รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม

shipcake

ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน



Jacob

ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้ครับ เหมือนซื้อโซฟาดีๆแพงๆก็ซ่อมแพง งั้นก็ปูเสื่อดูทีวีต่อไป
ความสะดวกสบายมันก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเป็นธรรมดา ขึ้นกับว่าคุ้มที่จะแลกมั้ย แต่ละคนก็มีความจำเป็นและให้ความสำคัญกับบางเรื่องต่างกันไป รถเองก็มีหลายรุ่นให้เลือกนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 31, 2019, 18:31:23 โดย Jacob »



The Mechanics of Emotions

จริงครับ ยิ่งเยอะ ยิ่งล้ำ ยิ่งแพง แต่ตามความคิดเห็นบนครับ ถ้าไม่อยากซ่อมบำรุงแพง ก็ต้องใช้รถโล้นๆ ต่อไป  :)
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S



NINENOI

ก็คิดว่าใช่ครับ บ้านเราร้อน+ชื้นก็ยิ่งทำให้มันเสียหรือจุกจิกมากขึ้น
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น



kiwiwi

ไฮเทคเยอะ = ปัญหาเยอะ
งั้นเครื่องบินคงต้องตกกันเป็นรายวันเลยนะครับ

แต่ถ้าไฮเทคเยอะ = ซ่อมกันบาน
อันนี้ใกล้เคัยงเลยครับ

เอาว่าจอทัชสกรีน ถ้าเสีย ก็เปลี่ยนจอ ราคา 1/4 ของอุปกรณ์ หรือเปลี่ยนทั้งอุปกรณ์

หรือถ้า ecu เสีย ก็คงจ่ายค่าเปลี่ยนอย่างเดียว ก็ถือว่าบาน

แต่ทั้งหมดก็อยู่ทีาผู้ผลิตจะกำหนดแหละครับ



AkE

มันมีโอกาสจะเสียเยอะขึ้นครับแต่เดี๋ยวนี้สเปคก้ดีขึ้นการทดสอบก้หนักขึ้น ทำให้ดีขึ้นมากละครับ

ถ้าถามผมๆเอาครับ ดีกว่าจมอยู่กับของเดิมๆน่าเบื่อครับ เทคโนโลยีมันต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ



YClub

ปัญหาเยอะเน๊อะ
แต่คงไม่เจอหม้อน้ำรั่วนะ



onbit40

ก็ไม่จริงเสมอไป บางตัว modular ถอดเปลียน ไม่เสียเวลาซ่อม แล้วแต่ค่ายจะ charge แพงถูกก็แล้วแต่



ferero000

ก็คิดว่าจริงครับ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะเชียร์ให้มีของเล่นเยอะๆ ระบบเยอะๆ หลังๆเห็นรถไฮบริดมีปัญหาบ่อยขึ้นมาก คันล่าสุดนี่ผมเอาเท้านอนยันว่ายังไงก็ไม่เอารถไฟฟ้า ไม่อยากปวดหัว พังไม่ว่า ที่ศูนย์บริการจะรับผิดชอบที่เราเสียเวลา ความรู้สึก ความคุ้มค่า นั้นอีกเรื่องเลยครับ



CNX

กรณีตัวอย่าง มีให้พิจารณาเรื่อยๆครับ
คันก่อนนี้เคยเป็นติ่งFORD ซ่อมเหนื่อย
ตอนนี้ใช้HONDA รถเก่า8ปี วิ่งงานหนัก วันละ100-400กม. ไม่งอแงเลยครับ แค่เปลี่ยนของเหลว เกียร์ เครื่อง เฟืองท้าย เบรก สบายใจครับ
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน



SM.

ผมว่าจริงนะ ยิ่งชิ้นส่วนมาก ก็มีโอกาสเสียมากเช่นเดียวกัน



Nerdys

อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์



Peet Sayumpoo

อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์

ที่เห็นขึ้นยานแม่ ไม่ได้แปลว่ามีระบบไฟรวนหรืออะไรเสียเสมอไปน่ะครับ บางทียางรั่วเค้าก็เรียกขึ้นยานแม่กันแล้วครับ
ผมเห็นบ่อย (เพราะถ้าจำไม่ผิด เค้าเรียกใช้บริการยานแม่ได้ฟรีมั้งครับ) แต่ก้อาจจะเสียจริงๆก็ได้ครับ

________________________________________________


เรื่องระบบไฟฟ้ายิ่งเยอะก็ยิ่งจุกจิกมากขึ้นในอนาคต เป็นธรรมดาครับ



CaN_Paktarathon

     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...



ferero000

     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...


กุญแจในมือผมสั่นเลยครับ 55555 รถผมตอนนี้ 4 ปีกว่าๆ 27,000 km ตอนนี้มีปัญหาแค่ตอตรงกลางเวลาพับลงเสียงจะดังแกร้กๆ เหมือนมีชิ้นส่วนอะไรหลุดสักอย่าง เอาเข้าไปแก้ที่ศูนย์ออกมาเป็นเหมือนเดิม 555555555



punn

จริงหลายระดับครับ  :o

ระดับพื้นฐาน  :-\
ของทุกอย่างมีความเสื่อม มีระบบเพิ่มก็ยิ่งเพิ่มอุปกรณ์จุดต้องซ่อม
ปัญหาเยอะตามมา

ตัวแปรเเสี่ยงยอะขึ้น ทั้งตำแหน่งติดตั้ง การโปรแกรม การบาลานซ์โหลด
หลายๆอย่างมันทำให้เสี่ยงเพิ่มทีละน้อย มีผลต่ออายุการใช้งาน

ระดับ.. อะไรไม่รู้  ;D
ยกตัวอย่างเทียบเคียง คนที่รู้จักในนั้นเล่าให้ฟัง
โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชื่อดังก่อนถูกบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโอเวอร์
ทำชิ้นส่วนอ่อนไหวออกมา บ.ยักษ์คู่ค้า อัด qc ห้ามต่ำกว่า 90% up ถึงจะยอมจ่าย

แต่พอเทคโอเวอร์เสร็จ เอาหมด ใช้ได้ทุกอย่างทันที %ไม่มีผลอีกต่อไป 20-30%ก็เอา
เพื่อเพิ่มจำนวนการผลิตให้ทันต่อตลาด

ซึ่งหลายๆธุรกิจ ถ้าทำเองตั้งแต่ต้นน้ำ มักไม่พ้นรูปแบบนี้เพื่อลดต้นทุน
จะเห็นว่าความเสี่ยงไปตกผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ประมาณนี้ครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



Altima

ไม่ครับ

Land Cruiser 2019 vs. Alfa Romeo 156 2003

อันไหนจะพังง่ายและมีปันหาเยอะกว่ากันครับ



Fly to dream

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 02:47:30 »
ต้นทุน​กับ​ชิ้นส่วน​ถ้าลดราคา​มากไป​ชิ้นส่วน​อาจไม่ดีตามราคา
ถ้าแพงไปก็ไปลดต้นทุน​อื่น​ เช่นออฟชั่น​โดนหั่นแต่ราคา​ยังสูง
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



ฟง อวิ๋น

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 05:12:13 »
ขอเรียกว่ามีโอกาสเจอปัญหามากกว่า ได้ไหมครับ

และเสียที ก็ซ่อมแพงกว่าด้วย

แต่ถ้าไม่เสียนี่ โดยรวมจะสะดวก สบาย ปลอดภัยมากครับ

ระบบไฟฟ้าต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ก็ใช่ย่อยครับ
ช่วยเรื่องประสิทธิภาพได้มาก แต่เสียมาทีนี่น้ำตาตกใน
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



seeker

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 07:04:24 »
ก็คิดว่าจริงครับ เมื่อก่อนที่บ้านผมจะเชียร์ให้มีของเล่นเยอะๆ ระบบเยอะๆ หลังๆเห็นรถไฮบริดมีปัญหาบ่อยขึ้นมาก คันล่าสุดนี่ผมเอาเท้านอนยันว่ายังไงก็ไม่เอารถไฟฟ้า ไม่อยากปวดหัว พังไม่ว่า ที่ศูนย์บริการจะรับผิดชอบที่เราเสียเวลา ความรู้สึก ความคุ้มค่า นั้นอีกเรื่องเลยครับ

แยกกันก่อนไหมครับ รถไฟฟ้า กับรถไฮบริท
รถไฮบริทคือรถที่มีระบบสันดาบและถ่านลูกเล็กอยู่ในคันเดียวกัน
แต่รถไฟฟ้า ผมว่าค่าบำรุงต่ำกว่าเยอะ บำรุงด้านไฟฟ้าอย่างเดียว

ดูสารคดีที่เอา tesla มาทำแท็กซี่ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าเยอะมาก (ที่ตปท)
ทีีไทยก็คงต้องใช้เวลาให้ช่างรู้ระบบไฟฟ้าอย่างถ่องแท้ก่อน



Turin

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 07:35:14 »
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ



20TRF

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:19:49 »
จริงครับ
ออกจากศูนย์มาเอาไปติดฟิล์มที่ร้าน กลับมาฝาท้ายไฟฟ้าใช้งานไม่ได้
เซ็งเป็ด ออกมาวันเดียวต้องกลับเข้าศูนย์



AMG GT

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:22:28 »
อาจจะไม่ใช่ รถเบ็นซ์ที่ปัญหาเยอะ เพราะคนใช้เยอะ โอกาสที่จะเจอก็เยอะ + social media
น่าสนใจว่าถ้า BMW กับ Lexus ขายได้เท่าเบ็นซ์ จะมี % จำนวนคันที่เสียขึ้นยานแม่/จำนวนคันที่ขายได้ เท่าเบ็นซ์หรือเปล่า

แต่หลังๆ มา Camry Accord อัดออฟชั้นระบบ electronic เยอะมาก ระบบ sensing ต่างๆ
แต่ไม่ยักมีข่าวขึ้นยานแม่บ่อยเท่าเบ็นซ์ คงต้องดูระยะยาวต่อไป
อาจเป็นเพราะ Accord กับ Camry เองก็ยังขายได้จำนวนน้อยกว่าเบ็นซ์
เบนซ์มันบ่อยจริงๆครับ บ่อยพอๆกับฟอร์ดแหละครับ ส่วน lexus มีการวิจัยออกมาแล้วครับว่าเป็นรถที่ทนทานมากครับ ไม่ค่อยเสียด้วย.......แต่เวลาเสียก็หลายตังค์อยู่ครับ



paulmoderndog

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:39:45 »
อนาคต เครื่องก็จะมาเป็นไฟฟ้าด้วยซ้ำไป

ตอนนี้เริ่มจะพยายามทำใจว่ารถก็คล้ายกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้แล้วเสื่อม อนาคต รถทุกคันในไทยอาจจะห้ามขับเมื่ออายุเกิน10ปี

https://electrek.co/2019/01/31/mercedes-be-all-electric-concept-mpv-family-van-in-geneva-slated-for-2022-debut/



flybigbear

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 08:44:16 »
ก็ปกติของรุ่นใหม่ๆๆครับ ยิ่งใหม่ ยิ่งใส่เทคโนโลยี เข้าไป

ต้องปรับตัวและพฤติกรรมการขับด้วย


ช่วงเปลี่ยนจากระบบเครื่องยนต์ล้วนไปไฟฟ้าล้วนหรือแบบอื่น (ไม่รู้กินเวลากี่สิบปี)




the kit

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:12:17 »
จริง 1,000,000%

อะไรที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ปัญหาย่อมมากขึ้นตาม

แต่ถ้ามันโล้นๆ ไม่มีอะไรเลย คุณจะซื้อไหม
บางคนอาจจะสวนขึ้นมาทันทีว่าซื้อ อันนั้นมันอาจจะเป็นตัวคุณคนเดียว
ครอบครัว คุณเอาด้วยไหม???

จากขับ Raptor 1.7ล
กลับไปขับ มังกรทองรุ่นแรก 2.68แสน ไม่รวมแอร์ ไม่มีแม้กระจกไฟฟ้า และอำนวยความสะดวกอื่นๆจะเอาไหม??

"...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
เติมความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดี ที่สุด..."
Cr - Live and Learn กมลา สุโกศล
"Only live once, but if you do it right, Once is enough"



mamaman

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:18:58 »

ไม่จริงครับ
ผมว่ารถค่ายดีๆ ทำดีๆก็มี



DiKiBoyZ

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:26:43 »
ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน

จำเป็นด้วยเหรอครับที่ "รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ" ผมว่าไม่ใช่มั้ง

มันอยู่ที่
- ยี่ห้อ เพราะบางยี่ห้อใช้ supplier เดิมๆ พอมีปัญหาหรือความทนทายของชิ้นส่วน ก็บานเหมือนดอกเห็ด ลามไปรุ่นอื่นๆ ด้วย
- รุ่นนั้น เพราะ ยี่ห้อเดี่ยวกัน ออฟชั่นพอๆ กัน แต่คนละรุ่น ปัญหาก็ต่างกันละ
- คันนั้น เพราะ รุ่นเดียวกัน บางคันมีปัญหาแบบนึง อีกคันมีปัญหาแบบนึง บางทีมาจากการใช้งานด้วย

สำหรับผม ระบบที่บอกว่าไฮเทค หรือ ไฟฟ้าเยอะๆ ในบางยี่ห้อ ปัญหาแทบไม่มีเลย



apinui

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:50:54 »
ผมว่ามันต้องใช่แน่ๆในความคิดผม ไฮเทคเยอะ ปัญหาเยอะ ค่าซ่อมบาน

จำเป็นด้วยเหรอครับที่ "รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ" ผมว่าไม่ใช่มั้ง

มันอยู่ที่
- ยี่ห้อ เพราะบางยี่ห้อใช้ supplier เดิมๆ พอมีปัญหาหรือความทนทายของชิ้นส่วน ก็บานเหมือนดอกเห็ด ลามไปรุ่นอื่นๆ ด้วย
- รุ่นนั้น เพราะ ยี่ห้อเดี่ยวกัน ออฟชั่นพอๆ กัน แต่คนละรุ่น ปัญหาก็ต่างกันละ
- คันนั้น เพราะ รุ่นเดียวกัน บางคันมีปัญหาแบบนึง อีกคันมีปัญหาแบบนึง บางทีมาจากการใช้งานด้วย

สำหรับผม ระบบที่บอกว่าไฮเทค หรือ ไฟฟ้าเยอะๆ ในบางยี่ห้อ ปัญหาแทบไม่มีเลย

เห็นด้วยครับ ผมว่าอยู่ที่ยี่ห้อรถ และคุณภาพอุปกรณืที่ใส่มาให้มากกว่า

ประสบการตรงของผมคือ  D-Max คันเก่าผม ปี 2004 (ปัจจุบันขายไปนานแล้ว) มีปัญหากระจกไฟฟ้าคนขับติดขัดตั้งแต่ 2 ปีแรก เนื่องจากมอเตอร์เสีย ใช้ๆซ่อมๆมาจน 8 ปีจนกระทั่งขายรถ (ทั้งๆที่ระบบไฟฟ้าของรุ่นนี่มีแค่กระจกไฟฟ้าและ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์ยังเป็น DI ไม่ใช่คอมม่อนเรล)

แต่มาสด้า 3 ปัจจุบันปี 2010 ตอนซื้อมีแต่คนทัก ระวังซันรูฟเสียบ้าง น้ำรั่วบ้าง(ไม่รู้ไปฟังมาจากไหน) ตอนนี้ระบบไฟฟ้าของรถใช้ได้ทุกอย่าง 100% ไม่เคยเสียไม่เคยติดขัดอะไรเลย ระบบกุญแจ Keyless Entry  ที่ตอนนั้นเป็นเจ้าแรกๆเลยมั้งที่เข้ารถและสต๊าทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจไข ก็มีแต่คนทักว่า ถ้าเสียมาจะทำไง .. ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ตลอด 8 ปีเต็ม

บอกทีระบบไฟฟ้าเสียไม่เสีย มันอยู่ที่คุณภาพของอุปกรณ์ที่เค้าใส่มาให้มากกว่าครับ รถเพื่อนผม โตโยต้าคราว รถ20 กว่าปี ฝาท้ายไฟฟ้ายังใช้งานได้ดีอยู่เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:54:11 โดย apinui »



ไทบ้าน

Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 09:56:04 »
จริงแท้แน่นอนครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการออกแบบและผลิตของแต่ละแบรนด์ด้วยซึ่มผมก็เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ผลิตมาจากแต่ละยี่ห้อมีความทนทานต่างกัน  การแข่งขันด้านอ็อปชั่นทำให้รถยนต์ทุกวันนี้มักจะยัดเยียดเทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นมาให้จนคนขับแทบจะเป็นง่อยแล้ว

ส่วนการจะซื้อที่นั่งมาดูทีวีถ้าผมมีตังค์ก็คงไม่ปูเสื่อนั่งเหมือนสมัยที่ยังยากจนหรอกครับ แต่ผมจะเลือกที่นั่งที่มั่นคงแข็งแรงใช้ได้คุ้มค่านานปี  ถ้าโซฟาอันไหนราคาแพงเกินไปด้วยใส่เทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นและการใช้งานสั้นผมก็คงไม่ซื้อครับ มีเงินแล้วคงไม่โง่ไปปูเสื่อนั่งแน่นอนครับ