Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: punn ที่ สิงหาคม 23, 2020, 19:27:19
-
การขับให้ประหยัดได้ก็เนื่องมาจากคันเร่งที่ไม่ฉลาดนักทำให้เดาผลลัพธ์ได้
คันเร่งเซ็ตมาแบบ
กดคันเร่ง เบา ----> หนัก
ก็จะเรียก มอเตอร์ก่อน ---> เครื่องยนต์ทีหลัง
เน้นเหยียบกลางๆ
ออกตัว เหยียบ เบาๆไล่มาทีละนิด ใช้แต่มอเตอร์เรื่อยๆ
เวลาแซง เหยียบ กลางๆค่อนไปทางหนัก มอเตอร์+เครื่อง
เหยียบมิดเท้าก็เรียกแต่เครื่องยนต์อย่างเดียว
ซึ่งพอเครื่องทำงานอย่างเดียวแล้วดึงไม่เท่าเหยียบกลางๆหนัก
เพราะใช้ทั้งมอเตอร์ + เครื่องยนต์ ดึงดีกว่ารู้สึกได้ครับ
ปล1.ผมขับเทียบกับ cross แล้วผมชอบ chr มากกว่า(ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อเลย)
ปล2.เคล็ดลับการประหยัดคือ ครั้งไหนไม่ประหยัดก็ไม่ได้ถ่ายรูป ;D
**สภาพภูมิประเทศที่ผมขับคือมีเนินเขาคั่นกลางบนเกาะ ไม่ใช่พื้นราบด้วยครับ
-
ที่บอกว่ามีเนินเขาคั่นกลางบนเกาะ ของทายว่าไม่เกาะสมุย ก็ภูเก็ตใช่ไหมครับ
-
ประหยัดมากครับ ผมไม่เคยแตะ 25 km/l เลยตั้งแต่ขับรถมา :'(
-
ส่วนตัวผม แนะนำให้ใช้ Cruise Control เป็นหลักครับ ในระยะทางไกล
ทางขึ้นเนิน ให้อยู่เลนที่ไม่ได้เป็นภาระกับรถคันหน้าหรือหลัง กด Cancle Cruise แล้วค่อยๆ เหยียบคันเร่งเองแบบรอบต่ำๆ เพราะถ้าใช้ Cruise Control มันจะเร่งรอบที่สูงเกินโดยไม่จำเป็น
จังหวะลงเนิน ให้อยู่เลนที่ไม่ได้เป็นภาระกับรถคันหน้าหรือหลัง ปล่อยไหลครับ พอลงถึงพื้นถนนธรรมดา รถจะมีแรงเฉื่อยไปต่อได้นิด จังหวะความเร็วลดลง ให้เราล็อค Cruise Control ความเร็วที่ต้องการ
ไม่ต้องไปเกร็งเท้าเพื่อคาดหวังว่าเท้าเราจะประหยัดกว่า Cruise อันนั้นมันประหยัดต่างกันนิดเดียว เอาสบายเราดีกว่า
-
หลักๆ ก็พยายามวิ่งแบบให้มีจังหวะปล่อยไหลบ่อยๆครับ
เพราะช่วงปล่อยไหล เครื่องดับแน่ๆ และระบบจะชาร์จไฟ
กลับทันที และเมื่อเดินคันเร่งอีกครั้งมันจะเอาไฟนั้นมาช่วย
ผ่อนแรงน้ำมันด้วยครับ บางทีการขับแบบปล่อยไหลเป็นช่วงๆ
น่าจะให้ความประหยัดดีกว่าการเทสแบบ HLM นะครับ
เพราะการล็อคให้รถวิ่งนิ่งๆ ที่ 110 km/h มันเหมือนเป็นการ
เดินคันเร่งตลอดเวลา ทำให้ตัวระบบมีจังหวะการตัดเครื่องยนต์
แล้วชาร์จไฟกลับได้น้อยกว่าครับ
-
ตอนผมใช้ Prius ก็ชอบปล่อยไหลเหมือนกันครับ ติดนิสัยมาจนคันใหม่เลย อยากกลับไปใช้ Hybrid เหมือนกันครับ ประหยัดดี 8)
-
ที่บอกว่ามีเนินเขาคั่นกลางบนเกาะ ของทายว่าไม่เกาะสมุย ก็ภูเก็ตใช่ไหมครับ
ใช่เลยครับ พอดีทำโรงแรมที่เกาะสมุยอยู่ เป็นคนเฝ้าเกาะครับตอนนี้ :'(
ประหยัดมากครับ ผมไม่เคยแตะ 25 km/l เลยตั้งแต่ขับรถมา :'(
เน้นดูแลลมยางครับ 34-33 ผมว่าขับคล่องกระชับดีครับ ::)
-
ส่วนตัวผม แนะนำให้ใช้ Cruise Control เป็นหลักครับ ในระยะทางไกล
ทางขึ้นเนิน ให้อยู่เลนที่ไม่ได้เป็นภาระกับรถคันหน้าหรือหลัง กด Cancle Cruise แล้วค่อยๆ เหยียบคันเร่งเองแบบรอบต่ำๆ เพราะถ้าใช้ Cruise Control มันจะเร่งรอบที่สูงเกินโดยไม่จำเป็น
จังหวะลงเนิน ให้อยู่เลนที่ไม่ได้เป็นภาระกับรถคันหน้าหรือหลัง ปล่อยไหลครับ พอลงถึงพื้นถนนธรรมดา รถจะมีแรงเฉื่อยไปต่อได้นิด จังหวะความเร็วลดลง ให้เราล็อค Cruise Control ความเร็วที่ต้องการ
ไม่ต้องไปเกร็งเท้าเพื่อคาดหวังว่าเท้าเราจะประหยัดกว่า Cruise อันนั้นมันประหยัดต่างกันนิดเดียว เอาสบายเราดีกว่า
cruise ผมขับบนเกาะมันคล้ายๆในเมืองรถเยอะ ไม่มีโอกาสใช้
ส่วนทางไกลทำประมาณที่ว่ามาอยู่เลยครับ บางทีก็ทำให้ชีวิตวุ่นวายสนุกขึ้นอีกนิด ::)
-
หลักๆ ก็พยายามวิ่งแบบให้มีจังหวะปล่อยไหลบ่อยๆครับ
เพราะช่วงปล่อยไหล เครื่องดับแน่ๆ และระบบจะชาร์จไฟ
กลับทันที และเมื่อเดินคันเร่งอีกครั้งมันจะเอาไฟนั้นมาช่วย
ผ่อนแรงน้ำมันด้วยครับ บางทีการขับแบบปล่อยไหลเป็นช่วงๆ
น่าจะให้ความประหยัดดีกว่าการเทสแบบ HLM นะครับ
เพราะการล็อคให้รถวิ่งนิ่งๆ ที่ 110 km/h มันเหมือนเป็นการ
เดินคันเร่งตลอดเวลา ทำให้ตัวระบบมีจังหวะการตัดเครื่องยนต์
แล้วชาร์จไฟกลับได้น้อยกว่าครับ
ใช่ครับ ผมก็รู้สึกว่าเหยียบเองประหยัดกว่าเห็นๆ
เพราะ CHR เหมือนไม่ได้มีที่เซ็ตในการเร่งคืนความเร็วหลายๆระดับแบบบางรุ่น
พอว่างมันก็เร่งอัดกลับไป จะซดช่วงนี้
ส่วนตอนเจอรถคันหน้าก็หน่วง สรุปมันเร่ง-หน่วงแบบดิจิตอลไปหน่อยไม่มีปล่อยไหล
ถ้าเหยียบเองจังหวะเร่งจังหวะถอนทำได้สมูทกว่ากันเยอะครับ ก็จะประหยัดได้สุดกว่า
-
ตอนผมใช้ Prius ก็ชอบปล่อยไหลเหมือนกันครับ ติดนิสัยมาจนคันใหม่เลย อยากกลับไปใช้ Hybrid เหมือนกันครับ ประหยัดดี 8)
พอมาใช้ไฮบริดแล้วมันสนุกตรงเราประหยัดได้ตามเท้ามากกว่ารถน้ำมันเยอะเลยครับ
ถ้าเราคิดเผื่อสถานะการณ์ได้ยิ่งเยอะก็ยิ่งประหยัด คล้ายๆเล่นเกมส์ขับประหยัดไปในตัวครับ ::)
-
เห็นด้วยเลยครับ ผมเปลี่ยนมาใช้ CHR HV ก็กลายเป็นคนขับรถแข่งกับการประหยัดน้ำมัน แต่ไม่เป็นภาระเพื่อนร่วมทางนะครับยังคงขับปกติ
ไม่ได้เต่าคลานเพียงแต่จะไม่กระแทกคันเร่งและชอบปล่อยไหลเวลาเห็นสถานการณ์ด้านหน้าเริ่มชลอตัว เพื่อเก็บแบตไว้ใช้ตอนจอดรถติด
ทุกวันนี้ห้วยขวาง-กัลปพฤกษ์ 33กิโล ใช้เวลา 1 ชั่วโมงโดยประมาณได้ ไม่ต่ำกว่า 21-23 km/l ทุกวัน เทียบกับ Civic FD คันเก่านี้ครึ่งๆเลยครับ
เห็นผลชัดเจนมากเวลารถติดระดับปานกลางถึงมาก
-
Chr hybrid ผมขับของแม่ ถ้าขับช้าในเมือง วิ่งไม่เกิน 100 ประหยัดมากๆลืมเติมน้ำมันกันได้เลย
แต่ถ้า ขับไปชลบุรีซัดเยอะๆ 140-170 เรียกได้ว่าโคดกินแล้วถังเล็กด้วยมั้งครับเข็มน้ำมันนี่ลงอย่างกับรถซิ่ง
เลย เทียบกับ G10 hybrid ถ้าซัดยาวๆยังประหยัดกว่าแต่ก้กินกว่า 1.5t honda อยู่ดีถ้าขับเร็วครับ
แต่ในเมืองนี่ chr hybrid ดีงามมาก
-
ขับรถให้ประหยัดนั้นไม่ง่ายครับ
ทำได้แล้วจะสนุกไม่แพ้ขับซิ่งเลย
ผมมีรถสองคันขับต่างกันเหมือนเป็นคนละคนครับ
คันนึงซิ่งนรกแตก
คันนึงชิดซ้ายไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เร่ง ปล่อยไหล เน้นประหยัด
-
Cruise control + Eco mode
รถจะไม่เร่งเวอร์ครับ ทดลองแล้วประหยัดใช่ได้อยู่ แต่ขับแกติ ต้องเปลี่ยนเป็น Normal Mode ไม่งั้น ชักตายแน่
-
เห็นด้วยเลยครับ ผมเปลี่ยนมาใช้ CHR HV ก็กลายเป็นคนขับรถแข่งกับการประหยัดน้ำมัน แต่ไม่เป็นภาระเพื่อนร่วมทางนะครับยังคงขับปกติ
ไม่ได้เต่าคลานเพียงแต่จะไม่กระแทกคันเร่งและชอบปล่อยไหลเวลาเห็นสถานการณ์ด้านหน้าเริ่มชลอตัว เพื่อเก็บแบตไว้ใช้ตอนจอดรถติด
ทุกวันนี้ห้วยขวาง-กัลปพฤกษ์ 33กิโล ใช้เวลา 1 ชั่วโมงโดยประมาณได้ ไม่ต่ำกว่า 21-23 km/l ทุกวัน เทียบกับ Civic FD คันเก่านี้ครึ่งๆเลยครับ
เห็นผลชัดเจนมากเวลารถติดระดับปานกลางถึงมาก
ผมก็ว่าไม่ได้อืดจนเกินไป มันก็มีเพียงพอใช้งานอยู่ รถติดคือข้อดีของไฮบริดเลย ::)
ชอบตรงเก็บแบตไว้ใช้ออกตัวได้จากความสามารถเท้าเรานี่หละครับ ฮา
-
Chr hybrid ผมขับของแม่ ถ้าขับช้าในเมือง วิ่งไม่เกิน 100 ประหยัดมากๆลืมเติมน้ำมันกันได้เลย
แต่ถ้า ขับไปชลบุรีซัดเยอะๆ 140-170 เรียกได้ว่าโคดกินแล้วถังเล็กด้วยมั้งครับเข็มน้ำมันนี่ลงอย่างกับรถซิ่ง
เลย เทียบกับ G10 hybrid ถ้าซัดยาวๆยังประหยัดกว่าแต่ก้กินกว่า 1.5t honda อยู่ดีถ้าขับเร็วครับ
แต่ในเมืองนี่ chr hybrid ดีงามมาก
เหยียบกลางๆไปหนักครับ อย่าเหยียบสุด เหยียบสุดใช้แต่เครื่องตั้งแต่ต้น
ผมว่ามันมีจังหวะไต่ความเร็วอยู่นะ ตอนผมเหยียบ 160-170 ก็ยังป้วนเปี้ยนแถว 13-15(ก็ยังโอนะ)
เท่าที่สังเกต มอเตอร์จะช่วยเร่งกับเครื่องจนถึงประมาณ 100 นิดๆนี่หละครับแล้วเครื่องรับเพียวๆต่อจากนี้
ถ้าเหยียบกลางๆค่อนมาหนักหน่อย ก็จะช่วยให้ไม่ลงไป 10-11 ครับ ::)
-
ขับรถให้ประหยัดนั้นไม่ง่ายครับ
ทำได้แล้วจะสนุกไม่แพ้ขับซิ่งเลย
ผมมีรถสองคันขับต่างกันเหมือนเป็นคนละคนครับ
คันนึงซิ่งนรกแตก
คันนึงชิดซ้ายไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เร่ง ปล่อยไหล เน้นประหยัด
จริงครับ ขับให้ประหยัดก็มีศาสตร์ของมัน ::)
สมัยน้ำมันแพงลิตรละ 4x ของผมฟอร์จูนเนอร์เบนซินด้วยครับ
สมัยวัยรุ่น 160 ทั้งเส้น(เพราะเครื่องตอนไว้) ไปกลับกรุงเทพ-สุราษฏร์ทีละหมื่น จุกครับ
เป็น PTSD (ช๊อคจากค่าน้ำมัน) ทำให้คันเร่งมันเลยแข็งอัตโนมัติ เหยียบไม่ค่อยลงนับแต่บัดนั้น เลยได้วิชาขับประหยัด ฮา
-
Cruise control + Eco mode
รถจะไม่เร่งเวอร์ครับ ทดลองแล้วประหยัดใช่ได้อยู่ แต่ขับแกติ ต้องเปลี่ยนเป็น Normal Mode ไม่งั้น ชักตายแน่
โอ้ สุดยอดเลย ขอบคุณครับ มีวิธีแบบนี้ด้วย Cruise + Eco ไม่เคยนึกมาก่อนเลยครับ ;D
-
ดีนะครับ แข่งกันประหยัด ::) ::) ::)
-
ดีนะครับ แข่งกันประหยัด ::) ::) ::)
เงินทองสมัยนี้ยิ่งหายากครับ คำพ่อผมเคยบอกไว้
ประหยัดได้ 1 บาท เท่ากับหาเงินได้ 1 บาทครับ ::)
-
ได้ลองขับ CHR HV ทางไกลไปกลับลพบุรี กทม ได้ประมาณ 22-23โลลิตร ใช้ความเร็วเฉลี่ย 120 km/h เท่าที่สังเกตถ้าเรากดไปมันจะสลับเอง จากเครื่อง>>>ปั่นไฟเข้าแบต>>> สักพักแบตก็มาช่วยเครื่องจนแบตลดลงเรื่อยๆ>>พอแบตเหลือน้อยก็จะวนกลับมาเครื่องทำงานเองต่อ
แทบไม่ต้องตั้งใจขับแบบประหยัดเลย ไม่รู้คันอื่นเป็นแบบนี้ไหม
แต่ CHR นั่งแล้วปวดคอมากค่ะ เราสูง 175 เทียบกับ RX300 อันนั้นเบาะนั่งสบายกว่าเยอะ กับที่วางแขนมันเหมือนไม่ค่อยตรงสรีระเท่าไหร่
-
ได้ลองขับ CHR HV ทางไกลไปกลับลพบุรี กทม ได้ประมาณ 22-23โลลิตร ใช้ความเร็วเฉลี่ย 120 km/h เท่าที่สังเกตถ้าเรากดไปมันจะสลับเอง จากเครื่อง>>>ปั่นไฟเข้าแบต>>> สักพักแบตก็มาช่วยเครื่องจนแบตลดลงเรื่อยๆ>>พอแบตเหลือน้อยก็จะวนกลับมาเครื่องทำงานเองต่อ
แทบไม่ต้องตั้งใจขับแบบประหยัดเลย ไม่รู้คันอื่นเป็นแบบนี้ไหม
แต่ CHR นั่งแล้วปวดคอมากค่ะ เราสูง 175 เทียบกับ RX300 อันนั้นเบาะนั่งสบายกว่าเยอะ กับที่วางแขนมันเหมือนไม่ค่อยตรงสรีระเท่าไหร่
สุดยอด ขับ 120km/h ยังได้ 22-23โลลิตร แปลว่าเท้าเบาและนิ่งมากครับ ::)
ส่วนการจัดการเครื่องกับแบต ถ้าเท้านิ่งรถมันก็ฉลาดอยู่ครับ
ที่ผมมองว่ามันฉลาดน้อยคือช่วงรอยต่อความเร็ว ต้องจูนความรู้สึกกันบ้าง ฮา
ทางไกลเท้านิ่งสายตายอดเยี่ยมมองได้ไกลวางแผนได้เร็วคือที่สุดในการขับประหยัดหละไม่ว่ารถอะไร
ซึ่งผมว่าคุณ NoName__??? น่าจะครบเลยนะ :o
ส่วนที่นั่งจริงๆครับ ปรับลำบากอยู่บ้าง แต่ดีที่ปรับได้องศาละเอียด ผมกว่าจะปรับให้เข้าที่ได้ยังตั้งนาน
อย่างพนักพิงหลังจะองศาไหนจะพอดีไปถึงหัวด้วย แล้วจะยกเบาะแค่ไหนกับแขนขวาแล้วแขนซ้ายก็พอดี
มันต้องลองหากันดูครับ
ว่าแต่เทียบกับ Lexus RX300 เลยนี่ใจร้ายมากครับ
เป็นหลุมดำที่ต้องสงวนไว้กว่าจะปล่อยให้รถตลาด ;D
-
ผมขับ dedicated ไฮบริด 1.8 generation ก่อน เฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นหลัก คงจะเทียบไม่ได้ครับ จอขึ้นเกิน 5l/100Km แต่มักจะไม่ถึง 6
แต่ถ้าบางโอกาสขับคันนี้ไกลๆในแบบต่างจังหวัด ใช้เทคนิคเดียวกันก็พอกดให้ต่ำกว่า 5 ได้ แต่ให้ถึงสี่นี่นับครั้งได้เลยครับ
ปล2.เคล็ดลับการประหยัดคือ ครั้งไหนไม่ประหยัดก็ไม่ได้ถ่ายรูป ;D
PICS OR IT DIDN'T HAPPEN LOL
-
ผมขับ dedicated ไฮบริด 1.8 generation ก่อน เฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นหลัก คงจะเทียบไม่ได้ครับ จอขึ้นเกิน 5l/100Km แต่มักจะไม่ถึง 6
แต่ถ้าบางโอกาสขับคันนี้ไกลๆในแบบต่างจังหวัด ใช้เทคนิคเดียวกันก็พอกดให้ต่ำกว่า 5 ได้ แต่ให้ถึงสี่นี่นับครั้งได้เลยครับ
ปล2.เคล็ดลับการประหยัดคือ ครั้งไหนไม่ประหยัดก็ไม่ได้ถ่ายรูป ;D
PICS OR IT DIDN'T HAPPEN LOL
ในเมืองที่ใช้เวลาต่อ 10 km เทียบได้กับวิ่งต่างจังหวัดเป็น 100 km
ได้ต่ำกว่า 6l/100km ก็ชื่นใจกว่ารถปกติแล้วนะผมว่า รถ eco ยังเกิน 10 เลยมั้งครับเจอแบบนี้ ::)
จริงๆเวลาวิ่งถึง 4l/100km ส่วนใหญ่ของผมจะเป็นขบวนเสด็จของชาวท้องถิ่นครับ
แบบมีคนบังลมให้ ขับชิวๆ เป็นขบวน จะแซงก็ไม่ได้เพราะ 2 เลน วิ่งสวนรถเยอะ
โดนบังคับขับตามทำให้ต้องคำนวณกันละเอียดเพราะผมไม่ชอบเหยียบเบรคครับ ฮา