Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Bornplanet ที่ มีนาคม 23, 2022, 11:26:05
-
ในงาน Motor Show 2022
ORA ลดราคา 150,000 บาท
MG EV ลดราคา 200,000 บาท
ให้ 2 แบรนด์นี้ นำร่องไปก่อน
ทุกท่านคิดอย่างไรครับ
-
ดีครับ ผู้บริโภคได้ประโบขน์ ถ้าคนมาซื้อรถ ev กันเยอะๆ รถน้ำมันก็ต้องลดราคาแข่งด้วย
แต่ถ้าผมจะซื้อรถ ev ผมจะรอช่วงปลายๆมาตรการ เพราะจะมีตัวเลือกเยอะขึ้นครับ ไม่ใช่ตอนนี้ที่ยังมีให้เลือกไม่กี่รุ่น
-
รอผู้เล่นหน้าใหม่ๆครับ
ตอนนี้เหมือนมัดมือชกให้เลือก ev ต่ำล้านอยู่แค่ไม่กี่เจ้า
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
-
ผมกำลังนึกภาพถึงจำนวนคนออกรถ EV มากขึ้นตามราคาที่ถูกลงจาก motorshow ครั้งนี้ซึ่งคิดว่าคงเยอะมากแน่ๆ แล้วจำนวนจถดชาร์จที่รองรับการชาร์จแบบนี้ยังเพิ่มขึ้นไม่ทันจำนวนรถ
ขอไม่พูดถึงในกทมเพราะคนที่คิดจะซื้อต้องมีบ้านที่ติดตั้งที่ชาร์จส่วนตัวอยู่แล้ว แต่จะไปส่งผลตอนไปเที่ยวตจวแล้วทุกคันต้องชาร์จพร้อมๆกัน
ผมว่าย้อนกลับไปสัก6เดือนถึงปัจจุบัน รถไฟฟ้าก็เยอะมากๆแล้ว บางปั๊มไปต่างจังหวัดนี่รอคิวชาร์จเป็นชั่วโมงเลย ทำแพลนเที่ยวเสียเวลาไปหมด
-
รถถูกลง ค่าใช้จ่ายต่อกม. ถูกลง มลพิษลดลง มองๆแล้ว ระยะยาว ยังไงก็มีได้มากกว่าเสียครับ
อย่างน้อย ตู้ชาร์จต้องมีกำลังการผลิตมากขึ้นแน่นอน
สู้ต่อไป ตอนนี้น้ำมันจะ 40 บาท/ลิตรละ ไม่ไหวๆ อีก 3 ปี ผ่อนหมดค่อยว่ากัน
รถหน่อยนะ EV เพื่อนรัก ::)
-
ตอบได้ง่าย ๆ เลย ดีครับ เห็นด้วยครับ
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
ใช่ๆๆๆๆๆ ..
ผมกำลังจะเม้นท์แบบนี้เลย ...
1-2ปีก่อนจำได้เลยในบอร์ดนี่แหละ มีแต่คนบอกว่ารัฐไม่สนับสนุน ไม่ขยับ ไม่พัฒนาไม่ทำแบบนอร์เวย์ บลาๆ ... ถ้าทำนะ รถไฟฟ้าเต็มเมืองแน่นอน บ่นที่ชาจน์น้อยบ้าง แพงบ้าง มากมาย ...
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
ก็ไม่เห็นคนที่เคยด่ารัฐฯ จะซื้อรถไฟฟ้าใช้สักคน ...ผมจำได้นะว่าใครบ้างอะ ... 5555
-
ดีครับ มีคนเปิดตลาด เดี๋ยวค่ายอื่นๆ ก็ตามมา (จะได้พยายามแข่งกัน มากกว่าพยายามกั๊ก)
รวมถึง Infrastructure ของเรื่องที่ชาร์จ จุดชาร์จ EV ก็จะยิ่งเร่งตามกันมา
-
ราคานํ้ามัน เป็นปัจจัย ให้รถไฟฟ้าขยับเร็วขึ้น
การเอาเงินไปลงกองทุนเพื่ออุดหนุน ภาคขนส่ง แล้วปล่อยเบนซินลอยตัวอย่างเดียวบางที เงินก้อนนั้น
กับก้อนที่ช่วยลดราคา รถยนต์ลง สองแสนอาจจะคุ้มค่าหรือเปล่า ถือว่ารถบ้านเบนซินก็ได้ประโยนช์
-
มองแบบกลางๆ ก็เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคครับ
-
แล้วแบรนด์ยุโรปจะขยับเมื่อไหร่
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
ใช่ๆๆๆๆๆ ..
ผมกำลังจะเม้นท์แบบนี้เลย ...
1-2ปีก่อนจำได้เลยในบอร์ดนี่แหละ มีแต่คนบอกว่ารัฐไม่สนับสนุน ไม่ขยับ ไม่พัฒนาไม่ทำแบบนอร์เวย์ บลาๆ ... ถ้าทำนะ รถไฟฟ้าเต็มเมืองแน่นอน บ่นที่ชาจน์น้อยบ้าง แพงบ้าง มากมาย ...
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
ก็ไม่เห็นคนที่เคยด่ารัฐฯ จะซื้อรถไฟฟ้าใช้สักคน ...ผมจำได้นะว่าใครบ้างอะ ... 5555
ปิดเทอมแล้วเดี๋ยวก็กลับมาใหม่ครับ
-
ดีเลยครับ เห็นด้วย อยากให้ใช้รถไฟฟ้ากันมากๆ อยากให้ทำควบคู่ไปกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
ใช่ๆๆๆๆๆ ..
ผมกำลังจะเม้นท์แบบนี้เลย ...
1-2ปีก่อนจำได้เลยในบอร์ดนี่แหละ มีแต่คนบอกว่ารัฐไม่สนับสนุน ไม่ขยับ ไม่พัฒนาไม่ทำแบบนอร์เวย์ บลาๆ ... ถ้าทำนะ รถไฟฟ้าเต็มเมืองแน่นอน บ่นที่ชาจน์น้อยบ้าง แพงบ้าง มากมาย ...
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
ก็ไม่เห็นคนที่เคยด่ารัฐฯ จะซื้อรถไฟฟ้าใช้สักคน ...ผมจำได้นะว่าใครบ้างอะ ... 5555
พวกนั้น เขารอรถไฟฟ้า วิ่งได้ 1,000 กม. ชาร์จ 0-100 ใน 10 นาที ราคาไม่เกิน 5 แสนบาทอยู่ครับ ;) ;) ;) ;)
-
บางท่านอาจจะยังไม่เคลียร์ว่า รัฐอุดหนุนเฉพาะผู้ผลิตรถไฟฟ้าที่มาลงทะเบียนรับการสนับสนุน ด้วยข้อแม้ว่า..จะต้องตั้งโรงงานผลิตในประเทศ และจำนวนการผลิตขายต้องเป็น 1.5 เท่าของยอดที่ขายได้ในสองปีนี้ ข้อดีคืออะไร..ก็เป็นการกระตุ้นตลาด เร่งให้ผู้ผลิตนำเข้ามาก่อนและ(สัญญาว่าจะ)เตรียมความพร้อมตั้งโรงงานไปด้วย ส่วนข้อเสียก็รัฐเสียโอกาสในการเก็บภาษี..ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าคนไม่สนใจจะซื้อ ถามว่าคิดอย่างไรก็ต้องบอกว่านี่แหละสิ่งที่รัฐควรทำและทำได้ถูกเวลา อาจจะดูว่าเข้าทางค่าย ev จีนแต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าค่าย (ice) ยุ่นเขาไม่กระดิกอะไรเลยมากี่ปีแล้ว?
-
คิดว่าเป็นไปในทางที่ดีครับ แต่อย่าทิ้ง PHEV ดีกว่า สำหรับการเดินทางไกลจริง หรือไกลขนาดนั้นไม่ควรขับรถแล้ว
-
เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ คนที่ซื้อใช้คงจะไม่ได้มีรถคันเดียวในบ้าน ผมคิดว่าคนซื้อส่วนใหญ่คงมีที่จอดรถในบ้าน พัฒนาการคงค่อยเป็นค่อยไป จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ และสถานะการเงินของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
สรุปก็คืออยู่ที่การรบริหารของรัฐเป็นหลัก ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีรถ BEV ก็จะเติบโตช้า เพราะบริษัทญี่ปุ่นคงดูความต้องการของทั้งภูมิภาคเป็นหลัก ถ้าเราจะแหวกความต้องการต่างจากประเทศอื่นๆในแถบนี่ เศรษฐกิจประเทศเราต้องโดดเด่นจริงๆ
หรือภ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็คงต้องอาศัยผู้ผลิตที่เป็นคนไทยด้วยกัน เช่น ปตท. อาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น
-
ผู้บริโภคได้ประโยชน์ ดีทั้งนั้นแหละครับ
-
ดีครับ แต่รอรถญี่ปุ่น
-
ความเห็นส่วนตัว ย้ำว่าส่วนตัวนะไม่เห็นด้วยที่จะไปสนับสนุนรถไฟฟ้า เห็นคนใช้เบนซินบ่นกันเรื่องปล่อยเสรีราคาน้ำมัน ดีเซลกับเบนซินทำไมต้องอุ้มไว้ ผมว่ารถไฟฟ้าก็เหมือนกันไม่ควรอุดหนุน เพราะคนจะไม่รู้ราคาที่แท้จริง รวมถึงค่าซ่อมในอนาคต คนจะซื้อรถไฟฟ้าเค้าก็ซื้อ แต่คนยังไม่ซื้อถ้าราคาถูกลงมาแค่นี้มันยังไม่มีเหตุผลจูงใจมากในการซื้อ แค่ทำให้เขวได้บ้าง แล้วปัจจัยเรื่องรถไฟฟ้าบ้านเราไม่พร้อมแน่นอน ขืนแห่มาใช้กันเยอะ ๆ ปัญหาก็ต้องมากตามกันไป ส่วนตัวผมเองผมไม่คิดจะซื้อใช้แน่นอน
ส่วนความเห็นตามจริง ยังไงรถไฟฟ้าก็ต้องอุดหนุนครับ หลายประเทศในโลกนี้ต้องอุดหนุนรถไฟฟ้าไม่งั้นรถไฟฟ้าไม่เกิด ยอดขายยังไงก็สู้รถสันดาปลำบากถ้าไม่มีมาตรการภาครัฐช่วยอุดหนุนเลย คงไม่ได้
-
รุ่นที่จะซื้อไม่ลด
รุ่นที่ลดไม่คิดจะซื้อ
สุดท้าย ราคามันถูกลง ยังไง ในมุมผู้บริโภค ก็ได้ประโยชน์หมดแหละครับ
ส่วนในมุมของผู้ขาย ก็ได้กำไรน้อยลง แต่ขายรถได้มากขึ้น บวกๆ ลบๆ เอาไปเอามา เขาก็ไม่ได้ขาดทุดอยู่ดี ดีไม่ดีกำไรมากขึ้นด้วย
-
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
Versionย่อ : ที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมืองนี่ ใช้จริงยากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ครับ
Versionเต็ม : ที่ชาร์จมีจริง แต่ได้มีประสบการณ์ลองพยายามเอารถไปชาร์จที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมือง อยากบอกว่าใช้ยากมากๆ ในระดับแทบใช้จริงไม่ได้ครับ จะไปชาร์จที ต้องโหลดAppมาก่อน(เพื่อ?? ยืนอยู่หน้าหัวชาร์จเนี่ย) แล้วขอข้อมูลส่วนตัวยังกับจะมาสืบราชการลับ ต้องให้เบอร์บัตรปชช. ต้องให้เบอร์มือถือ(ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใครโทรมาขายประกันไหม) ต้องให้ที่อยู่ แถมต้องยินยอมให้เอาข้อมูลไปขายต่อ ต้องยินยอมว่าต้องรับโฆษณา ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ แบบมากมายมหาศาลมาก แค่จะชาร์จไฟ ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้ ลอง2ยี่ห้อ เป็นเหมือนกัน2ยี่ห้อเลย
ไม่รู้มันจะอะไรหนักหนา ยืนอยู่หน้าร้านแล้ว เอาไฟมา เอาเงินไป มันก็ควรจะจบ แยกย้าย นี่อะไรไม่รู้ต้องเล่าเรื่องชีวิตโดยละเอียดก่อน ชาร์จเสร็จยังจะโทรตาม ส่งSMS ส่งE-Mailตามรบกวนอีก
จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า1ใน2ยี่ห้อนั้น มันทำธุรกิจอื่นด้วย แล้วธุรกิจที่ว่านั้นมันเป็นธุรกิจหลัก และมีโอกาสสูงมากที่จะโดนDisruptถ้าทุกคนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด เลยมีทฤษฎีสมคบคิดในหัวอยู่เบาๆ ว่าหรือว่ามันจงใจทำให้ยาก คนจะได้ถอดใจกับการสลับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าหว่า ;D
-
ดีครับ ผู้บริโภคได้ประโบขน์ ถ้าคนมาซื้อรถ ev กันเยอะๆ รถน้ำมันก็ต้องลดราคาแข่งด้วย
แต่ถ้าผมจะซื้อรถ ev ผมจะรอช่วงปลายๆมาตรการ เพราะจะมีตัวเลือกเยอะขึ้นครับ ไม่ใช่ตอนนี้ที่ยังมีให้เลือกไม่กี่รุ่น
MG EP Facelift รอลุ้นว่าจะมาไทยหรือไม่ ตอนนี้ MP EP 7.5 แสนบาทครับ ราคาเริ่มต้น
-
รอผู้เล่นหน้าใหม่ๆครับ
ตอนนี้เหมือนมัดมือชกให้เลือก ev ต่ำล้านอยู่แค่ไม่กี่เจ้า
อีกไม่นาน Proton (Geely) น่าจะมาไทยแน่ๆ
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
แต่ทำไม รถยนต์ไฟฟ้า MG ลดราคาไปถึง 2 แสนบาท!!!!!
-
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
Versionย่อ : ที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมืองนี่ ใช้จริงยากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ครับ
Versionเต็ม : ที่ชาร์จมีจริง แต่ได้มีประสบการณ์ลองพยายามเอารถไปชาร์จที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมือง อยากบอกว่าใช้ยากมากๆ ในระดับแทบใช้จริงไม่ได้ครับ จะไปชาร์จที ต้องโหลดAppมาก่อน(เพื่อ?? ยืนอยู่หน้าหัวชาร์จเนี่ย) แล้วขอข้อมูลส่วนตัวยังกับจะมาสืบราชการลับ ต้องให้เบอร์บัตรปชช. ต้องให้เบอร์มือถือ(ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใครโทรมาขายประกันไหม) ต้องให้ที่อยู่ แถมต้องยินยอมให้เอาข้อมูลไปขายต่อ ต้องยินยอมว่าต้องรับโฆษณา ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ แบบมากมายมหาศาลมาก แค่จะชาร์จไฟ ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้ ลอง2ยี่ห้อ เป็นเหมือนกัน2ยี่ห้อเลย
ไม่รู้มันจะอะไรหนักหนา ยืนอยู่หน้าร้านแล้ว เอาไฟมา เอาเงินไป มันก็ควรจะจบ แยกย้าย นี่อะไรไม่รู้ต้องเล่าเรื่องชีวิตโดยละเอียดก่อน ชาร์จเสร็จยังจะโทรตาม ส่งSMS ส่งE-Mailตามรบกวนอีก
จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า1ใน2ยี่ห้อนั้น มันทำธุรกิจอื่นด้วย แล้วธุรกิจที่ว่านั้นมันเป็นธุรกิจหลัก และมีโอกาสสูงมากที่จะโดนDisruptถ้าทุกคนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด เลยมีทฤษฎีสมคบคิดในหัวอยู่เบาๆ ว่าหรือว่ามันจงใจทำให้ยาก คนจะได้ถอดใจกับการสลับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าหว่า ;D
โหห ... แทบใช้จริงไม่ได้เลยหรอ .....
ผมดูรีวิว App ของผู้ให้บริการชาจน์ไฟใน youtube ที่เค้ารีวิวกันก็ดูไม่ยากนะ ...
เค้าก็ลงทะเบียน ใส่ข้อมุลลงไป ถามว่าทำไมใส่เยอะ ก็ถ้าไม่ใส่เยอะเค้าจะรู้ได้ไงว่าต้องเก็บเงินกับใคร ... และการชำระเงินคือ ชาจน์ก่อน จ่ายทีหลัง ไม่ใช่หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า ที่จะหยอดก่อนแล้วค่อยใช้งาน..
ส่วนถ้าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เสียบปลั๊ค แล้วสแกน QR จบและ ...
นี่ขนาดผมแอนตี้รถไฟฟ้า ผมยังคิดว่ามันง่ายมากๆเลยนะ ...
-
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
Versionย่อ : ที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมืองนี่ ใช้จริงยากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ครับ
Versionเต็ม : ที่ชาร์จมีจริง แต่ได้มีประสบการณ์ลองพยายามเอารถไปชาร์จที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมือง อยากบอกว่าใช้ยากมากๆ ในระดับแทบใช้จริงไม่ได้ครับ จะไปชาร์จที ต้องโหลดAppมาก่อน(เพื่อ?? ยืนอยู่หน้าหัวชาร์จเนี่ย) แล้วขอข้อมูลส่วนตัวยังกับจะมาสืบราชการลับ ต้องให้เบอร์บัตรปชช. ต้องให้เบอร์มือถือ(ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใครโทรมาขายประกันไหม) ต้องให้ที่อยู่ แถมต้องยินยอมให้เอาข้อมูลไปขายต่อ ต้องยินยอมว่าต้องรับโฆษณา ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ แบบมากมายมหาศาลมาก แค่จะชาร์จไฟ ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้ ลอง2ยี่ห้อ เป็นเหมือนกัน2ยี่ห้อเลย
ไม่รู้มันจะอะไรหนักหนา ยืนอยู่หน้าร้านแล้ว เอาไฟมา เอาเงินไป มันก็ควรจะจบ แยกย้าย นี่อะไรไม่รู้ต้องเล่าเรื่องชีวิตโดยละเอียดก่อน ชาร์จเสร็จยังจะโทรตาม ส่งSMS ส่งE-Mailตามรบกวนอีก
จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า1ใน2ยี่ห้อนั้น มันทำธุรกิจอื่นด้วย แล้วธุรกิจที่ว่านั้นมันเป็นธุรกิจหลัก และมีโอกาสสูงมากที่จะโดนDisruptถ้าทุกคนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด เลยมีทฤษฎีสมคบคิดในหัวอยู่เบาๆ ว่าหรือว่ามันจงใจทำให้ยาก คนจะได้ถอดใจกับการสลับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าหว่า ;D
คนอย่างผมนี่ลำบากเลย ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไร เรื่องเนต มือถือก็แทบไม่ได้เล่น วุ่นวายแบบนี้จะใช้กันยังไง ขับมังกรทองต่อ
-
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
Versionย่อ : ที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมืองนี่ ใช้จริงยากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ครับ
Versionเต็ม : ที่ชาร์จมีจริง แต่ได้มีประสบการณ์ลองพยายามเอารถไปชาร์จที่ชาร์จที่มีทั่วบ้านทั่วเมือง อยากบอกว่าใช้ยากมากๆ ในระดับแทบใช้จริงไม่ได้ครับ จะไปชาร์จที ต้องโหลดAppมาก่อน(เพื่อ?? ยืนอยู่หน้าหัวชาร์จเนี่ย) แล้วขอข้อมูลส่วนตัวยังกับจะมาสืบราชการลับ ต้องให้เบอร์บัตรปชช. ต้องให้เบอร์มือถือ(ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใครโทรมาขายประกันไหม) ต้องให้ที่อยู่ แถมต้องยินยอมให้เอาข้อมูลไปขายต่อ ต้องยินยอมว่าต้องรับโฆษณา ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ แบบมากมายมหาศาลมาก แค่จะชาร์จไฟ ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้ ลอง2ยี่ห้อ เป็นเหมือนกัน2ยี่ห้อเลย
ไม่รู้มันจะอะไรหนักหนา ยืนอยู่หน้าร้านแล้ว เอาไฟมา เอาเงินไป มันก็ควรจะจบ แยกย้าย นี่อะไรไม่รู้ต้องเล่าเรื่องชีวิตโดยละเอียดก่อน ชาร์จเสร็จยังจะโทรตาม ส่งSMS ส่งE-Mailตามรบกวนอีก
จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า1ใน2ยี่ห้อนั้น มันทำธุรกิจอื่นด้วย แล้วธุรกิจที่ว่านั้นมันเป็นธุรกิจหลัก และมีโอกาสสูงมากที่จะโดนDisruptถ้าทุกคนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด เลยมีทฤษฎีสมคบคิดในหัวอยู่เบาๆ ว่าหรือว่ามันจงใจทำให้ยาก คนจะได้ถอดใจกับการสลับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าหว่า ;D
ผมว่าการที่มี App มันสะดวกมาก ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตจบเลย
ปล. ผมใช้ EA Anywhere เป็นหลัก
-
App น่ะ ไม่่อยจะปัญหาหรอก ถ้ามันฉลาดไม่ปัญญาอ่อน เขียนมาให้กรอกข้อมูลซ้ำซ้อน ที่ถูกคือ Scan QR app ถามแค่ตัดธาคารไหน ดึงจาก App ธนาคาร หรือ Google pay หรือ Apple pay ที่ผูกไว้ มาใช้ แบบ App สั่งอาหาร เรื่องง่ายๆ แต่ทำไม่เป็น
ทีนี้มาว่ากันที่ชาร์จต่อ ตามที่สาธารณะ ควรตัดระบบ ชาร์จช้าทิ้งไปได้เลย ให้ชาร์จเร็วเท่านั้น สิ่งที่พบ ปั๊มแห่งหนึ่งแถวบ้าน มี MG คันนึงเสียบตั้งแต่ ก่อน 8โมงเช้า ยัน 6โมงเย็น เป็นเหมือนที่จอดส่วนตัว และ ควรจ่ายไฟให้ได้ตามมารตฐานชาจไว
ไม่ใช่ รถรับ 250kw แต่หัวจ่ายได้ให้ตายแค่ 50kw แบบนี้ก็รอไปเหอะ
-
เหมือนเอื้อประโยชน์ให้นายทุน แต่ก็นะ ถ้าคนหันมาใช้ๆกัน น้ำมันคงอาจถูกลงมั้ง
-
ส่วนตัวผมว่ามีน่ะดีแล้วครับ ยังไงอนาคตก็มาทางนี้ เมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพ จะได้ลดมลพิษได้บ้างในระยะยาว
-
เหมือนเอื้อประโยชน์ให้นายทุน แต่ก็นะ ถ้าคนหันมาใช้ๆกัน น้ำมันคงอาจถูกลงมั้ง
ถ้าจะให้น้ำมันราคาถูกลง คนใช้รถไฟฟ้าคงต้องไม่ต่ำกว่า 20% เลยนะ
-
ในแง่คนใช้รถ กอยากให้รัฐช่วยมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ก่อนน้านี้ก็พูดแต่ว่ารัฐไม่สนับสนุนๆ
นี่เท่ากับเหมือนรัฐออกให้ถึง 150,000.- แล้วนะครับ
ส่วนเรื่องอื่น ณ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาตัวเองบ้างนะครับ ทั้งเรื่องการศึกษาหาวิธีการชาร์จ
คำนวณค่าใช้จ่าย และวางแผนการเดินทาง เพราะเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น การเลือกก็ต้อง
ออกแรงศึกษาเปรียบเทียบมากขึ้นครับ
ส่วนในอง่อุตสาหกรามสิ่งแวดล้อม แะเรื่องอื่นๆ ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ที่ดี และต้องเข้าใจว่าทุกการตัดสินใจ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์
เราคงต้องยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักครับ
ใช่ๆๆๆๆๆ ..
ผมกำลังจะเม้นท์แบบนี้เลย ...
1-2ปีก่อนจำได้เลยในบอร์ดนี่แหละ มีแต่คนบอกว่ารัฐไม่สนับสนุน ไม่ขยับ ไม่พัฒนาไม่ทำแบบนอร์เวย์ บลาๆ ... ถ้าทำนะ รถไฟฟ้าเต็มเมืองแน่นอน บ่นที่ชาจน์น้อยบ้าง แพงบ้าง มากมาย ...
ตอนนี้เค้าสนับสนุนแล้ว ออกมาตราการมาครบทุกอย่างแล้ว ที่ชาจน์มีทั่วเมืองแล้วมีทั้งในปั๊ม ทั้งในห้าง ...
ก็ไม่เห็นคนที่เคยด่ารัฐฯ จะซื้อรถไฟฟ้าใช้สักคน ...ผมจำได้นะว่าใครบ้างอะ ... 5555
พวกนั้น เขารอรถไฟฟ้า วิ่งได้ 1,000 กม. ชาร์จ 0-100 ใน 10 นาที ราคาไม่เกิน 5 แสนบาทอยู่ครับ ;) ;) ;) ;)
เสริมให้ด้วยคับ ต้องรถญึ่ปุ่นผลิตในไทย CKD ด้วยนะ รถชาติอื่น รถนำเข้าไม่เอา ถึงยุค 2040s จะมีให้พวกนี้ได้ซื้อกันสมใจรึเปล่า น่าคิดคับ
-
เดิมทีไม่ค่อยเห็นด้วย เหมือนเอาเงินมาช่วยคนฐานะปานกลางขึ้นไป ไปซื้อรถไฟฟ้าต่างชาติ
แต่พิจารณาเหตุผล ของการมีโครงการนี้อีกครั้ง
ก็ยอมรับว่า มันจำเป็นต้องทำแบบนี้
เพราะอีกไม่กี่ปี ฐานการผลิตรถยนต์ ICE ซึ่งเป็นตัวค้ำจุนฐานะทางเศรษฐกิจไทย มันจะหมดไป
ยังไงอนาคต รถไฟฟ้า มันก็ต้องสานต่อ เพื่อให้ห่วงโซ่มันขับเคลื่อนต่อไปได้
ถ้าพลาดครั้งนี้ อนาคตลำบากแน่
ตอนนี้เห็นด้วยกับโครงการนี้
-
โหห ... แทบใช้จริงไม่ได้เลยหรอ .....
ผมดูรีวิว App ของผู้ให้บริการชาจน์ไฟใน youtube ที่เค้ารีวิวกันก็ดูไม่ยากนะ ...
เค้าก็ลงทะเบียน ใส่ข้อมุลลงไป ถามว่าทำไมใส่เยอะ ก็ถ้าไม่ใส่เยอะเค้าจะรู้ได้ไงว่าต้องเก็บเงินกับใคร ... และการชำระเงินคือ ชาจน์ก่อน จ่ายทีหลัง ไม่ใช่หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า ที่จะหยอดก่อนแล้วค่อยใช้งาน..
ส่วนถ้าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เสียบปลั๊ค แล้วสแกน QR จบและ ...
นี่ขนาดผมแอนตี้รถไฟฟ้า ผมยังคิดว่ามันง่ายมากๆเลยนะ ...
ผมว่าการที่มี App มันสะดวกมาก ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตจบเลย
ปล. ผมใช้ EA Anywhere เป็นหลัก
ผมหวงข้อมูลส่วนตัว และรำคาญการที่บริษัทSpamโฆษณามาทางE-mailและSMSครับ
เอาเรื่องข้อมูลส่วนตัวก่อน ผมไม่เห็นว่าการจะชาร์จไฟรถ มันจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวพวกนี้อะไรในการให้บริการครับ ผมเติมน้ำมันรถ ยังไม่บังคับแสดงบัตรประชาชน กรอกE-mail เบอร์โทร ก่อนให้เติมเลยครับ เอาของมา เอาเงินไป กลัวไม่จ่ายก็ให้วางประกันไว้ก่อนได้ครับ
เรื่องความเสี่ยงที่บริษัทจะSpamโฆษณามา อันนี้คือผมโทรไปคุยกับทางAppยี่ห้อหนึ่งเพิ่มเติม ตามเบอร์ที่ให้ไว้ในApp(ขอไม่ระบุยี่ห้อแล้วกันนะครับ) เค้าแจ้งว่าเป็นPackageการให้บริการเลยครับ ถ้าใช้บริการชาร์จของเค้า จะถือว่าสมัครรับข่าวสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ไม่มีข้อยกเว้น และไม่สามารถยกเลิกได้ เลยตัดปัญหาไม่ใช้ครับ ใช้น้ำมันกับไฟบ้านตามปกติ(รถPHEV) แล้วก็หวังว่าอนาคตวันที่เป็นรถEVล้วน หนีไปใช้น้ำมันไม่ได้ มันจะสะดวกมากขึ้นครับ
คนอย่างผมนี่ลำบากเลย ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไร เรื่องเนต มือถือก็แทบไม่ได้เล่น วุ่นวายแบบนี้จะใช้กันยังไง ขับมังกรทองต่อ
ก็มีคนชอบตามเทคโนโลยีแหละครับ แต่เอาจริงๆ ถ้ารถไฟฟ้า วิ่งไม่ไกลมาก ชาร์จไฟบ้านอย่างเดียวแล้วไม่ต้องยุ่งกับใคร มันพอนะครับ รถผมPHEV วิ่งไฟฟ้าล้วนตามที่ผู้ผลิตเคลมได้30กม. (แต่เวลาในรถขึ้นประมาณ50กม.) วิ่งไฟฟ้าล้วนไป-กลับ วันละ30กว่ากม.ได้ไม่ยากครับ ถ้าเป็นรถEVล้วนที่วิ่งกันได้100กม.+ ใช้ในชีวิตประจำวันสบายครับ แต่เวลาไปตจว.ก็เหนื่อยหน่อย
-
เหมือนเอื้อประโยชน์ให้นายทุน แต่ก็นะ ถ้าคนหันมาใช้ๆกัน น้ำมันคงอาจถูกลงมั้ง
ถ้าจะให้น้ำมันราคาถูกลง คนใช้รถไฟฟ้าคงต้องไม่ต่ำกว่า 20% เลยนะ
ไทยเราเป็นประเทศเล็ก ๆ ในการซื้อน้ำมันจากโอเปก การใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นแล้วลดการใช้น้ำมัน ไม่มีผลกับราคาน้ำมันแน่นอน 100%
-
สิ่งหนึ่งที่อยากให้พัฒนาตามคือ คุณภาพวินัย และสามัญสำนึกของคนไทย
เราจะเจอ Topic เรื่องชาร์ตเสร็จแล้ว ไม่ขยับรถ หรือรถน้ำมันไปจอดช่องไฟฟ้า บลาๆๆๆ
อยากให้ทุกคนปรับตรงนี้กันด้วย
ปล. จำนวนรถเยอะมากขึ้น ที่ชาร์ตก็มากขึ้น แต่จะเพียงพอหรือเปล่า โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ดูว่าเหมือนตอน CNG มั้ย ที่จอดรอเติมแก๊ส ยาวๆเป็นกิโลๆ
-
รัฐค่อยๆสนับสนุนทีละเล็กทีละน้อย ลดแรงต้านครับ เพราะเจ้าตลาดยังดึงเวลาอยู่ดี แต่ละรุ่นที่ปล่อยออกมาก็กั๊ก option เหมือนเดิม ส่วนบางbrand เริ่มปรับตัว ปล่อยของ อัด option ให้เยอะกว่าเดิมมาก ซึ่งก็เป็นผลดีต่อผู้บริโภคครับ
-
กลัวจะเป็นแบบสมัยโครงการรถคันแรก
พอรัฐมีเงินมาสนับสนุน เซลล์ตัดของแถมและส่วนลดเหี้ยนเลยดอกเบี้ยก็เต็มอัตรา สรุปซื้อแพงเหมือนเดิม คนที่ซื้อหลังจากนั้น 1 ปี ใช้เงินน้อยกว่าซะอีก
รอบนี้ก็น่าจะเหมือนกัน สำหรับ MG กับ GMW ยังไงก็ต้องลดราคาตัวรถลงเพราะเปิดราคามาก่อนที่นโยบายนี้จะออกมา แต่เชื่อว่าโปรโมชั่นของแถม ส่วนลด หายแน่นอน
ส่วนยี่ห้ออื่นที่ยังไม่ได้เปิดตัวเปิดราคา หลังจากนี้ก็มีโอกาสตั้งราคาบวกกำไรได้เยอะหน่อย
สรุปเราก็ต้องซื้อรถแพงเหมือนเดิม