ผู้เขียน หัวข้อ: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม  (อ่าน 22630 ครั้ง)

ออฟไลน์ S6

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,134
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 10:03:04 »
ในมุมผู้ผลิตและวิศวกร มองว่า การซ่อมบำรุงรักษาง่ายขึ้น ชิ้นไหนเสียถอดอุปกรณ์บอร์ดชุดนั้นออกมา เปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่เข้าไป ใช้งานได้ตามเดิม ไม่ได้ทำให้ปัญหาเยอะขึ้น แต่ง่ายขึ้นในการใช้งาน
แต่ปัญหาของผู้บริโภคอย่างประเทศเรา คือราคาบอร์ดของที่ผู้บริโภคประเทศนั้นรับได้ แต่ที่ประเทศเราราคาสูงมากเกินชิ้นงาน

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,392
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 11:30:57 »
เยอะเป็นธรรมดา จริง
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ +@ Krishna @+

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,290
  • *_* รถที่ดี คือ รถที่ใช้แล้วมีความสุข ^_^
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 11:36:11 »
จริงส่วนนึง และคิดว่า ช่างหลายท่าน ก็พัฒนาฝีมือไปไม่ถึงครับ  8)

ออฟไลน์ CaN_Paktarathon

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 19
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 13:30:52 »
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ

     เพิ่งได้มาอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือนครับ ได้มาเป็นตัว 2005 AT 4 speed , Sport Package ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจคใหญ่ครับ วางเครื่อง Hi-Power MT 6 speed ลงช็อคอัพ ล้อ และอีกมากมาย... เท่าที่ได้รถมาและศึกษาจากในเน็ต สิ่งที่ต้องระวังกลับไม่ใช่ Apex Seal แต่เป็นการดูแลของตัวเราเองครับ

สิ่งที่ต้องระวัง
1. น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกๆ 3,000-5,000 โล ย้ำเลยครับ และเกรดสูงสุดใช้ได้แค่กึ่งสังเคราะห์ เบอร์ 30-40 เท่านั้น เพราะเครื่องจะฉีดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่น Apex Seal ด้วยครับ แนะนำให้ผสม 2T กับน้ำมันเชื้อเพลิงครับ ช่วยถนอม Apex Seal ได้มาก (ส่วนตัวผสมตั้งแต่ได้รถมาเลย)
2. คอลย์จุดระเบิด เสื่อมทุกคัน เพราะ Rotary จุดระเบิดถี่และห้องเครื่องร้อนมากครับ อาการคอล์ยเสื่อมคือรอบไม่นิ่ง เครื่องไม่มีแรง ส่วนผมเปลี่ยนยกเซ็ต คอล์ย+สายหัวเทียน+หัวเทียน ขับสนุกขึ้นเยอะ
3. ระบบระบายความร้อน ต้องดูแลเป็นพิเศษครับ ผมได้รถมาก็ล้างระบบหล่อเย็นก่อนเลย ถ้าขับเรื่อยๆของเดิมเอาอยู่ครับ แต่ถ้าขับไม่ปรกติ แนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำอลูมิเนียม+วาล์วน้ำ 76 องศาครับ
4. แร็คพวงมาลัย ก่อนซื้อต้องดูจุดนี้ให้ดีๆเลยครับ ถ้าแร็คปรกติเวลาสตาร์ทรถใหม่ๆพวงมาลัยต้องหมุนคล่องมือ ถ้าแร็คพังพวงมาลัยจะหนักมากๆแต่พอขับไปสักพักจะปรกติ ผมก็โดนจุดนี้ แต่รอเปลี่ยนพร้อมเครื่องทีเดียวเลย
5. ควรวอร์มเครื่องสักพักก่อนขับครับ
6. เครื่องยนต์รุ่นนี้มีทั้ง Low Power (192 HP) เรียกกันเครื่อง 4 พอร์ต และ Hi Power (231 HP) เรียกกันเครื่อง 6 พอร์ตครับ ง่ายๆให้สังเกตที่ท่อร่วมไอดีพลาสติกสีดำครับ ถ้าตัว Low จะดูโล้นๆ แต่ Hi ท่อไอดีจะมีแง่งยื่นมาอีกจากท่อร่วมไอดีหลักเข้าเสื้อสูบ ห้องเครื่องมันจะดูแน่นกว่าตัว Low ครับ อีกจุดตัว Low เพลากลางจะเป็นเหล็ก ตัว Hi จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ครับ อ้อ...แล้วให้เช็คยางแท่นเครื่องด้วยครับ (รุ่นนี้ไม่มียางแท่นเกียร์) ถ้าเสียก็คู่ละหมื่นครับ เกียร์ AT กับ MT ขนาดไม่เหมือนกัน MT จะใหญ่กว่าครับ


     ปัญหาหลักๆมีแค่นี้ครับ ถามว่าขับสนุกไหม? ถ้าเทียบกับรถทรงสปอร์ตก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นเจ้าของมา (Evo 9 , Z4 E89 M Package , C180 Coupe W204) RX8 ช่วงล่างดีกว่า C Coupe นิดๆ ขับสบายและนิ่งในความเร็วสูงๆ เจอทางโค้งแบบขึ้นลงเขานี่โคตรสนุก... พวงมาลัยไม่ไวมากแต่แม่นยำ ภายในวัสดุดีและนั่งสบาย เหมาะกับเดินทางไกลเรื่อยๆมากกว่าบทบู๊
     ส่วนเครื่องยนต์รอบต่ำไม่มีแรงครับ พอเลย 4-5 พันรอบนี่เฮฮามาก (แต่ Rotary รอบสูงๆเครื่องนิ่งมากๆ) เลยทำให้คนที่ RX8 ใช้ส่วนใหญ่ต้องลากรอบเพื่อเค้นแรง (ส่วนตัวชอบเครื่องรอบจัดๆอยู่แล้ว) ผลคือทำให้กินน้ำมันมากกว่าเพื่อน แต่พอหลายๆองค์ประกอบมารวมกัน มันทำให้ RX8 เป็นรถที่ขับสนุกมากๆคันนึงเลยครับ (ในกรณีรถเดิม และสภาพสมบูรณ์นะครับ)

ถ้าเรียงลำดับความขับสนุกของรถที่เคยเป็นเจ้าของ (รถแนวสปอร์ตนะครับ รถทั่วไปไม่นับ)
1. C180 Coupe W204 เพอร์เฟ็คเกือบทุกด้าน เสียดายที่เครื่องขี้เกียจไปนิด ต้องกดโหมด Sport นิสัยเครื่องถึงกระฉับกระเฉงเท่า Z4 E89 ในโหมด Comfort ช่วงล่างเลิศไม่มีอะไรให้ติ ใช้ในเมืองกำลังสบาย และนิ่งในความเร็วสูง วัสดุภายในเฉยๆ เพราะใช้พลาสติกแข็งเยอะมาก นั่งสบายแต่ไม่ที่สุด (คันนี้ยังเก็บไว้)
2. RX-8 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ รถปีเก่าแต่บริษัทตั้งใจทำ มันเลยทำให้รถคันนี้มีเสน่ห์ของมันอย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่ไม่แรง ไม่สวยเท่าตัวเลือกที่มี แต่มันมีของดีในตัว อันนี้ใครไม่เคยลองจะไม่รู้จริงๆ
3. Z4 E89 23i M Package ผมเพิ่งขายคันนี้ไป แอบเสียดายเหมือนกัน... เพราะมันเป็นรถ สเปค Euro M Package แท้ๆนำเข้าทั้งคันเลย มันเป็นรถที่สวยมากๆคันนึง แต่มันไม่เหมาะกับถนนใน กทม.อย่างสิ้นเชิง พวงมาลัยไว ช่วงล่างแข็งเก็บรายละเอียดทุกพื้นผิว ความเร็วสูงนิ่งและรู้สึกผ่อนคลายกว่านิดนึง เกาะถนนดีแต่ความแม่นยำสู้ 2 คันข้างบนไม่ได้ ภายในแคบ+มุมมองแคบ (ผมสูง 183 ซม. ปรับเบาะทีหลังติดแผงหลัง แล้วจะได้ยินเสียงหนังสีกับพลาสติกตลอดการเดินทาง) วัสดุภายในดีมาก คันนี้ขับแล้วรู้สึกล้ามากกว่าสนุก เพราะต้องคอยหลบหลุมและรองรับการสะเทือนไปตลอดการเดินทาง
4. Evo 9 บ๊วยสุด เอาตรงๆคันนี้ไม่ได้ให้ความประทับใจอะไรผมมากมาย เหมือนรถเก๋งวางเครื่องแรงๆ ช่วงล่างแข็งแต่ยังสบายกว่า Z4 E89 วิ่งความเร็วสูงไม่นิ่ง เหมาะกับบทบู๊ในโค้งหนักๆตามคอนเซ็ปเค้า อีกอย่างวงเลี้ยวโคตะระกว้าง วัสดุภายในธรรมดามาก มีดีแค่เบาะ Recaro (คันนี้ขายทิ้งไปแล้วครับ)

ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 13:34:42 โดย CaN_Paktarathon »

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 16:33:22 »
จริงสิครับ

ออฟไลน์ AgentMolder

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,420
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 20:57:33 »
แน่นอนครับ แต่ผมใช้คำว่า มีโอกาสเกิดปัญหา ได้เยอะ

ไม่ต้องรถยนต์หรอกครับ TV โทรศัพท์ ระบบต่างๆในชีวิตปรนะจำวัน อะไรที่ยิ่งไฮเทค ซับซ้อน มันยิ่งพังง่ายจัง ก็งงเหมือนกัน

พวกระบบไฟฟ้า มันไม่ถูกกับความร้อน ฝุ่น การสั่นสะเทือนเท่าไหร่ แต่สภาพอากาศเมืองไทย ถนน ฝุ่นต่างๆ มันส่งเสริมให้ระบบไฟฟ้ามันพังง่ายขึ้นครับ (รวมถึงเย็นเกินไปด้วยนะ ประเทศหิมะหนาๆก็มีผล เวลาเขาเทสรถ ก็เทสในพื้นที่หิมะ)

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,057
Re: รถระบบไฮเทคไฟฟ้าเยอะ = ปัญหาเยอะ พี่ๆว่าจริงไหม
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2019, 21:34:11 »
     ส่วนตัวขอยืนยันว่าจริงครับ เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของ BMW Z4 E89 มา 3 ปี (ปัจจุบันขายทิ้งไปเล่น RX-8)
ระบบไฟฟ้าถ้าแบตอ่อนเมื่อไร ระบบรวนเมื่อนั้นครับ ที่เจอหลักๆ แต่ไม่บ่อยมีประมาณนี้ครับ

1.เวลาเปิดประตูกระจกไม่ลดเอง ผลคือเปิดประตูไม่ได้ ต้องฝืนเปิดประตูแล้วสตาร์ทรถเพื่อให้ระบบไฟทำงาน
  (กลัวงัดกระจกแตกมาก)
2.ระบบไฟฟ้าดูดไฟจากแบตตลอดเวลา เช้ามาแบตเดี้ยงครับ อันนี้นรกจริงๆ รีโมตเปิดได้แค่ครั้งเดียว สตาร์ทไม่ได้
ต้องหาสายชาร์จแบบ Slow Charge รอไป 8 ชม. กว่าไฟแบตจะเต็ม เอาเข้าศูนย์ไม่เจออาการ เป็นได้สัปดาห์กว่า
ทนไม่ไหว ทำ Hard Reset แบตเองเลย (ถอดขั้วแบตโดยตรง) ผลคืออาการหายสนิท...
3.Module คุมระบบไฟส่องสว่างรวน เปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยวไม่ได้ ศูนย์บอกกล่องพังเสนอราคามาลมแทบจับ
เลยต้องไปปรึกษาอู่ สรุป Code กล่องใหม่ เสียไป 6,000.- แบบงงๆ

**ปัจจุบันขายไปแล้วแต่ยังแอบคิดถึงอยู่... เป็นรถที่สวย... แต่พอได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพัก รู้สึกว่ามันเป็นรถที่ไม่น่าคบด้วย...
ขอนอกเรื่องไปหา RX8 หน่อยครับ ว่าใช้ชีวิตด้วยกันแล้วเป็นไงบ้างครับ .. เท่าที่เคยถามอู่มาเหมือนมีจุดที่ต้องระวังจุดเดียวคือ apex seal ตอนแถวๆ 100,000 นอกนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ... หุ่นมันสวยบาดตาจริงๆ

     เพิ่งได้มาอยู่ด้วยประมาณ 3 เดือนครับ ได้มาเป็นตัว 2005 AT 4 speed , Sport Package ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจคใหญ่ครับ วางเครื่อง Hi-Power MT 6 speed ลงช็อคอัพ ล้อ และอีกมากมาย... เท่าที่ได้รถมาและศึกษาจากในเน็ต สิ่งที่ต้องระวังกลับไม่ใช่ Apex Seal แต่เป็นการดูแลของตัวเราเองครับ

สิ่งที่ต้องระวัง
1. น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกๆ 3,000-5,000 โล ย้ำเลยครับ และเกรดสูงสุดใช้ได้แค่กึ่งสังเคราะห์ เบอร์ 30-40 เท่านั้น เพราะเครื่องจะฉีดน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่น Apex Seal ด้วยครับ แนะนำให้ผสม 2T กับน้ำมันเชื้อเพลิงครับ ช่วยถนอม Apex Seal ได้มาก (ส่วนตัวผสมตั้งแต่ได้รถมาเลย)
2. คอลย์จุดระเบิด เสื่อมทุกคัน เพราะ Rotary จุดระเบิดถี่และห้องเครื่องร้อนมากครับ อาการคอล์ยเสื่อมคือรอบไม่นิ่ง เครื่องไม่มีแรง ส่วนผมเปลี่ยนยกเซ็ต คอล์ย+สายหัวเทียน+หัวเทียน ขับสนุกขึ้นเยอะ
3. ระบบระบายความร้อน ต้องดูแลเป็นพิเศษครับ ผมได้รถมาก็ล้างระบบหล่อเย็นก่อนเลย ถ้าขับเรื่อยๆของเดิมเอาอยู่ครับ แต่ถ้าขับไม่ปรกติ แนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำอลูมิเนียม+วาล์วน้ำ 76 องศาครับ
4. แร็คพวงมาลัย ก่อนซื้อต้องดูจุดนี้ให้ดีๆเลยครับ ถ้าแร็คปรกติเวลาสตาร์ทรถใหม่ๆพวงมาลัยต้องหมุนคล่องมือ ถ้าแร็คพังพวงมาลัยจะหนักมากๆแต่พอขับไปสักพักจะปรกติ ผมก็โดนจุดนี้ แต่รอเปลี่ยนพร้อมเครื่องทีเดียวเลย
5. ควรวอร์มเครื่องสักพักก่อนขับครับ
6. เครื่องยนต์รุ่นนี้มีทั้ง Low Power (192 HP) เรียกกันเครื่อง 4 พอร์ต และ Hi Power (231 HP) เรียกกันเครื่อง 6 พอร์ตครับ ง่ายๆให้สังเกตที่ท่อร่วมไอดีพลาสติกสีดำครับ ถ้าตัว Low จะดูโล้นๆ แต่ Hi ท่อไอดีจะมีแง่งยื่นมาอีกจากท่อร่วมไอดีหลักเข้าเสื้อสูบ ห้องเครื่องมันจะดูแน่นกว่าตัว Low ครับ อีกจุดตัว Low เพลากลางจะเป็นเหล็ก ตัว Hi จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ครับ อ้อ...แล้วให้เช็คยางแท่นเครื่องด้วยครับ (รุ่นนี้ไม่มียางแท่นเกียร์) ถ้าเสียก็คู่ละหมื่นครับ เกียร์ AT กับ MT ขนาดไม่เหมือนกัน MT จะใหญ่กว่าครับ


     ปัญหาหลักๆมีแค่นี้ครับ ถามว่าขับสนุกไหม? ถ้าเทียบกับรถทรงสปอร์ตก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นเจ้าของมา (Evo 9 , Z4 E89 M Package , C180 Coupe W204) RX8 ช่วงล่างดีกว่า C Coupe นิดๆ ขับสบายและนิ่งในความเร็วสูงๆ เจอทางโค้งแบบขึ้นลงเขานี่โคตรสนุก... พวงมาลัยไม่ไวมากแต่แม่นยำ ภายในวัสดุดีและนั่งสบาย เหมาะกับเดินทางไกลเรื่อยๆมากกว่าบทบู๊
     ส่วนเครื่องยนต์รอบต่ำไม่มีแรงครับ พอเลย 4-5 พันรอบนี่เฮฮามาก (แต่ Rotary รอบสูงๆเครื่องนิ่งมากๆ) เลยทำให้คนที่ RX8 ใช้ส่วนใหญ่ต้องลากรอบเพื่อเค้นแรง (ส่วนตัวชอบเครื่องรอบจัดๆอยู่แล้ว) ผลคือทำให้กินน้ำมันมากกว่าเพื่อน แต่พอหลายๆองค์ประกอบมารวมกัน มันทำให้ RX8 เป็นรถที่ขับสนุกมากๆคันนึงเลยครับ (ในกรณีรถเดิม และสภาพสมบูรณ์นะครับ)

ถ้าเรียงลำดับความขับสนุกของรถที่เคยเป็นเจ้าของ (รถแนวสปอร์ตนะครับ รถทั่วไปไม่นับ)
1. C180 Coupe W204 เพอร์เฟ็คเกือบทุกด้าน เสียดายที่เครื่องขี้เกียจไปนิด ต้องกดโหมด Sport นิสัยเครื่องถึงกระฉับกระเฉงเท่า Z4 E89 ในโหมด Comfort ช่วงล่างเลิศไม่มีอะไรให้ติ ใช้ในเมืองกำลังสบาย และนิ่งในความเร็วสูง วัสดุภายในเฉยๆ เพราะใช้พลาสติกแข็งเยอะมาก นั่งสบายแต่ไม่ที่สุด (คันนี้ยังเก็บไว้)
2. RX-8 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ รถปีเก่าแต่บริษัทตั้งใจทำ มันเลยทำให้รถคันนี้มีเสน่ห์ของมันอย่างเต็มเปี่ยม เป็นรถที่ไม่แรง ไม่สวยเท่าตัวเลือกที่มี แต่มันมีของดีในตัว อันนี้ใครไม่เคยลองจะไม่รู้จริงๆ
3. Z4 E89 23i M Package ผมเพิ่งขายคันนี้ไป แอบเสียดายเหมือนกัน... เพราะมันเป็นรถ สเปค Euro M Package แท้ๆนำเข้าทั้งคันเลย มันเป็นรถที่สวยมากๆคันนึง แต่มันไม่เหมาะกับถนนใน กทม.อย่างสิ้นเชิง พวงมาลัยไว ช่วงล่างแข็งเก็บรายละเอียดทุกพื้นผิว ความเร็วสูงนิ่งและรู้สึกผ่อนคลายกว่านิดนึง เกาะถนนดีแต่ความแม่นยำสู้ 2 คันข้างบนไม่ได้ ภายในแคบ+มุมมองแคบ (ผมสูง 183 ซม. ปรับเบาะทีหลังติดแผงหลัง แล้วจะได้ยินเสียงหนังสีกับพลาสติกตลอดการเดินทาง) วัสดุภายในดีมาก คันนี้ขับแล้วรู้สึกล้ามากกว่าสนุก เพราะต้องคอยหลบหลุมและรองรับการสะเทือนไปตลอดการเดินทาง
4. Evo 9 บ๊วยสุด เอาตรงๆคันนี้ไม่ได้ให้ความประทับใจอะไรผมมากมาย เหมือนรถเก๋งวางเครื่องแรงๆ ช่วงล่างแข็งแต่ยังสบายกว่า Z4 E89 วิ่งความเร็วสูงไม่นิ่ง เหมาะกับบทบู๊ในโค้งหนักๆตามคอนเซ็ปเค้า อีกอย่างวงเลี้ยวโคตะระกว้าง วัสดุภายในธรรมดามาก มีดีแค่เบาะ Recaro (คันนี้ขายทิ้งไปแล้วครับ)

ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
ขอบคุณครับ ... ผมมอง RX7 RX8 มานานแล้ว แต่คิดว่าคงยอมแพ้กับ 7 ซึ่งขึ้นหิ้งไปแล้ว แต่หาสวย+เดิมยากเหลือเกิน และอาจดู 8 แทน เพราะรถสวย+เดิมได้ง่ายกว่าเยอะเลย .. อีกหน่อยอาจมีอนาคตในฐานะ rotary รุ่นสุดท้าย

ปล. อู่ที่ผม service MX5 อยู่บอกว่า apex seal ของ RX8 พออายุเกิน 100,000 บทมันจะหัก ก็หักดื้อๆเลยโดยไม่มีสัญญานเตือน เป็นจุดที่ต้องระวังครับ (เจ้าของอู่เคยใช้ RX8 และเซอร์วิส RX8 อยู่หลายคัน) แต่ผมยังไม่เคยศึกษาครับ