tollway ไทยเอามาใช้ผิด ซึ่งทางหลวงสายหลักที่วิ่งๆกันนั่นแหละ Motorway or freeway
เอาว่าเข้าใจง่ายๆคือ สาย 7,9 วิ่งได้ 120 อนาคตจะมีสาย 6 บางประอิน-โคราช กับ 5 บางใหญ่-กาญฯ ก็จะวิ่งได้ 120 เหมือนกัน
ทางด่วนใน กทม จาก 80 จะวิ่งได้ 110 แทน
และถนนหลวงระหว่างจังหวัดจะกลายเป็น 110 โดยที่จะไม่โดนจับที่ 90 อีกต่อไป
ประมาณนี้ครับ
-
อยากได้ No Speed Limit แบบAutobahn
ปล.พวกช้าแช่ขวาคงหายไปเยอะ
-
อยากได้ No Speed Limit แบบAutobahn
ปล.พวกช้าแช่ขวาคงหายไปเยอะ
เห็นด้วยมากๆครับ มีกำหนดความเร็วขั้นต่ำเข้าไปด้วย
ติดอยู่อย่างเดียว การสร้างถนนก็ต้องสร้างให้ได้แบบ
Autobahn ด้วยนะครับ ค่าบำรุงรักษาอีก
เห็นว่า Autobahn ค่าบำรุงรักษาอยู่ที่
กิโลเมตรละ 1.8 ล้านต่อปี
-
อยากให้มีขั้นตํ่าด้วยอะครับ เลนขวาใครตํ่ากว่า 105 ปรับให้หนักๆเลย รับรองการจารจร flow ขึ้นมาก เเบบนี้เพิ่มไปก็เท่านั้น ติดรถคอกเเช่ขวา 80 อยู่ดี
-
อยากได้ No Speed Limit แบบAutobahn
ปล.พวกช้าแช่ขวาคงหายไปเยอะ
เห็นด้วยมากๆครับ มีกำหนดความเร็วขั้นต่ำเข้าไปด้วย
ติดอยู่อย่างเดียว การสร้างถนนก็ต้องสร้างให้ได้แบบ
Autobahn ด้วยนะครับ ค่าบำรุงรักษาอีก
เห็นว่า Autobahn ค่าบำรุงรักษาอยู่ที่
กิโลเมตรละ 1.8 ล้านต่อปี
ขอติดเพิ่มอีกอย่างได้มั้ยฮะ
ขอให้คุณภาพคนมีจิตสำนึก ระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ
ต่อส่วนรวมเหมือนที่ Autobahn ด้วยได้มั้ยฮะ
// เกรงว่ากระบะควันดำ รถตู้ซิ่ง Eco เหยียบสุดแรงเกิด
และมอเตอร์ไซค์พลีชีพ จะเข้าไปเริงร่ากันใน ออโต้บาห์นไทยแลนด์อ่ะครับ
-
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
-
อยากได้ No Speed Limit แบบAutobahn
ปล.พวกช้าแช่ขวาคงหายไปเยอะ
คนพวกนั้นเขาจะหายไปจริงๆหรอครับ
ผมไม่มั่นใจเลย ที่เห็นหน้าด้านแช่ในปัจจุบัน ดูจะไม่มีวี่แววปรับปรุงทัศนคติกันเลยครับ :'(
-
ทุกวันนี้ขับ 110 ทุกที่ทั่วไทยก็ไม่เคยโดนจับความเร็วนะครับ
-
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
ที่เยอรมันขับช้าอยู่ขวานะ เค้าทำถูกแล้วครับ คนละข้างกับบ้านเรา...
-
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
ไม่มีทางเจอเเช่ขวาครับ ขวาคือเลนรถช้าในเยอรมันซ้ายถึงเร็วครับ อิอิ เเต่จริงๆเเล่วตอนผมไปก้เจอนะเเต่น้อยส่วนมากพอเริ่มเข้าใกล้ก้จะหลบนะ ไทยนี่เเทบไม่หลบเเซงซ้ายไปสิ
-
ควร 150 มอเตอร์เวย์
120 ทางด่วน
-
ดีงามครับ
-
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
ที่เยอรมันขับช้าอยู่ขวานะ เค้าทำถูกแล้วครับ คนละข้างกับบ้านเรา...
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
ไม่มีทางเจอเเช่ขวาครับ ขวาคือเลนรถช้าในเยอรมันซ้ายถึงเร็วครับ อิอิ เเต่จริงๆเเล่วตอนผมไปก้เจอนะเเต่น้อยส่วนมากพอเริ่มเข้าใกล้ก้จะหลบนะ ไทยนี่เเทบไม่หลบเเซงซ้ายไปสิ
ขอบคุณครับที่เก็ต
-
เนื้อหาในข่าวยอมรับเองว่ากฏหมายล้าสมัย
แต่กระทู้ก่อนๆมีสมาชิกออกมาบอกเองว่ากฏหมายไม่เคยล้าสมัย อยากรู้จริงๆว่าต้องทำยังไงถึงจะออกจากกะลาได้
-
ออกตัวก่อนว่าผมเองก็อยากใช้ความเร็วมากกว่านี้เหมือนกันนะ
แต่ส่วนตัวผม คิดว่า 120 กับ ถนนที่ประเทศไทยมัน มันยังเร็วเกินไป
ไม่ว่าจะ สภาพถนน วินัย ความสามารถในการควบคุมรถและความพร้อมของรถเพื่อนร่วมทาง มันไม่พร้อมกับการใช้ความเร็วสูงขนาดนั้น
อย่าง Motorway ที่วิ่งได้ 120 แบบถูกกฏหมาย เอาเข้าจริง เจอสะพานคอหัก วิ่ง 120 เข้าไปก็ยังมีเสียว
คนไทยอยู่หลังพวกมาลัยแล้วใจร้อน เว้นระยะห่างคันหน้าน้อย(พอเว้นเยอะ ก็มีรถมาแทรก) ไม่ว่าจะขับเร็วได้เท่าไร่ กจะมีอีกกลุ่มที่พยายามแซงไปให้ได้
มีพวกขาดวินัยเยอะ เลี้ยวไม่เปิดไฟ เปลี่ยนเลนแบบไม่สนรถคันอื่น เลี้ยวไม่อยู่ในเลนตัวเอง กับพวกขับๆอยุ๋แล้วเป๋ออกนอกเลน กับปาดตามทางออกอีก
ผมคิดว่า ที่บ้านเรารถติดหนัก ปัญหาหลังคือเรื่องวินัยและการบังคับใช้กฏหมายมากกว่า Speed Limit
เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ หลายประเทศในยุโรปวิ่ง 120-130 ก็ไม่ได้วิ่งได้ตลอดทางนะครับ ได้เฉพาะเขตนอกเมือง พอใกล้เขตเมือง หรือเขตที่ปริมาณรถเยอะ ทำถนนหรือ ก็ปรับ limit เปน 80-100 ตามสภาพจราจร มีป้ายเตือนให้รถความเร็วก่อนถึง เป็นกิโล
ถ้าลองมองกลับกัน คนยุโรป วิ่งได้ 120-130 แล้วคนไทย ควรจะวิ่งได้เท่าไร่ดี...
-
เหมาะสมครับ เร็วกว่านี้ผมว่าก็อันตรายไป
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
เยอรมันพวงมาลัยซ้ายครับ รถเลนขวาจะวิ่งช้า คุณไม่ได้ซวยครับ ;D
อารมณ์เค้าคงประมาณ เหมือนเราเห็นคนจีนขับรถในบ้านเราอะคับ ขับแปลกๆ ;D
*อ้าว มีคนมาตอบให้แล้ว ขออภัยครับ ไม่ได้เจตนาจะซ้ำเติม
-
ออกตัวก่อนว่าผมเองก็อยากใช้ความเร็วมากกว่านี้เหมือนกันนะ
แต่ส่วนตัวผม คิดว่า 120 กับ ถนนที่ประเทศไทยมัน มันยังเร็วเกินไป
ไม่ว่าจะ สภาพถนน วินัย ความสามารถในการควบคุมรถและความพร้อมของรถเพื่อนร่วมทาง มันไม่พร้อมกับการใช้ความเร็วสูงขนาดนั้น
อย่าง Motorway ที่วิ่งได้ 120 แบบถูกกฏหมาย เอาเข้าจริง เจอสะพานคอหัก วิ่ง 120 เข้าไปก็ยังมีเสียว
คนไทยอยู่หลังพวกมาลัยแล้วใจร้อน เว้นระยะห่างคันหน้าน้อย(พอเว้นเยอะ ก็มีรถมาแทรก) ไม่ว่าจะขับเร็วได้เท่าไร่ กจะมีอีกกลุ่มที่พยายามแซงไปให้ได้
มีพวกขาดวินัยเยอะ เลี้ยวไม่เปิดไฟ เปลี่ยนเลนแบบไม่สนรถคันอื่น เลี้ยวไม่อยู่ในเลนตัวเอง กับพวกขับๆอยุ๋แล้วเป๋ออกนอกเลน กับปาดตามทางออกอีก
ผมคิดว่า ที่บ้านเรารถติดหนัก ปัญหาหลังคือเรื่องวินัยและการบังคับใช้กฏหมายมากกว่า Speed Limit
เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ หลายประเทศในยุโรปวิ่ง 120-130 ก็ไม่ได้วิ่งได้ตลอดทางนะครับ ได้เฉพาะเขตนอกเมือง พอใกล้เขตเมือง หรือเขตที่ปริมาณรถเยอะ ทำถนนหรือ ก็ปรับ limit เปน 80-100 ตามสภาพจราจร มีป้ายเตือนให้รถความเร็วก่อนถึง เป็นกิโล
ถ้าลองมองกลับกัน คนยุโรป วิ่งได้ 120-130 แล้วคนไทย ควรจะวิ่งได้เท่าไร่ดี...
+1 ครับ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ speed limit นะผมว่า แต่มันอยู่ที่วินัยและสามัญสำนึกในการทำตามกฏและให้เกียรติผู้อื่นบนท้องถนน
-
ออกตัวก่อนว่าผมเองก็อยากใช้ความเร็วมากกว่านี้เหมือนกันนะ
แต่ส่วนตัวผม คิดว่า 120 กับ ถนนที่ประเทศไทยมัน มันยังเร็วเกินไป
ไม่ว่าจะ สภาพถนน วินัย ความสามารถในการควบคุมรถและความพร้อมของรถเพื่อนร่วมทาง มันไม่พร้อมกับการใช้ความเร็วสูงขนาดนั้น
อย่าง Motorway ที่วิ่งได้ 120 แบบถูกกฏหมาย เอาเข้าจริง เจอสะพานคอหัก วิ่ง 120 เข้าไปก็ยังมีเสียว
คนไทยอยู่หลังพวกมาลัยแล้วใจร้อน เว้นระยะห่างคันหน้าน้อย(พอเว้นเยอะ ก็มีรถมาแทรก) ไม่ว่าจะขับเร็วได้เท่าไร่ กจะมีอีกกลุ่มที่พยายามแซงไปให้ได้
มีพวกขาดวินัยเยอะ เลี้ยวไม่เปิดไฟ เปลี่ยนเลนแบบไม่สนรถคันอื่น เลี้ยวไม่อยู่ในเลนตัวเอง กับพวกขับๆอยุ๋แล้วเป๋ออกนอกเลน กับปาดตามทางออกอีก
ผมคิดว่า ที่บ้านเรารถติดหนัก ปัญหาหลังคือเรื่องวินัยและการบังคับใช้กฏหมายมากกว่า Speed Limit
เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ หลายประเทศในยุโรปวิ่ง 120-130 ก็ไม่ได้วิ่งได้ตลอดทางนะครับ ได้เฉพาะเขตนอกเมือง พอใกล้เขตเมือง หรือเขตที่ปริมาณรถเยอะ ทำถนนหรือ ก็ปรับ limit เปน 80-100 ตามสภาพจราจร มีป้ายเตือนให้รถความเร็วก่อนถึง เป็นกิโล
ถ้าลองมองกลับกัน คนยุโรป วิ่งได้ 120-130 แล้วคนไทย ควรจะวิ่งได้เท่าไร่ดี...
+1 ครับ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ speed limit นะผมว่า แต่มันอยู่ที่วินัยและสามัญสำนึกในการทำตามกฏและให้เกียรติผู้อื่นบนท้องถนน
+1
อุบัติเหตุส่วนมากที่เห็นๆมีหลายเคสก็ไม่ได้ขับเร็วเกินกำหนด แต่เป็นพวกอย่างที่ว่านั้นแหละครับ
แล้วก็อีกพวกนึง คือ เมาแล้วขับ อันนี้เยอะมาก ดูจากสถิติก้รู้แล้ว จะแก้ให้ดีขึ้น ก็ต้องทำเหมือนประเทศนอร์เวย์
ให้ขายเหล้าเฉพาะวันอาทิตย์ ขายสัปดาห์ละ1วัน แต่ประเทศไทยคงทำไม่ได้ครับ เพราะภาษีเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอล์เยอะ เดี๋ยวรัฐขาดรายได้
แม้จะมีคนที่ควบคุมตัวเองได้ ดื่มแล้วไม่ขับ แต่คนที่มักง่ายคิดว่าตัวเองคอแข็งคุมสติขับได้นั้นดันมีเยอะกว่า
อุบัติเหตุหลายๆครั้งก็เพราะพวกอย่างหลังนี้แหละครับ...
ถ้าจะให้ผมพูดตรงๆ ผมว่าการจำกัดความเร็วนี่มันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่เลย ใครจะว่าผมก็ได้น่ะครับ ที่ผมพูดงี้ ไม่ว่ากันครับ
ส่วนต้นเหตุ ก็อย่างที่กล่าวข้างต้น แต่คงไม่มีทางแก้ได้แน่ครับ มีวิธีเดียวคือต้องอยู่ให้เป็นครับ
เข้าตาลิ่วลิ่วตาตาม ปรับตัวเข้ากับสังคมการขับขี่ของที่นั้นๆให้ได้ ระวังๆกันเอาเองครับ
ผมก็ขับมาได้เป็นสิบๆปีก็ไม่เห็นมีอะไรนะครับ แต่ก็รู้แหละครับว่าประเทศนี้ส่วนมากก็ขาดวินัย ก็ต้องระวังเอาเองครับ
-
สายเอเชียนี่ยังมีแบ่งแยกตอนผ่าน แถวพยุหะ ทั้งๆที่เป็นด้านนอกเมือจำกัด80ครับ
-
ผมเคยไปขับบน Autobahn ยังเจอพวกช้าแช่ขวาเลยครับ ผมตั้งความหวังกับคนเยอรมันเยอะเกินไป หรือผมมันซวยเอง
สับสนเลนรึเปล่าครับ อิอิ
-
ทำไมรู้สึกไม่ "ดีใจ" เลย
มันปกติมาก เพราะวิ่งตาม ตจว. ไม่มีใครวิ่งได้ตาม กม. ซักคัน
ปกติส่วนใหญ่ก็วิ่ง 110-120 อยู่แล้ว
โล่งๆ มองไกลได้ยาวๆ รถดี รถสมบูรณ์ 140 ก็ยังปกติ หรือว่า.....??
-
โห ดีจัง น่าจะมีจับพวกรถช้าด้วยนะครับ
พวก 60-70 แช่ขวา 8)
-
หมา แมว คน ตัดไปตัดมา (แช่ขวา ลืมโลก )
เห้อ ถนนบ้านเรา
เชื่อเถอะ ตอนที่ขับที่
นิวซีแลนด์ (90-100 km/hr)
ไอซ์แลนด์ (90 km/hr)
จำกัดความเร็ว แต่คนในชาติวินัยจราจรเยี่ยม
สามารถไปถึงจุดหมายได้ในเวลาที่ดีๆ เผลอๆ เร็วกว่าไทย ที่ต้องกด120-130-140 แต่ต้องมุด ทั้งรถแช่ขวาอีก บลาๆๆๆ
-
เออผมคนบ้านนอก พอเข้า กทม.ขับรถขึ้นทางด่วนเจอป้ายจำกัดความเร็ว 80 ผมก็วิ่ง 80 แต่คันอื่นนี่วิ่งกันเร็วมาก ก็ได้แต่คิดในใจตูจะมาเสียเงินขึ้นมาวิ่ง 80 ทำไมวะ
เอาจริงๆ สมัยผมเรียนเห็นป้ายนี้จำได้แม่นเลยว่ามันคือป้ายห้ามขับเกิน 80 แต่พอขึ้นทางด่วนครั้งแรก.....
เฮ้ย... เค้าห้ามขับต่ำกว่า 80รึเปล่า? วิ่งกันฉิวเลย ขับ70หยั่งกับรถจอดนิ่งๆ แซงกันลิ่วเลย
-
ควรกำหนดไปเลยว่า เส้นไหนเป็นเส้นระหว่างจังหวัดและ Asia Highway ให้วิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 110 กม/ชม
เส้นไหนเป็นแค่เส้นภายในจังหวัด ก็ระบุตามกฎหมายที่ตราใหม่ไป
พวกเส้นทางปิดก็ เพิ่มอีกนิด เป็น 120-130 กม/ชม (แล้วแต่กำหนดว่าเป็นเส้นไหน)
-
ควรกำหนดไปเลยว่า เส้นไหนเป็นเส้นระหว่างจังหวัดและ Asia Highway ให้วิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 110 กม/ชม
เส้นไหนเป็นแค่เส้นภายในจังหวัด ก็ระบุตามกฎหมายที่ตราใหม่ไป
พวกเส้นทางปิดก็ เพิ่มอีกนิด เป็น 120-130 กม/ชม (แล้วแต่กำหนดว่าเป็นเส้นไหน)
เห็นด้วยเลยครับ
อยากได้มานานแล้วคือทำ ทางหลวงระหว่างเมือง (ชื่อไทยๆ ก็คือ ถนนซุเปอร์ไฮเวย์ มีกันแทบทุกจังหวัด ที่เรียกชื่อกันแบบนี้) ให้แยกชัดๆ ออกมาจาก ทางหลวงนอกเมือง
เพราะถนนที่ใช้สำหรับการเดินทางข้ามภาค ต้องแยกออกจาก ถนนที่ใช้ในเมือง/นอกเมืองทั่วไป
และในอนาคต จะมี ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (เหมือนมอเตอร์เวย์ สาย7) ไปทั่วภูมิภาคของประเทศ รอดูได้เลย 5 51 52 6 61 71 72 8 81 82 91 92 จะมีหมายเลขพวกนี้ออกมาเพิ่ม
ซึ่งพวกนี้ ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่า ทางพิเศษ ก็คือ เสียตังค์ ทำที่กั้นให้อย่างดี
พวกนี้ ก็ควรจะได้วิ่งที่เกิน 110 (ก็คือ 120 กำหนดไว้ ก็ดีแล้ว และถ้าปชช.มีความเข้าใจในการใช้ทางมากขึ้น ก็กำหนดความเร็วเพิ่มไปอีกก็ได้)
ปัญหามีอยู่อย่างเดียวตอนนี้ คือ ทางหลวงระหว่างเมือง แต่ทำความเร็วไม่ได้ มีรถช้า รถเกษตร มีขายของข้างทาง มีจุดตัด มากเกินไป
-
110 โอเค รับได้ 90นี่ช้าเกินไปหน่อย
-
อยากได้ No Speed Limit แบบAutobahn
ปล.พวกช้าแช่ขวาคงหายไปเยอะ
คนพวกนั้นเขาจะหายไปจริงๆหรอครับ
ผมไม่มั่นใจเลย ที่เห็นหน้าด้านแช่ในปัจจุบัน ดูจะไม่มีวี่แววปรับปรุงทัศนคติกันเลยครับ :'(
คิดเช่นนี้ครับ ยอมรับว่าช่วงดึกมากๆที่เคยขับ และเจอคันอื่นๆขับเกินกฎหมายเหมือนกับ no speed limit กัน ยังมีรถแช่ขวาอยู่ครับ
และหนำซ้ำยังมีแช่แบบขอทางแล้วเปิดไปเลี้ยวขวาใส่ด้วย แสดงว่าบอกชัดเจนเลยว่าจะแช่ขวาไม่หลบให้ บางทีก็หดหู่กับสันดานและจิตสำนึกคนจริงๆครับ
-
เนื้อหาในข่าวยอมรับเองว่ากฏหมายล้าสมัย
แต่กระทู้ก่อนๆมีสมาชิกออกมาบอกเองว่ากฏหมายไม่เคยล้าสมัย อยากรู้จริงๆว่าต้องทำยังไงถึงจะออกจากกะลาได้
:) :D ;D
-
ทำไมรู้สึกไม่ "ดีใจ" เลย
มันปกติมาก เพราะวิ่งตาม ตจว. ไม่มีใครวิ่งได้ตาม กม. ซักคัน
ปกติส่วนใหญ่ก็วิ่ง 110-120 อยู่แล้ว
โล่งๆ มองไกลได้ยาวๆ รถดี รถสมบูรณ์ 140 ก็ยังปกติ หรือว่า.....??
ผมดีใจนะครับ
อย่างน้อยที่สุด พวกที่ขับ 80 แช่ขวาบนทางด่วน จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าฉันวิ่งเร็วตามกฎหมายกำหนดแล้ว ;D ;D ;D
-
บนทางด่วน ควรปรับความเร็วจาก 80 กม./ชม. เป็น 110 กม./ชม. เหมาะสมแล้ว
ด้วยกำลังเครื่องยนต์ ในยุคปัจจุบัน มีแรงม้าและมีแรงบิด เยอะกว่ารถสมัยก่อนครับ
-
ผมคิดว่าล่าสุดเหมาะสมแล้วครับ
Motor ways <=120 km/hr
ทางด่วน <=110 km/hr
ทางทั่วไป <=90 km/hr
ดีแล้ว เพราะทางทั่วไป ปัจจัยมันเยอะ ทั้งมอไซด์ คนข้าม ที่ไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือ เท่าไหร่ 90 นี้ชนมาก็ยับแล้วครับ
-
ส่วนตัวผมเห็นด้วยนะครับ 110 สำหรับสมัยนี้ คือความเร็วที่พอดีครับ ไม่ช้าหรือไม่เร็วเกินไปบนทางด่วน
แต่ถึงยังไงผมก็เห็นคนวิ่ง 130-140 up ประจำ :-X
-
ในทางปฏิบัติ น่าจะไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่ เพราะตำรวจก็อนุโลมไปแล้ว
ข้อดีคือ ตำรวจจะมาอ้างด้วยตัวเลข 90 ไม่ได้แล้ว
-
เอาจริงๆ ทางด่วนในเมืองอะเพิ่มเป็น110 ทางด่วนทางๆเมืองก็120(ทางแยกขึ้นลงน้อย)ดีเลยนะครับ อาจจะอนุโลมเกินได้แค่ 5km/hr เหมือนกับตทป
บ้านเราเทียบเมืองนอกยาก ขับรถเร็ว แช่ขวา ไม่เคารพกฏ ไหล่ทาง มีหมด แต่ถ้าอยากให้เพิ่มคือจับความเร็วตัดแต้มกันจริงๆ
เพิ่มป้ายจำกัดความเร็วให้ชัดเจนบอกล่วงหน้าหน่อยขอชัดๆนะ แล้วเอาป้ายgive way มาใช้ให้จริงๆจังๆตามทางร่วมได้แล้ว ขอเท่านี้ละครับ 555
ปล.ผมอยู่นิวซีแลนด์มาก่อน ที่นั่นตำรวจน้อยมากแต่วินัยเค้าดีจริงๆ เจอใครขับห่วยๆนี่ลองสังเกตุได้เลยว่าเป็นเอเชียซะเยอะ😂 ส่วนฝรั่งถึงจะขับดีแต่สกิลจอดรถห่วยนะครับ😅