Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 3RP4T ที่ กันยายน 03, 2020, 23:09:49
-
สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน ผมว่าหลายๆคนในนี้คงสงสัยคล้ายๆผมว่า ราคารถเมืองไทยแพงจริงหรือ ? จากทั้งสื่อหลายๆที่ประโคมข่าวกันมา ประเทศนู้นประเทศนี้เปิดตัวรถแค่ห้าแสนบาทแต่พอมาขายเมืองไทยไปเหยียบล้าน วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบกันครับ
วันนี้ผมขอเลือกค่าย H เป็นตัวแทนนะครับ เพราะ ค่าย H มียอดขายอันดับหนึ่งหรือไม่ก็เกือบหนึ่งในหลายๆ SEGMENT แปลว่าราคาที่ตั้งมาโดนใจประชาชนชาวไทยจนทำให้คนไปแห่ซื้อกันจนแชร์เป็นอันดับหนึ่ง โดยผมจะขอเลือกตัวล่างสุดเพราะเป็นราคาที่ค่ายรถมั่นใจในการทำตลาดด้วยราคาต่ำสุดเท่านี้ ให้ได้ยอดขายตามที่ตนเองต้องการ และ จะเลือกเพียงแบรนด์เดียวเพื่อป้องกันไบแอสของต่างแบรนด์ในการวิเคราะห์ครับ
โดยผมขอเลือกรถส่วนใหญ่ที่ประชาชนชาวไทยซื้อๆกันนะครับคือ B-SEGMENT, C-SEGMENT, D-SEGMENT และ C-SUV โดยจะเลือกประเทศแถวบ้านเรา 4 ประเทศ มาประกอบและตัวแทนตามทวีปต่างๆเข้ามาร่วมวิเคราะห์ จะตกไปก็มีแต่ SOUTH AMERICA และ AFRICA ส่วน ANTARCTIC ผมขอละไว้นะครับ ไปดูผลกันเลยครับ
(https://i.imgur.com/KFp1lOk.jpg)
(https://i.imgur.com/FvvIQJr.jpg)
(https://i.imgur.com/RGaXutg.jpg)
มาถึงจุดนี้ หลายๆคนอาจจะถามว่า แล้วมันแปลความได้อย่างไร ผมขอร่ายตามนี้นะครับ
- ราคารถเมืองไทยส่วนใหญ่ พอๆกับญี่ปุ่นและคนอื่นในภูมิภาค SEA ยกเว้น CR-V
- ราคารถในเมืองไทย แพงกว่า จีน อเมริกา ออสเตรเลีย อย่างมีนัยสำคัญ
- ราคารถในเมืองไทย ถูกกว่าเวียตนามอย่างมีนัยสำคัญ
- ราคารถเมืองไทยแพงกว่าค่าเฉลี่ยเสมอ
- รถยิ่งเล็กช่วงความต่างของราคารถยนต์ยิ่งแคบและใกล้เคียงต้นทุนจริงมากขึ้น
- JAZZ เมืองไทยราคาแพงอันดับสองในกลุ่ม แต่ก็ไม่กระโดดจากเพื่อนมากนะ
- CIVIC เมืองไทยราคาเกาะกลุ่มกลางๆไปทางสูง แต่ก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนมากนะ
- CR-V เมืองไทยจัดได้ว่าแพงเลย คนอื่นขายแถวๆล้านเดียว
- ACCORD เมืองไทยราคาเกาะกลุ่มกลางๆไปทางสูง แต่เพื่อนบางคนขายกัน 7-8 แสน
ปล. ข้ออ้างในเรื่องภาษีทำให้ราคาต่างผมมองว่าเป็นปัจจัยรองครับ เพราะเดี๋ยวนี้รถ C-SEGMENT, D-SEGMENT ค่า CO2 ไม่ได้หนีไปจาก B-SEGMENT เท่าไร ถ้าภาษีเป็นปัจจัยจริงช่วงราคาควรเท่าๆกันแคบเหมือนกราฟ B-SEGMENT และ ค่ายน้องใหม่จากจีนไม่สามารถ SET ราคานั้นขายแข่งได้แน่นอน
ผมขอสรุปรวบยอดในมุมมองของผมนะครับ
รถเมืองไทยถือว่าแพงแต่ยังเกาะกลุ่มกับเพื่อนบ้านเราอยู่ ยกเว้นบาง SEGMENT ที่ราคาโดดไปเลยเพราะเครื่องใหญ่รถหนักโดนภาษี CO2 ไปเต็มๆ และค่ายรถเห็นว่าขายได้คนนิยมเลยตั้งราคานี้นี่ล่ะ ถ้าอยากซื้อแบบไม่รู้สึกแพงมากรถ B-SEGMENT, C-SEGMENT ราคายังไม่ต่างกับคนส่วนใหญ่มาก ส่วนรถ C-SUV, D-SEGMENT ผมมองว่าค่ายรถมองปัจจัยราคา LUXURY บวกไปด้วยครับทำให้ราคาแพงแบบมากๆ
สุดท้ายนี้ อยากให้มีค่ายอื่นมาแข่งขันมากขึ้นครับ ราคาตอนนี้ผมว่าค่ายรถ DOMINATE ตลาดสนุกเลย ถ้ามีแบบค่ายน้องใหม่มาทำให้ส่วนแบ่งตลาดหายไปเยอะๆ แบรนด์พวกนี้จะได้รู้สึกตัว และ ปรับราคาลงเหมือนสินค้าประเภทอื่น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ ....
-
https://www.carmax.com/cars
กับ
one2car.com
อันไหนมีรถราคาถูกกว่า?
Carmax - Honda Accord Sport 2017 คัวท้อปเครื่อง V6 ดีกว่าสเปคไทยทุกอย่าง ราคา 628,000 บาท
one2car - Honda Accord 2.4 TECH 2013 ราคา 700,000 บาท
เก่ากว่ากากกว่าแพงกว่า
-
เทียบกับเพื่อนบ้าน = กลางๆ
เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก = แพง
เทียบกับอเมริกา ยุโรป = โคตรแพง
ทั้งนี้ แต่ละ Segment ก็ต่างกันอีก ที่ดูเหมือนจะแพงหูฉีกมากๆ ก็คงจะเป็น บรรดารถนำเข้าที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. เช่น Porsche 911 บ้านเราเริ่มต้น 9.9 ล้าน แต่ที่อเมริกา ถ้าคิดเป็นเงินบาทก็เริ่มต้นแค่ 3.2 ล้าน
ยังไม่พูดถึงค่าแรงบ้านเค้าที่แพงกว่าบ้านเราอีกมากพอสมควร
-
เทียบกับเพื่อนบ้าน = กลางๆ
เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก = แพง
เทียบกับอเมริกา ยุโรป = โคตรแพง
ทั้งนี้ แต่ละ Segment ก็ต่างกันอีก ที่ดูเหมือนจะแพงหูฉีกมากๆ ก็คงจะเป็น บรรดารถนำเข้าที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. เช่น Porsche 911 บ้านเราเริ่มต้น 9.9 ล้าน แต่ที่อเมริกา ถ้าคิดเป็นเงินบาทก็เริ่มต้นแค่ 3.2 ล้าน
ยังไม่พูดถึงค่าแรงบ้านเค้าที่แพงกว่าบ้านเราอีกมากพอสมควร
จริง เอาเงินเดือนมาเกี่ยวค้องด้วยนี้ประเทศไทยยิ่งแพงเข้าไปใหญ่ ทำงานแทบตายตำแหน่งสูงแต่เงินเดือนก็ยังไม่แตะค่าจ้างระดับกลางๆที่ต่างประเทศที่ได้เดือนละ200k-400kง่ายๆ
รถถูกกว่า เงินเดือนยังจะสูงกว่าด้วย ทำงานธรรมดาๆถ้าบ้าพอก็ซื้อรถ sport ได้ถ้าเก็บตังดีดี
แต่ที่ไทยจะเก็บตังดีแค่ไหนก็ไม่มีหวังเก็บเงินถึง 9.9 ล้านบาทเพื่อซื้อรถอย่าง 911
-
ถ้าเอาออพชั่นเข้ามารวมด้วยอาจเห็นความต่างมากกว่านี้มั้ยครับ ;D ;D
-
การเทียบโดยใช้ราคาเพียงอย่างเดียวอาจจะผิดนะครับ การเปรียบเทียบราคารถยนต์โดยอยู่กันคนละประเทศไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
1 คุณต้องตัดภาษีออกให้หมดก่อน เพราะภาษีไม่ได้สะท้อนประสิทธิภาพในการผลิต มันเป็นต้นทุนก็จริง แต่เป็นต้นทุนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดต่อระบบ ศก
2 การจะบอกว่ารถยนต์ที่ไหนแพงหรือถูกกว่า เป็นการมองโดยเปรียบเทียบ ดังนั้นการเอาราคามาเทียบเพียงอย่างเดียว มันจะรวมผลของเงินเฟ้อด้วย
ผมจะยกตัวอย่างสุดโต่งแบบง่ายๆ กระดาษทิชชูที่ ซิมบัฟเว ขายกัน 1 ล้านล้าน ถามว่าแพงกว่าที่ไทยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ เพราะประเทศเขาเงินเฟ้อสูงมาก
ดังนั้นการจะบอกว่ารถที่ไหนแพงกว่าจึงควรคำนึงถึงเงินเฟ้อด้วย โดยเป็นค่าเปรียบเทียบ ค่าแรง อัตราการเติบโตของ ศก และค่าครองชีพ แล้วจึงมาพิจารณาเป็นคู่ๆ ประเทศไป เพราะบริบทของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน
3 หรืออาจจะใช้หลักทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศง่ายๆ ประเมินเอาก็ได้ครับ โดยมองในมุมของประสิทธิภาพในการผลิต ประเทศที่ถนัดผลิตโทรทัศน์ก็จะผลิตโทรทัศน์ได้มาก เรียกว่ามีความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน ดังนั้นเราอาจจะอุปมาได้ว่าประเทศใดมีความสามารถในการแข่งขันในการผลิตรถยนต์ หรือมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงที่สุด หรือต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด รถยนต์จะมีราคาถูกที่สุด
เนื่องจากการแปลงค่าเงินนั้น ราคาค่าเงินไม่ได้อยู่ที่ดุลยภาพเสมอไป อัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะหนึ่งๆ จะมีผลพวงของนโยบายของธนาคากลาง มุมมองในอนาคตต่อ ศก เงินสำรอง และมุมมองในอนาคตของอัตราเงินเฟ้อรวมอยู่ด้วย ดังนั้นถ้าจับมาคำนวณโต้งๆ เลยแล้วเปรียบเทียบราคา ค่ามันจะเพี้ยนครับ การนำมาเปรียบเทียบกับค่าแรง เงินเฟ้อ อัตราการเติบโตของ ศก และค่าครองชีพ จะถูกต้องกว่า
-
Mitsubishi Mirage ตัวแพงสุด ขายคนไทย 600,000 ขายคนอเมริกา 550,000 แน่นอนว่าอ็อปชั่นของที่อเมริกาเยอะกว่า
ที่ตลกสุดคือมันก็ออกมาจากแหลมฉบังเหมือนกัน
ไม่เรียกว่าแพง ผมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วครับ
-
กระทู้แบบนี้เชื่อว่าเดี๋ยวยาวครับ เรื่องแบบนี้สะกิดความรู้สึกคนเล่นรถเสมอ
ราคารถแพง - ค่าแรงถูก สาเหตุมาจากสิ่งเดียว แต่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ค่อยนึกถึง
นั่นคือคุณภาพและความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของคนในประเทศนี้ครับ
มันทำให้การจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาได้น้อย จึงต้องเก็บในรูปของภาษีสรรพสามิต
มากขึ้น ค่าแรงสะท้อนคุณภาพของการทำงานที่แลกกับค่าแรงครับ แม้แต่การมอง
เป็นรายย่อย คนที่ทำงานดีมีคุณภาพ มีความปราณีต ก็ย่อมมีค่าแรงที่สูงกว่า
ยิ่งถ้าใส่ความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย รายได้ยิ่งขึ้นไปอีก
ฝากเป็นอีกหนึ่งมุมมองให้คิดครับ ถ้าพวกเราทุกคนตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ให้ดี
ผลิตผลในประเทศนี้จะดีขึ้น รายได้และค่าแรงของคนในประเทศนี้จะสูงขึ้น คนเข้าสู่
ระบบภาษีบุคคลมากขึ้น ภาษีสรรพสามิตก็ไม่จำเป็น ของก็จะถูกลงครับ
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
-
แพงมากๆครับ
คำว่า ภาษี กับ ต้นทุน เป็นข้ออ้างทั้งนั้นครับ
-
แพงครับ ภรรยาเคยอยู่อเมริกาใช้ honda civic ราคา $20,000
ค่าประกันตกปีละ 40,000 กว่าบาท
ทำงาน part time ทั้งในมหาลัย และร้านอาหาร เดือนนึง $1,500-$2,000
รวมๆ แล้ว มีรถ 1 คัน สบายๆ ไม่เหมือนเมืองไทยที่ดิ้นรนหนักมากเพื่อรถ 1 คัน
จะบอกว่าให้เทียบกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น เงินเฟ้อ? แปลว่าประเทศยิ่งร่ำรวย สินค้าอื่นๆ ก็จะยิ่งราคาถูกลง?
ประเทศไทยของแพงเกือบทุกอย่างไม่ใช่แค่รถยนต์ เช่น สินค้าแบรนด์เนม, น้ำหอม, เครื่องสำอาง, อุปกรณ์กีฬา เป็นต้น
กลับมาที่รถยนต์ จะบอกว่ารถผลิตในประเทศเอา margin เยอะ เพราะขายได้น้อย ไม่งั้นไม่ถึงจุดคุ้มทุน อันนี้ดูเป็นไปได้มากกว่า เพราะแต่ละยี่ห้อเวลาลดราคาทีเกิน 10% ของราคาขายปลีกทั้งนั้น
-
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นแล้ว ราคาขาย และรายได้ของคนไทยคงเอามาเป็นตัวตั้งไม่ค่อยได้ เพราะคนไทยสามารถซื้อ jazz แล้วเอามาจอดเรี่ยราดตรงไหนก็ได้ แต่ญี่ปุ่นไม่อย่างนั้นสิ ถ้าคุณไม่มีที่จอด คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อเลยด้วยซ้ำำ และถ้าจะต้องรวมที่จอดไปแล้ว เชื่อว่ารถคันนั่นแพงกว่าของไทยพอตัวเลย ต้องมีรายได้แค่ไหนถึงจะมีตังค์พอเช่าที่จอดรถ หรือซื้อบ้านเพื่อให้มีที่จอด
แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดของญี่ปุ่น เกษตรกรเสียอีกที่ดูจะ happy กับการมีนถมากกว่าคนเมือง
เคยไปทำงานอยู่ไม่นาน ผมกลับรู้สึกว่าคนเมืองบ้านเราโชคดีกว่าคนเมืองในญีาปุ่นเป็นไหนๆ
-
ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นแล้ว ราคาขาย และรายได้ของคนไทยคงเอามาเป็นตัวตั้งไม่ค่อยได้ เพราะคนไทยสามารถซื้อ jazz แล้วเอามาจอดเรี่ยราดตรงไหนก็ได้ แต่ญี่ปุ่นไม่อย่างนั้นสิ ถ้าคุณไม่มีที่จอด คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อเลยด้วยซ้ำำ และถ้าจะต้องรวมที่จอดไปแล้ว เชื่อว่ารถคันนั่นแพงกว่าของไทยพอตัวเลย ต้องมีรายได้แค่ไหนถึงจะมีตังค์พอเช่าที่จอดรถ หรือซื้อบ้านเพื่อให้มีที่จอด
แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดของญี่ปุ่น เกษตรกรเสียอีกที่ดูจะ happy กับการมีนถมากกว่าคนเมือง
เคยไปทำงานอยู่ไม่นาน ผมกลับรู้สึกว่าคนเมืองบ้านเราโชคดีกว่าคนเมืองในญีาปุ่นเป็นไหนๆ
ใช่เลยครับ ยิ่งถ้าได้ทำงานด้วย บอกเลยว่าในสลิปเงินเดือนจะถูกหักภาษีและเงินสมทบต่างๆไม่ต่ำกว่า 25% ทุกเดือนด้วยครับ
-
แพงครับ ภรรยาเคยอยู่อเมริกาใช้ honda civic ราคา $20,000
ค่าประกันตกปีละ 40,000 กว่าบาท
ทำงาน part time ทั้งในมหาลัย และร้านอาหาร เดือนนึง $1,500-$2,000
รวมๆ แล้ว มีรถ 1 คัน สบายๆ ไม่เหมือนเมืองไทยที่ดิ้นรนหนักมากเพื่อรถ 1 คัน
จะบอกว่าให้เทียบกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น เงินเฟ้อ? แปลว่าประเทศยิ่งร่ำรวย สินค้าอื่นๆ ก็จะยิ่งราคาถูกลง?
ประเทศไทยของแพงเกือบทุกอย่างไม่ใช่แค่รถยนต์ เช่น สินค้าแบรนด์เนม, น้ำหอม, เครื่องสำอาง, อุปกรณ์กีฬา เป็นต้น
กลับมาที่รถยนต์ จะบอกว่ารถผลิตในประเทศเอา margin เยอะ เพราะขายได้น้อย ไม่งั้นไม่ถึงจุดคุ้มทุน อันนี้ดูเป็นไปได้มากกว่า เพราะแต่ละยี่ห้อเวลาลดราคาทีเกิน 10% ของราคาขายปลีกทั้งนั้น
พี่ช่วยแชร์หน่อยสิครับว่าตอนที่ภรรยาพี่ทำงานที่ US นั่น ค่าแรงที่ได้รับมาถูกหักภาษีและเงินสมทบต่างๆ
เป็นอัตราส่วนเท่าไหร่น่ะครับ พวกเราจะได้เห็นภาพต่างๆ ได้กว้างมากขึ้นครับ
-
ยังขาดราคารถของสิงคโปร์ไปนะครับ ^-^
-
การเทียบโดยใช้ราคาเพียงอย่างเดียวอาจจะผิดนะครับ การเปรียบเทียบราคารถยนต์โดยอยู่กันคนละประเทศไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
1 คุณต้องตัดภาษีออกให้หมดก่อน เพราะภาษีไม่ได้สะท้อนประสิทธิภาพในการผลิต มันเป็นต้นทุนก็จริง แต่เป็นต้นทุนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดต่อระบบ ศก
2 การจะบอกว่ารถยนต์ที่ไหนแพงหรือถูกกว่า เป็นการมองโดยเปรียบเทียบ ดังนั้นการเอาราคามาเทียบเพียงอย่างเดียว มันจะรวมผลของเงินเฟ้อด้วย
ผมจะยกตัวอย่างสุดโต่งแบบง่ายๆ กระดาษทิชชูที่ ซิมบัฟเว ขายกัน 1 ล้านล้าน ถามว่าแพงกว่าที่ไทยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ เพราะประเทศเขาเงินเฟ้อสูงมาก
ดังนั้นการจะบอกว่ารถที่ไหนแพงกว่าจึงควรคำนึงถึงเงินเฟ้อด้วย โดยเป็นค่าเปรียบเทียบ ค่าแรง อัตราการเติบโตของ ศก และค่าครองชีพ แล้วจึงมาพิจารณาเป็นคู่ๆ ประเทศไป เพราะบริบทของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน
3 หรืออาจจะใช้หลักทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศง่ายๆ ประเมินเอาก็ได้ครับ โดยมองในมุมของประสิทธิภาพในการผลิต ประเทศที่ถนัดผลิตโทรทัศน์ก็จะผลิตโทรทัศน์ได้มาก เรียกว่ามีความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน ดังนั้นเราอาจจะอุปมาได้ว่าประเทศใดมีความสามารถในการแข่งขันในการผลิตรถยนต์ หรือมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงที่สุด หรือต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด รถยนต์จะมีราคาถูกที่สุด
เนื่องจากการแปลงค่าเงินนั้น ราคาค่าเงินไม่ได้อยู่ที่ดุลยภาพเสมอไป อัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะหนึ่งๆ จะมีผลพวงของนโยบายของธนาคากลาง มุมมองในอนาคตต่อ ศก เงินสำรอง และมุมมองในอนาคตของอัตราเงินเฟ้อรวมอยู่ด้วย ดังนั้นถ้าจับมาคำนวณโต้งๆ เลยแล้วเปรียบเทียบราคา ค่ามันจะเพี้ยนครับ การนำมาเปรียบเทียบกับค่าแรง เงินเฟ้อ อัตราการเติบโตของ ศก และค่าครองชีพ จะถูกต้องกว่า
+1 เห็นด้วยครับ การเทียบด้วยราคาอย่างเดียวเป็นการเทียบที่ตื้นเกินไป (แต่มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสุด) แต่ในความเป็นจริง มันมีส่วนประกอบเชิงลึกหลายอย่าง นอกจากภาษี ที่เขามากำหนดราคาขายในแต่ละประเทศ ขนาดเราบอกว่ารถราคาแพง แต่จำนวนรถที่ขายกลับสูงมาก แม้แต่ในช่วงโควิด รถยนต์บางกลุ่มกลับขายได้เหมือนช่วงปกติ โดยเฉพาะกระบะ จนถนนไม่พอวิ่งแลัวครับ ถ้าถูกกว่านี้ไม่อยากจะคิดเลยว่า เดินทางช่วงเทศกาล คงต้องพกเต้นท์ไว้นอนข้างทางกันบ้างแล้ว
-
ถ้าพวกเราช่วยกันไม่ซื้อ ใช้รถเก่าให้นานที่สุด
ส่วนคนจำเป็นต้องซื้อใหม่ก็ให้ซื้อค่ายรองๆ ที่ราคาสมเหตุผล
ผมว่ามันจะช่วยได้เยอะเลยครับ
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
+1
Expensive = Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc.
Even Personal Income Tax, that's effect to real income capability, comparatively with our more developed neighbor like Singapore or Malaysia. Maximum Personal Income Tax, Malaysia = 26%, Thailand = 35%, Singapore = 20%. How much we are remain to spending?
I think rather than talk to support car brand. We should think "How is the Thai car market would fully competitive to get real optimum price?" or "Why we spend higher % income tax without any good social welfare?"
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
+1
Expensive = Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc.
PS. even Personal Income Tax, that's effect to real income capability, comparatively with our more developed neighbor like Singapore or Malaysia. Maximum Personal Income Tax, Malaysia = 26%, Thailand = 35%, Singapore = 20%. How much we are remain to spending?
ดูอัตราส่วน จำนวน คนที่เข้าสู่ระบบและจ่ายภาษีเงินได้ด้วยครับ
ที่ US ประมาณ 66% ...
คนไทย ที่ยื่นแบบประมาณ 10 ล้านคน
แต่รายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน
และคิดว่ามีกี่คนที่รายได้ขึ้นถึง 35% ?!?
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
+1
Expensive = Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc.
PS. even Personal Income Tax, that's effect to real income capability, comparatively with our more developed neighbor like Singapore or Malaysia. Maximum Personal Income Tax, Malaysia = 26%, Thailand = 35%, Singapore = 20%. How much we are remain to spending?
ดูอัตราส่วน จำนวน คนที่เข้าสู่ระบบและจ่ายภาษีเงินได้ด้วยครับ
ที่ US ประมาณ 66% ...
คนไทย ที่ยื่นแบบประมาณ 10 ล้านคน
แต่รายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน
และคิดว่ามีกี่คนที่รายได้ขึ้นถึง 35% ?!?
Thai Car is Expensive reflected by The Price
Our Lower Income relected by Personal Tax
I think rather than talk to support car brand or support poor government welfare from our high income tax and told "It's Our Destiny".
We should think "How is the Thai car market would fully competitive to get real optimum price?" or "Why we spend higher % income tax without any good social welfare?"
-
เปิดเข้ามู้มา เจอเปรียบเทียบแค่ "ราคา" ขายหน้าร้านล้วนๆ แล้วบอกว่าบ้านเราแพงกว่า ผมก็ไม่ดูข้อมูลส่วนอื่นต่อแล้วครับ ไม่ได้ว่าอะไร จขกท. นะครับ แต่การเปรียบเทียบราคาสินค้า โดยดูแค่ราคาล้วนๆๆๆ แล้วบอกบอก เราแพงกว่า/ถูกกว่า ถ้าเป็นวิชาเศรษฐศาสตร์ส่งอาจารย์นี่ตกเลยครับ 555+
การมองแค่ราคา เป็นการมองมิติเดียวที่แบนราบมากๆ อ่ะ ถึงใครจะบอกว่าเอารายได้ต่อหัวมาเทียบอีก ก็แค่ 2 มิติ ก็ยังไม่พอครับ มันมีอีกหลายๆๆๆปัจจัยมากมาย หากมีคนจีนตั้งกระทู้บอกว่า ราคาทุเรียนบ้านเขา แพงกว่าที่ไทย เราคงรู้สึกตรงข้าม ราคาสินค้ามันต้องดูปัจจัยผลิต การนำเข้าชิ้นส่วน ถึงแม้ว่าจะประกอบบ้านเรา แต่อุปกรณ์หลายๆๆๆๆอย่างก็ต้องนำเข้า ต้องไม่ลืมว่าประเทศเราเล็กนิดเดียวนะครับเมื่อเทียบกับโลกใบนี้ ดังนั้นรถยนต์ในบ้านเรา ยังจัดเป็นสินค้า"เกือบ"ฟุ่มเฟือย อยู่ ลองดูประเทศเพื่อนบ้านในตาราง ราคาไม่หนีกันเลย เพราะเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั้งนั้น (กำลังพัฒนามา 20 ปีแล้ว และก็กำลังต่อไป 555+) แต่ประเทศที่คุณว่าถูกนี่มีแต่ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก เอเซีย ยุโรป ซึ่งแค่การเลือก N มาประกอบการวิเคราะห์ก็ผิดแล้วครับ มันเทียบกันไม่ได้เลย
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่ายังไง ผมก็เห็นด้วยที่ราคารถในไทยแพงเกินจริงอยู่ดีน่ะแหล่ะครับ แต่ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นนะ แต่เทียบกับตัวสินค้าเอง มีการตั้ง Margin เยอะมากๆ พอลดราคาทีลดได้มโหราฬมาก โดยเฉพาะรถยุโรป CKD เหมือนคนไทยโดนคนไทยเองเนี่ยแหล่ะเอาเปรียบ
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
+1
Expensive = Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc.
PS. even Personal Income Tax, that's effect to real income capability, comparatively with our more developed neighbor like Singapore or Malaysia. Maximum Personal Income Tax, Malaysia = 26%, Thailand = 35%, Singapore = 20%. How much we are remain to spending?
ดูอัตราส่วน จำนวน คนที่เข้าสู่ระบบและจ่ายภาษีเงินได้ด้วยครับ
ที่ US ประมาณ 66% ...
คนไทย ที่ยื่นแบบประมาณ 10 ล้านคน
แต่รายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน
และคิดว่ามีกี่คนที่รายได้ขึ้นถึง 35% ?!?
Thai Car is Expensive reflected by The Price
Our Lower Income relected by Personal Tax
I think rather than talk to support car brand or support poor government welfare from our high income tax and told "It's Our Destiny".
We should think "How is the Thai car market would fully competitive to get real optimum price?" or "Why we spend higher % income tax without any good social welfare?"
The root is average quality level of our citizen
-
มองไทยกับญี่ปุ่นนะ
เทียบกับค่าครองชีพ และราคารถ ไทยแพงกว่าชัดเจนครับ
-
เห็นด้วยที่ราคารถในไทยแพงเกินจริงอยู่ดีน่ะแหล่ะครับ แต่ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นนะ แต่เทียบกับตัวสินค้าเอง มีการตั้ง Margin เยอะมากๆ พอลดราคาทีลดได้มโหราฬมาก โดยเฉพาะรถยุโรป CKD เหมือนคนไทยโดนคนไทยเองเนี่ยแหล่ะเอาเปรียบ
ผมเห็นด้วยในประเด็นนี้มากๆครับ ระบบการที่จะให้บริษัทรถยนต์ผลิตรถคันนึงออกมาขาย ยังมีต้นทุนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าผสมอยู่แบบผูกขาดอยู่อีกมากมาย
การแข่งขันนั้น ยังไม่แฟร์เท่าที่ควร แต่ทั้งหมดทั้งปวง ภาระต้นทุนเหล่านั้น ถูกคำนวนและบวกราคาเข้าไปเป็นต้นทุน
ภาระมันจึงตกอยู่ที่คนใช้รถในที่สุด
-
เปิดเทียบดูในเว็บที่อเมริกาเบนซ์ AMG หรือ BMW M ทั้งหลายมีสามล้านบาทคุณได้ครอบครองมันแล้ว ฐานะระดับกลางก็มีใช้ได้ง่ายๆ แต่มาไทยอย่างต่ำก็10ล้านจะเป็นเจ้าของต้องระดับมหาเศรษฐี ปม้จะซื้อมอสองมาใช้ก็ต้องอยู่ในระดับว่ารวยมากถึงจะซื้อหามาได้ แต่ราคารถพวกนี้ในอีเบย์อายุ2-3ปีอยู่ที่900000-1000000หน่อยๆ :'( เห็นคนที่มีปัญญาซื้อรถพวกนี้มือ1เค้ายังบ่นเลยว่าทำไมไม่มีไอ้นั่นไม่มีไอ้นี่ให้เหมือนในตัวต่างประเทศเลย :-\
-
ต่างที่ option ครับ
หากเท่ากัน ไม่ต่างมากครับ
-
ข้อมูลประกอบนิดๆ หน่อยๆ ครับ ตัวเลขอาจไม่เป๊ะ
1. กาลครั้งหนึ่ง Chryler Neon ถูกคิดและผลิตขึ้นมาเพื่อขายในงบประมาณ 10,000 เหรียญ (25 บาท ณ ขณะนั้น) บ้านเราขาย ประมาณ 700,000 บาท
2. Chev. Zafira บ้านเราขายล้านปลาย ลงเรือไปญี่ปุ่นจ่ายภาษีเรียบร้อย ขายไม่ถึงเก้าแสน
3. รถ sub-compact MPV จากอินโด ลงเรือข้ามทะเลมา เจ้าหนึ่งขายราคาเท่าๆ กับที่บ้านเกิด อีกเจ้าเพิ่มเป็นแสน
4. รถยุโรปทำมาเล ไม่รู้มายังไง บวกราคา 500,000
สรุปว่า "แพงเกินจริง" ด้วยเหตุผลหลายประการ
-
ข้อมูลประกอบนิดๆ หน่อยๆ ครับ ตัวเลขอาจไม่เป๊ะ
1. กาลครั้งหนึ่ง Chryler Neon ถูกคิดและผลิตขึ้นมาเพื่อขายในงบประมาณ 10,000 เหรียญ (25 บาท ณ ขณะนั้น) บ้านเราขาย ประมาณ 700,000 บาท
2. Chev. Zafira บ้านเราขายล้านปลาย ลงเรือไปญี่ปุ่นจ่ายภาษีเรียบร้อย ขายไม่ถึงเก้าแสน
3. รถ sub-compact MPV จากอินโด ลงเรือข้ามทะเลมา เจ้าหนึ่งขายราคาเท่าๆ กับที่บ้านเกิด อีกเจ้าเพิ่มเป็นแสน
4. รถยุโรปทำมาเล ไม่รู้มายังไง บวกราคา 500,000
สรุปว่า "แพงเกินจริง" ด้วยเหตุผลหลายประการ
+1 ครับ
ผมขอยกตัวอย่างการตั้งราคาของมอเตอร์ไซค์ 2 ค่าย ที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดว่า ที่รถบ้านเราแพงไม่ได้เกี่ยวกับภาษีทั้งหมด
รถ big scooter 2 รุ่น ผลิตในญี่ปุ่นทั้งคู่ ราคาในต่างประเทศเท่าๆกัน
ในไทย ค่าย Y ขายในราคา ประมาณ 500k ค่าย H ยังไม่ขายในไทย
หลังจากนั้น มีนโนบาย ลดภาษานำเข้ามอเตอร์ไซค์ที่ผลิตในญี่ปุ่น เป็น 0
ค่าย H นำรถเข้ามาขายในราคาประมาณ 400K แต่ค่าย Y ยังคงขายในราคาเดิม
เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการตั้งราคาขายรถในบ้านเรา ขึ้นอยู่กับค่ายรถเป็นหลัก ภาษีเป็นเรื่องรอง
รถบ้านเราแพงกว่าต่างประเทศ ในฐานะผู้บริโภค เราต้องรับความจริง ไม่จำเป็นที่ต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนค่ายรถแต่อย่างใด
-
ส่วนตัวคิดว่าราคาที่คำนวณออกมาอาจจะแล้วแต่คัน และก็การบริการ รวมถึงค่าครองชีพต่างๆด้วยนะครับ แต่ถ้ามองจากภาพก็แพงกว่าแหละ
-
ผมเพิ่งถอยซีอารวี ตัวล่างมา 1369000 ได้สองอาทิตย์ รู้สึกเซ็งๆเหมือนกันว่าจ่ายแพงกว่าชาวออสซี่ เกือบเท่าตัว ทั้งที่ขนรถไปจากเมืองไทย
....แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เลือกรุ่นอ๊อฟชั่นแพงกว่านี้ :'(
-
เราท่านก็รู้อยู่แล้วว่าแพงกว่าทั่วไป แถมออฟชั่นก็โดนตัดออกสารพัด
เทียบราคาตลาดรถเมืองจีนด้วยก็ดีนะครับ 8)
-
มันเหมือนราคาน้ำมันที่พยายามบอกว่าน้ำมันไทยไม่แพงเมื่อเทียบกับโน่นนี่ แต่ความจริงคือโคตรแพง
-
แพงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ยิ่งเทียบกับค่าครองชีพแล้ว
โอ้แพงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อย่างว่า ถ้าไม่ขายราคานี้ เดี๋ยวโบนัสไม่ถึงหกเดือน
-
ผมเทียบง่ายๆ ครับ
ที่ญี่ปุ่น
เงินเดือน Start สำหรับพนักงานเข้าใหม่ (เด็กจบใหม่) 180,000 เยน
(หักภาษีอะไรแล้วก็จะเหลือรับจริงประมาณ 150,000)
รถ Toyota Corolla รุ่นถูกสุด G-X 1.8L CVT ราคา 1,936,000 เยน
ราคารถ เมื่อเทียบกับรายได้นั้น มีราคาถูกจริง
ทำงาน ปีกว่าๆ ก็ได้เงินซื้อรถแล้ว
(สมมุติว่าเก็บเงินอย่างเดียวไม่ใช้เลย)
ถ้าเป็นเมืองไทย
เงินเดือนเด็กจบใหม่ 15,000 บาท (แต่เห็นปกติให้กัน 12,000)
รถ Toyota Altis รุ่นถูกสุด 1.6G ราคา 879,000 บาท
ต้องทำงานเกือบ 5 ปี ถึงจะมีเงินซื้อรถ
ราคารถ ถ้าแปลงค่าเงินตรงๆ ผมว่า รถตลาดทั่วๆ ไปบ้านเรา ราคาแพงกว่าที่ญี่ปุ่น นิดหน่อย
แต่ถ้าเทียบกับรายได้แล้ว แพงกว่าเยอะ
-
ที่มันแพง ไม่ได้เพราะบริษัท แต่เพราะ รัฐ เข้าใจนะ
-
วันไหนที่ประเทศไทย คนทำงานสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยค่าแรงขั้นต่ำ
กินอาหารได้ 3 มื้อ , ค่าที่พัก(ค่าไฟ/ค่าน้ำ) , ค่าเดินทาง(ไปทำงาน) ,
ค่าใช้จ่ายทั่วไปสำหรับการดำเนินชีวิต (เสื้อผ้า/แปรงฟัน ยาสีฟัน ฯ )
วันนั้นคงเห็นราคารถยนต์ที่สมเหตุสมผลครับ
แต่คำถามคือ แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ??
-
พูดถึงเฉพาะราคารถนะครับ
เท่าที่ผมติดตามข่าว
ประเทศไทยขายรถราคาแพงเป็น อันดับที่5 ของโลกครับ
เท็จจริง ยังไงผมไม่ทราบครับ
-
ในไทยขายแพงกว่าประเทศอื่นไปเยอะครับ โดยคิดรวมปัจจัยทุก ๆ อย่างเข้าไปด้วยนี่แหละ
มันเริ่มตั้งแต่นโยบายและการรวมหัวกันของกลุ่มทุนที่ส่งคนเข้าไปอยู่ในรัฐบาลมาหลายสิบปี
ยิ่งคนที่เคยใช้ชีวิตต่างประเทศจะยิ่งเห็นความต่างแบบต่างมาก ๆ
ระบบขนส่งสาธารณะเมืองไทยที่แย่มาก ๆ ไม่ได้ห่วยเฉย ๆ มันห่วยเพราะมีจุดประสงค์ครับ
-
1. กลไกภาษีแต่ละประเทศไม่เท่ากัน อันนี้คงชัดเจน
2. ค่าเงินแต่ละไม่เทศไม่เท่ากัน เอามาตีเป็นบาทตรงๆ คงไม่ได้
3. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์แต่ละประเทศไม่เท่ากัน บางประเทศประกันภัยแพง ซ่อมแพง มีค่าที่จอดรถ และอื่นๆ อีก
4. ค่าครองชีพ
ผมว่าต้องดูเป็นส่วนๆ ไปครับ จะดูแค่ราคาขายรถ อย่างเดียวก็คงไม่ได้
-
อ่านบางความเห็นแล้วรู้สึก speechless แพงไม่แพงคนเคยไปอยู่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป อเมริกาเขาทราบแน่ๆครับ
บางคนไม่ได้ไปแต่รู้โครงสร้าง ศก นโยบาย ฯลฯ เทียบกลับมากับไทยก็ชัดแล้วครับ ยิ่งรถแพงยิ่งชัด
+1
Expensive = Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc.
Even Personal Income Tax, that's effect to real income capability, comparatively with our more developed neighbor like Singapore or Malaysia. Maximum Personal Income Tax, Malaysia = 26%, Thailand = 35%, Singapore = 20%. How much we are remain to spending?
I think rather than talk to support car brand. We should think "How is the Thai car market would fully competitive to get real optimum price?" or "Why we spend higher % income tax without any good social welfare?"
"Just Comparative between Price and Real Income Capability, that's didn't related with any shit Economics, Inflation, etc"
ตรงนี้ผิดครับ เงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น รวมถึงราคารถยนต์ด้วย ราคาที่เราเห็นนั้นเป็น nominal rate นะครับ ถ้ามันไม่เกี่ยวจริงๆ จะยกตัวอย่างเงินเดือนให้เห็น
ถ้าเงินเดือนคุณขึ้น 10% แต่ประเทศไทย ศก ไม่ดี มีเงินเฟ้อสูง 8% เท่ากับว่าเงินเดือนคุณขึ้นจริงๆ แค่ 2% รายได้คุณเพิ่มแต่ซื้อของได้น้อยลง คุณคิดว่าควรหักตรงนี้ออกไหม?
แล้วคุณคิดว่าการตั้งราคาขายรถยนต์ผู้ผลิตเขารวมปัจจัยเงินเฟ้อไปด้วยไหม?
ส่วนเรื่องภาษีที่คุณพูดถึงคือ per capita ธนาคารกลางเขาใช้ wage มามองมากกว่าครับ ภาษีบุคคลผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ มันถูกเก็บตามสภาพสังคมแต่ละประเทศมากกว่า และมันถูกสะท้อนอยู่ในตัวปัจจัยค่าครองชีพอยู่แล้ว
ผมไม่ได้บอกว่ารถบ้านเราแพง ไม่แพงนะ แต่ให้ไปคิดเปรียบเทียบกันเอาเอง
ราคาขายรถคงที่ก็จริง แต่อัตราแลกเปลี่ยนมันไม่คงที่ คิดถีงช่วงลอยตัวค่าเงินบาท วันเดียวราคารถต่างประเทศแพงขึ้น 2 เท่า การใช้อัตราแลกเปลี่ยนจึงต้องใช้อย่างระมัดระวังในการเปรียบเทียบครับ
-
แพงครับ ภรรยาเคยอยู่อเมริกาใช้ honda civic ราคา $20,000
ค่าประกันตกปีละ 40,000 กว่าบาท
ทำงาน part time ทั้งในมหาลัย และร้านอาหาร เดือนนึง $1,500-$2,000
รวมๆ แล้ว มีรถ 1 คัน สบายๆ ไม่เหมือนเมืองไทยที่ดิ้นรนหนักมากเพื่อรถ 1 คัน
จะบอกว่าให้เทียบกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น เงินเฟ้อ? แปลว่าประเทศยิ่งร่ำรวย สินค้าอื่นๆ ก็จะยิ่งราคาถูกลง?
ประเทศไทยของแพงเกือบทุกอย่างไม่ใช่แค่รถยนต์ เช่น สินค้าแบรนด์เนม, น้ำหอม, เครื่องสำอาง, อุปกรณ์กีฬา เป็นต้น
กลับมาที่รถยนต์ จะบอกว่ารถผลิตในประเทศเอา margin เยอะ เพราะขายได้น้อย ไม่งั้นไม่ถึงจุดคุ้มทุน อันนี้ดูเป็นไปได้มากกว่า เพราะแต่ละยี่ห้อเวลาลดราคาทีเกิน 10% ของราคาขายปลีกทั้งนั้น
ผมไม่เข้าใจมุมมองต่อเงินเฟ้อของคนทั่วๆ ไปนะครับ แต่จะอธิบายสิ่งที่ถูกต้องให้แล้วกันครับ
"จะบอกว่าให้เทียบกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น เงินเฟ้อ? แปลว่าประเทศยิ่งร่ำรวย สินค้าอื่นๆ ก็จะยิ่งราคาถูกลง?"
ประเทศร่ำรวยหรือไม่ขึ้นอยู่กับ อัตราการเติบโตของ ศก เช่น ศก โต 5% เงินเฟ้อ 3% นั่นคือเรารวยขึ้น 2%
หรือมองในมุมรัฐ ก็ดูที่เงินสำรอง ถ้าเงินสำรองเพิ่ม รัฐรวยขึ้น
ส่วนสินค้าและบริการ ราคาถูกลง คือ เงินฝืด (ภาวะราคาสินค้าลดต่ำลง)
การที่ประเทศรวย ไม่เกี่ยวกับสินค้าอื่น จะยิ่งราคาถูกลงครับ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้นมีเงินเฟ้อ หรือเงินฝืด
"ประเทศไทยของแพงเกือบทุกอย่างไม่ใช่แค่รถยนต์"
เพราะเราเป็นประเทศกำลังพัฒนา เงินเฟ้อสูง ก็เป็นธรรมดาปกติครับ แต่อัตราการเติบโตของ ศก เราก็สูงด้วย
แต่ปัจจุบันหลังจากนี้ของอาจจะไม่แพงก็ได้ครับ เพราะเงินเฟ้อต่ำเหลือเกิน
ข้าวของแพงอาจจะไปเกิดที่เพื่อนบ้านเรามากกว่า เพราะ ศก เติบโตสูง เงินเฟ้อสูง
เวลาเราพูดว่าเงินบาทอ่อนค่า เราทุกคนเข้าใจ แต่พอพูดว่าเงินเฟ้อ กลับไม่เข้าใจ ในความเป็นจริงแล้ว เงินเฟ้อ ก็คือการอ่อนค่าของเงินเมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ มันไม่ได้ต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนเลยครับ แค่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับอะไรมากกว่า
ดังนั้นคุณควรเทียบประเทศที่มีเงินเฟ้อสูง กับประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงเหมือนกันเท่านั้น ถ้าไม่คำนึงถึงเงินเฟ้อ ราคามันจะเพี้ยนไม่สามารถเทียบกันได้ครับ
-
คิดว่าแพงกว่าเหมือนกัน แต่พอมองปัจจัยอื่นก็คิดว่าเหมาะสม อีกทั้งปัจจุบันเริ่มรู้สึกว่าที่จอดรถก็หายากขึ้นทุกที และวินัยการจราจรเราก็เทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วยาก
-
.
.
อย่าบอกว่าแค่แพงครับ ต้องบอกว่าโคตรแพงถึงจะถูก
แล้วขำคนที่บอกว่านี่ขนาดแพงนะ ยังขายดี
คุณช่วยหันกลับมาดูระบบขนส่งมวลชนในประเทศหน่อยสิครับ
ว่ามันเป็นยังไง ถ้ามันดีจริงคนไม่ดิ้นรนเสียเงินเสียทองหรอกครับ
เวลาคุยกับเพื่อนฝรั่ง มันจะงงอยู่ 2 อย่าง
1. เงินเดือนผม (คือโคตรน้อยถ้าเทียบกับตำแหน่งเดียวกันในต่างประเทศ)
2. ราคารถในประเทศเรา
งง ว่ารายได้โคตรจะน้อย และงงว่าราคารถโคตรจะแพง
คิดดูว่าราคารถประเทศเราแพงแค่ไหน ก็ดูจากโบนัสพนักงานบริษัทรถก็ได้ครับ
-
ในฐานะที่ทำงานในแวดวงนี้ ราคารถแพงไม่ใช่บริษัทตั้งราคาแพง แต่สาเหตุหลัก ๆ มันมาจากโครงสร้างภาษีรถยนต์ของบ้านเราต่างหาก
ถ้าจะเปลี่ยน ก็ต้องรัฐบาลและ สมอ แล้วก็สภาอุตสาหกรรม ละครับ โครงสร้างภาษีบ้านเรามันใช้มานานแล้ว ที่จริงควรจะปรับเปลี่ยนได้แล้ว ไม่ใช่เปลี่ยนให้มันแพงขึ้นนะ แต่ควรเปลี่ยนให้มันถูกลงต่างหาก เพราะรัฐบาลจ้องรีดภาษีจากคนซื้อรถ แต่นั่นมันยุคสมัยเมื่อนานมาแล้ว ยุคนี้ควรจะเปลี่ยนแปลง เพราะตลาดรถมันเปลี่ยน รัฐบาลควรมีแรงจูงใจใหม่ปรับโครงสร้างภาษีของรถทั้งประเทศ ไม่ให้แพงเหมือนทุกวันนี้
-
.
.
อย่าบอกว่าแค่แพงครับ ต้องบอกว่าโคตรแพงถึงจะถูก
แล้วขำคนที่บอกว่านี่ขนาดแพงนะ ยังขายดี
คุณช่วยหันกลับมาดูระบบขนส่งมวลชนในประเทศหน่อยสิครับ
ว่ามันเป็นยังไง ถ้ามันดีจริงคนไม่ดิ้นรนเสียเงินเสียทองหรอกครับ
เวลาคุยกับเพื่อนฝรั่ง มันจะงงอยู่ 2 อย่าง
1. เงินเดือนผม (คือโคตรน้อยถ้าเทียบกับตำแหน่งเดียวกันในต่างประเทศ)
2. ราคารถในประเทศเรา
งง ว่ารายได้โคตรจะน้อย และงงว่าราคารถโคตรจะแพง
คิดดูว่าราคารถประเทศเราแพงแค่ไหน ก็ดูจากโบนัสพนักงานบริษัทรถก็ได้ครับ
+1 โมเมนต์นี้ โคตรเข้าใจ เพื่อนต่างชาติ เงินเดือนเยอะกว่า ภาษีจ่ายน้อยกว่า ขับรถหรูที่ราคาเท่ารถธรรมดาบ้านเรา มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นเยอะเลย