Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Altima ที่ มกราคม 10, 2022, 15:04:42

หัวข้อ: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Altima ที่ มกราคม 10, 2022, 15:04:42
ขอระบายและบ่นนิดนึงนะครับ เพราะมันเป็น trend ที่น่ารำคาญ และผมมั่นใจว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่หงุดหงิดกับเรื่องนี้

เรื่องมันเกิดขึ้นตอน Ranger 2022 เริ่มเปิดตัว แล้วให้สื่อออสเตรเลียดูรถคันจริง ข้อมูลก็เริ่มมา... รถดูสวยมาก... สเปครถดูหรู เบรคมือไฟฟ้า เกียร์ไฟฟ้า จอใหญ่จัง digital cluster อีก หลายคนชอบแน่ๆ แต่ผม climax สุดตอนได้ยินคำว่า.....  3.0 V6 turbo diesel ที่คาดว่าจะมี 250 ม้ากับ 600 nm จากที่เคยใส่ใน F-150

แต่จากประสบการณ์เป็นคนบ้ารถ ผมรู้ตัวดีว่าอย่าตื่นเต้นเรื่องเครื่องแรง เพราะตลาดรถไทยไม่เคยมีรถอะไรแรงๆต่ำกว่า 2 ล้านบาทนอกจาก Pulsar/Sylphy Turbo กับ CX5 2.5turbo ไอรถแรงๆที่ไม่ผลิตไทย ไม่ผลิตในasean ผมไม่แคร์ เพราะรู้ภาษีนำเข้า มันเป็นรถไกลตัว ไม่ได้เสียดายอะไร แต่ไอรถเครื่องแรงที่ผลิตไทยแต่ไม่ขายให้คนไทยนี้แหละที่หงุดหงิดที่สุด Hilux เครื่อง 4.0 ก็ไม่ขาย Accord G9 3.5 ก็ไม่ขาย และผมว่าคงมีอีกบางรุ่นที่เคยผลิตไทยแต่ไม่ขายให้คนไทย

แต่ก็เข้าใจ ภาษีบ้านเราถ้าเครื่องเกิน 3000cc มันจะแพงมาก และยิ่งเมื่อก่อนที่มีภาษีแรงม้ากก็ไม่แปลกใจที่รถอะไรเครื่องเกิน3000ccไม่ขายให้คนไทย ยกเว้นตอนที่ โตกับฮอนด้าบ้าขาย ACV40 กับ G8 เครื่อง 3.5 ราคาเกือบ3ล้าน อ่ะนะ

โอเค กลับมาที่ Ford Ranger

คุณลองคิดดูนะ:
- Ranger เครื่อง 3.2 ก็เคยขาย
- เครื่องใหม่มันไม่เกิน 3000cc
- ไม่มีภาษีแรงม้า
- ผลิตไทย!!

เราทุกคนจะได้รถแรงในราคาจับต้องได้แล้วใช่ไหม??

ไม่... สรุปพอดูเว็บ Ford ไทย หน้าที่ควรจะมีคำว่า "3.0 V6" ก็ใส่ 2.0 bi turbo แทน

เว็บไทย: https://www.ford.co.th/en/showroom/future-vehicle/next-generation-ranger/capability.html
เว็บนอก: https://www.ford.com.au/showroom/future-vehicle/next-gen-ranger/capability.html

สื่อไทยก็มาปล่อยข่าวจ่างๆเลยว่าไทยจะไม่ได้เครื่อง 3.0 V6 โดยอ้างอิงจากคุณ วิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย

https://www.autofun.co.th/news/ไม่มี-ev-ไม่ขาย-v6-ford-ดับฝันลูกค้าชาวไทยอยากได้-ranger-สายซิ่ง-แล้วจะเหลืออะไรบ้าง-37740 (https://www.autofun.co.th/news/ไม่มี-ev-ไม่ขาย-v6-ford-ดับฝันลูกค้าชาวไทยอยากได้-ranger-สายซิ่ง-แล้วจะเหลืออะไรบ้าง-37740)

น่าเชื่อถือได้หรือไม่ ผมไม่รู้ แต่มันดูเป็นความเป็นจริงได้

ที่ทำให้ผมตื่นเต้นอีกคือ Ranger มันเป็นรถกระบะ และกระบะช่วงล่างแหนบมันได้คำนวนภาษีที่ถูกกว่า ทำให้ราคาขายถูกกว่า เลยทำให้ผมคิดว่า Ranger 3.0 V6 ขายไม่เกิน 1.4 ล้านน่าจะทำได้ และถึงจะแพงกว่าตัวเลื่อกตัวท้อปอื่นๆเป็นแสน มันก็ยังจะเป็นรถที่คุ้มมาก แต่ไม่ พี่ฟอร์ดจะกั๊กอย่างเดียว ผลิตไทยแต่ไม่ขายให้คนไทย นี้แหละเป็นเรื่องที่เซ็ง เพราะผมเองมีกำลังซื้อ และอยากได้รถแรง แต่ผมมีกำลังซื้อรถงบเท่านี้ ไม่มีปัญญาที่จะนำเข้า Amarok V6 และจะให้ผมซื้อ D-max 3.0 แล้วจูนให้มันแรงผมก็ไม่อยากทำ เพราะชอบรถเดิมๆ ไม่ชอบทำเครื่องอะไรทั้งสิ้น

จบแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ มกราคม 10, 2022, 15:19:14
ภาษีไม่คิดจากแรงม้าแล้ว แต่คิดจาก CO2 นี่ครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: โอมายวาโมะชินเดริว ที่ มกราคม 10, 2022, 15:23:04
คิดว่า 3.0 V6 สำหรับตลาดไทยน่าจะสงวนไว้กับ NEW RAPTOR 2022
เพราะถ้าใส่ในรุ่น Wildtrax ปกติราคามันจะขยับใกล้ Raptor มากเกินไป
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ มกราคม 10, 2022, 15:29:18
 อัตราการเสียภาษีจะคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท อาทิ รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3000 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 40%

เอาเครื่อง 2.0 นะครับ 

WT   MT  176
WT   AT   186

2.0 bi turbo 
WT AT 200
FX4 Max 206
Raptor 220   

Option FX4 Max ถึงเหี้ยนเตียนครับ ไม่งั้นขาย 1.19 ไม่ได้ 
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Sleepy Boy ที่ มกราคม 10, 2022, 15:36:21
ใจเย็นๆครับ ผมเป็นคนนึงที่รอเช่นกัน อยากเห็นเครื่อง V ลงในฟอร์ดเรนเจอร์
จะว่าไม่มาเลย คงไม่ใช่ แต่ดูทรงแล้ว ท่าทางเขาจะทะยอยปล่อยออกมาเป็นระลอกมากกว่า ตามหลักการตลาด
ผมกลัวอย่างเดียวเอาเครื่องใหญ่มาลง wildtrak แล้วดันอัพราคามาเท่ากับ raptor ผมก็ไม่ไหวอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ มกราคม 10, 2022, 15:36:55
ขอบคุณที่มาบ่นให้อ่านกันครับ สมาชิกหลายคนคงหัวอกเดียวกัน

แต่อย่างว่า ลูกค้าตลาดกระบะรวมเขากลัวซดน้ำมันเป็นลำดับต้นๆ การตลาดคงมองแล้วว่า มาก้อคงขายได้เฉพาะกลุ่ม กำไรน้อยกว่าขายเครื่องเล็กอยู่พอควร

หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: เนื้อน่องไม่หนัง ที่ มกราคม 10, 2022, 15:50:55
ผมว่าราคารถบ้านเรามันสูงครับ การที่จะอัด option รุ่นนึงเยอะๆ ทำให้ราคามันสูงจนทับอีกโมเดลนึงความคุ้มค่ามันเลยหายไป
และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ หวยหาความแรง / อัตราเร่ง ต้องยอมรับว่าสมาชิกในเวปนี้ เป็นเพียงส่วนน้อยของตลาด และเป็นกลุ่มที่ชอบขับรถ ชอบความแรงมากกว่าคนทั่วๆไป
อย่างปัจจุบัน Raptor ที่ราคาไป ชนกับ Everest แน่มันคือรถคนละกลุ่ม คนละจุดประสงค์ แต่พอราคามันใกล้กัน คนส่วนใหญ่ก็ไปรุ่นที่ใหญ่กว่าแทน เอาเห็นชัดๆก็ c43 sedan / M340i / Slyphy - Pulsar Turbo / Vios Turbo

หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: bluelawn ที่ มกราคม 10, 2022, 15:52:56
ก็ตลาดส่วนไหญ่ซื้อรถที่ประหยัด ออพชั่น ทนทาน เรื่องแรงไม่แรงเป็นส่วนน้อยมากครับ
ถ้าชอบรถแรง ยังไงก็ไม่พ้น aftermarket modify ครับ เพราะเขาทำตรงนี้มารองรับคนที่ชอบการขับขี่
แล้วสมัยนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ทุกอย่างวัดได้หมด ไม่ใช่ใส่ part แล้วมโนเองว่าแรง หรือ ถ้าพัง พังเพราะอะไรก็สามารถรู้ได้  ลองเปิดใจดูครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ มกราคม 10, 2022, 15:55:09
ทำไมผมนึกถึง PJS V6 ขึ้นมา

ด้วยตัวเลขการซดน้ำมันแล้ว เลยขายไม่ออก แต่ก็เห็นเพื่อนผมซท้อมาใช้นะ สุดท้าย ติดแก๊ส

ส่วนตัวนะ ผมว่าทางแต่ละค่ายน่าจะมีขายให้เป็นตัวเลือกไปเลย ไหนๆก็ต้องผลิตส่งออกอยู่แล้ว​
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ มกราคม 10, 2022, 16:03:30
รอรถไฟฟ้าครับ แรงแน่นอน ราคาก็คงเข้าถึงง่ายกว่า
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: U9WS ที่ มกราคม 10, 2022, 16:51:11
รอ phev เบนซินเทอร์โบ+มอเตอร์ น่าจะมี 300ม้า+ ในราคาไม่เกิน 1,500,000.-
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ มกราคม 10, 2022, 16:59:32
ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: GizzY ที่ มกราคม 10, 2022, 17:41:53
นั่นสินะครับ ถ้าทำมาขายแล้วขายได้น้อย ก็ไม่คุ้มทุนอีก
ต้องสำรองอะไหล่ ฝึกช่างศุนย์ให้ซ่อมเป็น
สุดท้ายถ้าแพงมาก วัยรุ่นสร้างตัว ก็ไปเอา dmax ไปทำ ประหยัดเงินกว่า
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: คุณ นมๆ ที่ มกราคม 10, 2022, 17:58:01
ใช่มั้ยคับผมก็คิดประเทศเราหารถขับเล่นแรงๆสนุกๆยากจัง เพราะภาษีco2นี่แหละ ก็ได้แต่ทำใจหารถถ่านแรงๆแทน
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Fragile ที่ มกราคม 10, 2022, 18:01:21
ซื้อรถ Turbo แล้วไปจูนเอาครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ มกราคม 10, 2022, 19:33:31
ผลิตในไทย แต่ไม่ขายในไทย ผมว่าปกติแหละ
แต่ก็นะ ตลาดเครื่องปอดโต กินจุ มันแคบมาก ไม่คุ้มค่าที่จะเจียดมาขาย ต้นทุนแฝง ต้นทุนหลังการขายไม่คุ้ม

แต่ที่เคืองกว่าคือผลิตไทย แต่optionส่งออกเยอะกว่าตัวที่ขายในไทยนี่แหละ เอาเปรียบกันสุดๆ ขอเพิ่มoptionละเพิ่มตังก็ไม่ได้ 😔
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: รถจักรไอน้ำ ที่ มกราคม 10, 2022, 20:01:35
มี 1.5T ตัวนิยมไงครับ เอาไปทำต่อนิดๆก็สนุกได้ละครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: REX ที่ มกราคม 10, 2022, 20:53:43
อยากให้ accord ยัด 2.0T แบบเมืองนอกที่สุดเลย
แต่คงเป็นไปไม่ได้
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มกราคม 10, 2022, 21:48:54
ด้วยเงื่อนไขของบ้านเรา ผมว่า ทำราคาไม่ได้หรอกครับ สุดท้ายมันจะกลายเป็นรถแพง แล้วขายไม่ออก
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: xenon ที่ มกราคม 10, 2022, 21:50:29
แนวโน้มมันขายได้น้อยนั่นแหละครับ
มีขาย ก็ต้องมีservice stockอะไหล่ เพิ่มฐานข้อมูลอะไหล่ เทรนช่าง แล้วจำนวนมันน้อย
มันไม่น่าคุ้มการลงทุนน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: InBkk ที่ มกราคม 10, 2022, 21:59:44
คหสต นะครับ

1. จริงอยู่ที่ประเทศไทยได้ยกเลิกการคิดภาษีจากแรงม้าไปหลายปีแล้ว แต่รถที่มีแรงม้า 250+ มักจะเป็นรถที่ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. พอเป็นแบบนี้ ราคาก็โดดอยู่ดี (ยกตัวอย่างเช่น ถ้า Accord 2.0T มา เดาว่าคงต้องขาย 2.5M+ อยู่ดี ไม่น่าจะทำราคาต่ำ 2M ได้)

2. รถที่ แรง และปล่อย CO2 ไม่เกิน 200 กรัม/กม. ส่วนใหญ่เป็นรถแบรนด์พรีเมียม ซึ่งมันก็เกิน 2 ล้านอยู่แล้ว หรือไม่ก็รถไฮบริด (ซึ่งก็แรงอยู่แหละ แต่มันไม่สะใจ)

3. ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะและรถขนาดเล็ก-กลาง เป็นหลัก รถที่ "แรงแต่ไม่หรู" เช่น Ford Focus RS, Seat Leon Cupra, Civic Type R พวกนี้ล้วนเป็นรถนำเข้าทั้งสิ้น และคงไม่ถูกนำมาผลิตในไทยอย่างแน่นอน

ส่วนหนึ่งคือ รัฐบาลไทย ไม่ชอบรถแรง และไม่เห็นความจำเป็นของรถแรง และประเทศไทยเองก็ไม่ได้มีอำนาจต่อรองอะไรมาก

ต่างจากในอเมริกา เขามีความนิยมเครื่องแรงม้าสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยลักษณะภูมิประเทศ วัฒนธรรม ฯลฯ ที่สำคัญคือ อำนาจต่อรองเขาเยอะมากๆ คนของเขาอยากได้อะไร ค่ายรถจากประเทศไหนก็ต้องจัดมาให้

สรุป ถ้าอยากได้รถแรง ในราคาต่ำ 2 ล้าน มันก็เหลืออยู่ไม่กี่วิธี
- ซื้อรถย้ายของเป็นตัวแรง
- ซื้อรถที่พ่วงโบจากโรงงาน แล้วไปหาจูนเอาเอง
- ซื้อรถมือสองมาวางเครื่อง
- รอ Tesla เข้าไทยอย่างเป็นทางการ คือต้องมี Giga Thailand หรือ ได้สิทธิ FTA เต็มรูปแบบ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: XMSL ที่ มกราคม 10, 2022, 22:39:40
นานาจิตตัง สำหรับผมรถสมัยนี้มันขับสนุกขึ้นถึงเครื่องจะไม่ได้แรงนัก...อีกอย่างรถเยอะถนนอันตรายขับแรงๆเร็วๆไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 10, 2022, 22:40:28
ซื้อรถ Turbo แล้วไปจูนเอาครับ  ;D
  ว่าแล้วต้องมีคนคิดแบบนี้แน่นอน     ผมว่าก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่พวกเครื่องใหญ่  ๆ จะไม่มาลงขายในบ้านเรา   เพราะตลาดบ้านเราลูกค้าไม่นิยมเครื่องยนต์ใหญ่ เนื่องจากภาษีแพง ค่าน้ำมันแพง   เรื่องความแรงใส่กล่อง Remap เอาทีหลังได้    คนไทยชอบเครื่องเล็ก  แต่จูนง่าย   เรื่องแรงเอาไว้โม้กันในเวป กับข้างถนน
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: PC CK ที่ มกราคม 10, 2022, 23:03:56
สรุปอยากได้แรง หรือเครื่องใหญ่นะครับ อิอิ
ถ้าเครื่องใหญ่มาก็กินน้ำมันเพิ่มขึ้น ยอดก็ไม่ดี ราคาก็แรงขึ้นไปอีก แถมภาษีก็ระยับ
ผทเห็นกลุ่มอยากได้เครื่องใหญ่ๆบางคนเค้ามานั่งบ่นตอนจ่ายภาษีแต่ละปีกันอีก ลูกค้ากลุ่มนี้เค้าค่อนข้างดูเรื่องพวกนี้เป็นหลักครับถ้ามาแล้วไม่คุ้มเค้าก็คงไม่เอามาครับ

ถ้าเอารถแรง จากข้างต้น
Civic ไปจูนใหม่ก็แรงละครับ ตอนนี้จ่ายไม่ถึงล้านละ
ส่วนงบสองล้าน s60ต่อส่วนลดเอาอาจมีลุ้นครับ ;D
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Carrera ที่ มกราคม 10, 2022, 23:25:03
ดูยอดขาย MG ZS HS  ตอนนี้ บอกอะไรได้เยอะครับ

คนไทย เน้นสวย คันใหญ่ๆ ภายในหรูๆ ออปชันแพรวพราว จะเครื่องอืด เร่ง 0-100 ลากไป 15-16 วิ เขาก็ไม่แคร์ครับ

เอาจริงๆ สายแรง ผมมองออกแค่ Civic Accord 1.5t ตอนนี้ จูนดีๆ รถยุโรปก็โดนได้ครับ ยิ่งพวกดีเซลนี่ เละ แต่ถ้าจะเอาแรงทะุลเพดาน ผมว่าต้องมือสองอย่างเดียวเลย

ส่วนพวก Phev ส่วนใหญ่ ม้าเก๊ครับ เคลมกันง่ายๆ บางค่ายจับมอเตอร์+เครื่อง บวกเลขตรงๆเลย ซึ่งจริงๆแล้วบางคัน มอเตอร์มันช่วยแค่ตอนออกตัว0-110 จะทะยานระดับนึง แต่ถ้าเจอพวกรถแรงๆ ของจริงระดับ 300+ ม้า เพราะพวกนั้นเขาเบากว่าด้วย ประกอบกับ PHEV หมดระยะการทำงานช่วยของมอเตอร์ ก็หมอบตอนปลายครับ T8 โดนตอนtop speed ที่ 190 + มอเตอร์หลังมันหมดมุขแล้ว

พวก Benz Bmw plugin ผมว่าพอใช้ได้ แต่ราคามันก็เกินเรนจ์ราคาสองล้านไปเยอะครับ พวก EV ต้นอาจจะดี แต่ปลายระวังโดน Civic Accord เซตโบสวนเอาได้

อยากแรง งบเบา เท่าที่ลอง ผมชอบ SAAB เคยลองนั่ง 9000 เสียงและแรงดึงมันดิบเถื่อนดีครับ กระชากจมเบาะ กระชากยาวๆ น่ากลัวดีครับ 555555
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Sit: ) ที่ มกราคม 10, 2022, 23:38:20
รถกระบะแรงมากก็เอาไม่อยู่อีกหละครับ
และค่าน้ำมันก็ทำให้ขายยาก 

รถเก๋งยัง downsize  ติด turbo
ถ้าไม่อยาก turbo  ก็ Camry hybrid  Accord Hybrid ที่ราคาต่ำกว่า 2ล้าน (รถโรงงาน) ก็พุ่งดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: yodmanoot ที่ มกราคม 11, 2022, 00:31:08
อ้างถึง
โตกับฮอนด้าบ้าขาย ACV40 กับ G8 เครื่อง 3.5 ราคาเกือบ3ล้าน
ผลการขายเครื่อง 2.4/2.0 ขายได้มากกว่า เจ้าอื่นเขาเห็นแบบนั้นก็ไม่ลงทุนอ่าสิ

turbo จึงคำตอบของหลายค่าย

ส่วนสำหรับ Ford คงต้องลุ้น Raptor จะมีให้เลือก 3.0 V6 หรือป่าว
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: เนื้อน่องไม่หนัง ที่ มกราคม 11, 2022, 08:57:34
อย่างตลาด US เอง ก็ไม่ได้ขายเครื่องใหญ่ ได้ดีกว่าเครื่องเล็กนะครับ
Camry / Accord / Mazda 6 ส่วนใหญ่จบที่เครื่อง block เล็กสุดที่มีให้
Camaro / Mustang v8 กับ i4/v6 ยอดขายก็ใกล้ๆ
นอกจาก พวก Heavy Duty truck หรือ Luxury car ทีคนจะไปเอาเครื่องใหญ่ๆให้จบๆไป
เพราะสุดท้ายแล้ว ความแรงมันไม่ใช้ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการครับ
จ่ายค่ารถแพงขึ้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไร่ แต่พวก ค่าน้ำมัน ค่ายาง ค่าMaintenance ที่สูงขึ้นจากรถ performance สูงกว่า มันคาดการไม่ได้ ตรงนี้ที่น่ากล้วกว่า
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ มกราคม 11, 2022, 09:16:20
Pulsar Turbo / Sylphy Turbo .. ออกมา ก็ขายไม่ได้นะครับ รวม 2 รุ่น ไม่รู้จะขายได้ถึง พันคันไหม ?

ส่วนตัว ผมขอแค่ แรงพอตัว สมขนาดรถ ก็พอละ (อย่าง City Turbo อันนี้พอใจเรื่องอัตราเร่งนะ / แต่ CRV G3 2.0 อืดอาดไป)

แต่ว่าก็ว่า นานๆมาขับ Pulsar ที ... รถขับโคตรมันส์เลย ยิ่งได้ยางดีๆนี่ อย่างมันส์ แต่ก่อนไม่ขับ เพราะดันใส่ยางห่วย ไม่เกาะ เลยกลายเป็นไม่อยากขับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: the kit ที่ มกราคม 11, 2022, 09:32:19
"แรง"  แค่ไหนถึงเรียกว่าแรง?

150, 180, 200+ ของม้า


อย่างตลาด US เอง ก็ไม่ได้ขายเครื่องใหญ่ ได้ดีกว่าเครื่องเล็กนะครับ
Camry / Accord / Mazda 6 ส่วนใหญ่จบที่เครื่อง block เล็กสุดที่มีให้
Camaro / Mustang v8 กับ i4/v6 ยอดขายก็ใกล้ๆ
นอกจาก พวก Heavy Duty truck หรือ Luxury car ทีคนจะไปเอาเครื่องใหญ่ๆให้จบๆไป
เพราะสุดท้ายแล้ว ความแรงมันไม่ใช้ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการครับ
จ่ายค่ารถแพงขึ้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไร่ แต่พวก ค่าน้ำมัน ค่ายาง ค่าMaintenance ที่สูงขึ้นจากรถ performance สูงกว่า มันคาดการไม่ได้ ตรงนี้ที่น่ากล้วกว่า


ผมชอบ "ความเห็น" ของท่านนี้

โดยมาก เครื่องที่มีหลายสูบ ยิ่งมากสูบ มากซีซี "มากหอย"
ค่าดูแลต้องสูงกว่าเครื่องเล็กแน่นอน!!

ถ้าเป็น "ชนชั้นกลาง" อย่างผม
แค่ชอบ แค่ถูกใจ และซื้อไหว ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ "ปัจจัยหลัก"
ค่าดูแลและอื่นๆ เป็นเรื่องที่ "ต้องคิด"

ไม่เกิน 2 ล้าน ไม่ว่าจะเป็น กระบะรุ่นใหม่ๆ ในหลายค่าย
เก๋งเล็ก 1.0T ขึ้นมา "ผมก็ว่าแรง" แล้วนะ

คือ แรงพอใช้งาน และที่พูดมาทุกรุ่น ตั้งแต่ "ห้าแสนถึงสองล้าน"
เดิมๆ ไม่มีรุ่นไหนที่วิ่งไม่ถึง 160 เลยนะ แถมยังขึ้นเร็วพอควร

ไม่เหมือนสมัย "สามสิบปี" ที่แล้ว
ถ้าหักค่า "เงินเฟ้อ"
น่าจะเหลืออยู่ประมาณ "หนึ่งล้าน"
จะมีสักกี่รุ่น ที่เดิมๆ จากโรงงานวิ่งได้ถึง 160

"วิ่งเร็ว เมียก็ด่า, จ่าก็จับ"
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: romeokk ที่ มกราคม 11, 2022, 09:59:35
ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย

รถกระบะ ภาษีมันคนละเกณฑ์กับรถเก๋งนะครับ

ภาษีจะเริ่มกระโดด เมื่อเครื่องขนาดเกิน 3250cc
และเรื่องการปล่อย CO2 สำหรับกระบะ 4 ประตู
<=200 เสียภาษีที่ 9-10%
>200 เสียภาษีที่ 12-13%

กระบะแบบอื่นๆ ก็ภาษีต่างกันมากสุดไม่เกิน 3%

เรื่องภาษีไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ จะมีก็เรื่องต้นทุนเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้นทุนเท่าไหร่ เผลอๆตัว Bi Turbo ณ ตอนนี้อาจจะทุนแพงกว่า V6 ก็ได้
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ มกราคม 11, 2022, 10:22:59
คนส่วนใหญ่ เค้าไม่ได้คิดแบบนี้ครับ Demand & Supply เค้าไม่เอาใจคนส่วนน้อยครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: ThisIsYuTh ที่ มกราคม 11, 2022, 10:40:58
รถแรงราคามันไม่ได้เพิ่มเพราะแค่เครื่องยนต์น่ะสิครับ ระบช่วงล่างต่างๆ มันก็ต้องอัพไปให้เพียงพอด้วยซึ่งก็กระทบราคา
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: zionzz ที่ มกราคม 11, 2022, 10:47:01
อยากหวังรถแรงคงต้องไปหวังกับรถไฟฟ้าแล้วล่ะครับ อีก10ปีมั้ง

นโยบายมันเทไปทางนั้นหมด ไม่มีที่ยืนให้เครื่องสันดาปแรงๆอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: belkw202 ที่ มกราคม 11, 2022, 10:53:04
เคยเห็น comment ทำนองเชียร์ d max 1.9 เพราะจ่ายภาษีรายปีถูกกว่าไม่กี่พันและราคาขายถูกกว่าไม่กี่หมื่นจากตัว 3.0 ไหมครับ ผมนี่อย่างงงว่าส่วนต่างแค่นั้นแลกกับเครื่อง 3.0 นี่โคตรจะคุ้ม
แต่นี่คือตลาดครับ เขาต้องทำรถเพื่อขายคนหมู่มาก และตลาดประเทศไทยทุกวันนี้ก็เห็นแล้วว่ารถแรง/เครื่องใหญ่เราคือชนกลุ่มน้อยครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: wesborland ที่ มกราคม 11, 2022, 10:56:03
สำหรับผม Hondaแก๊งค์ K24 170ม้า ทั้งAccord,CRVที่ผมใช้อยู่ ก็แรงจนหงานท้องแล้วครับ  ;D
ได้ลองเหยียบ fortuner 2.8 ก็รู้สึกว่าแรงจนตกใจเหมือนกัน


สรุปคือรสนิยมเราไม่เหมือนกัน ซึ่งก็สะท้อนในตลาด ว่าเอารถแรงเครื่องเทพมาลง แต่ราคากับภาษีไปไกล ยอดขายอาจจะสนุกแค่คนในกลุ่มเล่นรถ สุดท้ายก็ออกรุ่น mid power(เครื่องต่ำกว่า 2.0L , 150-200ม้า) ออกมารับตลาด แล้วก็เลิกขายตัวเทพไปใน1ปี
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: IS2000 ที่ มกราคม 11, 2022, 11:20:39
เพราะคนส่วนมากในไทยไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องความแรงครับ บวกจุดขายรถก็ไม่ได้เน้นแรงอยู่แล้วเน้นดูหรูหราคุ้มราคาที่ต้องจ่าย ตอนผมอยู่อเมริการถยนต์ราคาไม่แพงคนระดับที่ชอบรถสมรรถนะสูงแต่งบจำกัดแบบคนเพิ่งจบมหาลัยก็มีตัวเลือกรถแรงๆเยอะครับเพราะเค้าสามารถซื้อได้ ยอดขายจึงเยอะมีตัวเลือกเยอะด้วย ถ้าในไทยก็เป็นกลุ่มที่เพิ่งจะซื้อรถรุ่นเล็กๆได้หรือไปเล่นมือสองครับ

ปล. นอกเรื่องนิดหน่อยแต่ในอเมริกาถึงรถระดับ 3-400 แรงม้าจะเยอะแต่กดได้จริงๆ 200 ก็ต้องปล่อยแล้ว ระแวงตลอดว่าจะโดนตำรวจจับไหม ในไทยนี่ใช้แรงม้าทางตรงคุ้มกว่าเยอะครับถึงหลายคนจะบอกว่ามีแรงม้าเยอะๆเอาไปวิ่งที่ไหน
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: AgentMolder ที่ มกราคม 11, 2022, 11:53:37
ก็เป็ฯไปตาม Demand SUpply การค้าขาย ก็ต้องคำนวนต้นทุนกำไร เขาขายของไม่ใช่ขายเอามันส์

ตลาดรถบ้านเรามันเล็กนิดเดียว บางรุ่น ยางยี่ห้อขายได้หลักร้อยต่อเดือน เอาที่ขายดีๆเช่น FTN ก็หลักพันต่อเดือน คือมันเล็กมากครับ เล็กมากๆๆๆ ถ้ามองเศรษฐกิจระดับมหภาค การลงทุนขึ้นไลน์ผลิตแต่ละแบบ ยังไงก็ไม่คุ้มทุน ในไทย V6 V8 มันขายได้หลักสิบล่ะมั๊ง ใครจะขายล่ะครับ เมืองนอกก้ไม่ได้ขายได้เยอะนะครับ ถ้าคิดเป็น % ก็ยังถือว่าน้อย เพียงแต่คนเขาเยอะกว่าเรามาก ประชากรเมกา 400 ล้านคน กำลังซื้อเขาก็มากกว่าเรา รถบ้านเขาก็ถูก ซื้อง่าย ขายง่าย

ไม่ใช่อะไร ผมเองก็เบื่อเหมือนคุณเนี่ยแหล่ะ ไม่ต้องรถแรง เครื่องใหญ่หรอก รถทั่วๆไปเนี่ยแหล่ะ บ้านเราประกอบเอง CKD แท้ๆ ยังขายแพงกว่าที่ส่งออกเลย
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ มกราคม 11, 2022, 12:07:11
แย่าลืมว่ารัฐบาลตอนนี้กำลังเคาะภาษีสรรพสามิตรถยนต์กันใหม่ จัดระเบียบเรทกันใหม่ ฟอร์ดอาจจะรอตรงนี้อยู่ก็ได้เลยยังไม่เปิดตัวเปิดราคาอย่างเป็นทางการเสียที
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ มกราคม 11, 2022, 13:19:07
ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย

รถกระบะ ภาษีมันคนละเกณฑ์กับรถเก๋งนะครับ

ภาษีจะเริ่มกระโดด เมื่อเครื่องขนาดเกิน 3250cc
และเรื่องการปล่อย CO2 สำหรับกระบะ 4 ประตู
<=200 เสียภาษีที่ 9-10%
>200 เสียภาษีที่ 12-13%

กระบะแบบอื่นๆ ก็ภาษีต่างกันมากสุดไม่เกิน 3%

เรื่องภาษีไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ จะมีก็เรื่องต้นทุนเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้นทุนเท่าไหร่ เผลอๆตัว Bi Turbo ณ ตอนนี้อาจจะทุนแพงกว่า V6 ก็ได้

กระบะ 4 ประตู จดป้ายดำ ภาษีแบบเดียวกับเก๋งครับ

คิดว่า Ranger Raptor จะเป็น 2 ประตู หัวเดียว หรือ กระบะแค็ป เหรอครับ ก็ไม่ใช่

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเขาจะใส่ V6 ใน Ranger ธรรมดามาขายอยู่แล้วนะ ถ้า Ranger Raptor ไม่ได้ V6 ตัวอื่นก็เลิกคิดได้เลย
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ มกราคม 11, 2022, 14:19:39
ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย

รถกระบะ ภาษีมันคนละเกณฑ์กับรถเก๋งนะครับ

ภาษีจะเริ่มกระโดด เมื่อเครื่องขนาดเกิน 3250cc
และเรื่องการปล่อย CO2 สำหรับกระบะ 4 ประตู
<=200 เสียภาษีที่ 9-10%
>200 เสียภาษีที่ 12-13%

กระบะแบบอื่นๆ ก็ภาษีต่างกันมากสุดไม่เกิน 3%

เรื่องภาษีไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ จะมีก็เรื่องต้นทุนเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้นทุนเท่าไหร่ เผลอๆตัว Bi Turbo ณ ตอนนี้อาจจะทุนแพงกว่า V6 ก็ได้

กระบะ 4 ประตู จดป้ายดำ ภาษีแบบเดียวกับเก๋งครับ

คิดว่า Ranger Raptor จะเป็น 2 ประตู หัวเดียว หรือ กระบะแค็ป เหรอครับ ก็ไม่ใช่

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเขาจะใส่ V6 ใน Ranger ธรรมดามาขายอยู่แล้วนะ ถ้า Ranger Raptor ไม่ได้ V6 ตัวอื่นก็เลิกคิดได้เลย
ภาษีรถ ไม่ใช่ภาษีประจำปีครับ
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: Highway Star ที่ มกราคม 11, 2022, 16:40:50
เคยเห็น comment ทำนองเชียร์ d max 1.9 เพราะจ่ายภาษีรายปีถูกกว่าไม่กี่พันและราคาขายถูกกว่าไม่กี่หมื่นจากตัว 3.0 ไหมครับ ผมนี่อย่างงงว่าส่วนต่างแค่นั้นแลกกับเครื่อง 3.0 นี่โคตรจะคุ้ม
แต่นี่คือตลาดครับ เขาต้องทำรถเพื่อขายคนหมู่มาก และตลาดประเทศไทยทุกวันนี้ก็เห็นแล้วว่ารถแรง/เครื่องใหญ่เราคือชนกลุ่มน้อยครับ


+1 ใช่ครับ แรงม้าแรงบิด3.0ดีกว่าเยอะอัตราสิ้นเปลืองแทบไม่หนีกัน ดีกว่าเอา1.9ไปแต่งต่อประกันศูนย์ไม่ขาดเครื่องเดินนิ่มควันไม่ดำเหนียวกว่ากันเยอะ ภาษีรายปีอาจจะต่างบ้างแต่โดยรวมก็ยังคุ้มในรุ่นที่ต่างกันไม่กี่หมื่น
หัวข้อ: Re: ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย
เริ่มหัวข้อโดย: siamskunk ที่ มกราคม 12, 2022, 00:14:47
ผมว่ามันคือกลไกตลาดแค่นั้นเอง ขายเฉพาะสิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจลดความเสี่ยงในธุรกิจ

ถ้าเครื่องใหญ่ขายได้ทำกำไรได้ ทำไมไม่มีใครกล้าเปิด ?
สมมติถ้าโตโยต้าเปิดก่อนด้วยกระบะเครื่อง 4.0L แล้วพอขายได้ ค่ายอื่นมีหรือจะไม่ทำขายตาม ?

ผมก็หัวอกเดียวกับ จขกท แหละครับ อยากเห็นเครื่องแรงๆ มาอยู่ในรถที่ทำตลาดไทยบ้าง