Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ มกราคม 31, 2019, 18:20:38

หัวข้อ: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: shipcake ที่ มกราคม 31, 2019, 18:20:38
ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ มกราคม 31, 2019, 18:29:09
ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้ครับ เหมือนซื้อโซฟาดีๆแพงๆก็ซ่อมแพง งั้นก็ปูเสื่อดูทีวีต่อไป
ความสะดวกสบายมันก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเป็นธรรมดา ขึ้นกับว่าคุ้มที่จะแลกมั้ย แต่ละคนก็มีความจำเป็นและให้ความสำคัญกับบางเรื่องต่างกันไป รถเองก็มีหลายรุ่นให้เลือกนะ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: The Mechanics of Emotions ที่ มกราคม 31, 2019, 18:31:51
จริงครับ ยิ่งเยอะ ยิ่งล้ำ ยิ่งแพง แต่ตามความคิดเห็นบนครับ ถ้าไม่อยากซ่อมบำรุงแพง ก็ต้องใช้รถโล้นๆ ต่อไป  :)
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ มกราคม 31, 2019, 18:34:47
ก็คิดว่าใช่ครับ บ้านเราร้อน+ชื้นก็ยิ่งทำให้มันเสียหรือจุกจิกมากขึ้น
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ มกราคม 31, 2019, 18:51:59
ไฮเทคเยอะ = ปัญหาเยอะ
งั้นเครื่องบินคงต้องตกกันเป็นรายวันเลยนะครับ

แต่ถ้าไฮเทคเยอะ = ซ่อมกันบาน
อันนี้ใกล้เคัยงเลยครับ

เอาว่าจอทัชสกรีน ถ้าเสีย ก็เปลี่ยนจอ ราคา 1/4 ของอุปกรณ์ หรือเปลี่ยนทั้งอุปกรณ์

หรือถ้า ecu เสีย ก็คงจ่ายค่าเปลี่ยนอย่างเดียว ก็ถือว่าบาน

แต่ทั้งหมดก็อยู่ทีาผู้ผลิตจะกำหนดแหละครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: AkE ที่ มกราคม 31, 2019, 19:04:45
มันมีโอกาสจะเสียเยอะขึ้นครับแต่เดี๋ยวนี้สเปคก้ดีขึ้นการทดสอบก้หนักขึ้น ทำให้ดีขึ้นมากละครับ

ถ้าถามผมๆเอาครับ ดีกว่าจมอยู่กับของเดิมๆน่าเบื่อครับ เทคโนโลยีมันต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: YClub ที่ มกราคม 31, 2019, 19:17:43
ปัญหาเยอะเน๊อะ
แต่คงไม่เจอหม้อน้ำรั่วนะ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: onbit40 ที่ มกราคม 31, 2019, 19:36:57
ก็ไม่จริงเสมอไป บางตัว modular ถอดเปลียน ไม่เสียเวลาซ่อม แล้วแต่ค่ายจะ charge แพงถูกก็แล้วแต่
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: ferero000 ที่ มกราคม 31, 2019, 20:09:31
ก็คิดว่าจริงครับ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะเชียร์ให้มีของเล่นเยอะๆ ระบบเยอะๆ หลังๆเห็นรถไฮบริดมีปัญหาบ่อยขึ้นมาก คันล่าสุดนี่ผมเอาเท้านอนยันว่ายังไงก็ไม่เอารถไฟฟ้า ไม่อยากปวดหัว พังไม่ว่า ที่ศูนย์บริการจะรับผิดชอบที่เราเสียเวลา ความรู้สึก ความคุ้มค่า นั้นอีกเรื่องเลยครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: CNX ที่ มกราคม 31, 2019, 20:38:09
กรณีตัวอย่าง มีให้พิจารณาเรื่อยๆครับ
คันก่อนนี้เคยเป็นติ่งFORD ซ่อมเหนื่อย
ตอนนี้ใช้HONDA รถเก่า8ปี วิ่งงานหนัก วันละ100-400กม. ไม่งอแงเลยครับ แค่เปลี่ยนของเหลว เกียร์ เครื่อง เฟืองท้าย เบรก สบายใจครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มกราคม 31, 2019, 20:49:57
ผมว่าจริงนะ ยิ่งชิ้นส่วนมาก ก็มีโอกาสเสียมากเช่นเดียวกัน
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Nerdys ที่ มกราคม 31, 2019, 21:29:26
อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Peet Sayumpoo ที่ มกราคม 31, 2019, 21:43:20
อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์

ที่เห็นขึ้นยานแม่ ไม่ได้แปลว่ามีระบบไฟรวนหรืออะไรเสียเสมอไปน่ะครับ บางทียางรั่วเค้าก็เรียกขึ้นยานแม่กันแล้วครับ
ผมเห็นบ่อย (เพราะถ้าจำไม่ผิด เค้าเรียกใช้บริการยานแม่ได้ฟรีมั้งครับ) แต่ก้อาจจะเสียจริงๆก็ได้ครับ

________________________________________________


เรื่องระบบไฟฟ้ายิ่งเยอะก็ยิ่งจุกจิกมากขึ้นในอนาคต เป็นธรรมดาครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: CaN_Paktarathon ที่ มกราคม 31, 2019, 21:50:06
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: ferero000 ที่ มกราคม 31, 2019, 22:39:57
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...


กุญแจในมือผมสั่นเลยครับ 55555 รถผมตอนนี้ 4 ปีกว่าๆ 27,000 km ตอนนี้มีปัญหาแค่ตอตรงกลางเวลาพับลงเสียงจะดังแกร้กๆ เหมือนมีชิ้นส่วนอะไรหลุดสักอย่าง เอาเข้าไปแก้ที่ศูนย์ออกมาเป็นเหมือนเดิม 555555555
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: punn ที่ มกราคม 31, 2019, 22:44:41
จริงหลายระดับครับ  :o

ระดับพื้นฐาน  :-\
ของทุกอย่างมีความเสื่อม มีระบบเพิ่มก็ยิ่งเพิ่มอุปกรณ์จุดต้องซ่อม
ปัญหาเยอะตามมา

ตัวแปรเเสี่ยงยอะขึ้น ทั้งตำแหน่งติดตั้ง การโปรแกรม การบาลานซ์โหลด
หลายๆอย่างมันทำให้เสี่ยงเพิ่มทีละน้อย มีผลต่ออายุการใช้งาน

ระดับ.. อะไรไม่รู้  ;D
ยกตัวอย่างเทียบเคียง คนที่รู้จักในนั้นเล่าให้ฟัง
โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชื่อดังก่อนถูกบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโอเวอร์
ทำชิ้นส่วนอ่อนไหวออกมา บ.ยักษ์คู่ค้า อัด qc ห้ามต่ำกว่า 90% up ถึงจะยอมจ่าย

แต่พอเทคโอเวอร์เสร็จ เอาหมด ใช้ได้ทุกอย่างทันที %ไม่มีผลอีกต่อไป 20-30%ก็เอา
เพื่อเพิ่มจำนวนการผลิตให้ทันต่อตลาด

ซึ่งหลายๆธุรกิจ ถ้าทำเองตั้งแต่ต้นน้ำ มักไม่พ้นรูปแบบนี้เพื่อลดต้นทุน
จะเห็นว่าความเสี่ยงไปตกผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ประมาณนี้ครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Altima ที่ มกราคม 31, 2019, 22:53:42
ไม่ครับ

Land Cruiser 2019 vs. Alfa Romeo 156 2003

อันไหนจะพังง่ายและมีปันหาเยอะกว่ากันครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 02:47:30
ต้นทุน​กับ​ชิ้นส่วน​ถ้าลดราคา​มากไป​ชิ้นส่วน​อาจไม่ดีตามราคา
ถ้าแพงไปก็ไปลดต้นทุน​อื่น​ เช่นออฟชั่น​โดนหั่นแต่ราคา​ยังสูง
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: ฟง อวิ๋น ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 05:12:13
ขอเรียกว่ามีโอกาสเจอปัญหามากกว่า ได้ไหมครับ

และเสียที ก็ซ่อมแพงกว่าด้วย

แต่ถ้าไม่เสียนี่ โดยรวมจะสะดวก สบาย ปลอดภัยมากครับ

ระบบไฟฟ้าต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ก็ใช่ย่อยครับ
ช่วยเรื่องประสิทธิภาพได้มาก แต่เสียมาทีนี่น้ำตาตกใน
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: seeker ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 07:04:24
ก็คิดว่าจริงครับ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะเชียร์ให้มีของเล่นเยอะๆ ระบบเยอะๆ หลังๆเห็นรถไฮบริดมีปัญหาบ่อยขึ้นมาก คันล่าสุดนี่ผมเอาเท้านอนยันว่ายังไงก็ไม่เอารถไฟฟ้า ไม่อยากปวดหัว พังไม่ว่า ที่ศูนย์บริการจะรับผิดชอบที่เราเสียเวลา ความรู้สึก ความคุ้มค่า นั้นอีกเรื่องเลยครับ

แยกกันก่อนไหมครับ รถไฟฟ้า กับรถไฮบริท
รถไฮบริทคือรถที่มีระบบสันดาบและถ่านลูกเล็กอยู่ในคันเดียวกัน
แต่รถไฟฟ้า ผมว่าค่าบำรุงต่ำกว่าเยอะ บำรุงด้านไฟฟ้าอย่างเดียว

ดูสารคดีที่เอา tesla มาทำแท็กซี่ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเยอะมาก (ที่ตปท)
ทีีไทยก็คงต้องใช้เวลาให้ช่างรู้ระบบไฟฟ้าอย่างถ่องแท้ก่อน
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 07:35:14
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: 20TRF ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:19:49
จริงครับ
ออกจากศูนย์มาเอาไปติดฟิล์มที่ร้าน กลับมาฝาท้ายไฟฟ้าใช้งานไม่ได้
เซ็งเป็ด ออกมาวันเดียวต้องกลับเข้าศูนย์
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:22:28
อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์
เบนซ์มันบ่อยจริงๆครับ บ่อยพอๆกับฟอร์ดแหละครับ ส่วน lexus มีการวิจัยออกมาแล้วครับว่าเป็นรถที่ทนทานมากครับ ไม่ค่อยเสียด้วย.......แต่เวลาเสียก็หลายตังค์อยู่ครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: paulmoderndog ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:39:45
อนาคต เครื่องก็จะมาเป็นไฟฟ้าด้วยซ้ำไป

ตอนนี้เริ่มจะพยายามทำใจว่ารถก็คล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้แล้วเสื่อม อนาคต รถทุกคันในไทยอาจจะห้ามขับเมื่ออายุเกิน10ปี

https://electrek.co/2019/01/31/mercedes-be-all-electric-concept-mpv-family-van-in-geneva-slated-for-2022-debut/ (https://electrek.co/2019/01/31/mercedes-be-all-electric-concept-mpv-family-van-in-geneva-slated-for-2022-debut/)
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: flybigbear ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:44:16
ก็ปกติของรุ่นใหม่ๆๆครับ ยิ่งใหม่ ยิ่งใส่เทคโนโลยี เข้าไป

ต้องปรับตัวและพฤติกรรมการขับด้วย


ช่วงเปลี่ยนจากระบบเครื่องยนต์ล้วนไปไฟฟ้าล้วนหรือแบบอื่น (ไม่รู้กินเวลากี่สิบปี)

หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: the kit ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:12:17
จริง 1,000,000%

อะไรที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ปัญหาย่อมมากขึ้นตาม

แต่ถ้ามันโล้นๆ ไม่มีอะไรเลย คุณจะซื้อไหม
บางคนอาจจะสวนขึ้นมาทันทีว่าซื้อ อันนั้นมันอาจจะเป็นตัวคุณคนเดียว
ครอบครัว คุณเอาด้วยไหม???

จากขับ Raptor 1.7ล
กลับไปขับ มังกรทองรุ่นแรก 2.68แสน ไม่รวมแอร์ ไม่มีแม้กระจกไฟฟ้า และอำนวยความสะดวกอื่นๆจะเอาไหม??

"...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
เติมความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดี ที่สุด..."
Cr - Live and Learn กมลา สุโกศล
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:18:58

ไม่จริงครับ
ผมว่ารถค่ายดีๆ ทำดีๆก็มี
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:26:43
ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน

จำเป็นด้วยเหรอครับที่ "รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ" ผมว่าไม่ใช่มั้ง

มันอยู่ที่
- ยี่ห้อ เพราะบางยี่ห้อใช้ supplier เดิมๆ พอมีปัญหาหรือความทนทายของชิ้นส่วน ก็บานเหมือนดอกเห็ด ลามไปรุ่นอื่นๆ ด้วย
- รุ่นนั้น เพราะ ยี่ห้อเดี่ยวกัน ออฟชั่นพอๆ กัน แต่คนละรุ่น ปัญหาก็ต่างกันละ
- คันนั้น เพราะ รุ่นเดียวกัน บางคันมีปัญหาแบบนึง อีกคันมีปัญหาแบบนึง บางทีมาจากการใช้งานด้วย

สำหรับผม ระบบที่บอกว่าไฮเทค หรือ ไฟฟ้าเยอะๆ ในบางยี่ห้อ ปัญหาแทบไม่มีเลย
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:50:54
ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน

จำเป็นด้วยเหรอครับที่ "รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ" ผมว่าไม่ใช่มั้ง

มันอยู่ที่
- ยี่ห้อ เพราะบางยี่ห้อใช้ supplier เดิมๆ พอมีปัญหาหรือความทนทายของชิ้นส่วน ก็บานเหมือนดอกเห็ด ลามไปรุ่นอื่นๆ ด้วย
- รุ่นนั้น เพราะ ยี่ห้อเดี่ยวกัน ออฟชั่นพอๆ กัน แต่คนละรุ่น ปัญหาก็ต่างกันละ
- คันนั้น เพราะ รุ่นเดียวกัน บางคันมีปัญหาแบบนึง อีกคันมีปัญหาแบบนึง บางทีมาจากการใช้งานด้วย

สำหรับผม ระบบที่บอกว่าไฮเทค หรือ ไฟฟ้าเยอะๆ ในบางยี่ห้อ ปัญหาแทบไม่มีเลย

เห็นด้วยครับ ผมว่าอยู่ที่ยี่ห้อรถ และคุณภาพอุปกรณืที่ใส่มาให้มากกว่า

ประสบการตรงของผมคือ  D-Max คันเก่าผม ปี 2004 (ปัจจุบันขายไปนานแล้ว) มีปัญหากระจกไฟฟ้าคนขับติดขัดตั้งแต่ 2 ปีแรก เนื่องจากมอเตอร์เสีย ใช้ๆซ่อมๆมาจน 8 ปีจนกระทั่งขายรถ (ทั้งๆที่ระบบไฟฟ้าของรุ่นนี่มีแค่กระจกไฟฟ้าและ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์ยังเป็น DI ไม่ใช่คอมม่อนเรล)

แต่มาสด้า 3 ปัจจุบันปี 2010 ตอนซื้อมีแต่คนทัก ระวังซันรูฟเสียบ้าง น้ำรั่วบ้าง(ไม่รู้ไปฟังมาจากไหน) ตอนนี้ระบบไฟฟ้าของรถใช้ได้ทุกอย่าง 100% ไม่เคยเสียไม่เคยติดขัดอะไรเลย ระบบกุญแจ Keyless Entry  ที่ตอนนั้นเป็นเจ้าแรกๆเลยมั้งที่เข้ารถและสต๊าทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจไข ก็มีแต่คนทักว่า ถ้าเสียมาจะทำไง .. ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ตลอด 8 ปีเต็ม

บอกทีระบบไฟฟ้าเสียไม่เสีย มันอยู่ที่คุณภาพของอุปกรณ์ที่เค้าใส่มาให้มากกว่าครับ รถเพื่อนผม โตโยต้าคราว รถ20 กว่าปี ฝาท้ายไฟฟ้ายังใช้งานได้ดีอยู่เลย
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: ไทบ้าน ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:56:04
จริงแท้แน่นอนครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการออกแบบและผลิตของแต่ละแบรนด์ด้วยซึ่มผมก็เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ผลิตมาจากแต่ละยี่ห้อมีความทนทานต่างกัน  การแข่งขันด้านอ็อปชั่นทำให้รถยนต์ทุกวันนี้มักจะยัดเยียดเทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นมาให้จนคนขับแทบจะเป็นง่อยแล้ว

ส่วนการจะซื้อที่นั่งมาดูทีวีถ้าผมมีตังค์ก็คงไม่ปูเสื่อนั่งเหมือนสมัยที่ยังยากจนหรอกครับ แต่ผมจะเลือกที่นั่งที่มั่นคงแข็งแรงใช้ได้คุ้มค่านานปี  ถ้าโซฟาอันไหนราคาแพงเกินไปด้วยใส่เทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นและการใช้งานสั้นผมก็คงไม่ซื้อครับ มีเงินแล้วคงไม่โง่ไปปูเสื่อนั่งแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: S6 ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 10:03:04
ในมุมผู้ผลิตและวิศวกร มองว่า การซ่อมบำรุงรักษาง่ายขึ้น ชิ้นไหนเสียถอดอุปกรณ์บอร์ดชุดนั้นออกมา เปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่เข้าไป ใช้งานได้ตามเดิม ไม่ได้ทำให้ปัญหาเยอะขึ้น แต่ง่ายขึ้นในการใช้งาน
แต่ปัญหาของผู้บริโภคอย่างประเทศเรา คือราคาบอร์ดของที่ผู้บริโภคประเทศนั้นรับได้ แต่ที่ประเทศเราราคาสูงมากเกินชิ้นงาน
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: CarameLon ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 11:30:57
เยอะเป็นธรรมดา จริง
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: +@ Krishna @+ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 11:36:11
จริงส่วนนึง และคิดว่า ช่างหลายท่าน ก็พัฒนาฝีมือไปไม่ถึงครับ  8)
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: CaN_Paktarathon ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 13:30:52
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ

     เพิ่งได้มาอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือนครับ ได้มาเป็นตัว 2005 AT 4 speed , Sport Package ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจคใหญ่ครับ วางเครื่อง Hi-Power MT 6 speed ลงช็อคอัพ ล้อ และอีกมากมาย... เท่าที่ได้รถมาและศึกษาจากในเน็ต สิ่งที่ต้องระวังกลับไม่ใช่ Apex Seal แต่เป็นการดูแลของตัวเราเองครับ

สิ่งที่ต้องระวัง
1. น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกๆ 3,000-5,000 โล ย้ำเลยครับ และเกรดสูงสุดใช้ได้แค่กึ่งสังเคราะห์ เบอร์ 30-40 เท่านั้น เพราะเครื่องจะฉีดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่น Apex Seal ด้วยครับ แนะนำให้ผสม 2T กับน้ำมันเชื้อเพลิงครับ ช่วยถนอม Apex Seal ได้มาก (ส่วนตัวผสมตั้งแต่ได้รถมาเลย)
2. คอลย์จุดระเบิด เสื่อมทุกคัน เพราะ Rotary จุดระเบิดถี่และห้องเครื่องร้อนมากครับ อาการคอล์ยเสื่อมคือรอบไม่นิ่ง เครื่องไม่มีแรง ส่วนผมเปลี่ยนยกเซ็ต คอล์ย+สายหัวเทียน+หัวเทียน ขับสนุกขึ้นเยอะ
3. ระบบระบายความร้อน ต้องดูแลเป็นพิเศษครับ ผมได้รถมาก็ล้างระบบหล่อเย็นก่อนเลย ถ้าขับเรื่อยๆของเดิมเอาอยู่ครับ แต่ถ้าขับไม่ปรกติ แนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำอลูมิเนียม+วาล์วน้ำ 76 องศาครับ
4. แร็คพวงมาลัย ก่อนซื้อต้องดูจุดนี้ให้ดีๆเลยครับ ถ้าแร็คปรกติเวลาสตาร์ทรถใหม่ๆพวงมาลัยต้องหมุนคล่องมือ ถ้าแร็คพังพวงมาลัยจะหนักมากๆแต่พอขับไปสักพักจะปรกติ ผมก็โดนจุดนี้ แต่รอเปลี่ยนพร้อมเครื่องทีเดียวเลย
5. ควรวอร์มเครื่องสักพักก่อนขับครับ
6. เครื่องยนต์รุ่นนี้มีทั้ง Low Power (192 HP) เรียกกันเครื่อง 4 พอร์ต และ Hi Power (231 HP) เรียกกันเครื่อง 6 พอร์ตครับ ง่ายๆให้สังเกตที่ท่อร่วมไอดีพลาสติกสีดำครับ ถ้าตัว Low จะดูโล้นๆ แต่ Hi ท่อไอดีจะมีแง่งยื่นมาอีกจากท่อร่วมไอดีหลักเข้าเสื้อสูบ ห้องเครื่องมันจะดูแน่นกว่าตัว Low ครับ อีกจุดตัว Low เพลากลางจะเป็นเหล็ก ตัว Hi จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ครับ อ้อ...แล้วให้เช็คยางแท่นเครื่องด้วยครับ (รุ่นนี้ไม่มียางแท่นเกียร์) ถ้าเสียก็คู่ละหมื่นครับ เกียร์ AT กับ MT ขนาดไม่เหมือนกัน MT จะใหญ่กว่าครับ


     ปัญหาหลักๆมีแค่นี้ครับ ถามว่าขับสนุกไหม? ถ้าเทียบกับรถทรงสปอร์ตก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นเจ้าของมา (Evo 9 , Z4 E89 M Package , C180 Coupe W204) RX8 ช่วงล่างดีกว่า C Coupe นิดๆ ขับสบายและนิ่งในความเร็วสูงๆ เจอทางโค้งแบบขึ้นลงเขานี่โคตรสนุก... พวงมาลัยไม่ไวมากแต่แม่นยำ ภายในวัสดุดีและนั่งสบาย เหมาะกับเดินทางไกลเรื่อยๆมากกว่าบทบู๊
     ส่วนเครื่องยนต์รอบต่ำไม่มีแรงครับ พอเลย 4-5 พันรอบนี่เฮฮามาก (แต่ Rotary รอบสูงๆเครื่องนิ่งมากๆ) เลยทำให้คนที่ RX8 ใช้ส่วนใหญ่ต้องลากรอบเพื่อเค้นแรง (ส่วนตัวชอบเครื่องรอบจัดๆอยู่แล้ว) ผลคือทำให้กินน้ำมันมากกว่าเพื่อน แต่พอหลายๆองค์ประกอบมารวมกัน มันทำให้ RX8 เป็นรถที่ขับสนุกมากๆคันนึงเลยครับ (ในกรณีรถเดิม และสภาพสมบูรณ์นะครับ)

ถ้าเรียงลำดับความขับสนุกของรถที่เคยเป็นเจ้าของ (รถแนวสปอร์ตนะครับ รถทั่วไปไม่นับ)
1. C180 Coupe W204 เพอร์เฟ็คเกือบทุกด้าน เสียดายที่เครื่องขี้เกียจไปนิด ต้องกดโหมด Sport นิสัยเครื่องถึงกระฉับกระเฉงเท่า Z4 E89 ในโหมด Comfort ช่วงล่างเลิศไม่มีอะไรให้ติ ใช้ในเมืองกำลังสบาย และนิ่งในความเร็วสูง วัสดุภายในเฉยๆ เพราะใช้พลาสติกแข็งเยอะมาก นั่งสบายแต่ไม่ที่สุด (คันนี้ยังเก็บไว้)
2. RX-8 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ รถปีเก่าแต่บริษัทตั้งใจทำ มันเลยทำให้รถคันนี้มีเสน่ห์ของมันอย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่ไม่แรง ไม่สวยเท่าตัวเลือกที่มี แต่มันมีของดีในตัว อันนี้ใครไม่เคยลองจะไม่รู้จริงๆ
3. Z4 E89 23i M Package ผมเพิ่งขายคันนี้ไป แอบเสียดายเหมือนกัน... เพราะมันเป็นรถ สเปค Euro M Package แท้ๆนำเข้าทั้งคันเลย มันเป็นรถที่สวยมากๆคันนึง แต่มันไม่เหมาะกับถนนใน กทม.อย่างสิ้นเชิง พวงมาลัยไว ช่วงล่างแข็งเก็บรายละเอียดทุกพื้นผิว ความเร็วสูงนิ่งและรู้สึกผ่อนคลายกว่านิดนึง เกาะถนนดีแต่ความแม่นยำสู้ 2 คันข้างบนไม่ได้ ภายในแคบ+มุมมองแคบ (ผมสูง 183 ซม. ปรับเบาะทีหลังติดแผงหลัง แล้วจะได้ยินเสียงหนังสีกับพลาสติกตลอดการเดินทาง) วัสดุภายในดีมาก คันนี้ขับแล้วรู้สึกล้ามากกว่าสนุก เพราะต้องคอยหลบหลุมและรองรับการสะเทือนไปตลอดการเดินทาง
4. Evo 9 บ๊วยสุด เอาตรงๆคันนี้ไม่ได้ให้ความประทับใจอะไรผมมากมาย เหมือนรถเก๋งวางเครื่องแรงๆ ช่วงล่างแข็งแต่ยังสบายกว่า Z4 E89 วิ่งความเร็วสูงไม่นิ่ง เหมาะกับบทบู๊ในโค้งหนักๆตามคอนเซ็ปเค้า อีกอย่างวงเลี้ยวโคตะระกว้าง วัสดุภายในธรรมดามาก มีดีแค่เบาะ Recaro (คันนี้ขายทิ้งไปแล้วครับ)

ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 16:33:22
จริงสิครับ
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: AgentMolder ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 20:57:33
แน่นอนครับ แต่ผมใช้คำว่า มีโอกาสเกิดปัญหา ได้เยอะ

ไม่ต้องรถยนต์หรอกครับ TV โทรศัพท์ ระบบต่างๆในชีวิตปรนะจำวัน อะไรที่ยิ่งไฮเทค ซับซ้อน มันยิ่งพังง่ายจัง ก็งงเหมือนกัน

พวกระบบไฟฟ้า มันไม่ถูกกับความร้อน ฝุ่น การสั่นสะเทือนเท่าไหร่ แต่สภาพอากาศเมืองไทย ถนน ฝุ่นต่างๆ มันส่งเสริมให้ระบบไฟฟ้ามันพังง่ายขึ้นครับ (รวมถึงเย็นเกินไปด้วยนะ ประเทศหิมะหนาๆก็มีผล เวลาเขาเทสรถ ก็เทสในพื้นที่หิมะ)
หัวข้อ: Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2019, 21:34:11
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ

     เพิ่งได้มาอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือนครับ ได้มาเป็นตัว 2005 AT 4 speed , Sport Package ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจคใหญ่ครับ วางเครื่อง Hi-Power MT 6 speed ลงช็อคอัพ ล้อ และอีกมากมาย... เท่าที่ได้รถมาและศึกษาจากในเน็ต สิ่งที่ต้องระวังกลับไม่ใช่ Apex Seal แต่เป็นการดูแลของตัวเราเองครับ

สิ่งที่ต้องระวัง
1. น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกๆ 3,000-5,000 โล ย้ำเลยครับ และเกรดสูงสุดใช้ได้แค่กึ่งสังเคราะห์ เบอร์ 30-40 เท่านั้น เพราะเครื่องจะฉีดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่น Apex Seal ด้วยครับ แนะนำให้ผสม 2T กับน้ำมันเชื้อเพลิงครับ ช่วยถนอม Apex Seal ได้มาก (ส่วนตัวผสมตั้งแต่ได้รถมาเลย)
2. คอลย์จุดระเบิด เสื่อมทุกคัน เพราะ Rotary จุดระเบิดถี่และห้องเครื่องร้อนมากครับ อาการคอล์ยเสื่อมคือรอบไม่นิ่ง เครื่องไม่มีแรง ส่วนผมเปลี่ยนยกเซ็ต คอล์ย+สายหัวเทียน+หัวเทียน ขับสนุกขึ้นเยอะ
3. ระบบระบายความร้อน ต้องดูแลเป็นพิเศษครับ ผมได้รถมาก็ล้างระบบหล่อเย็นก่อนเลย ถ้าขับเรื่อยๆของเดิมเอาอยู่ครับ แต่ถ้าขับไม่ปรกติ แนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำอลูมิเนียม+วาล์วน้ำ 76 องศาครับ
4. แร็คพวงมาลัย ก่อนซื้อต้องดูจุดนี้ให้ดีๆเลยครับ ถ้าแร็คปรกติเวลาสตาร์ทรถใหม่ๆพวงมาลัยต้องหมุนคล่องมือ ถ้าแร็คพังพวงมาลัยจะหนักมากๆแต่พอขับไปสักพักจะปรกติ ผมก็โดนจุดนี้ แต่รอเปลี่ยนพร้อมเครื่องทีเดียวเลย
5. ควรวอร์มเครื่องสักพักก่อนขับครับ
6. เครื่องยนต์รุ่นนี้มีทั้ง Low Power (192 HP) เรียกกันเครื่อง 4 พอร์ต และ Hi Power (231 HP) เรียกกันเครื่อง 6 พอร์ตครับ ง่ายๆให้สังเกตที่ท่อร่วมไอดีพลาสติกสีดำครับ ถ้าตัว Low จะดูโล้นๆ แต่ Hi ท่อไอดีจะมีแง่งยื่นมาอีกจากท่อร่วมไอดีหลักเข้าเสื้อสูบ ห้องเครื่องมันจะดูแน่นกว่าตัว Low ครับ อีกจุดตัว Low เพลากลางจะเป็นเหล็ก ตัว Hi จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ครับ อ้อ...แล้วให้เช็คยางแท่นเครื่องด้วยครับ (รุ่นนี้ไม่มียางแท่นเกียร์) ถ้าเสียก็คู่ละหมื่นครับ เกียร์ AT กับ MT ขนาดไม่เหมือนกัน MT จะใหญ่กว่าครับ


     ปัญหาหลักๆมีแค่นี้ครับ ถามว่าขับสนุกไหม? ถ้าเทียบกับรถทรงสปอร์ตก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นเจ้าของมา (Evo 9 , Z4 E89 M Package , C180 Coupe W204) RX8 ช่วงล่างดีกว่า C Coupe นิดๆ ขับสบายและนิ่งในความเร็วสูงๆ เจอทางโค้งแบบขึ้นลงเขานี่โคตรสนุก... พวงมาลัยไม่ไวมากแต่แม่นยำ ภายในวัสดุดีและนั่งสบาย เหมาะกับเดินทางไกลเรื่อยๆมากกว่าบทบู๊
     ส่วนเครื่องยนต์รอบต่ำไม่มีแรงครับ พอเลย 4-5 พันรอบนี่เฮฮามาก (แต่ Rotary รอบสูงๆเครื่องนิ่งมากๆ) เลยทำให้คนที่ RX8 ใช้ส่วนใหญ่ต้องลากรอบเพื่อเค้นแรง (ส่วนตัวชอบเครื่องรอบจัดๆอยู่แล้ว) ผลคือทำให้กินน้ำมันมากกว่าเพื่อน แต่พอหลายๆองค์ประกอบมารวมกัน มันทำให้ RX8 เป็นรถที่ขับสนุกมากๆคันนึงเลยครับ (ในกรณีรถเดิม และสภาพสมบูรณ์นะครับ)

ถ้าเรียงลำดับความขับสนุกของรถที่เคยเป็นเจ้าของ (รถแนวสปอร์ตนะครับ รถทั่วไปไม่นับ)
1. C180 Coupe W204 เพอร์เฟ็คเกือบทุกด้าน เสียดายที่เครื่องขี้เกียจไปนิด ต้องกดโหมด Sport นิสัยเครื่องถึงกระฉับกระเฉงเท่า Z4 E89 ในโหมด Comfort ช่วงล่างเลิศไม่มีอะไรให้ติ ใช้ในเมืองกำลังสบาย และนิ่งในความเร็วสูง วัสดุภายในเฉยๆ เพราะใช้พลาสติกแข็งเยอะมาก นั่งสบายแต่ไม่ที่สุด (คันนี้ยังเก็บไว้)
2. RX-8 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ รถปีเก่าแต่บริษัทตั้งใจทำ มันเลยทำให้รถคันนี้มีเสน่ห์ของมันอย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่ไม่แรง ไม่สวยเท่าตัวเลือกที่มี แต่มันมีของดีในตัว อันนี้ใครไม่เคยลองจะไม่รู้จริงๆ
3. Z4 E89 23i M Package ผมเพิ่งขายคันนี้ไป แอบเสียดายเหมือนกัน... เพราะมันเป็นรถ สเปค Euro M Package แท้ๆนำเข้าทั้งคันเลย มันเป็นรถที่สวยมากๆคันนึง แต่มันไม่เหมาะกับถนนใน กทม.อย่างสิ้นเชิง พวงมาลัยไว ช่วงล่างแข็งเก็บรายละเอียดทุกพื้นผิว ความเร็วสูงนิ่งและรู้สึกผ่อนคลายกว่านิดนึง เกาะถนนดีแต่ความแม่นยำสู้ 2 คันข้างบนไม่ได้ ภายในแคบ+มุมมองแคบ (ผมสูง 183 ซม. ปรับเบาะทีหลังติดแผงหลัง แล้วจะได้ยินเสียงหนังสีกับพลาสติกตลอดการเดินทาง) วัสดุภายในดีมาก คันนี้ขับแล้วรู้สึกล้ามากกว่าสนุก เพราะต้องคอยหลบหลุมและรองรับการสะเทือนไปตลอดการเดินทาง
4. Evo 9 บ๊วยสุด เอาตรงๆคันนี้ไม่ได้ให้ความประทับใจอะไรผมมากมาย เหมือนรถเก๋งวางเครื่องแรงๆ ช่วงล่างแข็งแต่ยังสบายกว่า Z4 E89 วิ่งความเร็วสูงไม่นิ่ง เหมาะกับบทบู๊ในโค้งหนักๆตามคอนเซ็ปเค้า อีกอย่างวงเลี้ยวโคตะระกว้าง วัสดุภายในธรรมดามาก มีดีแค่เบาะ Recaro (คันนี้ขายทิ้งไปแล้วครับ)

ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
ขอบคุณครับ ... ผมมอง RX7 RX8 มานานแล้ว แต่คิดว่าคงยอมแพ้กับ 7 ซึ่งขึ้นหิ้งไปแล้ว แต่หาสวย+เดิมยากเหลือเกิน และอาจดู 8 แทน เพราะรถสวย+เดิมได้ง่ายกว่าเยอะเลย .. อีกหน่อยอาจมีอนาคตในฐานะ rotary รุ่นสุดท้าย

ปล. อู่ที่ผม service MX5 อยู่บอกว่า apex seal ของ RX8 พออายุเกิน 100,000 บทมันจะหัก ก็หักดื้อๆเลยโดยไม่มีสัญญานเตือน เป็นจุดที่ต้องระวังครับ (เจ้าของอู่เคยใช้ RX8 และเซอร์วิส RX8 อยู่หลายคัน) แต่ผมยังไม่เคยศึกษาครับ